
พื้นที่กรุงเทพมหานคร ที่ยังคงวิถีชีวิตริมคลอง ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ปลูก ข้าว ทำนา และมีวัดพระยาเสนานนท์เป็นศูนย์รวมความศรัทธา และความเชื่อ
ดั้งเดิมคลองลำมะเขือขื่นเป็นพื้นที่ที่มีต้นมะเขือขื่นขึ้นเต็มพื้นที่ มีสภาพพื้นที่ติดริมฝั่งคลองสามวา จึงเรียกขานพื้นที่แห่งนี้ว่า คลองลำมะเขือขื่น
พื้นที่กรุงเทพมหานคร ที่ยังคงวิถีชีวิตริมคลอง ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ปลูก ข้าว ทำนา และมีวัดพระยาเสนานนท์เป็นศูนย์รวมความศรัทธา และความเชื่อ
เดิมในชุมชนคลองลำมะเขือขื่นมีผู้อาศัยอยู่ในชุมชนตั้งถิ่นฐานมาก่อนแล้ว 115 ปี ชาวบ้านมีความเชื่อว่าหมู่บ้านในชุมชนคลองลำมะเขือขื่นเกิดขึ้นตั้งแต่ในสมัยปลายรัชกาลที่ 5 ในอดีตก่อนที่จะก่อตั้งเป็นชุมชน ดั้งเดิมคลองลำมะเขือขื่น เป็นพื้นที่ที่มีต้นมะเขือขื่นขึ้นอยู่เต็มพื้นที่มีสภาพพื้นดินที่ติดริมฝั่งคลองสามวา จึงเรียกขานพื้นที่แห่งนั้นว่า คลองลำมะเขือขื่น ในสมัยอดีตมีบ้านเรือนตั้งถิ่นฐานอยู่ละแวกนั้นบ้างประมาณ 15 ครัวเรือน ในระยะที่ห่างกัน ซึ่งลักษณะบ้านเรือนในขณะนั้นสร้างด้วยไม้เป็นส่วนใหญ่ หลังคาหุ้มด้วยใบจาก บ้านเรือนมีใต้ถุนสูง แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็เริ่มมีการขยายตัวของบ้านเรือน และมีการอพยพเข้ามาอาศัยในพื้นที่มากขึ้น จึงมีการขยายบ้านเรือนไปทั่วพื้นที่ริมคลองลำมะเขือขื่น ตั้งแต่ต้นคลองจรดปลายคลองซึ่งจึงมีชื่อเรียกกล่าวขานกันมาว่า ชุมชนคลองลำมะเขือขื่น แต่ในสมัยอดีตการจัดตั้งชุมชนยังไม่มีหลักฐานปรากฏที่แน่นอน แต่เมื่อเวลาผ่านไปจึงมีการจัดตั้งชุมชนเมื่อปี พ.ศ. 2545 มีผู้ใหญ่บ้านชื่อว่า ผู้ใหญ่เนียน ฟักอ่อน ซึ่งผู้คนที่อาศัยอยู่ในชุมชนคลองลำมะเขือขื่นประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก นิยมเลี้ยงไก่ เลี้ยงปลา ปลูกผัก ไว้มาประกอบอาหาร ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ชุมชนคลองลำมะเขือขื่น ถนนร่วมใจพัฒนา แขวงสามวาตะวันออก เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร มีอาณาเขตติดต่อดังนี้
- ทิศเหนือ ติดกับ ชุมชนหมู่ที่ 15
- ทิศใต้ ติดกับ ชุมชนรวมน้ำใจพัฒนา
- ทิศตะวันออก ติดกับ ชุมชนแผ่นดินทองวัดสามง่าม
- ทิศตะวันตก ติดกับ ชุมชนวัดสุขใจ
สภาพพื้นที่ทางกายภาพ
ลักษณะทางกายภาพเป็นชุมชนเมืองน้อยกว่าชุมชมเกษตรกรรม ชุมชนเกษตรกรรมจะตั้งบ้านเรือนกระจุกตัวอยู่ตามริมคลองสำคัญได้แก่ คลองสามวา คลองแสนแสบ คลองหนึ่งตะวันออก คลองสองตะวันออก คลองสามตะวันออก คลองสามตะวันตก คลองสี่ตะวันออก คลองสี่ตะวันตก คลองบึงขวาง คลองบึงใหญ่ คลองสามประเวศ คลองสี่ประเวศ เป็นต้น ต่อมามีการตัดถนนมากขึ้น เปิดโอกาสให้เกษตรกรรมมีทางเลือกในการสร้างบ้านเรือน ขยายตัวชุมชนลึกเข้าไปในพื้นที่ที่ห่างจากคลอง ปัจจุบันมีหมู่บ้านจัดสรรเข้ามาแทนพื้นที่
ลักษณะภูมิประเทศ
พื้นที่ส่วนใหญ่เหมาะกับการทำเกษตร เป็นที่ราบระดับต่ำ สูงกว่าระดับน้ำทะเลไม่เกินหนึ่งเมตรครึ่ง
ข้อมูลประชากรชุมชนคลองลำมะเขือขื่นมีประชากรทั้งหมดจำนวน 522 คน แบ่งเป็นชาย 251 คน และหญิง 271 คน
ชุมชนคลองลำมะเขือขื่น ตั้งอยู่ในเขตคลองสามวากรุงเทพมหานคร เป็นชุมชนที่มีความเข้มแข็งทางสังคม และมีการรวมกลุ่มกันในหลากหลายด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และการเมือง โดยมีรายละเอียดของโครงสร้างทางสังคม
การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ ประชาชนในชุมชนประกอบอาชีพหลักด้านเกษตรกรรม ได้แก่ การปลูกผักสวนครัว เลี้ยงสัตว์น้ำจืด เช่น ปลาและกบ รวมถึงการเลี้ยงไก่เพื่อบริโภคภายในครัวเรือนและจำหน่ายในท้องถิ่น ทั้งนี้ ชาวบ้านได้มีการรวมกลุ่มกันเพื่อดำเนินกิจกรรมในลักษณะเศรษฐกิจพอเพียง ส่งเสริมการผลิตที่หลากหลาย และมีการแปรรูปผลผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่า อาทิ การทำผลิตภัณฑ์สมุนไพรพื้นบ้าน อาหารแปรรูป และสินค้าเกษตรปลอดสารพิษ
การรวมกลุ่มทางสังคม ชุมชนมีลักษณะความสัมพันธ์แบบเครือญาติ และส่งเสริมการช่วยเหลือเกื้อกูลกันในชีวิตประจำวัน มีการจัดตั้งกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) กลุ่มสตรี กลุ่มเยาวชน และชมรมผู้สูงอายุ ซึ่งมีบทบาทในการสนับสนุนกิจกรรมทางสังคมและด้านสาธารณสุขของชุมชนอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งยังมีการจัดกิจกรรมส่วนรวม เช่น งานบุญ งานประเพณี และงานศพ เพื่อเสริมสร้างความสามัคคีและความผูกพันในชุมชน
การรวมกลุ่มทางวัฒนธรรม ชุมชนให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์และสืบสานวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยยังคงรักษาขนบธรรมเนียมประเพณี เช่น ประเพณีสงกรานต์ ลอยกระทง และทำบุญกลางบ้าน รวมถึงการถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นจากผู้สูงอายุสู่เยาวชน เช่น การทำอาหารพื้นบ้าน การใช้สมุนไพร และการจัดกิจกรรมเวทีเรียนรู้เพื่อให้คนรุ่นใหม่มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์วัฒนธรรมชุมชน
การรวมกลุ่มทางการเมือง ชุมชนมีคณะกรรมการชุมชนทำหน้าที่เป็นแกนกลางในการประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐและเป็นตัวแทนในการสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่เข้าสู่กระบวนการพัฒนา มีการจัดเวทีประชาคมเพื่อพิจารณาแผนงาน งบประมาณ และการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เช่น ระบบสาธารณูปโภค น้ำประปา การจัดการสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายในชุมชนอย่างมีส่วนร่วม
1.พันตำรวจเอก พระยาเสนานนท์ ผู้สร้างวัดเสนานนท์ และเปลี่ยนชื่อเป็นวัดพระยาเสนานนท์ ซึ่งเป็นศูนย์รวมศรัทธาของพุทธศาสนิกชนที่อาศัยอยู่บริเวณลำคลองมะเขือขื่น เป็นวัดที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติรอบข้าง
2.นายผิน อยู่สวน ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็น "หมอ" ของชุมชน สามารถรักษาอาการเจ็บป่วยของผู้คนให้หายได้ โดยอาศัยทั้งความรู้พื้นบ้านและความเชื่อทางจิตวิญญาณ นายผิน อยู่สวน ได้ถ่ายทอดองค์ความรู้และบทบาทดังกล่าวให้แก่ นายบุญชู ห้าวหาญ ซึ่งเป็นหลานชายของท่าน และต่อมาได้ถ่ายทอดต่อมายัง นายบี ห้าวหาญ ซึ่งเป็นหลานชายของนายบุญชู ทั้งสามท่านนี้ถือเป็นบุคคลสำคัญที่มีบทบาทในการดูแลสุขภาพชาวบ้านผ่านทั้งศาสตร์การรักษาพื้นบ้านและพิธีกรรมทางความเชื่อ ชาวบ้านในชุมชนยังคงให้ความเคารพต่อผู้สืบทอดบทบาทนี้ โดยเรียกขานด้วยความนับถือว่า "หมอ" ซึ่งหมายถึงผู้มีภูมิปัญญา ผู้รักษา และผู้เชื่อมโยงระหว่างความเชื่อกับสุขภาพของชุมชน
ทุนภูมิปัญญา ความเชื่อ/การรักษาโรค
