
ตั้งอยู่ริมคลองพระยาสุเรนทร์ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญที่สะท้อนวิถีชีวิตริมน้ำของชุมชนอย่างชัดเจน บรรยากาศโดยรอบร่มรื่นจากแปลงเกษตรของชาวบ้าน ผสมผสานกับความเป็นวัดที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรมและศาสนา เช่น หลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นจุดเด่นของตลาด ภายในตลาดมีกิจกรรมที่หลากหลายและคงความเรียบง่ายในแบบท้องถิ่น การเดินทางสะดวก โดยเฉพาะเมื่อมีรถไฟฟ้าสายสีชมพูเชื่อมต่อเข้าพื้นที่ ทำให้ตลาดเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เข้าถึงง่ายและน่าสนใจ ทั้งในด้านธรรมชาติ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของชุมชน
"พระยาสุเรนทร์" ที่ใช้เรียกถนนและชุมชนในเขตคลองสามวา เป็นคลองที่ขุดขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นเส้นทางคมนาคมและระบายน้ำ คลองนี้ได้ชื่อมาจาก พระยาสุเรนทร์ราชเสนี (พึ่ง สิงหเสนี) ซึ่งเป็นผู้บริจาคที่ดินและดำเนินการขุดคลอง
ตั้งอยู่ริมคลองพระยาสุเรนทร์ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญที่สะท้อนวิถีชีวิตริมน้ำของชุมชนอย่างชัดเจน บรรยากาศโดยรอบร่มรื่นจากแปลงเกษตรของชาวบ้าน ผสมผสานกับความเป็นวัดที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรมและศาสนา เช่น หลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นจุดเด่นของตลาด ภายในตลาดมีกิจกรรมที่หลากหลายและคงความเรียบง่ายในแบบท้องถิ่น การเดินทางสะดวก โดยเฉพาะเมื่อมีรถไฟฟ้าสายสีชมพูเชื่อมต่อเข้าพื้นที่ ทำให้ตลาดเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เข้าถึงง่ายและน่าสนใจ ทั้งในด้านธรรมชาติ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของชุมชน
ชุมชนพระยาสุเรนทร์ชื่อมีที่มาจาก พันตรี พระยาสุเรนทร์ราชเสนา (พึ่ง สิงหเสนี) ท่านเกิดในปี พ.ศ. 2399 เป็นบุตรคนที่ 8 ของเจ้าพระยามุขมนตรี (เกด สิงหเสนี) ซึ่งเป็นครอบครัวขุนนางชั้นสูงในยุคนั้น พันตรี พระยาสุเรนทรราชเสนาได้รับการอบรมด้านการทหารและการบริหารราชการตามแบบอย่างของบรรพบุรุษที่เป็นนักรบผู้กล้าหาญ ท่านยังถวายตัวเป็นมหาดเล็กในกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ และมีความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์อย่างสูง
พ.ศ. 2425 ท่านได้สร้างวัดพระยาสุเรนทร์บนที่ดินของตนในพื้นที่ที่ปัจจุบันคือเขตคลองสามวา การก่อตั้งวัดนี้ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ประกอบศาสนกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์รวมจิตใจและเป็นแหล่งรวมชุมชนที่สำคัญ หลังจากนั้นท่านได้บรรพชาเป็นสามเณร และเมื่อท่านถึงแก่กรรมราวปี พ.ศ. 2446 ชุมชนได้เผชิญกับภัยแล้งครั้งใหญ่ ทำให้ชาวบ้านต้องร่วมมือกันขุดสระน้ำขนาดใหญ่ที่เรียกว่า "สระน้ำศาลปู่" เพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ในช่วงหน้าแล้ง นับเป็นการแสดงถึงความสามัคคีและการจัดการทรัพยากรน้ำของชุมชนในยุคนั้น
