Advance search

ยะพอรักษ์ช้าง เคียงธรรมชาติ สืบวัฒนธรรมปกาเกอะญอ คำขวัญของชุมชนชาวปกาเกอะญอที่ยังอนุรักษ์วัฒนธรรม วิถีชีวิตผูกพันกับธรรมชาติ และช้าง

หมู่ที่ 5
ยะพอ
วาเล่ย์
พบพระ
ตาก
อบต.วาเล่ย์ โทร. 0 5503 0197
นิกข์นิภา บุญยิ่ง
27 พ.ค. 2025
สมฤทัย สมัยกุล
30 มิ.ย. 2025
วิทยาลัยโพธิวิชชาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
4 มิ.ย. 2025
ยะพอ

ชื่อของหมู่บ้านตั้งตามผู้ก่อตั้งหมู่บ้าน ชื่อ แยะพอ เป็นชาวปกาเกอะญอ ที่มีอาชีพเลี้ยงช้าง ใช้ช้างรับจ้างทำงาน ซึ่งย้ายมาจากหมู่บ้านพะดี ต่อมาจึงเพี้ยนเป็นชื่อ "ยะพอ"


ยะพอรักษ์ช้าง เคียงธรรมชาติ สืบวัฒนธรรมปกาเกอะญอ คำขวัญของชุมชนชาวปกาเกอะญอที่ยังอนุรักษ์วัฒนธรรม วิถีชีวิตผูกพันกับธรรมชาติ และช้าง

ยะพอ
หมู่ที่ 5
วาเล่ย์
พบพระ
ตาก
63160
16.3396
98.7367
องค์การบริหารส่วนตำบลวาเล่ย์

มู่บ้านยะพอ ตั้งอยู่ในหมู่ที่ 5 ตำบลวาเล่ย์ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก ชื่อของหมู่บ้านตั้งตามผู้ก่อตั้งหมู่บ้าน ชื่อ แยะพอ เป็นชาวปกาเกอะญอ ที่มีอาชีพเลี้ยงช้าง ใช้ช้างรับจ้างทำงาน ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญในการนำกลุ่มญาติพี่น้องอพยพเข้ามาบุกเบิกพื้นที่ และกลายเป็นที่มาของชื่อหมู่บ้าน การอพยพย้ายถิ่นเกิดขึ้นเนื่องจากปัจจัยด้านความมั่นคง ความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ และความเหมาะสมในการดำรงชีวิตตามวิถีเกษตรกรรม โดยเฉพาะการเลี้ยงช้าง ย้ายมาจากหมู่บ้านพะดี มีอายุหมู่บ้าน 80-100 ปี ต่อมาจึงเพี้ยนเป็นชื่อ ยะพอ แต่เดิมชาวบ้านในหมู่บ้านมีแต่เครือญาติของตระกูลยะพอ ต่อมายะพอจึงได้ชวนคนที่รู้จักในหมู่บ้านบริเวณใกล้เคียงย้าเข้ามาตั้งถิ่นฐานเพิ่มมากขึ้น ชาวบ้านส่วนใหญ่เพาะปลูกทำไร่ข้าวโพด ปลูกพริก ผัก และถั่ว ในปัจจุบันทายาทตะกูลยะพอ มีการสืบสานและรื้อฟื้นการเลี้ยงช้าง และได้จัดตั้งเป็นแหล่งเรียนรู้ผสมผสานที่พักเชิงการท่องเที่ยว ชื่อว่า "บ้านเพราะช้าง" ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ชุมชนยะพอมีเหตุการณ์สำคัญ เช่น การรวมกลุ่มอนุรักษ์ช้าง การฟื้นฟูพิธีกรรมมัดมือช้าง การพัฒนาแหล่งน้ำและเส้นทางคมนาคม และการได้รับการส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ในด้านประวัติศาสตร์เศรษฐกิจและสังคม ชุมชนมีการประกอบอาชีพเกษตรกรรม ปลูกข้าวไร่ พืชผักพื้นบ้าน และเลี้ยงสัตว์เป็นหลัก พร้อมทั้งมีการรวมกลุ่มอาชีพและกองทุนชุมชน เพื่อสร้างความมั่นคงด้านรายได้อย่างยั่งยืน

