Advance search

บ้านจลงเป็นชุมชนเขมรถิ่นไทยที่มีประวัติยาวนานกว่า 300 ปี ชาวบ้านยังคงใช้ชีวิตแบบเกษตรกรรม และรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิมไว้อย่างเหนียวแน่น มีภูมิปัญญาถนอมอาหารและใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ชุมชนตั้งอยู่บนพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ด้วยแหล่งน้ำและที่ดินเหมาะแก่การเพาะปลูก ทำให้ชาวบ้านสามารถดำรงชีวิตพึ่งพาตนเองได้อย่างมั่นคง

หมู่ที่ 11
จลง
ยาง
ศีขรภูมิ
สุรินทร์
อบต.ยาง โทร. 0 4456 1069
บัวชมพู ปะทะม่วง
14 พ.ค. 2025
สมฤทัย สมัยกุล
30 มิ.ย. 2025
วิทยาลัยโพธิวิชชาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
1 มิ.ย. 2025
จลง

ในอดีตพื้นที่บริเวณนี้เป็นป่ารกร้างที่ชาวบ้านเรียกว่า "ป่าทีบ" ต่อมาได้มีกลุ่มคนกลุ่มแรกเข้ามาบุกเบิกพื้นที่ทำกิน โดยใช้วิธีการที่เรียกว่า "ชลองตุ๊ก" ซึ่งหมายถึงการปักไม้เป็นสัญลักษณ์แสดงการครอบครองที่ดิน วิธีการนี้สะท้อนถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นในการจัดการทรัพยากรและการตั้งถิ่นฐานในสมัยก่อน และเป็นที่มาของชื่อหมู่บ้านว่า "จลง" ซึ่งเพี้ยนมาจากคำว่า "ชลอง" ในภาษาพื้นถิ่น


ชุมชนชนบท

บ้านจลงเป็นชุมชนเขมรถิ่นไทยที่มีประวัติยาวนานกว่า 300 ปี ชาวบ้านยังคงใช้ชีวิตแบบเกษตรกรรม และรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิมไว้อย่างเหนียวแน่น มีภูมิปัญญาถนอมอาหารและใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ชุมชนตั้งอยู่บนพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ด้วยแหล่งน้ำและที่ดินเหมาะแก่การเพาะปลูก ทำให้ชาวบ้านสามารถดำรงชีวิตพึ่งพาตนเองได้อย่างมั่นคง

จลง
หมู่ที่ 11
ยาง
ศีขรภูมิ
สุรินทร์
63170
14.9418681414352
103.814816772937
องค์การบริหารส่วนตำบลยาง

บ้านจลง ตั้งอยู่ในตำบลยาง อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ เป็นชุมชนชาติพันธุ์เขมรถิ่นไทยที่มีประวัติความเป็นมาทางวัฒนธรรมและการตั้งถิ่นฐานมาอย่างยาวนาน ชื่อของหมู่บ้านมีรากศัพท์มาจากภาษาถิ่นเขมร โดยคำว่า "จลง" นั้นสืบเนื่องจากวิธีการบุกเบิกพื้นที่ที่ชาวบ้านเรียกว่า "ชลองตุ๊ก" ซึ่งหมายถึงการปักไม้หรือเครื่องหมายไว้เป็นการแสดงการจับจองที่ดิน พื้นที่ในอดีตซึ่งเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านเคยเป็นป่ารก เรียกว่า "ป่าทีบ" ไม่มีผู้คนอยู่อาศัยมาก่อน

การตั้งถิ่นฐานในยุคแรกเริ่มโดยกลุ่มผู้บุกเบิกที่เป็นบรรพบุรุษของชาวบ้านในปัจจุบัน ได้แก่ พ่อแม่ตายิบ ตาไท ตาเบียน และตาแปะ ซึ่งเป็นผู้นำครอบครัวเข้ามาบุกเบิกพื้นที่จากทิศต่าง ๆ ของหมู่บ้าน ด้วยการถางป่า ทำไร่ทำนา และสร้างบ้านเรือนแบบเรียบง่าย โดยอาศัยอยู่รวมกันเป็นกลุ่มเครือญาติ ซึ่งเป็นรูปแบบการตั้งถิ่นฐานที่พบได้ทั่วไปในชุมชนพื้นถิ่นอีสานตอนใต้