ต่อมาในปี พ.ศ. 2510 ชุมชนได้ดำเนินการขุดลอกคลองพระยาสุเรนทร์ให้ลึกและกว้างขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำและส่งเสริมการสัญจรทางน้ำจนเกิดคูคลองหน้าวัดพระยาสุเรนทร์ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อชุมชนในปัจจุบันซึ่งชุมชนในยุคนั้นดำรงชีวิตอยู่ริมคลอง โดยใช้น้ำเป็นปัจจัยสำคัญในการทำเกษตรกรรม เช่น การปลูกข้าวและผัก รวมถึงการจับปลาที่อุดมสมบูรณ์ในคลอง ซึ่งถือเป็นวิถีชีวิตดั้งเดิมของชุมชน
ในปี พ.ศ. 2557 ชุมชนได้พัฒนาต่อยอดด้วยการจัดตั้งตลาดน้ำวัดพระยาสุเรนทร์ขึ้น โดยเน้นการอนุรักษ์วัฒนธรรมริมน้ำและส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน ตลาดน้ำนี้กลายเป็นแหล่งรวมสินค้าทางการเกษตร อาหารสด และขนมหวานท้องถิ่น ที่ช่วยให้ชุมชนมีรายได้และรักษาเอกลักษณ์ความเป็นชุมชนริมน้ำเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น
ต่อมาในปี พ.ศ. 2559 ตลาดน้ำวัดพระยาสุเรนทร์ได้รับการรับรองจากกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ให้เป็นตลาดต้องแวะเวียนเข้ามาแห่งแรกในกรุงเทพมหานคร ถือเป็นการประสบความสำเร็จของชุมชนในการสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและอนุรักษ์วิถีชีวิตท้องถิ่นควบคู่กันไป ชุมชนพระยาสุเรนทร์จึงเป็นตัวอย่างที่ดีของชุมชนริมน้ำที่ผสมผสานระหว่างความเก่าแก่กับการพัฒนาอย่างยั่งยืนในเมืองใหญ่ได้อย่างลงตัว
ชุมชนพระยาสุเรนทร์ตั้งอยู่ในแขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร มีอาณาเขตดังนี้
- ทิศเหนือ ติดกับ คลองพระยาสุเรนทร์ เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร
- ทิศใต้ ติดกับ โรงเรียนวัดพระยาสุเรนทร์ เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร
- ทิศตะวันออก ติดกับ ซาฟารีเวิลด์ เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร
- ทิศตะวันตก ติดกับ พื้นที่เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร
ในปัจจุบันชุมชนพระยาสุเรนทร์ มีคลองสามวาเป็นคลองสายหลัก และคลองพระยาสุเรนทร์ตัดผ่านชุมชน เป็นลักษณะก้างปลา ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพกสิกรรม เช่น การทำนา ทำสวน และการปลูกผัก สภาพพื้นที่เป็นที่ราบลุ่ม เหมาะแก่การเพาะปลูกและยังมีคลองเพื่อกักเก็บน้ำทำให้คนในชุมชนมีน้ำใช้ตลอดทั้งปี
ข้อมูลสถิติประชากร กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ชุมชนพระยาสุเรนทร์ มีจำนวนประชากร รวม 800 คน เป็นชาย 453 คน หญิง 347 คน
ชุมชนพระยาสุเรนทร์ เป็นชุมชนที่มีลักษณะวิถีชีวิตเรียบง่าย พึ่งพาตนเอง และดำเนินชีวิตบนพื้นฐานของหลักเศรษฐกิจพอเพียง คนในชุมชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม เช่น การปลูกพืช ผัก ผลไม้ ที่นำมาใช้บริโภคในครัวเรือน และนำไปจำหน่ายภายในตลาดน้ำวัดพระยาสุเรนทร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ค้าขายสำคัญของคนในพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีผู้ประกอบอาชีพรับราชการ พนักงานบริษัท รับจ้างทั่วไป และครูหรืออาจารย์ รวมถึงกิจกรรมสร้างรายได้เสริม เช่น การฝึกตีกลองยาวของเด็กและเยาวชนในวันหยุด ซึ่งสามารถนำไปแสดงในงานประเพณีต่าง ๆ และสร้างรายได้ให้แก่ตนเอง