บ้านยะพอ เป็นชุมชนชาติพันธุ์ปกาเกอะญอตั้งอยู่ใน หมู่ที่ 5 ตำบลวาเล่ย์ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก พื้นที่ของหมู่บ้านแวดล้อมด้วยป่าเขาและลำห้วยธรรมชาติ ทำให้มีภูมิประเทศแบบเนินเขาสลับราบและอากาศเย็นตลอดปี ซึ่งเหมาะแก่การดำเนินชีวิตตามวิถีเกษตรดั้งเดิมใจกลางหมู่บ้านเป็นที่ตั้งของศูนย์ชุมชน โรงเรียน และสำนักสงฆ์บ้านยะพอ ซึ่งเป็นสถานที่จัดกิจกรรมทางวัฒนธรรม เช่น พิธีผูกข้อมือรับขวัญช้าง และประเพณีปีใหม่กะเหรี่ยง โดยเฉพาะ “ลานพิธีผูกข้อมือช้าง” ที่ถือเป็นศูนย์กลางจิตวิญญาณของชุมชนและสื่อถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนกับธรรมชาติได้อย่างชัดเจน ลำห้วยยะพอไหลผ่านหมู่บ้าน ถือเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติหลักที่ชาวบ้านใช้ทั้งในการอุปโภคและเกษตรกรรม พื้นที่โดยรอบยังคงความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ โดยเฉพาะป่าชุมชนที่ดูแลกันอย่างร่วมมือกันมานาน มีทรัพยากรธรรมชาติมากมาย เช่น หน่อไม้ เห็ด สมุนไพร และสัตว์ป่าพื้นถิ่น เช่น หมูป่า ชะมด และนกป่า ด้านสาธารณูปโภค หมู่บ้านมีระบบน้ำประปาหมู่บ้านที่จัดการโดยชุมชน และไฟฟ้าเข้าถึงทุกหลังคาเรือน ถนนในหมู่บ้านส่วนใหญ่เป็นทางลูกรัง บางส่วนมีการเทคอนกรีตเพื่อให้การคมนาคมสะดวกขึ้นในฤดูฝน  การปลูกข้าวไร่ และพืชผักสวนครัว รวมถึงการเลี้ยงสัตว์ขนาดเล็ก นอกจากนี้ ยังมีแผนพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเพื่อสร้างรายได้เสริม โดยมีการจัดกิจกรรมต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยการแสดงวัฒนธรรมพื้นบ้าน และนำชมป่าชุมชน แม้จะไม่มีแผนที่ทางราชการโดยละเอียด แต่หมู่บ้านมีแผนผังชุมชนแบบวาดมือที่ระบุจุดสำคัญต่าง ๆ ไว้อย่างชัดเจน ทั้งศูนย์การเรียนรู้ ศูนย์สุขภาพประจำหมู่บ้าน โรงเรียน สำนักสงฆ์ ลานกิจกรรม และเส้นทางน้ำ ซึ่งช่วยให้สามารถบริหารจัดการพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สถานที่สำคัญของบ้านยะพอ

1.สำนักสงฆ์บ้านยะพอ ตั้งอยู่ภายในหมู่บ้าน มีพระสงฆ์ประจำวัดจำนวน 8 รูป เป็นพุทธศาสนาสถานที่เป็นที่เคารพนับถือของทั้งคนไทย และคนเมียนมา ภายในสำนักสงฆ์มีอาคารและเจดีย์ที่มีสถาปัตยกรรมศิลปะแบบเมียนมาร์ที่พบเห็นได้ทั่วไปตามสมัยนิยมในปัจจุบัน

2.สำนักสงฆ์วัดป่าเขาแหลม ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของหมู่บ้าน ติดกับเขาแหลม ซึ่งอยู่ห่างจากตัวหมู่บ้าน ประมาณ 1.4 กิโลเมตร ภายในสำนักสงฆ์จัดเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม มีพระสงฆ์จำนวน 6 รูปประจำ และมีแม่ชี 2 คน

3.คริสตจักรบ้านยะพอ ตั้งอยู่บริเวณทิศตะวันออกของหมู่บ้าน ไม่มีบาทหลวงประจำ มีแต่ศาสนจารย์ 2 คน จะจัดงานตามประเพณี อาทิ เทศกาลคริสมาสต์ งานปีใหม่ งานวันเด็ก เป็นต้น

4.เจดีย์ทรายบ้านยะพอ ตั้งอยู่บริเวณเนินใจกลางป่าชุมชนของหมู่บ้านยะพอ มีพิธีทำบุญเจดีย์ในช่วงวันสงกรานต์

