
ชุมชนจัดการขยะเป็นศูนย์ มีกองทุนขยะสำหรับนำมาใช้บริหารจัดการในชุมชน ชาวบ้านช่วยกันดูแลรักษาป่าต้นน้ำ ป่าชุมชนบ้านแม่กื้ดหลวงไว้ให้เป็นแหล่งน้ำ แหล่งอาหารของชุมชน
ชื่อมีที่มาจากสภาพพื้นที่เป็นสันเป็นดอนอยู่ในกลุ่มบ้านแม่กื้ดหลวง หมู่ที่ 1 ตำบลแม่กาษา จึงตั้งชื่อหมู่บ้านว่า "บ้านแม่กื้ดใหม่ดอนสว่าง
ชุมชนจัดการขยะเป็นศูนย์ มีกองทุนขยะสำหรับนำมาใช้บริหารจัดการในชุมชน ชาวบ้านช่วยกันดูแลรักษาป่าต้นน้ำ ป่าชุมชนบ้านแม่กื้ดหลวงไว้ให้เป็นแหล่งน้ำ แหล่งอาหารของชุมชน
บ้านแม่กื้ดใหม่ดอนสว่าง หมู่ที่ 15 ตำบลแม่กาษา อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เป็นหมู่บ้านที่แยกมาจากบ้านแม่กื้ดใหม่ หมู่ที่ 3 ตำบลแม่กาษา อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เป็นหมู่บ้านที่มีสภาพพื้นที่เป็นสันเป็นดอนอยู่ในกลุ่มโซนบ้านแม่กื้ดหลวง จึงตั้งชื่อหมู่บ้านว่า บ้านแม่กื้ดใหม่ดอนสว่าง สภาพที่ตั้งของหมู่บ้านเป็นสันเป็นดอน มีชาวบ้านอาศัยอยู่สามสันหรือสามป๊อก (กลุ่มบ้าน) ชื่อว่า สันบ้านลุ่ม (สันพ่อหมอ) สันเก๊าแก (สันต้นแค) สันผักหละ (สันผักชะอม) เป็นหมู่บ้านที่ติดชายแดนไทย-เมียนมา ชาวบ้านมีอาชีพทำไร่ฝ้าย ถั่วลิสง ข้าวโพด ถั่วเขียว อ้อย มันสำปะหลัง ยางพารา ปลูกข้าวและอาชีพรับจ้าง
บ้านแม่กึ้ดใหม่ดอนสว่าง หมู่บ้านมีพื้นที่ทั้งหมด 6,495 ไร่ตั้งอยู่ในตำบลแม่กาษา อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ห่างจากอำเภอแม่สอดไปทิศเหนือ 8 กิโลเมตร ห่างจากจังหวัดตากไปทางทิศตะวันตก 86 กิโลเมตร มีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้
- ทิศเหนือ ติดกับ บ้านแม่กื้ดใหม่หมู่ที่ 3 ตำบลแม่กาษา
- ทิศใต้ ติดกับ หมู่ที่ 2 ตำบลแม่ปะ
- ทิศตะวันออก ติดกับ ถนนแม่สอด-แม่ระมาด ฝั่งตรงข้ามเป็นหมู่บ้านไทยสามัคคี หมู่ที่ 9
- ทิศตะวันตก ติดกับ แม่น้ำเมย และหมู่ที่ 4 ตำบลแม่ปะ
ลักษณะภูมิประเทศ เป็นที่เนินที่ดอน ลักษณะดินเป็นดินเหนียวสีดำ เหมาะสำหรับทำการเกษตร
จากข้อมูลกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย (กุมภาพันธ์ 2568) พบว่า มีประชากรทั้งหมด 1,397 คน แบ่งเป็นชาย 497 คน หญิง 485 คน และไม่ใช่คนไทย เป็นชาย 203 คน หญิง 212 คน ชุมชนมีหลากหลายเชื้อชาติ เช่น คนไทย แรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา แรงงานเมียนมาส่วนใหญ่อพยพมาจากการหนีจากภัยสงคราม ความทุกข์ ความจน เข้ามาอยู่ในหมู่บ้านผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียนมีอยู่ด้วยกันประมาณ 100-200 คน
การประกอบอาชีพ
อาชีพหลักของครัวเรือน
- อาชีพค้าขาย จำนวน 42 ครัวเรือน