ภายในชุมชนมีการส่งเสริมแนวคิดการใช้ชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยประชาชนจำนวนหนึ่งได้เข้าร่วมอบรมกับศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) เขตคลองสามวา ทำให้ชาวบ้านหันมาทำเกษตรพอเพียง ลดรายจ่ายในครัวเรือน บางครอบครัวมีการจดบันทึกรายรับรายจ่ายเพื่อจัดการด้านการเงินอย่างมีระบบ ซึ่งส่งผลให้ชุมชนไม่ค่อยประสบปัญหาหนี้สิน
ในด้านโครงสร้างองค์กร ชุมชนพระยาสุเรนทร์มีผู้นำชุมชนที่เข้มแข็ง เช่น ประธานชุมชนและคณะกรรมการที่ทำงานร่วมกับวัดพระยาสุเรนทร์ในการพัฒนาพื้นที่และส่งเสริมกิจกรรมชุมชน โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมตลาดน้ำ การจัดพิธีกรรมทางศาสนา และการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันพบว่าการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนลดลง ทำให้จำนวนร้านค้าในตลาดน้ำลดลงตามไปด้วย และส่งผลให้สินค้าโดยตรงจากชาวบ้านมีปริมาณน้อยลง แต่ชุมชนพระยาสุเรนทร์เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง หากสามารถฟื้นฟูการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน ควบคู่กับการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากและการจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน
ในรอบปีชุมชนพระยาสุเรนทร์มีวิถีชีวิตทางวัฒนธรรม และวิถีชีวิตทางเศรษฐกิจร่วมกัน โดยมีอัตลักษณ์โดดเด่น ดังต่อไปนี้
วิถีชีวิตทางวัฒนธรรม
ชุมชนพระยาสุเรนทร์มีวิถีทางวัฒนธรรมที่ยึดโยงกับหลักของศาสนาพุทธซึ่งเป็นรากฐานประเพณีไทยมาอย่างยาวนาน ชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดงานเทศกาลต่าง ๆ ร่วมกับวัดพระยาสุเรนทร์ เพื่อรักษาและสืบสานประเพณีไทยให้คงอยู่ในชุมชนอย่างต่อเนื่อง
ประเพณีสำคัญที่โดดเด่นคือ ประเพณีลอยกระทง ซึ่งแสดงถึงความรักและการขอขมาต่อพระแม่คงคา ผู้ปกปักรักษาแม่น้ำลำคลองตามความเชื่อไทย โดยชุมชนที่อาศัยอยู่ริมน้ำได้นำน้ำมาใช้ในชีวิตประจำวัน ประเพณีลอยกระทงที่วัดพระยาสุเรนทร์จึงเป็นงานใหญ่ที่จัดขึ้นทุกปี มีการประกวดกระทงและนางนพมาศ เพื่อสร้างความสามัคคีและอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย
นอกจากนี้ ชุมชนยังรักษาประเพณีอื่น ๆ ตามหลักพระพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัด เช่น การเทศน์มหาชาติ งานฝังลูกนิมิต ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า และพิธีสำคัญทางศาสนาอย่างวันเข้าพรรษา วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา และวันอาสาฬหบูชา รวมถึงประเพณีสงกรานต์ที่จัดตามแบบดั้งเดิม
แม้ว่าวันอัฏฐมีบูชาซึ่งเป็นวันที่ระลึกถึงการถวายพระเพลิงพระบรมสรีระของพระพุทธเจ้าจะถูกลืมเลือนไปในหลายพื้นที่ แต่ที่วัดพระยาสุเรนทร์ยังคงให้ความสำคัญ โดยจัดพิธีเวียนเทียนเพื่อระลึกถึงพระพุทธคุณ ซึ่งสะท้อนถึงความผูกพันทางศาสนาและวัฒนธรรมของชุมชนที่ยังคงดำรงรักษาอย่างต่อเนื่อง
วิถีชีวิตทางเศรษฐกิจ
ชุมชนพระยาสุเรนทร์เน้นการดำเนินชีวิตแบบพึ่งพาตนเองและส่งเสริมเศรษฐกิจพอเพียง คนในชุมชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม โดยปลูกพืช ผัก และผลไม้ไว้ใช้บริโภคในครอบครัวและจำหน่ายในตลาดน้ำวัดพระยาสุเรนทร์ นอกจากเกษตรกรรมแล้ว ยังมีอาชีพอื่น ๆ เช่น รับราชการ รับจ้าง ทำงานในบริษัท และเป็นครูหรืออาจารย์