5.ป่าชุมชนบ้านยะพอ ตั้งอยู่บริเวณใจกลางของหมู่บ้าน

6.ศาลผีฝายแม่น้ำวาเลย์ ฝายชะลอน้ำแม่น้ำวาเลย์ และประตูกั้นน้ำคลองในหมู่บ้านยะพอ ตั้งอยู่ในทางทิศเหนือของหมู่บ้าน ชาวบ้านจะทำพิธีเลี้ยงผีฝาย มีการต้มเหล้าเลี้ยงผีฝาย และการร้องรำทำเพลง รวมทั้งบูรณะปรับปรุงฝายชะลอน้ำ และประตูกั้นน้ำเป็นประจำทุกปี ในช่วงหลังสงกรานต์ ชาวบ้านเล่าว่า ยะพอเป็นผู้ริเริ่มในการขุดคลองจากแม่น้ำวาเลย์ และริเริ่มสร้างฝายชะลอน้ำ เพื่อให้มีน้ำผันเข้าไปสู่คลองที่ขุดผ่านในหมู่บ้านได้ตลอดปี

หมู่บ้านยะพอ เป็นชุมชนชาติพันธุ์ปกาเกอะญอ โดยประชากรส่วนใหญ่มีสายสัมพันธ์ทางเครือญาติอย่างแน่นแฟ้น จากสถิติประชากร กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย (กุมภาพันธ์ 2568) พบว่า มีจำนวนประชากรรวม มีประชากรรวม 2,917 คน ถือสัญชาติไทย เป็นชาย 771 คน หญิง 696 คน และไม่ใช่คนไทย เป็นชาย 780 คน หญิง 670 คน โดยส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทำไร่ เลี้ยงสัตว์ และเก็บของป่าเป็นหลัก ระบบเครือญาติของชาวปกาเกอะญอในหมู่บ้านนี้ยังคงรักษาโครงสร้างแบบดั้งเดิมไว้ เช่น การอยู่ร่วมกันแบบเครือญาติขยายในบ้านเดียวกัน หรือใกล้เคียงกัน มักให้ความเคารพต่อผู้เฒ่าผู้แก่และผู้นำครอบครัว การสืบทอดตำแหน่งผู้นำหรือผู้ทำพิธีกรรมก็มักถ่ายทอดภายในสายตระกูล ความสัมพันธ์ทางเครือญาติยังปรากฏชัดในงานประเพณี และงานแต่งงาน ที่สมาชิกทุกครอบครัวจะมีบทบาทในการช่วยกันจัดเตรียม สนับสนุน และร่วมกิจกรรมตามลำดับอาวุโส เป็นการสะท้อนวัฒนธรรมการอยู่ร่วมกันและความสามัคคีของชุมชนอย่างลึกซึ้ง ในด้านกลุ่มชาติพันธุ์ แม้หมู่บ้านยะพอจะมีประชากรหลักเป็นปกาเกอะญอ แต่ก็มีบางครัวเรือนที่สมรสข้ามกลุ่มชาติพันธุ์ ซึ่งกลมกลืนอยู่ในวิถีชีวิตชุมชนเดียวกันอย่างกลมกลืน โดยยังคงเคารพกฎเกณฑ์ทางวัฒนธรรมดั้งเดิมของชุมชน

ปกาเกอะญอ

หมู่บ้านยะพอมีโครงสร้างทางสังคมที่เรียบง่ายแต่เหนียวแน่น โดยยึดโยงกับระบบเครือญาติและความเชื่อดั้งเดิมของกลุ่มชาติพันธุ์ปกาเกอะญอ ประชาชนในชุมชนมีการรวมกลุ่มเพื่อดำเนินกิจกรรมด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมอย่างเข้มแข็ง เช่น กลุ่มปลูกข้าวไร่ กลุ่มเลี้ยงไก่พื้นเมือง และกลุ่มเยาวชนอนุรักษ์ช้าง

อาชีพหลักของคนในชุมชนคือ การทำไร่ โดยเฉพาะข้าวโพดและพืชสมุนไพรพื้นบ้าน รองลงมาคือ การเลี้ยงสัตว์ เช่น ไก่ หมู และวัว รวมถึง การเก็บของป่าตามฤดูกาล เช่น เห็ด หน่อไม้ เถาวัลย์ และสมุนไพรบางชนิด ส่วนอาชีพเสริม ได้แก่ การทอผ้าพื้นเมือง งานจักสาน และผลิตภัณฑ์จากไม้ไผ่

