
"หัวลำโพง" เมื่อเอ่ยชื่อถึงย่านนี้ หลายคนคงจะนึกถึงสถานีรถไฟเก่าแก่ของกรุงเทพฯ หรือวัดชื่อดังบนถนนพระราม 4 แต่แท้จริงแล้วหัวลำโพงเป็นชื่อของย่านเก่าแก่ที่พัฒนาจากพื้นที่ที่เคยเป็นศูนย์กลางการขนส่งมวลชนไปยังทั่วประเทศไทยมากว่า 100 ปี ก่อนเปลี่ยนหน้าที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ผสมผสานกับบรรยากาศความเป็นเมืองใหม่ที่เข้ากันได้อย่างลงตัว
หัวลำโพง เดิมทีเคยเป็นทุ่งเลี้ยงวัว และมีต้นไม้ชนิดหนึ่ง คือ ต้นลำโพง ขึ้นอยู่จำนวนมาก จึงเรียกย่านนี้กันว่า ทุ่งวัวลำพอง เช่นเดียวกับชื่อวัดหัวลำโพง ที่เรียกกันว่า วัดวัวลำพอง แล้วก็เรียกกันผิดเพี้ยนจนมาเป็น "หัวลำโพง"
"หัวลำโพง" เมื่อเอ่ยชื่อถึงย่านนี้ หลายคนคงจะนึกถึงสถานีรถไฟเก่าแก่ของกรุงเทพฯ หรือวัดชื่อดังบนถนนพระราม 4 แต่แท้จริงแล้วหัวลำโพงเป็นชื่อของย่านเก่าแก่ที่พัฒนาจากพื้นที่ที่เคยเป็นศูนย์กลางการขนส่งมวลชนไปยังทั่วประเทศไทยมากว่า 100 ปี ก่อนเปลี่ยนหน้าที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ผสมผสานกับบรรยากาศความเป็นเมืองใหม่ที่เข้ากันได้อย่างลงตัว
หัวลำโพงเป็นย่านคมนาคมขนส่งเก่าแก่ของกรุงเทพมหานครมายาวนานนับร้อยปี โดยยุคเริ่มต้นที่มีเริ่มมีการตั้งถิ่นฐานในบริเวณนี้เริ่มขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เมื่อมีการขุด "คลองผดุงกรุงเกษม" ที่เป็นคลองเมืองชั้นนอก ระหว่าง พ.ศ. 2394-2395 โดยรัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ จ้างแรงงานชาวจีนเป็นผู้ขุดเพื่อขยายชุมชนออกไปทางทิศตะวันออกของพระนคร และเพื่อขยายพื้นที่เมืองให้รองรับประชากรและย่านเศรษฐกิจต่าง ๆ โดยคลองผดุงกรุงเกษมมีความสำคัญมากในทางการคมนาคมขนส่งสินค้าขึ้นล่องตามลำน้ำเจ้าพระยาเข้ามาในกรุงเทพมหานคร มีเส้นทางลำน้ำคูคลองที่ติดต่อกับคลองเมืองเส้นต่าง ๆ ทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายและกระจายตัวของคนจีน และย่านตลาดเพิ่มขึ้นอย่างมาก
พื้นที่ย่านหัวลำโพงในสมัยรัชกาลที่ 4 มีลักษณะเป็นทุ่งกว้าง ที่นอกเหนือจากจะมีการเริ่มเข้ามาตั้งถิ่นฐานเพื่ออยู่อาศัยและทำการค้าแล้วนั้น พื้นที่บางส่วนยังถูกใช้เป็นที่สำหรับเลี้ยงวัวและเพาะปลูก เรียกบริเวณนี้ว่า "ทุ่งวัวลำพอง" เนื่องจากพบพืชชนิดหนึ่ง คือ ต้นลำโพง ขึ้นอยู่มาก จนเกิดเป็นข้อสันนิษฐานว่า "หัวลำโพง" อาจจะเพี้ยนมาจากคำว่า "วัวลำพอง" ชื่อเรียกทั้งสอง ทำให้เกิดความสับสนแก่ประชาชนเป็นอย่างมาก จนกระทั่งรัชกาลที่ 5 ทรงมีพระราชหัตถเลขาแสดงความห่วงใยในการเรียกชื่อสถานที่ต่าง ๆ ลงวันที่ 4 กรกฎาคม ร.ศ. 129 โดยใจความสำคัญของพระราชหัตถเลขาฉบับนี้ทรงกล่าวถึงชื่อของ หัวลำโพง-วัวลำพอง มีว่า "…การเช่นนี้มีจนกระทั่งในกรุงเทพฯ เช่น หัวลำโพง ฝรั่งเรียกไม่ชัด ไทยเราพลอยเรียกตามว่า วัวลำพอง นี่เป็นเรื่องที่ควรจะฟาดเคราะห์จริง ๆ…" และได้โปรดเกล้าฯ ให้เรียกพื้นที่บริเวณดังที่เกิดความสับสนขึ้นนั้นว่า "หัวลำโพง"