ชุมชนให้ความสำคัญกับการอบรมและเรียนรู้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ผ่านศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เขตคลองสามวา เพื่อส่งเสริมให้คนในชุมชนหันมาใช้ชีวิตอย่างพอเพียงและพึ่งพาตนเองมากขึ้น ผลผลิตที่เก็บเกี่ยวได้จะแบ่งส่วนหนึ่งไว้บริโภคภายในครอบครัว และส่วนที่เหลือนำไปจำหน่ายสร้างรายได้ นอกจากนี้ในบางครัวเรือนยังมีการจดบันทึกรายรับรายจ่ายอย่างเป็นระบบ
กิจกรรมทางเศรษฐกิจในชุมชนยังเกี่ยวข้องกับแหล่งท่องเที่ยว เช่น ฟาร์มแกะที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมและให้อาหารแกะ รวมทั้งการป้อนนมปลาคราฟ ซึ่งมีราคาค่าอาหารและนมที่เหมาะสมและสร้างรายได้เสริม อีกทั้งยังมีร้านกาแฟบรรยากาศร่มรื่นที่ตั้งอยู่ในฟาร์มแกะ และตลาดน้ำวัดพระยาสุเรนทร์ที่เป็นจุดรวมสินค้าเกษตรและของชุมชน
การบริการและสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ที่จอดรถขนาดใหญ่ที่ไม่เก็บค่าบริการ ทำให้นักท่องเที่ยวเข้าถึงชุมชนได้ง่ายขึ้น รวมถึงศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่ช่วยเตรียมความพร้อมให้เด็กในชุมชนและส่งเสริมการเรียนรู้ด้านวัฒนธรรม เช่น การสอนตีกลองยาวที่ช่วยสร้างรายได้แก่เด็กและชุมชน
1.พันตรี พระยาสุเรนทร์ราชเสนา (พึ่ง สิงหเสนี)
เป็นขุนนางในราชสำนักไทยยุครัตนโกสินทร์ ผู้สืบเชื้อสายจากเจ้าพระยาบดินทร์เดชา (สิงห์ สิงหเสนี) ขุนศึกผู้กล้าหาญในสมัยรัชกาลที่ 3 และได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้สืบทอดทั้งความเป็นนักรบ ความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ รวมถึงการอุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนา
ท่านเริ่มต้นชีวิตราชการเมื่ออายุเพียง 15 ปี โดยถวายตัวเป็นมหาดเล็กในกรมพระราชวังบวรไชยชาญ จากนั้นได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยให้ดำรงตำแหน่งสำคัญตามลำดับ เช่น หลวงจำนงบริรักษ์ เมื่ออายุ 17 ปี พระยาโยธาธิราช เมื่ออายุ 19 ปี และในที่สุดได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น พระยาสุเรนทร์ราชเสนา เมื่ออายุ 30 ปี ก่อนจะได้รับสัญญาบัตรเป็นพันตรีในกรมยุทธนาธิการทหารบกในเวลาต่อมา แสดงให้เห็นถึงความสามารถ ความซื่อสัตย์ และความทุ่มเทในการรับราชการอย่างต่อเนื่อง
นอกจากบทบาทด้านการทหารและราชการ ท่านยังแสดงออกถึงความศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้ง โดยเมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2425 ได้สร้างวัดพระยาสุเรนทร์ หรือวัดบึงพระยาสุเรนทร์ บนที่ดินส่วนตัวในแขวงมีนบุรี (ปัจจุบันคือเขตคลองสามวา) เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทั้งยังได้บรรพชาเป็นสามเณรด้วยศรัทธาอันมั่นคงในช่วงชีวิตบั้นปลาย
ท่านถึงแก่มรณภาพในปี พ.ศ. 2449 ด้วยโรคชรา และได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานเพลิงศพอย่างสมเกียรติ พร้อมพระราชทรัพย์จำนวนหนึ่งและผ้าขาว เพื่อเป็นเกียรติยศแก่พันตรีพระยาสุเรนทร์ราชเสนาและวงศ์ตระกูลสิงหเสนี ซึ่งนับว่าเป็นเกียรติยศสูงสุดที่แสดงถึงคุณงามความดีอันมั่นคงของท่านที่มีต่อแผ่นดินไทยทั้งในด้านการรับราชการและการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา
2.ท่านคุณหญิงสุเรนทร์ ราชเสนา (บุญมี สิงหเสนี)
เป็นภริยาของพันตรีพระยาสุเรนทร์ราชเสนา (สิงห์ สิงหเสนี) บุคคลสำคัญผู้มีบทบาททั้งในด้านราชการและการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาในช่วงปลายรัชกาลที่ 5 คุณหญิงบุญมี เป็นสตรีผู้มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการสร้างวัดพระยาสุเรนทร์ (วัดบึงพระยาสุเรนทร์) ควบคู่กับสามี โดยมีเจตนาร่วมกันในการอุทิศที่ดินและทรัพย์สินส่วนตัวเพื่อสร้างวัดถวายเป็นพระราชกุศล
ชุมชนพระยาสุเรนทร์เป็นชุมชนเมืองที่มีทุนชุมชนอย่างหลากหลาย โดยประชาชนในชุมชนมีความรู้และทักษะที่หลากหลาย ทั้งในด้านอาชีพ ภูมิปัญญาท้องถิ่น และการบริหารจัดการชุมชน มีผู้นำชุมชนและกลุ่มองค์กรต่าง ๆ ที่ทำงานร่วมกันอย่างเข้มแข็ง เช่น กลุ่มแม่บ้าน กลุ่มสัจจะออมทรัพย์ และกลุ่มเยาวชน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนกิจกรรมของชุมชน ความสัมพันธ์ภายในชุมชนยังคงแน่นแฟ้น มีการช่วยเหลือเกื้อกูลกันในวิถีชีวิตประจำวัน และมีการรวมตัวทำกิจกรรมสาธารณะร่วมกัน เช่น งานประเพณี การทำบุญ และกิจกรรมจิตอาสา นอกจากนี้วัดพระยาสุเรนทร์เป็นศูนย์รวมจิตใจที่สำคัญ และเป็นสถานที่จัดกิจกรรมทางศาสนาและวัฒนธรรมต่าง ๆ ในด้านของทรัพยากรธรรมชาติ ชุมชนมีคลองพระยาสุเรนทร์ไหลผ่าน ทำให้ยังคงมีแหล่งน้ำและพื้นที่สีเขียวที่ใช้ปลูกผักสวนครัว เลี้ยงปลา และดูแลสิ่งแวดล้อมร่วมกัน อีกทั้งยังมีการส่งเสริมการจัดการขยะ การรีไซเคิล และการอนุรักษ์ทรัพยากรในระดับครัวเรือน นอกจากนี้ชุมชนมีระบบสาธารณูปโภคครบถ้วน ทั้งไฟฟ้า น้ำประปา ถนน ระบบอินเทอร์เน็ต โรงเรียน ศูนย์สุขภาพ และตลาดชุมชน ทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีและสามารถเข้าถึงบริการพื้นฐานได้อย่างสะดวก ทุนทั้งหมดเหล่านี้เป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยให้ชุมชนพระยาสุเรนทร์สามารถพัฒนาอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนในอนาคต
วัดพระยาสุเรนทร์
จากเพจวัดพระยาสุเรนทร์ ได้ให้ข้อมูลว่า วัดพระยาสุเรนทร์สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2425 โดย พันตรี พระยาสุเรนทร์ราชเสนา (พึ่ง สิงหเสนี) และคุณหญิงสุเรนทร์ราชเสนา (บุญมี สิงหเสนี) ได้บริจาคที่ดินจากศักดินาส่วนหนึ่งประมาณ 48 ไร่ สร้างวัดขึ้น และได้ทำพิธีวางศิลาประจำวัดในวันอังคาร ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 6 ร.ศ. 101 ต่อมาทำหนังสือทูลเกล้าถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันพุธ แรม 1 ค่ำเดือน 11 พ.ศ. 2431 ภายในพระอุโบสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง มีศาลาปู่ย่า หรือศาลาพระยาสุเรนทร์และภรรยา นอกจากนั้นยังมีองค์หลวงพ่อทวด (เหยียบน้ำทะเลจืด) ให้กราบไหว้บูชา ในบริเวณของวัดมีอาคารพิพิธภัณฑ์ศูนย์การเรียนรู้วัดพระยาสุเรนทร์ มีหอสมุด ใกล้วัดยังมีตลาดน้ำบึงพระยาหรือตลาดน้ำวัดพระยาสุเรนทร์ พิพิธภัณฑ์ศูนย์การเรียนรู้วัดพระยาสุเรนทร์ชั้นหนึ่งของอาคารจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับพันธุ์ปลาน้ำจืดในคลองพระยาสุเรนทร์ เช่น ปลาตะเพียนเงิน ตะเพียนทอง ปลากระบอก และปลาตะพัด นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการทดลองแปลงผักสวนครัวตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง โดยจัดแสดงพืชผักสวนครัวและสมุนไพรที่ปลูกได้ในพื้นที่ รวมถึงนิทรรศการขนมดาราทองซึ่งเป็นขนมที่คิดค้นโดยสกุลสิงหเสนี โดยนิทรรศการเหล่านี้จะผลัดเปลี่ยนไปในแต่ละเดือนเพื่อความน่าสนใจ