การค้าขายและแลกเปลี่ยนภายในชุมชนยังคงใช้ระบบแลกเปลี่ยนตามฤดูกาล เช่น หน่อไม้แลกข้าว หรือไข่ไก่แลกผัก แต่ก็มีการค้าขายเงินสดร่วมด้วย โดยบางครอบครัวจะนำของพื้นบ้านไปจำหน่ายที่ตลาดอำเภอพบพระ หรือส่งผ่านพ่อค้าคนกลางในตำบล

คนในชุมชนบางส่วน โดยเฉพาะวัยแรงงาน มีการออกไปทำงานรับจ้างในพื้นที่ใกล้เคียง เช่น สวนกาแฟ โรงงานไม้ และไร่ในประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อส่งรายได้กลับมาจุนเจือครอบครัว ขณะเดียวกันก็มีคนต่างถิ่น เช่น ญาติจากต่างหมู่บ้าน หรือกลุ่มชาติพันธุ์ใกล้เคียง เข้ามาอาศัยหรือแต่งงานกับคนในชุมชน

องค์กรชุมชนสำคัญที่ดำเนินกิจกรรมร่วมกัน ได้แก่ คณะกรรมการหมู่บ้าน, กลุ่มสตรีแม่บ้าน, กลุ่มเยาวชน, และ คณะกรรมการป่าชุมชน ซึ่งมีบทบาททั้งด้านการบริหารงานชุมชน การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และการจัดงานประเพณีประจำปี

หมู่บ้านยะพอมีวิถีชีวิตที่ดำเนินไปตามจังหวะของธรรมชาติและฤดูกาล คนในชุมชนมีวิธีดำรงชีวิตที่เรียบง่าย พึ่งพาทรัพยากรป่า โดยเฉพาะการปลูกข้าว ข้าวโพดซึ่งถือเป็นกิจกรรมสำคัญที่กำหนดกิจวัตรประจำปีของครอบครัว การตื่นเช้าเพื่อหุงข้าวด้วยเตาฟืน การนำอาหารไปฝากญาติพี่น้อง หรือการร่วมแรงกันในไร่นับเป็นเรื่องปกติของที่นี่ ในแต่ละวันผู้ชายมักออกไปทำไร่หรือตัดฟืน ส่วนผู้หญิงอยู่บ้านดูแลลูก ทอผ้า ทำครัว หรือเตรียมอาหารสำหรับกิจกรรมในหมู่บ้าน ส่วนเยาวชนจะช่วยพ่อแม่ หรือเข้าเรียนที่โรงเรียนบ้านยะพอซึ่งตั้งอยู่กลางหมู่บ้าน

ในด้านประเพณีและวัฒนธรรม ชาวยะพอให้ความสำคัญกับการจัดพิธีกรรมต่าง ๆ อย่างพิธีผูกข้อมือรับขวัญช้าง การทำบุญปีใหม่กะเหรี่ยง และการสวดขอฝนก่อนฤดูเพาะปลูก กิจกรรมเหล่านี้เชื่อมโยงกับความเชื่อดั้งเดิมที่แสดงถึงความเคารพต่อผืนดิน ผืนป่า และสัตว์ร่วมโลก กิจกรรมทางสังคมมักเกิดขึ้นในลานกลางหมู่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นการประชุม การแสดงรำพื้นเมืองของเด็กและเยาวชน หรือการจัดตลาดเล็ก ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนของกินของใช้ ช่วงฤดูฝนชาวบ้านจะเก็บของป่ามาทำอาหาร ส่วนฤดูแล้งจะมีกิจกรรมเกี่ยวกับการดูแลป่าชุมชนหรือซ่อมแซมเส้นทางขึ้นไร่ แม้จะมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เช่น วัยรุ่นบางส่วนออกไปทำงานนอกพื้นที่ หรือมีโทรศัพท์มือถือและสื่อใหม่เข้ามาในหมู่บ้าน แต่ชุมชนยะพอยังคงรักษาวิถีชีวิตดั้งเดิมไว้อย่างแนบแน่น โดยเฉพาะความสัมพันธ์ทางเครือญาติที่เข้มแข็ง และความร่วมแรงร่วมใจที่เห็นได้ชัดในทุกฤดูกาล