- อาชีพทำไร่เกษตรกร จำนวน 88 ครัวเรือน
- อาชีพธุรกิจส่วนตัว จำนวน 26 ครัวเรือน
- อาชีพรับจ้าง
อาชีพเสริมหรืออาชีพรอง
- อาชีพปลูกผักสวนครัว จำนวน 50 ครัวเรือน
- อาชีพเย็บผ้า จำนวน 3 ครัวเรือน
จำนวนกลุ่มกิจกรรม/อาชีพ
- กลุ่มแม่บ้าน จำนวนสมาชิก 62 คน
- กลุ่มสตรี จำนวนสมาชิก 72 คน
- กลุ่มเผาถ่าน จำนวนสมาชิก 21 คน
- กลุ่มทำปุ๋ย จำนวนสมาชิก 32 คน
- กองทุนหมู่บ้าน มีจำนวน 4 กองทุน
- กองทุน SML
- กองทุนเงินล้าน
- กองทุนสตรี
- กองทุนแม่บ้าน
- กลุ่มดนตรีพื้นเมือง
นอกจากนี้ชุมชนยังมีการรวมกลุ่มกันของผู้สูงอายุเพื่อเล่นดนตรีพื้นเมืองและแสดงให้กับผู้มาเยี่ยมชมหมู่บ้าน
การตั้งบ้านเรือนเป็นกลุ่มก้อนอยู่เป็นกลุ่มเครือญาติ ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตร พื้นที่ทำกินแยกจากที่อยู่อาศัย มีประเพณีวัฒนธรรมที่ดำเนินมาช้านาน ที่สำคัญได้แก่
- ประเพณีเดือนสี่จี่ข้าวหลาม (ทำบุญข้าวหลาม, ทำบุญข้าวใหม่) 15 ค่ำ เดือน 4 เหนือ
- ประเพณีเดือนห้า ถวายเครื่องสักการะเจ้าพ่อพระวอ
- วันรักป่ารักต้นไม้ 14 กุมภาพันธ์
- ประเพณีสงกรานต์ รดน้ำดำหัวผู้สูงอายุ
- พิธีส่งเคราะห์ สืบชะตาหลวงกลางหมู่บ้าน เดือนเมษายน
- ประเพณีลอยกระทง พิธีเทศนาธรรม แห่โคมไฟประทีป
- การทำบุญตักบาตร เวียนเทียนในวันสำคัญทางพุทธศาสนา
1.นายบัญชา ปัญญา
บทบาทและความสำคัญในชุมชน ความชำนาญ/ทักษะที่มี
นายบัญชาเป็นผู้นำชุมชนที่ได้รับความไว้วางใจจากชาวบ้านมายาวนาน มีบทบาทสำคัญในการประสานงานกับหน่วยงานภายนอก และเป็นที่พึ่งของคนในชุมชนในทุกโอกาส เขามีทักษะในการสื่อสาร การวางแผน และการบริหารงานส่วนรวม รวมถึงความสามารถในการใช้เครื่องมือช่างพื้นฐานเพื่อช่วยเหลืองานซ่อมแซมต่าง ๆ ภายในหมู่บ้าน
ประวัติชีวิตที่ผ่านมา
นายบัญชาเติบโตในชุมชนบ้านแม่กื้ดใหม่ดอนสว่าง ผ่านการทำงานในไร่นาและร่วมกิจกรรมชุมชนตั้งแต่เยาว์วัย จนได้รับความเคารพจากชาวบ้าน เมื่อเติบโตขึ้นได้เข้ารับตำแหน่งผู้นำหมู่บ้าน และมีส่วนสำคัญในการพัฒนาชุมชนในด้านความเป็นอยู่ การศึกษา และการจัดกิจกรรมเสริมสร้างความเข้มแข็งในชุมชน
ประวัติชีวิต
- พ.ศ. 2519 เกิดในหมู่บ้านแม่กื้ดใหม่ดอนสว่าง
- พ.ศ. 2537 เริ่มทำงานด้านเกษตรและเข้าร่วมกิจกรรมชุมชน
- พ.ศ. 2550 เริ่มรับตำแหน่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน
- พ.ศ. 2563 ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้นำชุมชน และดำรงตำแหน่งเรื่อยมา
2.นายคำ อินต๊ะเครือ ผู้รู้ด้านจักสาน
การจักสาน