ส่วนชั้นสองของพิพิธภัณฑ์เล่าถึงประวัติความเป็นมาของวัดพระยาสุเรนทร์ พร้อมมีหุ่นขี้ผึ้งของพระยาสุเรนทรราชเสนา ผู้ถวายที่ดินสร้างวัด นอกจากนี้ยังมีพื้นที่จัดแสดงวิถีชีวิตชุมชนพระยาสุเรนทร์ในอดีต โดยแสดงการทำเกษตรกรรมผ่านการจำลองนาข้าว อุปกรณ์ทำเกษตร และเครื่องมือหาปลาที่ชาวบ้านเคยใช้ รวมถึงมีหุ่นขี้ผึ้งพระเกจิอาจารย์ชื่อดังในเมืองไทยหลายรูปพร้อมประวัติ เพื่อให้คนในชุมชนและนักท่องเที่ยวได้ศึกษาและสักการะ
หลวงปู่ทวดองค์ใหญ่
รูปองค์ลอยของหลวงปู่ทวดนั่งบนเรือกอและ มีลักษณะโดดเด่นด้วยหน้าตักกว้าง 16 เมตร และสูงถึง 32 เมตร ล้อมรอบด้วยสายน้ำ สื่อถึงความสงบร่มเย็น
จุดเริ่มต้นของการสร้างหลวงปู่ทวดนั้น มาจากประสบการณ์ของพระครูโสภณ ขณะนั่งสมาธิ ท่านได้เห็นภิกษุชรารูปหนึ่งพายเรือมาบอกว่า “ที่วัดมีคลองที่ต้นตระกูลได้ขุดไว้ ให้สร้างเรือไว้ใกล้ ๆ ผู้คนที่มาค้าขายจะได้ร่ำรวย ร่มเย็นเป็นสุข” ในช่วงแรกพระครูโสภณยังไม่ได้ใส่ใจคำบอกเล่านั้น
กระทั่งเมื่อสร้างตลาดน้ำหลังวัดเสร็จ ระหว่างสวดมนต์ ท่านได้ยินเสียงแว่วเข้ามาในหูว่า “บอกจะสร้างเราแล้วทำไมไม่ทำ” จึงตระหนักว่าเป็นเสียงศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่ทวด เป็นแรงผลักดันที่มีพลังและศรัทธา ทำให้เริ่มดำเนินการสร้างองค์หลวงปู่ทวดขึ้น โดยได้รับความร่วมมือจากคนในชุมชนและนักท่องเที่ยวในการสมทบทุนร่วมกันก่อสร้าง
องค์หลวงปู่ทวดบนเรือกอและจึงไม่เพียงเป็นสัญลักษณ์ของศรัทธาเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์รวมจิตใจของชุมชน และเป็นจุดหมายสำคัญที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมวัดพระยาสุเรนทร์อีกด้วย
ชุมชนพระยาสุเรนทร์ใช้ภาษาไทยในการสื่อสาร
ในปัจจุบันสะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในชุมชนและตลาดอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในเรื่องของการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนที่ลดน้อยลงจากอดีต จากเดิมที่คนในพื้นที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการนำผลผลิตจากคลองพระยาสุเรนทร์ เช่น ผักกระเฉด ผักบุ้ง ฯลฯ มาจำหน่ายในตลาด สร้างความคึกคักและเอกลักษณ์ของตลาดน้ำแห่งนี้ แต่ในปัจจุบันจำนวนร้านค้าที่เป็นของชาวบ้านลดลง ส่งผลให้สินค้าในตลาดมีความหลากหลายน้อยลง และกระทบต่อบรรยากาศโดยรวมในการดึงดูดนักท่องเที่ยว
