
บ้านมะโอ๊ะโค๊ะเป็นชุมชนที่มีชื่อเสียงเรื่องการทอผ้าด้วยมือ ชาวบ้านยังคงใช้วิธีทอผ้าแบบดั้งเดิมที่สืบทอดกันมาหลายรุ่น ผ้าทอที่นี่มีลวดลายสวยงามและสีสันสดใส ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติและวัฒนธรรมท้องถิ่น เป็นหมู่บ้านยามชายแดนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ชื่อหมู่บ้าน มะโอ๊ะโค๊ะ มีความหมายในภาษาปกาเกอะญอว่า ต้นส้มโอ
บ้านมะโอ๊ะโค๊ะเป็นชุมชนที่มีชื่อเสียงเรื่องการทอผ้าด้วยมือ ชาวบ้านยังคงใช้วิธีทอผ้าแบบดั้งเดิมที่สืบทอดกันมาหลายรุ่น ผ้าทอที่นี่มีลวดลายสวยงามและสีสันสดใส ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติและวัฒนธรรมท้องถิ่น เป็นหมู่บ้านยามชายแดนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
จากข้อมูลของกรมพัฒนาที่ดิน (มปป.) กล่าวถึงประวัติการจัดตั้งหมู่บ้านยามชายแดนอันเนื่องมาจากพระราชดำริว่า เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2542 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้มีพระราชกระแสรับสั่งกับผู้บังคับการทหารและคณะที่ปรึกษาส่วนพระองค์ ให้หน่วยราชการต่าง ๆ ดำเนินการช่วยเหลือราษฎรชาวไทยภูเขา ด้วยการให้อยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่เดิมโดยไม่ต้องอพยพมายังพื้นราบ เพื่อให้ราษฎรชาวไทยภูเขาได้อาศัยอยู่ในถิ่นฐานเดิมสามารถดำเนินชีวิตและวัฒนธรรมประเพณีเดิมที่บรรพบุรุษของพวกเขาเหล่านั้นได้ปฏิบัติมา ภายใต้การดูแลช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด ให้ความรู้ การปลูกจิตสำนึกความเป็นคนไทย และการปฏิบัติตามกฎหมายไทย ตลอดจนการให้ราษฎรชาวไทยภูเขา ได้มีส่วนร่วมในการดูแลรักษาป่าต้นน้ำลำธาร และร่วมมือกับทางราชการในการช่วยเหลือด้านความมั่นคง
เมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2542 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้เสด็จฯ เยี่ยมราษฎรที่บ้านรวมไทยพัฒนาที่ 1 ตำบลรวมไทยพัฒนา อำเภอพบพระ จังหวัดตาก ได้มีพระราชเสาวนีย์กับพลตรีชัยยุทธ เทพยสุวรรณ ผู้บัญชาการกองพลพัฒนาที่ 3 เพื่อเป็นการสนองพระราชเสาวนีย์ กองทัพภาคที่ 3 จึงได้พิจารณาจัดตั้งหมู่บ้านชาวไทยภูเขาขึ้นในพื้นที่จังหวัดตาก โดยกำหนดให้มีสภาพดังนี้ 1.เป็นหมู่บ้านตั้งบนภูเขา เพราะชาวไทยภูเขามีความคุ้นเคยกับการอยู่อาศัยบนภูเขามากกว่า และ 2.เป็นพื้นที่ที่สามารถทำเกษตรกรรมได้ดังเช่นที่ดอยอ่างขาง มีแหล่งน้ำ มีพื้นที่เพียงพอสำหรับหมู่บ้านประมาณ 40-50 ครอบครัว
โดยในการเริ่มสร้างหมู่บ้านมะโอ๊ะโค๊ะ มีราษฎรชาวไทยภูเขาสมัครใจมาอยู่ จำนวน 30 ครอบครัว โดยทางการได้จัดสรรที่ดินทำกินให้คนละ 10-15 ไร่ ตามสภาพพื้นที่มีหน่วยงานโครงการพัฒนาราษฎรชาวไทยภูเขา อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดตาก ในความรับผิดชอบของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 14 (ตาก) เป็นผู้ดูแล