ลุงคำ อินต๊ะเครือ ได้ถ่ายทอดเรื่องราวการจักสาน ผ่านการเรียนรู้จากผู้เฒ่าผู้แก่ที่เสียไปแล้วและได้นำความรู้ที่สะสมสืบทอดมาลองทำฝึกฝนการสานด้วยตัวเอง เมื่อเกิดความชำนาญแล้วก็จะคิดลายสานแบบง่ายด้วยตัวเองด้วย ซึ่งลุงคำสามารถจักสานลายสานได้ 2-3 ลาย เช่น การจักสานกระด้ง การจักสานเหิงและสุ่มไก่
ลักษณะการเลือกไม้ไผ่ในการจักสาน
ลุงคำบอกว่า การเลือกไม้ไผ่สำหรับนำมาสานทุกชนิดนั้น ต้องเป็นไม้ไผ่ที่กำลังดีมีสีแดงหรือเหลือง ไม่ใช่ไม่หนุ่ม เพราะเวลาสานไปแล้วไม้จะแห้งและหดตัวลงทำให้กระด้งห่างไม่สวยงาม ใช้งานไม่ได้
ไม้ไผ่ให้เลือกขนาดไม้เป็นปล้องเดียวเรียวยาวไม่โค้งหรืองอ ความยาวประมาณ 70 เซนติเมตร ไม้ไผ่ที่ทำการจักสานได้ดีคือไผ่ไร่ มีความคงทนและแข็งแรง แต่ปัจจุบันไผ่ไร้ไม่ค่อยมีลุงจึงใช้ไผ่ซางแทน ซึ่งไผ่ซางผิวของไม้ไผ่นิยมนำมาทำสุ่มไก่ด้วย
การจักตอก เป็นการแบ่งไม้ไผ่ออกเป็นชิ้น ๆ ตามขนาดที่ต้องการ และลักษณะไม้ไผ่ที่นำมาจัก ความหนาอยู่ที่ 0.1 หรือมากกว่า 0.1 ตามลักษณะของงานที่จะสาน จากนั้นให้นำไปตากแดดให้ตอกแห้งสนิท
การสาน นำไม้ไผ่ที่จักตอกแห้งสนิทมาสานต้องใช้ความละเอียดมาก เริ่มจากการก่อฐานตรงกลางกระด้งก่อนโดยใช้ไม้ไผ่ตามความชำนาญการที่ต้องการ ตอกที่นำมาสานให้มีขนาดความยาวที่เท่ากันทั้งแนวตั้งและแนวนอน เช่น แนวขวาง 10 เส้น แนวตั้ง 10 เป็นต้น
ลายสานของลุงคำมี 2 ลาย คือ
- ลายทาน คือ เป็นลายการสานยก 1 ข้าม 1 หรือทับ 1 เส้น สลับกันไป
- ลายสอง คือ เป็นการสานลายสานยกยกตอกขึ้น 2 เส้น ทับ 2 เส้น ซึ่งลุงจะถนัดลายสองมากกว่า
โดยจะเริ่มสานจากส่วนกลางของกระด้งให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นจะทำการวัดขนาดเป็นวงกลม วาดด้วยดินสอ แล้วตัดขอบให้เป็นวงกลม เพื่อที่จะทำสันกระด้งหรือขอบกระด้ง
การทำขอบกระด้ง จะเลือกไม้ไผ่ที่มีเนื้อกำลัง สามารถดัดโค้งงอเป็นวงกลมได้ เพื่อให้กระด้งแข็งแรงทนทานกับการใช้งานลุงคำทำขอบกระด้งเป็นสองชั้น คือชั้นในและชั้นนอก โดยใช้ลวดตึงและมัดขอบกระด้งให้ขอบทั้งคู่แข็งแรง การใช้งานของกระด้ง เหิง ในชุมชนส่วนใหญ่จะใช้เป็นภาชนะรองในการใส่ข้าวสารเพื่อคัดเลือกเมล็ดข้าวก่อนไปหุงต้ม
ทุนกายภาพ หมู่บ้านแม่กื้ดใหม่ดอนสว่างมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ รายล้อมด้วยภูเขาและแม่น้ำแม่กื้ดที่ไหลผ่านกลางชุมชน ทำให้ชาวบ้านมีแหล่งน้ำในการอุปโภคบริโภคและเพาะปลูก พื้นที่ยังเต็มไปด้วยต้นไม้พื้นถิ่น เช่น ต้นสัก ต้นไผ่ และพืชเศรษฐกิจอย่างกล้วย กาแฟ และพืชสมุนไพร รวมถึงพันธุ์สัตว์พื้นเมืองที่เลี้ยงตามบ้าน เช่น ไก่ หมู วัว เป็นต้น
