
ห้วยปูแกง (บ้านแม่ขมุน้อย) เป็นชุมชนที่รักษาวิถีชีวิตดั้งเดิมและวัฒนธรรมท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี มีการทอผ้าด้วยมือและงานฝีมือท้องถิ่นที่โดดเด่น เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ใส่ใจอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ชุมชนช่วยกันดูแลรักษาความสะอาดพร้อมทั้งยังมีทัศนียภาพงดงาม จึงเป็นตัวอย่างการพัฒนาการท่องเที่ยวที่ส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนควบคู่กับการรักษาวัฒนธรรมและธรรมชาติได้อย่างกลมกลืน
ห้วยปูแกง (บ้านแม่ขมุน้อย) เป็นชุมชนที่รักษาวิถีชีวิตดั้งเดิมและวัฒนธรรมท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี มีการทอผ้าด้วยมือและงานฝีมือท้องถิ่นที่โดดเด่น เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ใส่ใจอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ชุมชนช่วยกันดูแลรักษาความสะอาดพร้อมทั้งยังมีทัศนียภาพงดงาม จึงเป็นตัวอย่างการพัฒนาการท่องเที่ยวที่ส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนควบคู่กับการรักษาวัฒนธรรมและธรรมชาติได้อย่างกลมกลืน
ผู้ที่มาตั้งถิ่นฐานรุ่นแรกคือ บรรพบุรุษของนางกุ้ยพอ ซึ่งนางกุ้ยพอมีบุตรจำนวน 8 คน จากนั้นก็ได้ขยายพื้นที่การตั้งถิ่นฐานโดยลูกหลานได้ไปแต่งงานกับคนในหมู่บ้านอื่น ทำให้คนในหมู่บ้านมีการย้ายถิ่นโดยตลอด ส่วนนายจะสุย ธรรมธาตุ ซึ่งเป็นญาติกับนางกุ้ยพอในฐานะหลาน ซึ่งในสมัยนั้นยังไม่มีการแต่งตั้งตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านเพื่อการดูแลปกครองชุมชน จะมีก็แต่เพียงผู้อาวุโสของชุมชนเป็นผู้ทำหน้าที่คอยดูแลหมู่บ้าน ซึ่งคนในหมู่บ้านจะให้ความเคารพและให้เกียรติโดยจะเรียกว่าผู้นำชุมชนนี้ว่า "ด้านฮิโคะ" และจะมีการสืบทอดกันภายในตระกูลหรือจะต้องเป็นทายาทเท่านั้น และในชุมชนแห่งนี้ได้มี "ด้านฮิโคะ" ดูแลปกครองชุมชนยาวนานถึง 8 ชั่วอายุคน หรือ 8 สมัย มีระบบการปกครองหมู่บ้านโดยมีผู้ใหญ่บ้านทำหน้าที่เป็นผู้นำชุมชนในสมัยที่ 8 และในสมัยที่ 8 นี้เองได้มีการพัฒนาของชุมชนในหลาย ๆ ด้าน เช่น การพัฒนาเส้นทางคมนาคม การแบ่งเขตการปกครอง เป็นต้น
