ชาวบ้านอพยพมาจากจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น บุรีรัมย์ สุรินทร์ และศรีสะเกษ เป็นต้น เพื่อหาพื้นที่ทำกินและตั้งถิ่นฐานถาวรในพื้นที่ป่าเบญจพรรณบริเวณนี้ เนื่องจากมีความอุดมสมบูรณ์ของดินและน้ำ เหมาะแก่การทำนา ทำไร่ และเลี้ยงสัตว์ โดยผู้ที่เข้ามาตั้งรกรากในระยะแรกส่วนใหญ่เป็นกลุ่มครอบครัวที่มีความสัมพันธ์ทางเครือญาติ ช่วยกันบุกเบิกพื้นที่ ทำกิน และสร้างบ้านเรือนแบบเรียบง่าย

บ้านนาตอเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ราบลุ่ม ซึ่งเหมาะสมสำหรับการเกษตรกรรม โดยเฉพาะการทำนาและการปลูกพืชผสมผสาน ชุมชนมีการใช้ประโยชน์จากพื้นที่อย่างยั่งยืน ชุมชนบ้านนาตอมีแหล่งน้ำธรรมชาติที่สำคัญ เช่น ลำคลองและบ่อน้ำตื้น ซึ่งใช้ในการเกษตรและการอุปโภคบริโภค ชาวบ้านมีการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อรองรับการใช้งานตลอดปี

หมู่ที่ 16 บ้านนาตอ มีประชากรทั้งสิ้น 663 คน โดยแบ่งเป็นประชากรชาย จำนวน 316 คน และประชากรหญิง จำนวน 347 คน

ชาวบ้านในชุมชนมีการประกอบอาชีพดังนี้

• การเกษตรอินทรีย์และเกษตรผสมผสาน ปลูกข้าว ผัก ผลไม้ และเลี้ยงสัตว์แบบปลอดสารเคมี โดยอิงแนวทางเกษตรทฤษฎีใหม่และเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อลดต้นทุนและสร้างความมั่นคงด้านอาหารภายในครัวเรือน
• แม่บ้านเกษตรกร แปรรูปผลผลิตทางการเกษตร เช่น กล้วยฉาบ น้ำพริก ข้าวแต๋น ปลาส้ม และผักดอง เป็นต้น
• เลี้ยงสัตว์ เช่น เลี้ยงวัว สุกร ไก่ไข่ และปลาในบ่อดิน เป็นต้น ซึ่งเป็นแหล่งรายได้และอาหารของครัวเรือน นอกจากนี้ยังมีบางครัวเรือนที่รวมตัวกันทำกิจกรรมด้านประมงพื้นบ้าน เช่น เลี้ยงปลานิล และปลาดุก เป็นต้น เพื่อจำหน่ายในตลาดชุมชน

บ้านนาตอมีลักษณะเป็นชุมชนชนบทที่สมาชิกในชุมชนมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันสูง วิถีชีวิตทางสังคมของชาวบ้านมักจะเกี่ยวข้องกับประเพณีและกิจกรรมร่วมกันในชุมชนอย่างสม่ำเสมอ เช่น การทำบุญในวันสำคัญทางศาสนา งานประเพณี และการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ทั้งในครอบครัวและชุมชน เป็นต้น รวมถึงการรวมกลุ่มทำกิจกรรม เช่น การทำความสะอาดวัด โรงเรียน หรือพื้นที่สาธารณะ เป็นต้น ชุมชนยังมีการดูแลผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ป่วยติดเตียงอย่างใกล้ชิด ผ่านการเยี่ยมเยียนและช่วยเหลือ ความสัมพันธ์ทางสังคมในบ้านนาตอจึงมีความอบอุ่นและเป็นเครือข่ายความช่วยเหลือที่เข้มแข็ง ส่งผลให้ชุมชนมีความมั่นคง

มีการรวมกลุ่มของชาวบ้านในรูปแบบกลุ่มอาชีพและกลุ่มออมทรัพย์ ช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ในการพัฒนาอาชีพ รวมถึงช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ชุมชนยังมีการส่งเสริมการใช้เกษตรอินทรีย์และเกษตรทฤษฎีใหม่ เพื่อเพิ่มคุณภาพผลผลิตและรักษาสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังมีการเข้าร่วมโครงการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานและการตลาดออนไลน์จากหน่วยงานภาครัฐ เพื่อส่งเสริมการขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้า

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

ชุมชนมีฐานเศรษฐกิจหลักมาจากการเกษตร ได้แก่ การทำนา การปลูกพืชไร่ และการเลี้ยงสัตว์ รวมถึงการแปรรูปผลิตภัณฑ์การเกษตร ซึ่งสร้างรายได้ให้แก่ครัวเรือนอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้การมีแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรที่เพียงพอและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพยังเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยพัฒนาความมั่นคงทางเศรษฐกิจของชุมชน ประเพณีและวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น ประเพณีบุญข้าวประดับดิน บุญออกพรรษา และสงกรานต์ เป็นต้น ถือเป็นทุนทางวัฒนธรรมที่ทำให้ชุมชนมีความเข้มแข็งทางจิตใจ และช่วยสร้างความสามัคคีระหว่างสมาชิกในชุมชน 

ภาษาหลักที่ใช้ในชุมชนบ้านนาตอคือ ภาษาไทย ซึ่งเป็นภาษาราชการและใช้ในการสื่อสารประจำวัน เนื่องจากสระแก้วอยู่ติดชายแดนกัมพูชา ทำให้ในบางชุมชนมีการใช้ภาษาเขมร เป็นภาษาท้องถิ่นควบคู่ไปด้วย

ด้านเศรษฐกิจ:

ชุมชนบ้านนาตอยังคงอาศัยการทำอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก เช่น การปลูกข้าว พืชผักสวนครัว รวมถึงการเลี้ยงสัตว์ เป็นต้น ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของครัวเรือนส่วนใหญ่

ด้านสังคมและประชากร:

ชุมชนบ้านนาตอมีการรวมตัวกันในรูปแบบกลุ่มต่าง ๆ เช่น กลุ่มเกษตรกร กลุ่มแม่บ้าน และกลุ่มเยาวชน ที่ช่วยส่งเสริมการพัฒนาชุมชนในหลากหลายมิติ เช่น การจัดกิจกรรมส่งเสริมอาชีพ การฝึกอบรม และการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเพื่อรับการสนับสนุนโครงการต่าง ๆ เป็นต้น

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

กรมการปกครอง กระทรวงมหาไทย. (2568). ระบบสถิติทางการทะเบียน. https://www.dopa.go.th/

ธารวิมล พุฒหอม. (2567). แนวทางการออกแบบบรรจุภัณฑ์ข้าวรวงแก้ว แก้วกินรี อําเภอเมือง จังหวัดสระแก้ว. ภาคนิพนธ์. วิทยาลัยโพธิวิชชาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.

องค์การบริการส่วนตำบลโคกปี่ฆ้อง. (2567). สภาพทั่วไป. https://www.kokpeekhong.go.th/