ต่อมาชุมชนได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นตามจำนวนประชากร ลูกหลานของผู้บุกเบิกยังคงใช้ชีวิตในรูปแบบเกษตรกรรมดั้งเดิม มีการปรับเปลี่ยนตามบริบทยุคสมัย แต่ยังคงรักษาภาษา วัฒนธรรม ประเพณี และความเชื่อดั้งเดิมไว้ เช่น พิธีแซนโกนตา เซ่นไหว้บรรพบุรุษ พิธีรำแม่มด เป็นการขอขมาและรักษาอาการเจ็บป่วยแบบพื้นบ้าน และประเพณีเกี่ยวกับการทำนา

บ้านจลงในปัจจุบันมีความเข้มแข็งในด้านชุมชนวัฒนธรรม มีผู้นำชุมชนที่ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น เช่น การพูดภาษาเขมรในชีวิตประจำวัน การทอผ้าไหม และการใช้สมุนไพรพื้นบ้านในการดูแลสุขภาพ ซึ่งล้วนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น

บ้านจลง ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลยาง อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ โดยมีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้

  • ทิศเหนือ ติดกับ บ้านอาเสก หมู่ที่ 3 ตำบลยาง อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์
  • ทิศใต้ ติดกับ พื้นที่กรมชลประทาน ตำบลเฉนียง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์
  • ทิศตะวันตก ติดกับ วิทยาลัยการอาชีพศีขรภูมิ ตำบลระแงง อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์
  • ทิศตะวันออก ติดกับ บ้านอาเกียง หมู่ที่ 17 ตำบลยาง อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์

มีลักษณะเป็นเนินสูงล้อมรอบด้วยที่ราบลุ่ม เหมาะแก่การทำการเกษตร มีหนองน้ำธรรมชาติหลายแห่งรอบหมู่บ้าน ที่เป็นแหล่งอาหารและน้ำใช้สอยสำคัญ อีกทั้งยังอยู่ใกล้ทางรถไฟและมีแหล่งโบราณสถานอย่างปราสาทบ้านระแงงอยู่บริเวณทิศตะวันตกของหมู่บ้าน

การเดินทางไปยังหมู่บ้านจลง ถนนเข้าสู่หมู่บ้านส่วนใหญ่เป็นถนนลาดยางหรือถนนลูกรังที่มีสภาพใช้งานได้ดี การเดินทางมายังบ้านจลง สามารถมาโดยใช้รถยนต์ส่วนตัวหรือรถโดยสารท้องถิ่น โดยเส้นทางหลักคือจากตัวเมืองสุรินทร์ ไปที่อำเภอศีขรภูมิ จากนั้นเข้าสู่เส้นทางรองที่มุ่งสู่ตำบลยาง ระยะทางจากอำเภอศีขรภูมิถึงหมู่บ้านจลงประมาณ 15-20 กิโลเมตร

ข้อมูลประชากรจากกรมการปกครอง พ.ศ. 2568 พบว่า หมู่ที่ 11 บ้านจลง ตำบลยาง อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ มีประชากรชาวไทยทั้งหมดจำนวน 814 คน แบ่งเป็นชาย 390 คน และหญิง 424 คน และประชากรที่ไม่ใช่ชาวไทยทั้งหมด 3 คน เป็นเพศชายทั้งหมด โดยประชากรเป็นชาวไทย และชาวเขมรถิ่นไทย รวมทั้งหมด 817 คน