ทุนมนุษย์ ชุมชนมีบุคลากรที่มีความรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่นหลากหลาย โดยเฉพาะกลุ่มผู้นำอย่างนายบัญชา ปัญญา ซึ่งเป็นผู้ที่มีบทบาทนำในการพัฒนาชุมชน ทั้งด้านกายภาพและวัฒนธรรม เยาวชนในพื้นที่จำนวนมากมีทักษะงานฝีมือ และยังมีผู้สูงอายุที่ถ่ายทอดความรู้ด้านสมุนไพรและวิถีชีวิตเกษตรกรรมดั้งเดิม
ทุนเศรษฐกิจ แหล่งรายได้หลักของชาวบ้านคือ การเกษตรแบบผสมผสาน เช่น การปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ และแปรรูปผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน เช่น กล้วยตาก สมุนไพรตากแห้ง ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีโครงการเงินทุนหมุนเวียนจากกลุ่มออมทรัพย์และกองทุนหมู่บ้านที่สนับสนุนการทำมาหากิน
ทุนสังคม/การเมือง ชุมชนมีความเข้มแข็งในการรวมกลุ่ม ทั้งกลุ่มออมทรัพย์ กลุ่มเกษตรอินทรีย์ กลุ่มเยาวชน กลุ่มแม่บ้าน และคณะกรรมการหมู่บ้าน ซึ่งทำงานร่วมกับองค์กรภายนอก เช่น อบต. แม่กาษา และสำนักงานพัฒนาชุมชนอย่างใกล้ชิด ก่อให้เกิดพลังร่วมในระดับชุมชน ทั้งด้านพัฒนากายภาพ การศึกษา และคุณภาพชีวิต
ทุนวัฒนธรรม/ภูมิปัญญาท้องถิ่น หมู่บ้านยังคงสืบทอดขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิม เช่น งานปอยหลวง ประเพณีสงกรานต์แบบพื้นเมือง การฟ้อนพื้นเมือง การตีฆ้อง กลอง และการแสดงพื้นบ้านในงานบุญต่าง ๆ รวมถึงการทำพิธีกรรมเกี่ยวกับความเชื่อในธรรมชาติ ภูตผี และเจ้าที่ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของวิถีชีวิต
ภาษาที่ใช้พูดในชุมชนบ้านแม่กื้ดใหม่ดอนสว่าง มีการใช้ภาษาหลักคือ ภาษาไทยถิ่นเหนือ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า "ภาษาเมือง" โดยมีสำเนียงเฉพาะถิ่นแม่สอด ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันในกลุ่มคนภาคเหนือ
มีการปกครองโดยมีผู้ใหญ่บ้านเป็นประธานกรรมการหมู่บ้าน มีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านสองคน เป็นฝ่ายปกครองทั้งหมด มีคณะกรรมการหมู่บ้าน จากเดิมบ้านแม่กื้ดใหม่ดอนสว่างเป็นหมู่บ้าน กม. (คณะกรรมการหมู่บ้าน) เปลี่ยนเป็นหมู่บ้าน อพป. (หมู่บ้านอาสาพัฒนาและป้องกันตนเอง) มีกรรมการแต่ละฝ่ายซึ่งมีกรรมการหลายฝ่ายเป็นผู้ช่วยเหลือผู้ใหญ่บ้านบริหารร่วมกัน มีหัวหน้าหมวดดูแลแต่ละซอยในหมู่บ้านเบื้องต้น มีชุดจิตอาสา ชรบ. อสม ในการปกครองเริ่มต้นที่หัวหน้าหมวดพิจารณาปัญหาและความเดือดร้อนให้ผู้ใหญ่บ้านและผ่านคณะกรรมการหมู่บ้านร่วมกันแก้ปัญหาต่าง ๆ
ด้านการพัฒนา บ้านแม่กื้ดใหม่ดอนสว่างมีสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล 2 คน เป็นตัวแทนในการประชุมและการเสนอโครงการต่าง ๆ ซึ่งมาจากแผนหมู่บ้านซึ่งได้ให้ชาวบ้านมาประชุมร่วมกันเพื่อทราบถึงปัญหา ความต้องการ ความเดือดร้อนต่าง ๆ ผ่านแผนหมู่บ้านเสนอให้องค์การบริหารส่วนตำบลรับทราบและเสนอให้อำเภอต่อไป