เดิมทีชุมชนแม่ขมุน้อยตั้งอยู่ในเขตการปกครองของหมู่บ้านห้วยนกกก ตำบลแม่หละ จากนั้นได้ก็มีการแบ่งเขตการปกครองใหม่ และแม่ขมุน้อยจึงได้ย้ายไปอยู่ในเขตพื้นที่ตำบลแม่ต้าน โดยอยู่ในหมู่ที่ 5 ซึ่งมีรวมอยู่ด้วยกัน 3 ชุมชนคือ แม่ขมุน้อย ห้วยปูแกงนอก และห้วยปูแกงใน บ้านแม่ขมุน้อย มีชื่อเรียกภาษาปกาเกอะญอว่า กะโหมะโพโกล มีลักษณะพื้นที่เป็นชุมชนที่แวดล้อมด้วยพื้นที่ป่าและพื้นที่การเกษตรซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวน ลำน้ำมีห้วยแม่ขมุน้อยที่ไหลผ่าน ที่ตั้งของชุมชนอยู่ไม่ไกลจากตัวอำเภอท่าสองยางมากนักมีระยะทางประมาณ 13 กิโลเมตร แม่ขมุน้อยมีเส้นทางเข้าออกสองเส้นทางด้วยกัน คือ เส้นไปอำเภอท่าสองยาง และเส้นทางเข้าหมู่บ้านพะเนาะดี หมู่ที่ 4 ตำบลแม่หละ อำเภอท่าสองยาง
บ้านแม่ขมุน้อย หมู่ที่ 5 ตำบลแม่ต้าน อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก ตั้งอยู่ในพื้นที่ภูเขาสูงของเทือกเขาถนนธงชัย ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสลับซับซ้อน มีความสูงเฉลี่ยระหว่าง 600-1,200 เมตร จากระดับน้ำทะเล ล้อมรอบด้วยป่าดิบเขาและป่าเบญจพรรณที่อุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งต้นน้ำของลำห้วยหลายสายที่ชาวบ้านใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน กิจกรรมทางการเกษตรส่วนใหญ่เป็นการทำไร่หมุนเวียนตามภูมิปัญญาท้องถิ่น เช่น การปลูกข้าวไร่ ข้าวโพด และพืชล้มลุกตามฤดูกาล โดยอาศัยพื้นที่ราบเล็กน้อยตามเชิงเขาหรือบริเวณใกล้ลำห้วย การคมนาคมยังไม่สะดวกเนื่องจากถนนส่วนใหญ่เป็นถนนลูกรังและมีความคดเคี้ยว โดยเฉพาะการเดินทางในช่วงฤดูฝนที่เส้นทางมักจะลื่นและยากต่อการสัญจร ทำให้ต้องพึ่งพายานพาหนะเฉพาะ เช่น รถขับเคลื่อนสี่ล้อหรือรถจักรยานยนต์วิบาก
ระบบของเครือญาติทั้งหมู่บ้านจะเป็นเครือญาติกันแทบทั้งหมดประมาณร้อยละ 70 ของหมู่บ้าน การนับเครือญาติของชาวบ้านไม่ได้นับที่นามสกุลเพราะดั้งเดิมของชาวบ้านไม่ได้ใช้นามสกุล แต่จะนับที่ระบบเครือญาติ คือ มีปู่ทวดคนเดียวกัน หรือการนับที่สายเลือด เป็นต้น ดังนั้นในตัวบุคคลหากสืบความสัมพันธ์กันในหมู่บ้าน จะพบว่ามีความสัมพันธ์ทางสายเลือดเป็นเครือญาติกันแทบทุกคน ด้วยเหตุดังกล่าวชุมชนจึงมีเครือญาติตระกูลใหญ่สุด คือนางกุ้ยพอ ซึ่งมีบรรพบุรุษเป็นผู้บุกเบิกหรือย้ายมาอยู่เป็นครอบครัวแรก โดยตระกูลนี้จะมีบทบาทสำคัญในชุมชน คือเป็น "ด้านฮิโคะ" หรือเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณเป็นที่เคารพของคนในชุมชน