พิธีผูกข้อมือรับขวัญช้าง สะท้อนวิถีชีวิตแห่งการอยู่ร่วมกับธรรมชาติ ในหมู่บ้านยะพอ ช้างไม่ได้เป็นเพียงสัตว์เลี้ยงหรือแรงงาน แต่ถือเป็นสมาชิกของชุมชนผู้มีจิตวิญญาณ เป็นคู่ชีวิตของชาวปกาเกอะญอที่ช่วยทำไร่ ลากไม้ หรือพาครอบครัวเดินทางในอดีต เมื่อใดที่มีการรับช้างเข้ามาใหม่ หรือเมื่อช้างกลับจากภารกิจยากลำบาก ชุมชนจะจัดพิธีที่เรียกว่า "ผูกข้อมือรับขวัญช้าง" เพื่อแสดงความรัก ความเคารพ และขอบคุณที่ช้างได้อยู่เคียงข้างคนพิธีนี้จะจัดขึ้นบริเวณลานกว้างใจกลางหมู่บ้าน ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นจุดศูนย์กลางของพลังธรรมชาติ ชาวบ้านจะเตรียมเครื่องเซ่นที่ประกอบด้วยข้าว ปลาเกลือ ผลไม้ และน้ำสะอาด วางเรียงบนใบตองหรือภาชนะไม้ไผ่ จากนั้นผู้อาวุโสของหมู่บ้านจะกล่าวถ้อยคำอวยพรและผูกด้ายขาวที่ขาของช้าง เปรียบเสมือนการผูกขวัญให้สัตว์ผู้ร่วมชีวิต ไม่เพียงแต่เป็นพิธีกรรมทางจิตวิญญาณ พิธีผูกข้อมือช้างยังเป็นกิจกรรมที่ดึงคนในชุมชนให้กลับมาร่วมแรงร่วมใจกันอีกครั้ง ญาติที่อยู่ต่างบ้านมักเดินทางมาร่วมพิธี ลูกหลานจะช่วยจัดเตรียมสถานที่ ขณะที่ผู้หญิงจะช่วยกันปรุงอาหารพื้นบ้านอย่างแกงผักป่า หรือย่างปลาเกลือกินร่วมกันหลังจบพิธี พิธีกรรมนี้จึงไม่ใช่แค่การสืบสานความเชื่อ แต่ยังเป็นเครื่องมือสร้างความผูกพันในครอบครัว เชื่อมโยงวิถีชีวิตของคนกับสัตว์ และเตือนให้คนรุ่นใหม่ไม่ลืมรากเหง้าและภูมิปัญญาที่บรรพบุรุษได้สั่งสมไว้

1.นายตะหนุ เรืองศิริไพศาล ทายาทปัจจุบันของตระกูลยะพอ สืบสานและรื้อฟื้นการเลี้ยงช้าง และได้จัดตั้งเป็นแหล่งเรียนรู้ผสมผสานที่พักเชิงการท่องเที่ยว ชื่อว่า "บ้านเพราะช้าง"

ทุนทางกายภาพ

  1. สำนักสงฆ์บ้านยะพอ เป็นพุทธศาสนสถานที่เป็นที่เคารพนับถือของทั้งคนไทย และเมียนมา 
  2. สำนักสงฆ์วัดป่าเขาแหลม ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของหมู่บ้าน ติดกับเขาแหลม
  3. คริสตจักรบ้านยะพอ จัดงานตามประเพณี อาทิ เทศกาลคริสมาสต์ งานปีใหม่ งานวันเด็ก เป็นต้น
  4. เจดีย์ทรายบ้านยะพอ มีพิธีทำบุญเจดีย์ในช่วงวันสงกรานต์
  5. ป่าชุมชนบ้านยะพอ พื้นที่อนุรักษ์ของชุมชน
  6. ศาลผีฝายแม่น้ำวาเลย์ 