ภายหลังกำเนิดคลองผดุงกรุงเกษม พื้นที่ย่านหัวลำโพงนี้มีประชาชนอพยพย้ายเข้ามาตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนเป็นอันมาก กระทั่ง พ.ศ. 2400 มีการขุดคลองครั้งสำคัญอีกครั้งในพื้นที่ โดยเป็นการขุดคลองแยกจากคลองผดุงกรุงเกษม ผ่าทุ่งหัวลำโพง เรียกว่า "คลองตรง" และ "ถนนตรง" แต่ชาวบ้านเรียกกันว่า "คลองหัวลำโพง" และ "ถนนหัวลำโพง" ซึ่งภายหลังพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ได้พระราชทานชื่อใหม่ให้ถนนหัวลำโพงว่า "ถนนพระราม 4"
ในสมัยรัชกาลที่ 5 มีการพัฒนาการคมนาคมขนส่งระบบรางครั้งแรกของประเทศ ใน พ.ศ. 2429 คือ "รถไฟสายปากน้ำ" ซึ่งพื้นที่ย่านหัวลำโพง บริเวณถนนหัวลำโพง ถูกกำหนดให้เป็นที่ตั้งของสถานีต้นทาง โดยรัฐบาลไทยในสมัยนั้นได้ให้สัมปทาน 50 ปีแก่บริษัทของชาวเดนมาร์กสร้างทางรถไฟสายปากน้ำจากกรุงเทพมหานครไปสมุทรปราการ เป็นระยะทาง 21 กิโลเมตร การพัฒนาระบบรางนี้เองที่ส่งผลให้พื้นที่ย่านหัวลำโพงเริ่มมีบทบาทเป็นย่านคมนาคมขนส่งของกรุงเทพมหานคร และกลายเป็นชุมทางที่มีความคึกคักของผู้โดยสารจำนวนมากที่เข้ามาใช้บริการรถไฟสายปากน้ำ
พ.ศ. 2449 การคมนาคมขนส่งระบบรางเกิดการเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่อาคารสถานีรถไฟกรุงเทพเมื่อแรกสร้างนั้นเป็นเพียงอาคารไม้ 2 ชั้น ซึ่งในระยะต่อมาเมื่อผู้โดยสารและสินค้ามีจำนวนมากเพิ่มขึ้นทำให้ไม่สามารถรองรับและให้บริการได้อย่างเพียงพอ ส่งผลให้ในปลายสมัยรัชกาลที่ 5 ราว พ.ศ. 2449 กรมรถไฟหลวงจึงริเริ่มที่จะสร้างสถานีรถไฟกรุงเทพขึ้นใหม่ ที่มีความทันสมัยและสวยงามเหมาะสมกับพระนคร อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อเส้นทางคมนาคมได้สะดวกมากขึ้นกว่าเดิม โดยใช้พื้นที่ฝั่งตรงข้ามกับสถานีต้นทางของรถไฟสายปากน้ำโดยสถาปนิกชาวอิตาลี มาริโอ ตามันโญ(Mario Tamagno) ที่ได้ออกแบบสถานีรถไฟโดยได้รับแนวความคิดจากสถานีรถไฟตอนครึ่งหลังศตวรรษที่ 19 ของยุโรปที่ต้องมีหน้าตาขอ สถานีที่สวยงาม มีความสง่า และมีขนาดใหญ่ คือ สถานีรถไฟแฟรงก์เฟิร์ตในเยอรมนี เป็นอาคารทรงโดมโค้ง มีนาฬิกาขนาดใหญ่เด่นสง่าด้านหน้า และโครงสร้างตกแต่งด้วยกระจกสี สไตล์อิตาเลียนผสมผสานศิลปะยุคเรอแนซ็องส์ อาคารสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) เริ่มต้นขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2453 จนแล้วเสร็จและเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2459 ซึ่งภายหลังความเฟื่องฟูของกิจการรถไฟ สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) กลายเป็นสถานีต้นทางของรถไฟสายสำคัญทุกสาย ก่อให้เกิดการขยายตัวของชุมชนดั้งเดิมและชุมชนใหม่ ๆ โดยรอบสถานีรถไฟ มีการสร้างโรงแรม ร้านค้า ร้านอาหาร และบริการรถสามล้อรับจ้างสำหรับบริการผู้เดินทางด้วยรถไฟเกิดขึ้นจำนวนมาก