หมู่บ้านมะโอ๊ะโค๊ะตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ตำบลแม่จัน อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนทางตะวันตกของประเทศไทยที่มีพรมแดนติดกับประเทศเมียนมา อาณาเขตของหมู่บ้านมะโอ๊ะโค๊ะมีดังนี้
- ทิศเหนือ ติดต่อกับ ตำบลหนองหลวง อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก
- ทิศใต้ ติดต่อกับ ตำบลชะแล อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับ ตำบลแม่ละมุ้ง อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับ ชายแดนประเทศเมียนมา
ลักษณะภูมิประเทศ
ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงชันสลับซับซ้อน มีสภาพป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารและมีความหลากหลายทางชีวภาพสูง หมู่บ้านมะโอโค๊ะตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลและมีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขา การคมนาคมขนส่งไม่สะดวก โดยเฉพาะในฤดูฝนที่เส้นทางบางช่วงไม่สามารถสัญจรได้สะดวก ถนนเข้าสู่หมู่บ้านส่วนใหญ่ยังคงเป็นถนนลูกรังหรือเส้นทางธรรมชาติ
ข้อมูลประชากรจากสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง พ.ศ. 2568 พบว่า หมู่ที่ 12 บ้านมะโอ๊ะโค๊ะ มีประชากรที่เป็นคนไทยจำนวน 228 คน แบ่งเป็นชาย 126 คน และหญิง 102 คน โดยมีประชากรที่ไม่ใช่คนไทย จำนวนทั้งหมด 22 คน แบ่งเป็นชาย 10 คน และหญิง 12 คน จำนวนประชากรทั้งหมดมี 250 คน ภายในชุมชนมีจำนวนบ้านทั้งหมด 67 หลัง
ปกาเกอะญอกลุ่มผ้าทอปกาเกอะญอบ้านมะโอ๊ะโค๊ะมีการจัดตั้งหมู่บ้านในปี พ.ศ. 2543 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาส่งเสริมด้านอาชีพ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชน โดยผู้นำชุมชนร่วมกับสมาชิกกลุ่มสตรีในหมู่บ้านได้เล็งเห็นว่าการทอผ้าเป็นวิถีชีวิตดั้งเดิมของหญิงชาวปกาเกอะญอ ซึ่งใช้เวลาว่างจากการประกอบอาชีพหลักในการทอผ้า
ประเพณีมาบุ๊โคะถือเป็นประเพณีสำคัญของชุมชนชาวปกาเกอะญอบ้านมะโอ๊ะโค๊ะ หมู่ที่ 12 ตำบลแม่จัน อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความศรัทธาและความผูกพันอันลึกซึ้งระหว่างชุมชนกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในท้องถิ่น พิธีกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อแสดงความเคารพบูชาต่อเจดีย์หรือสถานที่ที่ชาวบ้านยึดถือว่าเป็นศูนย์รวมแห่งจิตวิญญาณ โดยมีกระบวนการเตรียมการอย่างเป็นระบบ ทั้งการทำความสะอาดสถานที่ การจัดขบวนแห่ การนำเครื่องสักการะมาถวาย และการประกอบพิธีกรรมทางจิตวิญญาณโดยผู้อาวุโสหรือผู้นำชุมชน นอกจากนี้ยังมีการสวดมนต์ บูชาผีบรรพบุรุษ และการจัดกิจกรรมวัฒนธรรมพื้นบ้าน เช่น การฟ้อนรำและการแสดงดนตรีท้องถิ่น เพื่อสร้างความสามัคคีและส่งเสริมการเรียนรู้ทางวัฒนธรรมให้กับเยาวชน ประเพณีมาบุ๊โคะจึงนับเป็นพิธีกรรมที่มีคุณค่าทางศาสนาและวัฒนธรรม อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือในการธำรงรักษาอัตลักษณ์ของชุมชนชาวปกาเกอะญอให้คงอยู่