ปัจจุบันตลาดต้องเผชิญกับการแข่งขันจากตลาดน้ำอื่น ๆ ที่เปิดขึ้นจำนวนมาก และมีรูปแบบคล้ายคลึงกัน จึงทำให้ตลาดน้ำวัดพระยาสุเรนทร์ขาดจุดขายที่แตกต่างอย่างชัดเจน ขณะเดียวกัน การประชาสัมพันธ์จากหน่วยงานภาครัฐหรือสื่อสาธารณะก็มีแนวโน้มลดน้อยลง ส่งผลต่อการรับรู้และการเลือกเดินทางของนักท่องเที่ยวที่มีตัวเลือกมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำวัดพระยาสุเรนทร์ยังมีโอกาสทางเศรษฐกิจที่น่าจับตามอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากนโยบายของรัฐในการส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนภายใต้แนวคิด "ท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน" ซึ่งหากสามารถพัฒนาและเชื่อมโยงเอกลักษณ์ท้องถิ่นเข้ากับกิจกรรมในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะสามารถสร้างความแตกต่างและดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น นอกจากนี้ การก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-ปากเกร็ด-มีนบุรี) ซึ่งมีสถานีใกล้เคียงบริเวณตลาดมีนบุรี ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการเดินทาง และขยายฐานนักท่องเที่ยวได้ในอนาคต
โดยรวมแล้ว ตลาดน้ำวัดพระยาสุเรนทร์อยู่ในช่วงของการปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม ทั้งจากภายในชุมชนเองและจากปัจจัยภายนอก การฟื้นฟูบทบาทของคนในชุมชน และการวางแผนพัฒนาตลาดบนพื้นฐานของอัตลักษณ์ท้องถิ่น จะเป็นแนวทางสำคัญในการรับมือกับความท้าทายและสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจในระยะยาว
ชุมชนพระยาสุเรนทร์เป็นชุมชนเมืองที่มีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมอย่างรวดเร็วจากการขยายตัวของเมืองและความหนาแน่นของที่อยู่อาศัย ส่งผลให้โครงสร้างประชากรมีความหลากหลายมากขึ้น ทั้งในด้านวัย อาชีพ และพื้นเพของผู้คน จากเดิมที่เป็นชุมชนดั้งเดิมของคนท้องถิ่น ปัจจุบันมีผู้คนจากต่างถิ่นเข้ามาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดการผสมผสานของวัฒนธรรม วิถีชีวิต และรูปแบบการใช้ชีวิตในชุมชน สถานการณ์ในปัจจุบันพบว่า ชุมชนเผชิญความท้าทายหลายด้าน เช่น ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ระหว่างครัวเรือนที่มีรายได้มั่นคงกับครัวเรือนที่ประกอบอาชีพอิสระหรือมีรายได้ไม่แน่นอน ปัญหาการเข้าถึงสวัสดิการพื้นฐานโดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุและแรงงานนอกระบบ รวมถึงปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินจากการเป็นชุมชนขนาดใหญ่ที่มีประชากรหลากหลาย แต่อย่างไรก็ตาม ชุมชนยังมีความเข้มแข็งในด้านการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยเฉพาะในระดับครัวเรือนและกลุ่มชุมชนย่อย เช่น กลุ่มแม่บ้าน กลุ่ม อสม. และคณะกรรมการชุมชน ซึ่งร่วมกันจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต เช่น การจัดกิจกรรมสุขภาพ งานบุญประเพณี การดูแลผู้สูงอายุ และกิจกรรมส่งเสริมอาชีพ นอกจากนี้ยังมีการประสานงานกับหน่วยงานรัฐและท้องถิ่น เช่น เขตคลองสามวา และสำนักงานเขต เพื่อขอรับการสนับสนุนโครงการพัฒนาชุมชนอย่างต่อเนื่อง
ชุมชนพระยาสุเรนทร์ยังคงรักษาวิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่ยึดโยงกับพระพุทธศาสนาเป็นหลัก โดยมีวัดพระยาสุเรนทร์เป็นศูนย์กลางของกิจกรรมทางศาสนาและประเพณีต่าง ๆ เช่น ประเพณีลอยกระทง งานสงกรานต์ เทศกาลเข้าพรรษาและออกพรรษา รวมถึงวันสำคัญทางพุทธศาสนาอื่น ๆ ซึ่งคนในชุมชนจะมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรม โดยเป็นกิจกรรมที่สะท้อนให้เห็นถึงความสามัคคีและความเคารพในขนบธรรมเนียมที่สืบทอดกันมา แต่ด้วยสถานการณ์ทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น การเข้ามาของเทคโนโลยี การสื่อสาร และการเปลี่ยนแปลงด้านค่านิยม ซึ่งส่งผลทำให้การมีส่วนร่วมในกิจกรรมวัฒนธรรมของคนในชุมชนบางส่วนเริ่มลดน้อยลง ซึ่งอาจจะส่งผลทำให้ความรู้เรื่องความหมายของประเพณีบางอย่างเริ่มเลือนหายไปจากคนรุ่นใหม่