ชาวบ้านส่วนใหญ่ทำการเกษตรดั้งเดิม เช่น การทำไร่ข้าวโพด ถั่วเขียว ถั่วมัน อ้อย มันสําปะหลัง ภายหลังได้ปรับเปลี่ยนเรื่องการปลูกพืชเนื่องจากปัญหาราคาข้าวโพด ถั่วเขียวตกต่ำ เปลี่ยนไปในแต่ละปี การทำนาในช่วงฤดูฝน ชาวบ้านบางส่วนมีอาชีพรับจ้าง ประกอบอาชีพส่วนตัว ร้อยละ 5
ด้านสาธารณสุข โรคติดต่อ เช่น โรคไข้เลือดออก โรคซิคุนกุนยา มีกฎเกณฑ์กติกาของหมูบ้าน หากพบลูกน้ำยุงลายบริเวณในบ้านจะถูกดำเนินการปรับ 100 บาท สำหรับโรคติดต่อ COVID-19 มีการคัดกรองตามมาตรการของรัฐ ซึ่งได้ถือเป็นข้อบังคับมาตรการของหมู่บ้านที่ในการตรวจกลุ่มเสี่ยงต่าง ๆ มี ชรบ อสม. ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนคัดกรองวัดอุณหภูมิเบื้องต้น หากพบผู้มีอาการรีบแจ้งให้สาธารณสุขรับทราบและร่วมกันแก้ไขปัญหาร่วมกัน
ชุมชนได้ร่วมกันจัดการปัญหาขยะบริหารร่วมกันมีโครงการปลอดถังขยะในชุมชน ปลอดถังขยะ คือ ห้ามนำขยะมาไว้นอกบ้านทุกหลัง ออกมาได้เฉพาะวันที่รถมาเก็บขยะเท่านั้น
กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย. (2568). สถิติทางการทะเบียนราษฎร. https://stat.bora.dopa.go.th/stat/statnew/
ปัญญา ไวยบุญญา, ปนัดดา ลาภเกิน, ศศิธร โคสุวรรณ,ประภัสสร ยอดสง่า, อารมย์ จันทะสอน, บุญธิดา ม่วงศรีเมืองดี และ จรีพร นาคสัมฤทธิ์. (2563). ศักยภาพด้านการท่องเที่ยวและการใช้ประโยชน์จากป่าสักของชุมชน อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ภายใต้แผนงานการจัดการและใช้ประโยชน์จากป่าสักอย่างยั่งยืนในพื้นที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก. รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์. สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ.
ศศิธร โคสุวรรณ, ปนัดดา ลาภเกิน, บุญธิดา ม่วงศรีเมืองดี, อารมย์ จันทะสอน, ปัญญา ไวยบุญญา, และ ประภัสสร ยอดสง่า. (2563). การสร้างฐานข้อมูลหมู่บ้านด้วยเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ ตำบลแม่กาษา อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก. วิจัยฉบับสมบูรณ์. วิทยาลัยโพธิวิชชาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
ศศิธร โคสุวรรณ, ปัญญา ไวยบุญญา, และ ประภัสสร ยอดสง่า. (2566). การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศเพื่อกำหนดเส้นทางแหล่งท่องเที่ยวชุมชน ตำบลแม่กาษา อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก. วิจัยฉบับสมบูรณ์. วิทยาลัยโพธิ วิชชาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.