บ้านจลงมีโครงสร้างสังคมที่เน้นครอบครัวเดี่ยว ประกอบด้วยพ่อ แม่ และลูก โดยยังคงนับเครือญาติทั้งฝ่ายพ่อและแม่ตามประเพณีเดิม แม้จะมีการแต่งงานกับคนนอกและคนต่างชาติเพิ่มขึ้น แต่ชาวบ้านยังรักษาขนบธรรมเนียม ประเพณี และความเชื่อดั้งเดิมไว้ อาชีพหลักของชุมชนคือเกษตรกรรม เช่น การทำนา ทำไร่ ทำสวน และเลี้ยงสัตว์ ขณะที่อาชีพรองอย่างรับจ้างทั่วไป รับราชการ และค้าขายก็เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในปัจจุบัน นอกจากนี้ ชุมชนยังมีกลุ่มอาชีพทอผ้าพื้นเมืองและหัตถกรรมจักสานที่สะท้อนวิถีชีวิตและวัฒนธรรมดั้งเดิมได้อย่างชัดเจน ชาวบ้านทุกวัยมีหน้าที่ร่วมกันดูแลบ้านเรือนและช่วยงานต่าง ๆ ตามบทบาทของตน ทำให้บ้านจลงเป็นชุมชนที่ผสมผสานระหว่างวิถีชีวิตเกษตรกรรมและการรักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างมั่นคง

วิถีชีวิตทางวัฒนธรรม

บ้านจลง ตำบลยาง อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ มีปฏิทินชุมชนที่สะท้อนวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวเขมรถิ่นไทยที่ยึดโยงกับธรรมชาติและประเพณีดั้งเดิมตลอดทั้งปี ผ่านกิจกรรมเกษตรกรรม พิธีกรรม และงานบุญสำคัญที่สืบทอดกันมาอย่างต่อเนื่อง

เดือนมกราคม-เดือนมีนาคม

ในช่วงต้นปีนี้ ชาวบ้านจลงจะเริ่มเตรียมที่ดินเพื่อปลูกข้าว โดยจะทำการไถนาและปรับสภาพแปลงนาให้พร้อมสำหรับการเพาะปลูก นอกจากกิจกรรมทางการเกษตรแล้ว ชุมชนยังมีพิธีกรรมและงานบุญเล็ก ๆ ที่จัดขึ้นเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ครอบครัวและหมู่บ้าน เช่น การไหว้เจ้าที่เจ้าทาง เพื่อขอพรให้การทำงานในปีนี้ราบรื่นและผลผลิตดี ช่วงนี้ชาวบ้านยังคงใช้เวลาทอผ้าและจักสานเป็นอาชีพเสริมไปด้วย

เดือนเมษายน-เดือนมิถุนายน

เข้าสู่ฤดูปลูกข้าวอย่างเต็มตัว ชาวบ้านจะเริ่มปลูกข้าวและทำไร่สวนต่าง ๆ ช่วงนี้จะมีพิธีกรรมขอพรจากผีบรรพบุรุษ เพื่อให้การเพาะปลูกประสบความสำเร็จ ไม่มีอุปสรรค เป็นช่วงเวลาที่ครอบครัวต่างๆ จะร่วมมือกันอย่างเหนียวแน่นในการดูแลนา นอกจากนี้ ช่วงนี้ยังเป็นเวลาที่ผู้หญิงในชุมชนทำงานทอผ้าพื้นเมือง เพื่อเก็บรักษาภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม และช่วยสร้างรายได้เสริม

เดือนกรกฎาคม-เดือนกันยายน

ระหว่างช่วงนี้ ชาวบ้านจะดูแลรักษาแปลงนาอย่างใกล้ชิด เช่น การกำจัดวัชพืช และเตรียมการสำหรับการเก็บเกี่ยวในอนาคต รวมทั้งมีการเตรียมอาหารและวัตถุดิบสำหรับใช้ในพิธีกรรมที่สำคัญในช่วงปลายปี นอกจากนี้ ยังเป็นช่วงที่ชาวบ้านสอนต่อยอดภูมิปัญญาด้านการถนอมอาหาร และรักษาขนบธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตประจำวัน

เดือนตุลาคม

เดือนนี้ถือเป็นเดือนสำคัญที่สุดของบ้านจลง เพราะเป็นช่วงเวลาของพิธีแซนโฎนตา 

พิธีแซนโฎนตาเป็นพิธีกรรมสำคัญของชาวเขมรถิ่นไทยในบ้านจลง ซึ่งจัดขึ้นเพื่ออุทิศส่วนกุศลและแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว โดยปกติจะมีการจัดในช่วงเดือนสิบของทุกปี ลูกหลานจะกลับมารวมตัวกับครอบครัวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เพื่อร่วมพิธีด้วยความเคารพและความศรัทธาอย่างลึกซึ้ง

ในพิธีนี้จะมีการจัดเตรียมอาหารคาวหวานที่เป็นอาหารพื้นบ้านดั้งเดิม เช่น แกงต่าง ๆ ขนมโบราณ เช่น ขนมมุก ขนมตาราง และข้าวต้มใบมะพร้าว ซึ่งอาหารเหล่านี้ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยสร้างความเป็นสิริมงคลและความสบายใจให้กับผู้เข้าร่วมพิธี นอกจากนี้ พิธีแซนโฎนตายังเป็นการรักษาวัฒนธรรมและความเชื่อดั้งเดิมของชาวเขมรให้อยู่สืบไปในชุมชนอีกด้วย

เดือนพฤศจิกายน-เดือนธันวาคม

ช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวและผลผลิตทางการเกษตรอื่น ๆ ชาวบ้านจะจัดพิธีแกครัวะ เพื่อสะเดาะเคราะห์และขอความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว ในช่วงเวลานี้ยังมีการจัดงานแต่งงานแบบเขมร ซึ่งเป็นประเพณีดั้งเดิมที่แสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์ของชุมชน รวมถึงพิธีขึ้นบ้านใหม่ที่สะท้อนความผูกพันและความมั่นคงของครอบครัวและชุมชน ช่วงปลายปีนี้ยังเป็นเวลาที่ชาวบ้านจะทบทวนและเตรียมพร้อมสำหรับการทำเกษตรในปีต่อไป

พิธีแกครัวะเป็นพิธีกรรมสะเดาะเคราะห์ของชาวเขมรถิ่นไทยในบ้านจลง มีจุดประสงค์เพื่อปัดเป่าเคราะห์ร้ายและบรรเทาความทุกข์ภัยในชีวิตให้กลายเป็นสิ่งดีงาม พิธีนี้จะมีการจัดขึ้นเมื่อชาวบ้านต้องการแก้เคราะห์ส่วนตัวหรือครอบครัว

ในการประกอบพิธีจะมีการจัดเตรียมอาหารคาวหวานซึ่งส่วนใหญ่เป็นอาหารพื้นบ้านที่หาได้จากธรรมชาติในชุมชน เช่น แกงสายบัว แกงหน่อไม้ ต้มเปรตปลาไหล และขนมหวานพื้นถิ่นอย่างขนมฝักบัว ขนมต้มมัด เพื่อใช้ในพิธีกรรม โดยอาหารหวานจะถูกจัดใส่ในกระทงจำนวน 4 กระทงเพื่อเป็นเครื่องสักการะ พิธีแกครัวะนับเป็นส่วนสำคัญที่สะท้อนถึงความเชื่อและวัฒนธรรมของชาวบ้านจลง ที่ยังคงรักษาขนบธรรมเนียมดั้งเดิมและผูกพันกับวิถีชีวิตตามธรรมชาติ

วิถีชีวิตทางเศรษฐกิจ

บ้านจลงมีวิถีชีวิตทางเศรษฐกิจที่ยึดโยงกับธรรมชาติและเกษตรกรรมเป็นหลัก ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำนา ทำสวน และเลี้ยงสัตว์ เพื่อผลิตอาหารและเลี้ยงชีพในครอบครัว นอกจากการเกษตร ยังมีการรับจ้างทั่วไป รับราชการ และค้าขายเป็นอาชีพเสริม ชาวบ้านใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างเต็มที่ เช่น การหาปลา กบ และสัตว์น้ำจากหนองน้ำ รวมถึงการเก็บผักน้ำและวัตถุดิบจากป่า นอกจากนี้ยังมีภูมิปัญญาในการถนอมอาหารเพื่อเก็บไว้บริโภคในช่วงฤดูกาลที่ขาดแคลน อาชีพทอผ้าและหัตถกรรมจักสานยังคงมีบทบาทสำคัญในชุมชน เพื่อส่งเสริมรายได้และรักษาวัฒนธรรมดั้งเดิมไว้ด้วย