ชุมชนพระยาสุเรนทร์ตั้งอยู่ในเขตชานเมืองของกรุงเทพมหานคร แม้จะเป็นพื้นที่เมืองที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงมีทรัพยากรธรรมชาติสำคัญ เช่น คลองพระยาสุเรนทร์ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสายหลักที่ไหลผ่านชุมชน และเคยมีบทบาทในการคมนาคม การเกษตร และการดำรงชีวิตของชาวบ้านในอดีต ปัจจุบันคลองยังเป็นทั้งแหล่งน้ำใช้และเป็นจุดศูนย์กลางของกิจกรรมชุมชนหลายด้าน เช่น การจัดกิจกรรมอนุรักษ์และรณรงค์รักษาความสะอาด โดยพื้นที่บางส่วนของชุมชนยังมีพื้นที่สีเขียว เช่น สวนสาธารณะ บริเวณปลูกผักสวนครัว และต้นไม้ริมคลอง ซึ่งชาวบ้านบางกลุ่มใช้ประโยชน์เพื่อปลูกพืชผักกินเองหรือทำกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมร่วมกัน นอกจากนี้ยังมีการรณรงค์คัดแยกขยะภายในชุมชน และมีโครงการรีไซเคิลในบางครัวเรือน รวมถึงการปลูกจิตสำนึกเรื่องสิ่งแวดล้อมผ่านกิจกรรมในโรงเรียนและกลุ่มเยาวชน แต่อย่างไรก็ตาม ชุมชนเผชิญความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ปัญหาน้ำเสียจากครัวเรือน น้ำขังช่วงฝนตกหนัก ขยะในคลอง และพื้นที่สีเขียวที่ลดลงจากการพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรและสิ่งปลูกสร้าง ความร่วมมือระหว่างภาคประชาชน หน่วยงานท้องถิ่น และภาคีภายนอกจึงมีบทบาทสำคัญในการจัดการสิ่งแวดล้อมในระยะยาวเพื่อรักษาทรัพยากร
กมลวรรณ วงษ์วิเชียร. (2560). ศึกษาลักษณะเด่นเเละการมีส่วนร่วมของชุมชนในตลาดน้ำวัดพระยาสุเรนทร์ จังหวัดกรุงเทพมหานคร. ภาคนิพนธ์. วิทยาลัยโพธิวิชชาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น. (2564). แนวทางการส่งเสริมชุมชนเข้มแข็งในเขตเมือง. กรุงเทพฯ : กระทรวงมหาดไทย.
กรุงเทพมหานคร. (2566). แผนพัฒนาท้องถิ่น (พ.ศ. 2566-2570) เขตคลองสามวา. สำนักงานเขตคลองสามวา.
คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง. (2557). ประวัติพระยาสุเรนทร์. https://monokbb1.wixsite.com/prayasurane/
ชลธร ดวงสวัสดิ์. (2562). การศึกษาเรื่องยุทธศาสตร์ในการพัฒนาการจัดการการท่องเที่ยวโดยชุมชน: กรณีศึกษา ชุมชนพระยาสุเรนทร์ เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
วัดพระยาสุเรนทร์. (2567). ประวัติวัดพระยาสุเรนทร์. https://www.facebook.com/watprayasuren
สำนักงานเขตคลองสามวา. (2564). ฐานข้อมูลทะเบียนบ้านและจำนวนประชากรจำแนกรายชุมชน. กรุงเทพฯ : สำนักงานเขตคลองสามวา
สำนักงานเขตคลองสามวา. (2566). รายงานสภาพทั่วไปและข้อมูลชุมชนในพื้นที่เขตคลองสามวา. กรุงเทพฯ : สำนักงานเขตคลองสามวา
สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2565). สถิติจำนวนประชากร เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร. https://www.nso.go.th