ในระยะต่อมากิจการรถไฟมีการขยายตัวด้านการโดยสารและการขนส่งสินค้าที่มากขึ้น แต่ด้วยเนื้อที่จำกัดของสถานี ทำให้ไม่สามารถขยายพื้นที่สถานีออกไปได้ การรถไฟแห่งประเทศไทยจึงย้ายกิจการขนส่งสินค้าไปอยู่ย่านสินค้าพหลโยธิน เมื่อ พ.ศ. 2503 โดยปรับปรุงให้สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) มีภารกิจบริการด้านขนส่งมวลชนเพียงอย่างเดียว เพื่อให้เพียงพอต่อการรองรับผู้โดยสารทั่วประเทศ ซึ่งเป็นช่วงเดียวกันกับการปิดให้บริการและยกเลิกเส้นทางเดินรถไฟสายปากน้ำลง
ย่านหัวลำโพงเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเมื่อมีการพัฒนาโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ในพื้นที่ หรือ "โครงการทางพิเศษศรีรัช" เนื่องจากหัวลำโพงเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่โครงการทางพิเศษศรีรัชจะดำเนินการก่อสร้างพาดผ่าน ซึ่งแบ่งพื้นที่ย่านออกจากกันเป็นสองฝั่ง คือ ฝั่งถนนรองเมือง และฝั่งถนนบรรทัดทอง อีกทั้งใน พ.ศ. 2536 เริ่มมีการเวนคืนและทุบรื้ออาคารเพื่อเริ่มดำเนินการก่อสร้าง ทำให้พื้นที่และอาคารบางส่วนในย่านหัวลำโพงเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก อาคารที่พักอาศัยและอาคารตึกแถวที่ทำการค้าและบริการบางส่วนถูกรื้อถอน ส่งผลให้ความต่อเนื่องของกิจกรรมและการเดินทางภายในย่านหัวลำโพงลดน้อยลง
ปัจจุบันย่านหัวลำโพงยังคงเป็นย่านคมนาคมขนส่งเก่าแก่ที่สำคัญของกรุงเทพมหานคร โดยมีบทบาทที่โดดเด่นด้านการคมนาคมขนส่งระบบรางที่เปิดให้บริการมายาวนานกว่าร้อยปี ชุมชนภายในย่านมีทั้งชุมชนดั้งเดิมและชุมชนที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานใหม่ภายหลัง โดยมีการตั้งถิ่นฐานเพื่อการอยู่อาศัยและทำการค้าอยู่ภายในพื้นที่ย่านบริเวณโดยรอบสถานีรถไฟ แต่ด้วยการเจริญเติบโตของเมืองผนวกกับความก้าวหน้าทางด้านวิศวกรรมขนส่งระบบรางที่ถูกพัฒนาไปตามยุคตามสมัย ในขณะที่สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) ที่เปิดใช้งานมาอย่างยาวนานเกิดความเสื่อมโทรมของทั้งตัวสถานีรถไฟและพื้นที่ย่านโดยรอบ รวมถึงพื้นที่สถานีที่มีขนาดจำกัดจึงไม่สามารถขยายพื้นที่ออกไปได้ เหตุผลนี้เองที่ทำให้เกิดการพัฒนา "สถานีกลางบางซื่อ" เพื่อเตรียมรับมือกับการขยายกิจการด้านการคมนาคมขนส่งระบบรางและรับมือต่อการขยายตัวของกรุงเทพมหานคร จึงเกิดเป็นแผนการย้ายศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งระบบรางจากสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) ไปยังสถานีกลางบางซื่อ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ถือเป็นการเปลี่ยนครั้งสำคัญอีกครั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น และอาจส่งผลต่อลักษณะทางกายภาพ เศรษฐกิจ และสังคม ของพื้นที่ย่านหัวลำโพงในปัจจุบัน
ย่านหัวลำโพง ตั้งอยู่บริเวณสถานีรถไฟกรุงเทพ บนพื้นที่เขตการปกครองของแขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ตามแนวถนนพระรามที่ 6 โดยกำหนดอาณาเขตของพื้นที่ตามการศึกษาของ อนาวิล เวชธนากร (2563) ดังนี้
- ทิศเหนือ ติดต่อกับ ถนนพระรามที่ 1
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับ ถนนพระรามที่ 6
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับ คลองผดุงกรุงเกษม