ทุนทางวัฒนธรรม

  1. ชาวบ้านจะจัดพิธีทำบุญเจดีย์ในช่วงวันสงกรานต์ และประกอบพิธีทางศาสนาในวันสำคัญอื่น ๆ ตามธรรมเนียมของชาวปกาเกอะญอที่นับถือศาสนาพุทธที่สำนักสงฆ์บ้านยะพอ
  2. ชาวบ้านจะทำพิธีเลี้ยงผีฝาย มีการต้มเหล้าเลี้ยงผีฝาย และการร้องรำทำเพลง รวมทั้งบูรณะปรับปรุงฝายชะลอน้ำ และประตูกั้นน้ำเป็นประจำทุกปี ในช่วงหลังสงกรานต์
  3. ชาวบ้านยังคงถือธรรมเนียมและข้อห้ามทั่วไปที่ชาวปกาเกอะญอยึดถือ อาทิ ไม่กินไข่เป็ด กินเป็ด หอย ร่วมกับแขกที่มาเยือนบ้าน ชายและหญิงที่ยังไม่ได้สมรสกันต้องแยกกันนอน ห้ามเคาะพื้นบ้าน ห้ามทะเลาะ หรือร้องไห้บนบ้าน เป็นต้น
  4. ชาวบ้านมีธรรมเนียมดั้งเดิม คือ คนในครอบครัวแต่ละตระกูลจะต้องมีการรวมตัวกันเพื่อรับประทานอาหารร่วมกัน เพราะเชื่อว่า หากไม่ยึดถือปฏิบัติคนในครอบครัวจะเกิดโชคร้าย และเจ็บป่วย แต่ในปัจจุบัน การยึดถือธรรมเนียมดังกล่าวน้อยลง ทั้งนี้การเลิกยึดถือผู้เป็นใหญ่ที่สุดในตระกูลจะต้องทำพิธีเซ่นไหว้บอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตระกูลนับถือก่อน (ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร, ออนไลน์)

ชาวบ้านยะพอใช้ภาษาพูดหลักคือภาษาปกาเกอะญอในการสื่อสาร


ผู้นำชุมชนให้ความสำคัญกับการประชุมหมู่บ้าน เปิดโอกาสให้ทุกครัวเรือนได้แสดงความคิดเห็น และร่วมตัดสินใจในกิจกรรมสำคัญ เช่น การจัดสรรงบประมาณ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการเฝ้าระวังความมั่นคงของชุมชน


การพึ่งพาอาชีพเกษตรกรรมยังเป็นรายได้หลัก แต่ราคาผลผลิตไม่แน่นอน ทำให้ครัวเรือนบางส่วนขาดความมั่นคง ชาวบ้านจึงรวมกลุ่มอาชีพเพื่อเสริมรายได้ และได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐในการเข้าถึงแหล่งทุน


การเข้าถึงระบบบริการสุขภาพยังมีข้อจำกัดในบางพื้นที่ แต่มีความร่วมมือระหว่าง อสม. และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในการลงพื้นที่ตรวจสุขภาพประจำปี และส่งเสริมความรู้ด้านอนามัย

"บ้านเพราะช้าง" หมู่บ้านยะพอ ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก แหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างคนกับช้างที่มีความผูกพันธ์กับวิถีของคนปกาเกอะญอบ้านยะพอ มีการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นทั้งการเลี้ยงช้างและตัวช้างเอง เมื่อรูปแบบการใช้ช้างมีวิถีที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้ชุมชนต้องมีการปรับตัวเพื่อให้ยังคงรักษาช้างซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมไว้ได้ คนปกาเกอะญอรุ่นใหม่ได้สร้างพื้นที่การเรียนรู้ผ่านการนำเสนอกิจกรรม "คนรักษ์ช้าง" ร่วมกับชุมชนในรูปแบบการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ "บ้านเพราะช้าง" จึงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่นำเสนอกิจกรรมสร้างสรรค์ร่วมกับช้าง อาทิ การพาช้างอาบน้ำ สปาช้าง ปลูกหญ้าอาการช้าง และการพาช้างกลับบ้าน

กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย. (2568). สถิติทางการทะเบียนราษฎร. https://stat.bora.dopa.go.th/stat/statnew/

ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร. (2564). คลังข้อมูลชุมชน บ้านยะพอ ตำบลวาเลย์ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก. https://communityarchive.sac.or.th/community/BanYaPho

อปท.นิวส์. (13 มีนาคม 2565). บ้านเพราะช้าง อ.พบพระ นำช้าง16เชือกเข้า"พิธีสู่ขวัญช้าง" ในวันช้างไทย. อปท.นิวส์. https://www.opt-news.com/news/24618

อริสา ภักดีคุณธรรม. (2563). การศึกษาการ จัดการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมบ้านเพราะช้าง หมู่บ้านยะพอ ตำบลวาเล่ย์ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก. ภาคนิพนธ์. วิทยาลัยโพธิวิชชาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.

เชียงใหม่นิวส์. (13 มีนาคม 2564). ช้าง 16 เชือก ร่วมกิจกรรมวันช้างไทย ที่บ้านเพราะช้าง บ้านยะพอ ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก. เชียงใหม่นิวส์. https://www.chiangmainews.co.th/news/tak/1608935/

อบต.วาเล่ย์ โทร. 0 5503 0197