ชาวบ้านในชุมชนคลองลำมะเขือขื่น มีความเชื่อเรื่องการบูชาผีบ้านผีเรือนและการนับถือผีมอญ และการไหว้ครู เคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยผู้ริเริ่มความเชื่อในสมัยอดีต คือ นายผิน อยู่สวน ใน พ.ศ. 2478 ชาวบ้านมีความเชื่อว่า นายผิน อยู่สวน เป็นผู้มีความสามารถในเรื่องพิธีกรรม และช่วยเหลือชาวบ้านในยามป่วยไข้ เพราะในอดีตการเดินทางไปรักษาโรคภัยไข้เจ็บที่โรงพยาบาลเป็นการเดินทางที่ลำบากมาก ชาวบ้านจึงมีความเชื่อว่า นายผิน อยู่สวน สามารถรักษาการเจ็บป่วยให้หายได้ เมื่อชาวบ้านมีอาการเจ็บป่วย ชาวบ้านมักมีความเชื่อว่า เป็นผลจากการที่ลืมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเป็นผลมาจากผีมอญที่ต้องการหาผู้สืบต่อพิธีกรรมไปเป็นรุ่นสู่รุ่น เมื่อไม่มีผู้รับพิธีกรรมสืบต่อ ชาวบ้านก็จะล้มป่วยกันมากมาย จึงมีการสืบต่อจากรุ่นสู่รุ่น จากนายผิน อยู่สวน สืบต่อมาเป็นนาย บุญชู ห้าวหาญ (หลานชายของนายผิน) ทั้งสองคนนี้มีความสัมพันธ์เป็นเครือญาติกัน ในปัจจุบันทั้งสองคนได้เสียชีวิตแล้ว แต่ชาวบ้านบางส่วนในชุมชนคลองลำมะเขือขื่นยังคงมีความเชื่อในสมัยอดีตอยู่ เพราะเมื่อเวลาผ่านไปตามยุคสมัยก็มีสถานที่อำนวยความสะดวกเพิ่มมากขึ้น มีโรงพยาบาล มีหมอที่เชี่ยวชาญในเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ ทำให้ความเชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ลดน้อยลง ลักษณะของการนับถือ คือ การประกอบพิธี ไหว้ครู ไหว้ผีบ้านผีเรือน และผีมอญ ในช่วงเดือน พฤษภาคม หรือเดือนมิถุนายน ก่อนประเพณีเข้าพรรษา ซึ่งปัจจุบันผู้ที่รับการสืบทอดพิธีกรรมต่าง ๆ ต่อจากนายบุญชู ห้าวหาญ คือ นายบี ห้าวหาญ มีความสัมพันธ์เป็นหลานชายของนายบุญชู ห้าวหาญ โดยชาวบ้านในชุมชนแทนชื่อเรียกผู้ที่สืบต่อพิธีกรรมว่า "หมอ"
ชุมชนคลองลำมะเขือขื่นใช้ภาษาไทยในการสื่อสาร
ในอดีตชุมชนคลองลำมะเขือขื่น ยังไม่มีไฟฟ้าเข้ามาในชุมชน ชาวบ้านในชุมชนนิยมใช้เทียนไขในการให้แสงสว่างในตอนกลางคืน เมื่อปี พ.ศ. 2525 ได้เริ่มมีไฟฟ้าเข้ามา ในชุมชนคลองลำมะเขือขื่นโดยสำนักงานเขตคลองสามวาได้นำไฟเข้ามาติดตั้งในครัวเรือนในชุมชนคลองลำมะเขือขื่นเพื่อเพิ่มแสงสว่างมากยิ่งขึ้น ชุมชนคลองลำมะเขือขื่นประสบปัญหาขาดแคลนน้ำประปา ชาวบ้านต้องใช้น้ำจากคลองและน้ำฝน ในการอุปโภคบริโภคมานานกว่า 60 ปี ในช่วงปี พ.ศ. 2561 การประปานครหลวงได้เริ่มดำเนินการวางท่อน้ำประปาและติดตั้งมิเตอร์น้ำในชุมชน ทำให้ชาวบ้านมีน้ำประปาใช้เป็นครั้งแรก
กฤตยกร ส่งต่าย. (2560). การศึกษาสภาพทั่วไป สภาพปัญหา และแนวทางการพึ่งตนเองของประชาชนในชุมชนคลองลำมะเขือขื่น เขตคลองสามวา แขวงสามวาตะวันออก จังหวัดกรุงเทพมหานคร. ภาคนิพนธ์. วิทยาลัยโพธิวิชชาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
กรมส่งเสริมวัฒนธรรม. (2562). ระบบวัฒนธรรมทางสังคมในชุมชนคลองลำมะเขือขื่น. https://research.culture.go.th/medias/nt148.pdf
สำนักงานเขตคลองสามวา. (ม.ป.ป.). ชุมชนพื้นฐานเขตคลองสามวา. https://webportal.bangkok.go.th/khlongsamwa/
สำนักงานเขตคลองสามวา. (19 พฤศจิกายน 2564). กิจกรรมเก็บผักตบชวาคลองลำมะเขือขื่น. Facebook. https://www.facebook.com/khlong3wa/posts/
Thai PBS. (29 มีนาคม 2561). กว่า 60 ปี ชุมชนคลองลำมะเขือขื่นไม่มีน้ำประปาใช้. https://www.thaipbs.or.th/news/