1.นายยิน หมายมี ผู้รู้ด้านพิธีกรทางศาสนาและพิธีกรรมต่าง ๆ

2.นายวัน พ่อค้า เป็นผู้มีความรู้ด้านภูมิปัญญาท้องถิ่น

3.นายฮวด โอษฐงาม เป็นผู้มีความรู้ความสามารถด้านออกแบบลวดลายผ้า มัดหมี่ทอผ้า แปรรูปผ้าไหม

4.นางปริศนา นามเขตต เป็นผู้มีความรู้ความสามารถด้านการออกแบบลวดลายผ้า มัดหมี่ทอผ้า แปรรูปผ้าไหม 

บ้านจลงมีทุนชุมชนที่แข็งแกร่งและหลากหลาย ทั้งทุนทางวัฒนธรรม เศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งช่วยส่งเสริมความมั่นคงและความยั่งยืนของชุมชนได้อย่างดี ทุนทางวัฒนธรรมสะท้อนผ่านการอนุรักษ์และสืบทอดพิธีกรรมสำคัญ เช่น พิธีแซนโฎนตา และพิธีแกครัวะ ที่เชื่อมโยงชาวบ้านกับบรรพบุรุษและสร้างความสัมพันธ์แน่นแฟ้นในชุมชนด้านทุนเศรษฐกิจ ชาวบ้านพึ่งพิงทรัพยากรธรรมชาติจากการเกษตร การจับสัตว์น้ำ และการทำสวน ทำให้มีความสามารถในการพึ่งพาตนเองและรักษาวิถีชีวิตดั้งเดิมได้อย่างยั่งยืน ส่วนทุนทางสังคมเน้นความร่วมมือและความสัมพันธ์อันดีระหว่างสมาชิกในชุมชน ซึ่งช่วยเสริมสร้างความสามัคคีและส่งเสริมการพัฒนาร่วมกันในด้านต่าง ๆ

ภาษาที่ใช้ในบ้านจลงคือ ภาษาเขมรถิ่นไทย ซึ่งเป็นภาษาถิ่นที่สะท้อนเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมและชาติพันธุ์ของชาวบ้าน โดยภาษาเขมรถิ่นไทยยังคงได้รับการสืบทอดและใช้งานในชีวิตประจำวัน รวมถึงในพิธีกรรมและกิจกรรมทางวัฒนธรรมต่าง ๆ ของชุมชนบ้านจลงอย่างต่อเนื่อง


บ้านจลงมีเศรษฐกิจที่พึ่งพาการเกษตรกรรมเป็นหลัก แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ได้เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทั้งทางธรรมชาติและสังคม เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทำให้ฤดูกาลเพาะปลูกไม่แน่นอน ส่งผลกระทบต่อผลผลิตและรายได้ของเกษตรกร นอกจากนี้การเพิ่มขึ้นของราคาปุ๋ยและต้นทุนการผลิต รวมถึงการแข่งขันจากตลาดภายนอกยังเป็นความท้าทายสำคัญของชุมชน อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม เช่น การย้ายถิ่นฐานของคนรุ่นใหม่ไปทำงานในเมือง ส่งผลให้แรงงานในภาคการเกษตรลดน้อยลง ทำให้ชุมชนต้องปรับตัวและมองหาแนวทางเพิ่มรายได้อื่น ๆ เช่น การทำหัตถกรรมท้องถิ่น การค้าขายสินค้าในชุมชน หรือการร่วมมือกันในกิจกรรมเศรษฐกิจแบบกลุ่ม ซึ่งการมีส่วนร่วมของชุมชนในการพัฒนาเศรษฐกิจถือเป็นจุดแข็งของบ้านจลง ชาวบ้านร่วมมือกันจัดตั้งกลุ่มเกษตรกร กลุ่มอาชีพเสริม และเครือข่ายชุมชน เพื่อแบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ และช่วยกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น รวมทั้งร่วมกันส่งเสริมการตลาดท้องถิ่นและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ


จากการสำรวจข้อมูลพื้นฐาน พบว่าประชาชนส่วนใหญ่มีสุขภาพอยู่ในเกณฑ์ดี โดยมีการคัดกรองสุขภาพให้กับกลุ่มเสี่ยงเป็นประจำ โรคที่พบได้บ่อยในชุมชน ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคเอดส์ ไข้เลือดออก โรคมือ เท้า ปากในเด็ก และโรคอื่น ๆ อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งมีสถิติการเข้ารับการรักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ยังพบปัญหาบางประการ เช่น ประชาชนบางรายไม่ยอมเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปีหรือการคัดกรองโรค องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุขและโรงพยาบาล จึงได้จัดกิจกรรมรณรงค์ให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการดูแลสุขภาพ ซึ่งได้รับความร่วมมือในระดับหนึ่ง แต่จำเป็นต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปีเพื่อให้เกิดผลยั่งยืน


ในปัจจุบันเผชิญกับความท้าทายจากกระแสโลกาภิวัตน์และการเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิตคนรุ่นใหม่ ซึ่งมีแนวโน้มห่างเหินจากขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิม เช่น พิธีแซนโฎนตา หรือพิธีแกครัวะ ที่เคยมีบทบาทสำคัญในชีวิตชุมชนเริ่มมีการจัดน้อยลง หรือจัดในรูปแบบย่อส่วนลงจากเดิม การใช้ภาษาเขมรถิ่นไทยก็ลดลงในหมู่คนรุ่นใหม่ที่นิยมใช้ภาษาไทยกลางมากกว่า ส่งผลต่อการส่งต่อภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม

นอกจากนี้ความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ เช่น การย้ายถิ่นฐานเพื่อหางานทำในเมือง ยังทำให้จำนวนคนที่มีบทบาทในงานพิธีลดลง และเกิดช่องว่างระหว่างรุ่นในด้านความเข้าใจและคุณค่าทางวัฒนธรรม อย่างไรก็ตาม ชุมชนยังคงพยายามรักษารากเหง้าทางวัฒนธรรมไว้ผ่านการจัดกิจกรรมในระดับครอบครัว วัด และโรงเรียน เพื่อปลูกฝังให้เยาวชนเห็นความสำคัญของวัฒนธรรมประจำถิ่น

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

กรมการปกครอง. (2565). ทะเบียนราษฎรและจำนวนประชากรแยกรายหมู่บ้าน จังหวัดสุรินทร์. http://stat.dopa.go.th

ที่ว่าการอำเภอศีขรภูมิ. (2564). ประวัติความเป็นมาและข้อมูลทั่วไปของอำเภอศีขรภูมิhttp://www.sikhoraphum.go.th

สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอศีขรภูมิ. (2564). ข้อมูลพื้นฐานระดับหมู่บ้านและครัวเรือน (จปฐ.) ปี 2564 ตำบลยาง. สุรินทร์: กรมการพัฒนาชุมชน.

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์. (2563). ฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นจังหวัดสุรินทร์. สุรินทร์: กระทรวงวัฒนธรรม.

อรณิชา เนื่องนิยม. (2563). การศึกษาวัฒนธรรมอาหารพื้นบ้านของชาติพันธุ์เขมรถิ่นไทยในพื้นที่บ้านจลง ตำบลยาง อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์. ภาคนิพนธ์. วิทยาลัยโพธิวิชชาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.

อบต.ยาง โทร. 0 4456 1069