1.นางมาลัย นทีฤทธิรงค์ ประธานกลุ่มผ้าทอกะเหรี่ยงบ้านมะโอ๊ะโค๊ะ
กลุ่มทอผ้าปกาเกอะญอบ้านมะโอ๊ะโค๊ะ มีการทอผ้าเป็นหนึ่งในวิถีชีวิตที่แม่บ้านชาวปกาเกอะญอใช้เวลาว่างจากการทำงานเพื่อสร้างรายได้เสริมให้กับครอบครัว จึงมีการตั้งกลุ่มสมาชิกและถ่ายทอดให้กับสำหรับผู้สนใจและฝึกปฏิบัติจน สมาชิกมีความชำนาญและทำให้มีการเพิ่มผลิตภัณฑ์มากขึ้นเรื่อย ๆ จนสามารถจำหน่ายได้ นอกจากนี้ยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เล็งเห็นความสำคัญ ได้เข้ามาจัดอบรมเพิ่มความรู้ให้ผสมผสานผ้าทอเข้าให้เข้ายุคสมัยใหม่
การย้อมผ้าจากสีธรรมชาติ วัตถุดิบธรรมชาติจากพืช ส่วนใหญ่จะได้มาจากส่วนต่าง ๆ ของต้นไม้ เช่น เปลือก แก่น ดอก ผล ใบ นอกจากนี้พบว่า พืชให้สีย้อมธรรมชาติ มี 17 ชนิด และนำส่วนของพืชมาย้อมสี ดังนี้ ส่วนเปลือก 13 ชนิด ได้แก่ ประดู่ ลำพูป่า มะขาม เพกา ตะเคียนหนู ปอมืน มะกล่ำ สมพง หว้า ตาเสือ ดองเด๊า ตะไคร้บก กะเยอซู เป็นต้น แก่น 1 ชนิด ได้แก่ ขนุน ใบ 1 ชนิด ได้แก่ ยูคาลิปตัส ดอก 1 ชนิด ได้แก่ เครือออน และส่วนผล ได้แก่ ฝักคูน สามารถแบ่งโทนสีจากการย้อมสีธรรมชาติได้ 3 โทน ประกอบด้วย โทนสีน้ำตาลแดง โทนสีน้ำตาลเหลือง โทนสีเขียวน้ำตาล การใช้พืชเป็นวัตถุดิบในการทำย้อมสีธรรมชาติส่วนหนึ่งในการดำรงชีวิต ที่มีการสืบทอดต่อ ๆ กันมา ซึ่งในชุมชนมีภูมิปัญญาการย้อมสีธรรมชาติของปกาเกอะญอ 2 วิธี โดยทั้ง 2 ขั้นตอน มีการเตรียมวัตถุดิบที่ไม่แตกต่างกันแต่มีขั้นตอนในการย้อมสีที่แตกต่างกันและใช้เวลาในการย้อม ในชุมชนจึงใช้พืชที่มีในชุมชนเพื่อสร้างมูลค่าให้กับพืช โดยการใช้พืชที่มียางนำมาลองย้อมสี เพื่อที่จะได้สีธรรมชาติที่หลากหลายจากดั้งเดิม
โครงการพัฒนาราษฎรชาวไทยภูเขา อันเนื่องมาจากพระราชดำริ (บ้านมะโอโค๊ะ)
ส่วนประสานงานโครงการพระราชดำริและกิจการพิเศษ, สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 14 (ตาก) ได้อธิบายถึงที่มาของโครงการว่าเป็นโครงการที่ดำเนินการตามพระราชกระแสรับสั่งของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อครั้งที่ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมราษฎรในโครงการจัดตั้งที่อยู่อาศัยและพื้นที่ทำกินคีรีราษฎร์ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2542 ซึ่งได้ทรงมีพระราชเสาวนีย์กับ พลตรีชัยยุทธ เทพยสุวรรณ ผู้บัญชาการกองพลพัฒนาที่ 3 ผู้อำนวยการโครงการพัฒนาเพื่อความมั่นคงพื้นที่จังหวัดตาก-แม่ฮ่องสอน ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการ ประสานงานโครงการ จัดที่อยู่อาศัยและพื้นที่ทำกินคีรีราษฎร์อำเภอพบพระจังหวัดตาก ให้พิจารณานำราษฎรชาวไทยภูเขาที่สมัครใจไปเป็นยามตามแนวชายแดนตามแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประกอบกับความจำเป็น ในการเสริมสร้างระบบป้องกันตามแนวชายแดน การแจ้งเตือนภัย และการฟื้นฟูสภาพป่าที่ถูกทำลายโดยเร่งด่วน