ปกาเกอะญอวิถีชีวิตของชาวบ้านแม่ขมุน้อยมีการเพาะปลูกข้าวทั้ง ข้าวเจ้าและข้าวเหนียว รวมถึงพืชอื่น ๆ อีกหลายชนิด นิยมปลูกแบบพอกินและทำเป็นไร่หมุนเวียน แต่ในปัจจุบันได้มีการปรับเปลี่ยนจากการทำไร่หมุนเวียนกลายเป็นทำไร่ข้าวโพด ไร่มันสำปะหลัง ส่วนคนที่เคยทำนาอย่างเดียวก็จะปลูกข้าวโพดในช่วงฤดูหนาวจนถึงฤดูร้อน ในขณะที่ชาวบ้านบางส่วนก็จะออกไปทำงานต่างถิ่นมากขึ้น
การสะเดาะเคราะห์หมู่บ้าน (ว่อฮี) เป็นพิธีกรรมที่คนในชุมชนทำร่วมกันภายในหมู่บ้าน ซึ่งจะจัดในช่วงเวลาเย็น และจะมีการทำขึ้นในทุก ๆ ปีหลังเสร็จสิ้นจากฤดูกาลเก็บเกี่ยว สิ่งที่ใช้ในงานพิธีกรรมประกอบด้วย ดอกไม้ ข้าวดำ ข้าวแดง ตาแหลว ขี้เถ้า น้ำขมิ้นส้มป่อย ด้าย และชุดตาแหลวที่มีฝักส้มป่อย สายสิญจน์ นำมารวมกันไว้ที่บ้านของผู้อาวุโส จากนั้นเมื่อทุกคนมารวมกันทุกครอบครัวแล้ว ก็จะเริ่มประกอบพิธี โดยมีผู้นำศาสนาเป็นผู้เริ่มนำสวดมนต์ และเมื่อเสร็จจากการสวดมนต์ ก็จะให้ชาวบ้านทุกคนที่เข้าร่วมพิธีได้ไปเหยียบที่โคลน แล้วตามด้วยขี้เถ้าโดยมีความเชื่อว่าจะช่วยขับไล่ความไม่สบายกายสบายใจออกไป ช่วยรักษาความเจ็บไข้ได้ป่วยให้หายไป เมื่อเสร็จพิธีทุกคนแล้ว ก็จะมีการนำโคลนดังกล่าวไปวางไว้ที่ทางเข้า-ออกของหมู่บ้านแต่ละจุดเส้นทางที่มีอยู่เพื่อขับไล่สิ่งเหล่านั้นกลับออกไปตามเส้นทางที่เข้ามา และหลังจากเสร็จสิ้นพิธีชาวบ้านก็จะนำเอาน้ำขมิ้นส้มป่อยที่ผ่านพิธีแล้วเสร็จ กลับไปใช้ยังบ้านของตนหรือนำไปเก็บไว้บนหิ้งพระที่บ้าน เพราะเชื่อว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ช่วยขจัดสิ่งชั่วร้ายได้และนำไปใช้ประพรมศีรษะเพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่ตน
ชุมชนมีวัฒนธรรม ประเพณีพิธีกรรมต่าง ๆ ที่หลากหลาย ดังเช่นการใช้ส้มป่อยในพิธีกรรมของชุมชน ซึ่งนับเป็นความเชื่อหนึ่งที่สืบทอดกันมา เพราะมีความเชื่อว่าส้มป่อย จะช่วยให้เกิดความสงบร่มเย็น ช่วยปลดปล่อยคลายความทุกข์โศก สร้างความเป็นสิริมงคล และป้องกันภัยอันตรายต่าง ๆ ให้พ้นจากสิ่งที่เป็นเคราะห์ร้าย
ภาษาราชการ คือ ภาษาไทย
ภาษาท้องถิ่น คือ ภาษาปกาเกอะญอ เป็นภาษาในการสื่อสารในชีวิตประจำวันภายในหมู่บ้าน
การเปลี่ยนแปลงของคนในชุมชนจากที่ทำกันเพื่อยังชีพ เปลี่ยนแปลงไปเป็นระบบเกษตรแบบเชิงเดี่ยวมีการแข่งขันกับเวลามากขึ้น คนในชุมชนต้องทำงานหนักมากขึ้นเพราะต้องการเงินมาจุนเจือครอบครัว อีกทั้งคนในชุมชนบางส่วนต้องออกไปทำงานต่างถิ่น ทำให้ส่งผลต่อการดำเนินชีวิต และการประกอบพิธีกรรมบางอย่างได้ถูกลดทอนลงหรือปรับเปลี่ยนไป เช่น พิธีการขมาสามีของชาวปกาเกอะญอ หรือพิธีเกอเลาะโต๊ะ ซึ่งเมื่อก่อนจะมีการรดน้ำดำหัวให้สามี แต่ปัจจุบันมีการลดขั้นตอนลงเหลือเพียงการล้างมือให้ และในบางครอบครัวก็ไม่ทำแล้ว เนื่องด้วยการงานหน้าที่ที่หลากหลายจึงทำให้ฝ่ายภรรยาต้องรีบเร่งในการทำงานแข่งกับเวลา จึงลดทอนพิธีกรรมดังกล่าวนี้ไปหรือไม่ได้ปฏิบัติแล้วในบางครอบครัว