- ทิศใต้ ติดต่อกับ แยกหัวลำโพง และถนนพระรามที่ 4
หัวลำโพงเป็นย่านที่มีความหลากหลายของกลุ่มประชากร ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ดังนี้
1.กลุ่มคนดั้งเดิม เป็นกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ภายในพื้นที่ย่านหัวลำโพงมาตั้งแต่อดีต โดยกลุ่มคนเหล่านี้มีความแตกต่างของเชื้อชาติ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ ชาวไทยเชื้อสายจีน และชาวไทย โดยบางส่วนเป็นคนไทยเชื้อสายจีนที่มาตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ตั้งแต่แรกเริ่ม และอีกส่วนหนึ่งเป็นคนไทยเชื้อสายจีนที่มีการขยายครอบครัวมาจากย่านเยาวราช ซึ่งส่วนใหญ่แล้วกลุ่มคนดั้งเดิมที่ยังอาศัยอยู่ในพื้นที่มีเหตุผลจากอาคารที่อาศัยในปัจจุบันเป็นมรดกสืบทอดมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ
2.กลุ่มคนที่เข้ามาอยู่อาศัยใหม่ ส่วนใหญ่มักเป็นคนภายนอกพื้นที่หรือบริเวณใกล้เคียงที่ย้ายเข้ามา โดยกลุ่มคนเหล่านี้ส่วนหนึ่งมีเหตุผลในการย้ายเข้ามาอยู่อาศัยในพื้นที่เพราะแหล่งงาน คือ สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) และอีกส่วนหนึ่งเป็นประชากรแฝงที่ย้ายเข้ามาเนื่องจากต้องการเข้ามาทำงานหาเงินในกรุงเทพมหานคร ส่วนใหญ่แล้วกลุ่มคนที่เข้ามาอยู่อาศัยใหม่จะอาศัยอยู่ในบริเวณชุมชนด้านข้างกำแพงสถานีรถไฟกรุงเทพ เช่น ชุมชนแฟลตรถไฟ ชุมชนวัดดวงแข
ด้วยสภาพพื้นที่ของย่านหัวลำโพงที่มีคลองผ่านเข้ามาภายในพื้นที่ ทั้งคลองผดุงกรุงเกษมและคลองหัวลำโพง ทำให้ในอดีตกิจกรรมทางเศรษฐกิจจึงมีความสัมพันธ์การคมนาคมขนส่งทางน้ำ ซึ่งในยุคเริ่มต้นของย่านหัวลำโพงเมื่อสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้วนั้น กิจกรรมทางเศรษฐกิจจึงถูกเปลี่ยนมามีความสัมพันธ์กับโครงข่ายการคมนาคมขนส่งทางรางมากขึ้น เนื่องจากมีสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) ซึ่งเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งขนาดใหญ่ในขณะนั้นตั้งอยู่ภายในย่าน รวมถึงสภาพที่ตั้งของย่านหัวลำโพงอยู่ในบริเวณเขตเมืองชั้นนอกที่ติดต่อกับเขตเมืองชั้นในของพระนคร และใกล้กับย่านการค้าอย่างเยาวราช ตลาดน้อย สำเพ็ง ฯลฯ มีการคมนาคมขนส่งที่เข้าถึงได้สะดวก เป็นทำเลสำหรับการขนส่งสินค้าจากภูมิภาคต่าง ๆ ที่เหมาะสมในยุคนั้น ก่อให้เกิดการรวมตัวกันของพ่อค้าแม่ค้าจากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ เป็นการเพิ่มโอกาสในการแลกเปลี่ยนและค้าขายสินค้า และยังเอื้อต่อการเป็นศูนย์กลางการขนส่งวัตถุดิบและสินค้าที่สำคัญ
ลักษณะทางเศรษฐกิจของพื้นที่ย่านหัวลำโพงได้รับอิทธิพลมาจากกิจกรรมการเดินทางของคนภายนอกพื้นที่ที่เข้ามาในพื้นที่เป็นหลัก อีกทั้งย่านหัวลำโพงยังเป็นย่านที่มีทำเลที่ตั้งใกล้กับย่านเศรษฐกิจสำคัญของกรุงเทพมหานครที่มีกิจกรรมการค้าและบริการที่หนาแน่น เช่น เยาวราช สามย่าน และสีลม นอกจากนี้ยังตั้งอยู่ใกล้กับย่านเมืองเก่าของเกาะรัตนโกสินทร์ ส่งผลให้ย่านหัวลำโพงเป็นหนึ่งในทำเลที่มีศักยภาพด้านเศรษฐกิจที่สำคัญแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร
ในปัจจุบันลักษณะทางเศรษฐกิจของพื้นที่ย่านหัวลำโพงส่วนใหญ่เป็นกิจกรรมการค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการเดินทาง โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก ๆ โดยส่วนแรก คือ พื้นที่ภายในโถงสถานีรถไฟกรุงเทพ โดยโถงสถานีรถไฟกรุงเทพเปิดให้บริการในช่วงเวลาที่มีขบวน รถโดยสารเดินทางเข้ากรุงเทพขบวนแรก เวลา 04.00 น. และขบวนสุดท้ายที่ออกจากสถานี เวลา 22.50 น. และปิดให้บริการในช่วงเวลา 03.00-23.00 น. ของทุกวัน เพื่อตรวจสอบความปลอดภัย และทำความสะอาดเพื่อเตรียมรองรับผู้โดยสารในวันรุ่งขึ้น และส่วนที่ 2 คือ พื้นที่ภายนอกสถานีหรือพื้นที่โดยรอบสถานีรถไฟกรุงเทพ ส่วนใหญ่เศรษฐกิจในบริเวณนี้จะเป็นร้านค้าและบริการที่ตั้งอยู่ในอาคารตึกแถวหรืออาคารพาณิชย์ ซึ่งช่วงเวลาเปิดและปิดให้บริการจะขึ้นอยู่กับเจ้าของกิจการร้านค้านั้น ๆ
ทั้งนี้ นับเป็นเวลากว่าร้อยปีที่ "สถานีรถไฟกรุงเทพ" หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า "หัวลำโพง" ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการขนส่งผู้โดยสารทางรถไฟ สถานที่แห่งนี้จึงมีความสำคัญยิ่งทางประวัติศาสตร์ ตลอดจนสถาปัตยกรรม ศิลปกรรม และวิถีชุมชนโดยรอบสถานีรถไฟ ซึ่งในยุคที่การท่องเที่ยวเติบโต โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ย่านหัวลำโพงที่มีอาณาเขตติดต่อกับย่านเก่าแก่ต่าง ๆ ของกรุงเทพฯ จึงเปรียบเสมือนประตูเมืองเก่าที่จะเข้าไปสู่พื้นที่วัฒนธรรมต่าง ๆ เหล่านั้น เช่น ย่านเยาวราช ย่านพระราชวัง ย่านเกาะรัตนโกสินทร์ อีกทั้งยังมีร้านค้า ร้านอาหาร อาคารสถาปัตยกรรมรูปแบบต่าง ๆ ตลอดจนนิทรรศการศิลปะที่จัดขึ้นเพื่อบอกเล่าเรื่องราวชุมชน ไม่ว่าจะเป็นงานนิทรรศการรื้อภาพสลักความทรงจำใต้ทางด่วนชุมชนตรอกสลักหิน นิทรรศการอรุณสวัสดิ์หัวลำโพงที่โรงแรมสเตชั่น นอกจากนี้ ในพื้นที่ใกล้เคียงยังมีวัดหัวลำโพง วัดเก่าแก่ที่นอกจากจะมีชาวไทยให้ความศรัทธามากแล้ว ยังมีชาวต่างชาติจำนวนมากให้ความศรัทธาวัดลำโพงด้วย โดยในแต่ละปีมีนักเดินทางจำนวนมหาศาลจากทั่วโลกมาทำบุญและบริจาคโลงศพให้กับผู้เสียชีวิตไร้ญาติ ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ในการดึงคนเข้าสู่พื้นที่
หัวลำโพงเป็นย่านที่มีวัฒนธรรมและประเพณีที่หลากหลาย รวมถึงประเพณีที่เกี่ยวข้องกับศาสนาโดยมีวัดหัวลำโพง ซึ่งเป็นวัดในพระพุทธศาสนาที่มีความสำคัญทางประเพณีและวัฒนธรรมของชาวหัวลำโพง ผู้คนมักจะไปทำบุญไหว้พระที่วัดแห่งนี้เพื่อแสดงความกตัญญูต่อพระพุทธศาสนา และยังกิจกรรมทางวัฒนธรรม เช่น มหกรรมลอยกระทงคลองผดุงกรุงเกษมที่จัดอย่างยิ่งใหญ่เป็นประจำทุกปี ภายในงานมีการตกแต่งพื้นที่แบบมหัศจรรย์แห่งแสงไฟ Lights Installation การแสดงกระทงประดับไฟสวยงาม 5 พื้นที่เอกลักษณ์ ได้แก่ ประเพณียี่เป็ง จังหวัดเชียงใหม่ ประเพณีลอยกระทงสายไหลประทีป 1,000 ดวง จังหวัดตาก ประเพณีลอยกระทงเผาเทียนเล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย ประเพณีลอยกระทงกาบกล้วยเมืองแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม และประเพณีสมมาน้ำคืนเพ็ง เส็งประทีป จังหวัดร้อยเอ็ด มีการแสดงทางวัฒนธรรมร่วมสมัย ประกวดนางนพมาศ ประกวดกระทงสร้างสรรค์รักษ์โลก สาธิตอาหารไทยโบราณที่หาชิมได้ยาก และซุ้มจำหน่ายอาหารไทย นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมและงานแสดงทางวัฒนธรรมอื่น ๆ ในย่านหัวลำโพงอีกด้วย ทั้งนี้ งานประเพณีหรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีนี้นอกจากจะเป็นการอนุรักษ์สืบสานวัฒนธรรมแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของย่านหัวลำโพงด้วย
พิพิธภัณฑ์รถไฟไทย
พิพิธภัณฑ์รถไฟไทย เป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ที่อาคารมุขหน้าด้านทิศตะวันตกของอาคารสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) เป็นสำนักงานมูลนิธิรถไฟไทยและพิพิธภัณฑ์ตั้งแต่ปี 2558 เพื่อแสดงกิจการรถไฟตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันของรถไฟไทย ชั้นล่างของพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ในกิจการเดินรถไฟและกิจการโรงแรมรถไฟ ซึ่งเป็นของเก่าทั้งที่มีการใช้งานและบางส่วนเลิกใช้งานแล้ว เช่น จานและโถกระเบื้องในสมัยรัชกาลที่ 5 เครื่องตราทางสะดวก ลูกตราและห่วงตราทางสะดวก ตั๋วรถไฟแข็ง อุปกรณ์ในการประทับวันที่ลงบนตั๋ว โคมตะเกียงให้สัญญาณ เครื่องส่งโทรเลข ส่วนชั้นบนของพิพิธภัณฑ์จัดแสดงโปสเตอร์เตือนให้ระวังภัยในการเดินรถไฟ ที่นั่งริมหน้าต่างในตู้เสบียง และจัดแสดงพระเก้าอี้ในสมัยรัชกาลที่ 7 และมีมุมจำลองบรรยากาศเหมือนอยู่บนรถไฟ ให้ผู้เข้าชมได้ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก
ภาษาพูด : ภาษาไทยกลาง
ภาษาเขียน : อักษรไทย
กรุงเทพธุรกิจ. (25 กันยายน 2565). ย้อนวันวาน"รถไฟไทย" เรื่องเล่าในพิพิธภัณฑ์เล็กๆ หน้า"สถานีรถไฟกรุงเทพ". สืบค้น 30 พฤษภาคม 2568, จาก https://www.bangkokbiznews.com/
กรุงเทพธุรกิจ. (13 กุมภาพันธ์ 2567). 'หัวลำโพง' ไม่ได้มีแค่สถานีรถไฟ ตามไปดูย่านเก่าและร้านอร่อย. สืบค้น 30 พฤษภาคม 2568, จาก https://www.bangkokbiznews.com/
กรุงเทพมหานคร. (15 พฤศจิกายน 2567). คลองผดุงกรุงเกษม (ย่านหัวลำโพง) คึกคัก ประชาชนแห่เที่ยวงานสีสันแห่งสายน้ำ มหกรรมลอยกระทง ปี 2567. สืบค้น 30 พฤษภาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/
กะปุกดอทคอม. (ม.ป.ป.). เที่ยวหัวลำโพง กับ 10 จุดเช็กอินห้ามพลาดในงาน Hua Lamphong in Your Eyes. สืบค้น 30 พฤษภาคม 2568, จาก https://travel.kapook.com/
กะปุกดอทคอม. (ม.ป.ป.). นิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟฯ ชวนเที่ยวงาน Hua Lamphong in Your Eyes ถ่ายรูปจุดสำคัญสถานีกรุงเทพ. สืบค้น 30 พฤษภาคม 2568, จาก https://hilight.kapook.com/
การรถไฟแห่งประเทศไทย. (2555). แผนแม่บทและออกแบบเชิงความคิด เพื่อพัฒนาพื้นที่บริเวณสถานีรถไฟกรุงเทพ. การรถไฟแห่งประเทศไทย.