วัตถุประสงค์โครงการ
- เพื่อเป็นการสนองพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ให้หาราษฎรชาวไทยภูเขาที่สมัครใจไปเป็นยามตามแนวชายแดนตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
- เพื่อจัดตั้งถิ่นฐานและการปกครองตามแนวชายแดนไทย–พม่า ด้านจังหวัดตากที่มีสภาพพื้นที่ตามที่กำหนดให้เป็นหมู่บ้านที่ถูกต้องตามระเบียบกฎหมาย
- เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของพื้นที่และโอกาสของราษฎรให้มีความพร้อมในด้านการพัฒนาเพื่อให้สามารถดำรงชีพได้อย่างยั่งยืน และอยู่อย่างพอกินพอใช้
- เพื่อป้องกันรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของตนเองได้ในระดับหนึ่ง รวมทั้งสามารถแจ้งเตือนภัยให้กับกลุ่มบ้านใหญ่ หรือส่วนราชการได้อย่างทันเวลา
- เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตราษฎรในพื้นที่เป้าหมายให้ได้รับการบริการสาธารณะขั้นพื้นฐานตามความเหมาะสม
- เพื่อบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามแนวทางพระราชดำริที่ให้คนอยู่ร่วมกับป่าอย่างประสานเกื้อกูลกัน
- เพื่อกำหนดแนวเขตชายแดนให้ชัดเจน และลดการกระทบกระทั่ง และความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ภาษาราชการ คือ ภาษาไทย
ภาษาท้องถิ่น คือ ภาษาปกาเกอะญอ
จากบทความการท่องเที่ยว ดอยพาวี อัญมณี แห่งอุ้มผาง จ.ตาก ได้แนะนำการท่องเที่ยวไปยังดอยพาวีที่มีจุดเริ่มต้นการเดินทางจากบ้านมะโอ๊ะโค๊ะ อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ด้วยการนำทางจากผู้นำทางท้องถิ่น นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่น กับทิวทัศน์ที่โดดเด่น และสวยงามพร้อมการเดินเท้าเข้าชมความงามจากธรรมชาติและการพักแรมในพื้นที่อันสงบที่มีดวงดาวเปล่งประกายอยู่เต็มท้องฟ้า
กรมการปกครอง. (2568). ระบบสถิติการลงทะเบียน กรมการปกครอง. สืบค้นเมื่อ 25 พฤษภาคม 2568. จาก https://stat.bora.dopa.go.th
เพ็ญนภา ตรรกชนนาถ. (2557). ภูมิปัญญาการสีย้อมผ้าธรรมชาติของปกาเกอะญอ กรณีศึกษาอำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก. ภาคนิพนธ์. วิทยาลัยโพธิวิชชาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
ส่วนประสานงานโครงการพระราชดำริและกิจการพิเศษ, สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 14 (ตาก). (ม.ป.ป.). โครงการพัฒนาราษฎรชาวไทยภูเขา อันเนื่องมาจากพระราชดำริ (บ้านมะโอโค๊ะ). จาก http://tak.dnp.go.th/Home_files/Division/
Leelana. (2561). ภาพดอยพาวี อัญมณีแห่งอุ้มผาง จ.ตาก. จาก https://sundayz.me/doi-pawee-tak/