ปัจจุบันคนรุ่นใหม่ที่ต้องออกไปเรียนไกลบ้าน ไปทำงานต่างจังหวัด ทำให้ได้พบเจอกับความเจริญก้าวหน้า ความรู้วิทยาการใหม่ ๆ ที่ก้าวไกล ทำให้ความเชื่อสิ่งที่ยึดถือสืบทอดกันมาเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย การปฏิบัติพิธีกรรมที่เกี่ยวกับส้มป่อยก็มีบทบาทลดน้อยลง โดยเฉพาะเยาวชนในชุมชนบ้านแม่ขมุน้อยที่ออกไปเรียนไกลบ้านมักจะมีความรู้ความเข้าใจ ความคิดที่แตกต่างออกไป ส่งผลต่อความเชื่อในพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับส้มป่อยให้มีบทบาทลดน้อยลง ขาดความเข้าใจในวิถีปฏิบัติตามวัฒนธรรมดั้งเดิม ทำให้เกิดการละเลยในเรื่องการปฏิบัติตามประเพณีดั้งเดิมที่เคยสืบต่อกันมา
การเข้ามาเผยแพร่ศาสนาของศาสนาคริสต์ ทำให้หลาย ๆ ครอบครัวในหมู่บ้านเปลี่ยนความเชื่อดั้งเดิม หันมานับถือคาสนาคริสต์บางส่วนก็ยังนับถือศาสนาดั้งเดิมอยู่ ด้วยบริบทของชุมชนบ้านแม่ขมุน้อยเป็นชุมชนที่มีทั้งคนที่เข้ามาอยู่ใหม่และคนที่อยู่ดั้งเดิมนั้น ซึ่งคนที่อพยพมาจากที่อื่น เช่น มาจากศูนย์อพยพแม่หละได้นำความเชื่อนำศาสนาคริสต์ที่ได้รับมาจากมิชชันนารีเข้ามาเผยแพร่ศาสนา ทำให้คนในชุมชนบางส่วนหันมานับถือศาสนาคริสต์ เพราะเชื่อในพระเจ้าเชื่อในการไถ่บาป ซึ่งความเชื่อดังกล่าวนี้ก็ส่งผลให้เกิดการลดทอนกิจกรรมพิธีกรรมต่าง ๆ ดั้งเดิมที่เคยปฏิบัติสืบกันมา
เทพประทาน อมรเลิศไพบูลย์. (2557). ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการคงอยู่และเปลี่ยนแปลงของส้มป่อยในพิธีกรรมของปกาเกอะญอบ้านแม่ขมุน้อย ตำบลแม่ต้าน อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก. ภาคนิพนธ์. วิทยาลัยโพธิวิชชาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
สุภาพร สิงห์ซงคา. (2557). พิธีกรรมว่อฮิ : กรณีศึกษาหมู่บ้านแม่ขมุน้อย หมู่ที่ 5 ตำบลแม่ต้าน อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก. วิทยาลัยโพธิวิชชาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
Channelnews. (1 กรกฎาคม 2561). บ้านห้วยปูแกง ต.แม่ต้าน อ.ท่าสองยางจ.ตาก. สืบค้นเมื่อ 28 กรกฎาคม 2568. จาก https://www.facebook.com/100063555122026/posts/