ชมรมนักอ่านสามเกลอ. (16 เมษายน 2564). โรงแรมราชธานี. สืบค้น 30 พฤษภาคม 2568, จาก https://www.facebook.com/
มณิสร วรรณศิริกุล. (27 สิงหาคม 2568). ‘ริทัศน์บางกอก’ กลุ่มคนที่อยากให้คนเห็นย่านหัวลำโพงในมุมใหม่ๆ ด้วยการ Reconnect คนในและคนนอกเข้าด้วยกัน. สืบค้น 30 พฤษภาคม 2568, จาก https://urbancreature.co/
บัณฑิต จุลาสัย. (2549). พินิจพระนคร 2475-2545. โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ปริญญา ชูแก้ว. (2559). 100 ปี สถานีกรุงเทพ. การรถไฟแห่งประเทศไทย.
พรรณี กุลสุมิตราวงศ์. (2526). โครงการปรับปรุงและพัฒนาที่ดินบริเวณสถานีรถไฟกรุงเทพมหานคร. วิทยานิพนธ์สถาปัตยกรรมศาสตรมหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
มิวเซียมสยาม. (11 กันยายน 2566). พิพิธภัณฑ์รถไฟไทย. สืบค้น 30 พฤษภาคม 2568, จาก https://www.museumthailand.com/
หนุ่มบางโพ. (24 มีนาคม 2568). เกร็ดสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) ที่อาจไม่เคยรู้มาก่อน. ศิลปวัฒนธรรม. สืบค้น 30 พฤษภาคม 2568, จาก https://www.silpa-mag.com/
หน่วยปฏิบัติการวิจัยแผนที่และเอกสารประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรม. (2564). ทุ่งหัวลำโพง. โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
อนาวิล เวชธนากร. (2563). การพัฒนาพื้นที่ย่านหัวลำโพง กรุงเทพมหานคร. คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
Bkk.Eat. (28 สิงหาคม 2566). 12 โลเคชันสุดชิคใน ‘ย่านหัวลำโพง’ ที่อยากชวนคุณมาเดินเล่นชิล ๆ ท่ามกลางบรรยากาศสุดคลาสสิก. สืบค้น 30 พฤษภาคม 2568, จาก https://www.bkkmenu.com/
BLT Bangkok. (5 มิถุนายน 2564). ตระเวนเก็บความทรงจำย่านหัวลำโพง ก่อนการปลดระวางจะมาถึง. สืบค้น 30 พฤษภาคม 2568, จาก https://www.bltbangkok.com/
DDproperty. (17 ธันวาคม 2561). รู้จักย่านหัวลำโพงแบบเจาะลึก. สืบค้น 30 พฤษภาคม 2568, จาก https://www.ddproperty.com/
DDproperty. (ม.ป.ป.). หัวลำโพง. สืบค้น 30 พฤษภาคม 2568, จาก https://www.ddproperty.com/
Mercure Bangkok Surawong. (ม.ป.ป.). วัดหัวลำโพง กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับทุกผู้คนในทุกสถานที่. สืบค้น 30 พฤษภาคม 2568, จาก https://www.mercurebangkoksurawong.com/
Thailibrary. (ม.ป.ป.). 10 จุดเช็คอิน ตามรอยประวัติศาสตร์สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง). สืบค้น 30 พฤษภาคม 2568, จาก https://www.thailibrary.in.th/