Advance search

ถนนสายไม้บางโพ

ถนนสายไม้บางโพ เป็นถนนสายเดียวในกรุงเทพฯ ที่ตลอดระยะทาง 1 กิโลเมตร ในซอยประชานฤมิตรที่มีชุมชนประกอบอาชีพเกี่ยวกับงานไม้ครบวงจร ทั้งไม้แปรรูปสำหรับก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ไม้ตกแต่งบ้าน และบรรดาช่างแกะสลักไม้มากฝีมือร้านรวงสองข้างทางกว่า 200 ร้าน

ซอยประชานฤมิตร 24
บางซื่อ
บางซื่อ
กรุงเทพมหานคร
ชุมชนสายไม้ โทร. 0-2585-0430, สำนักงานเขตบางซื่อ 0-2586-9977
จุฬาลักษณ์ วงค์สวัสดิ์โสต
29 มี.ค. 2023
ปวินนา เพ็ชรล้วน
27 เม.ย. 2023
จุฬาลักษณ์ วงค์สวัสดิ์โสต
27 เม.ย. 2023
ประชานฤมิตร
ถนนสายไม้บางโพ

ทางราชการได้เข้ามาปรับถนนลาดยางให้ใหม่หลายครั้ง จวบจน ปี พ.ศ. 2522 ได้รับการปรับปรุงเป็นถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก และเปลี่ยนชื่อจากซอยร่วมสุขเป็นซอยประชานฤมิตร ซึ่งชื่อนี้มีความหมายในตัวเองยิ่งนัก


ถนนสายไม้บางโพ เป็นถนนสายเดียวในกรุงเทพฯ ที่ตลอดระยะทาง 1 กิโลเมตร ในซอยประชานฤมิตรที่มีชุมชนประกอบอาชีพเกี่ยวกับงานไม้ครบวงจร ทั้งไม้แปรรูปสำหรับก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ไม้ตกแต่งบ้าน และบรรดาช่างแกะสลักไม้มากฝีมือร้านรวงสองข้างทางกว่า 200 ร้าน

ซอยประชานฤมิตร 24
บางซื่อ
บางซื่อ
กรุงเทพมหานคร
10800
13.809181063219352
100.5220098944772
กรุงเทพมหานคร

ชุมชนประชานฤมิตรในสมัยก่อนที่จะเจริญรุ่งเรือง พื้นที่ดั้งเดิมชาวบ้านมีอาชีพทางการเกษตร ยกร่องทำสวน มีการปลูกทั้งส้ม ทุเรียน ขนุน ละมุด และลำไย เป็นต้น ถนนคันดินสมัยนั้นจะมีฝุ่นฟุ้งกระจายในช่วงหน้าแล้ง พอถึงหนาฝนจะกลายเป็นบ่อโคลน ซึ่งชาวบ้านใช้สัญจร ทั้งการเดิน, ขี่จักรยาน และขับรถยนต์แต่จำนวนไม่มาก โดยทั้งสองฝั่งถนนมีร้านค้าเป็นห้องแถวไม้ปลูกเป็นแถวยาว ถัดจากห้องแถวไม้ด้านหลังยังเป็นร่องสวน ปลูกไม้ผลมากมายเรียงราย นับตั้งแต่ปากซอยเข้ามาเลยทีเดียว อนึ่งใครจะกินสามารถเข้ามาเก็บสอยเอาตามใจชอบ ซึ่งในบริเวณโดยรอบมีแต่ความร่มรื่น นอกจากอาชีพทำสวนยังพบว่ามีการเผาข้าวหลามขายและมีชื่อเสียงว่าเป็นข้าวหลามสามรส อร่อยเป็นที่เลื่องลือจนขนานนามว่า ‘ซอยข้าวหลาม’ ที่เหลือเป็นอนุสรณ์แก่คนรุ่นหลัง โดยหนึ่งในเจ้าของที่ดินเก่าแก่ (รายนามทั้ง 16 ท่านถูกระบุไว้เป็นเกียรติประวัติแก่ชุมชนและวงศ์ตระกูล) 

คุณปู่เฉลิม สุขมาก ท่านเป็นผู้คิดริเริ่มสร้างถนนในชุมชนแห่งนี้ขึ้นเป็นครั้งแรกเพื่อความเจริญรุ่งเรืองต่อไปในภายภาคหน้า ท่านจึงได้ปรึกษาคุณครูวัติ ขำสายทอง เจ้าของที่ดินปากซอย, คุณพ่อพิศธรรมศาสตร์สิทธิ์ และท่านนายอำเภอสุมนต์ ปิ่นแก้ว ซึ่งเป็นนายอำเภอดุสิตสมัยนั้น (ในขณะนั้นพื้นที่แห่งนี้เป็นตำบลบางซื่อ อำเภอดุสิต) โดยทุกท่านได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจออกเดินขอที่ดินจากเจ้าของที่ดินข้างละ 3 เมตร (เดิมเป็นคันดินกว้าง 2 เมตร จึงกลายเป็นถนนกว้าง 8 เมตร ในปัจจุบัน) ทว่าทางอำเภอไม่มีงบประมาณ ทำให้คุณปู่เฉลิม สุขมาก และคุณครูวัติ ขำสายทอง ได้ร่วมกันออกค่าใช้จ่ายส่วนตัวเป็นค่าจ้างในการเริ่มต้นทำถนน โดยในปี พ.ศ. 2504 มีการปรับเป็นถนนลาดยางและได้ตั้งชื่อว่า ‘ซอยร่วมสุข’ จากนั้นปี พ.ศ. 2522 ได้มีการปรับปรุงเป็นถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก และเปลี่ยนชื่อเป็นซอยประชานฤมิตร ซึ่งชื่อนี้มีความหมายในตัวยิ่งนัก  เมื่อชุมชนมีความเจริญมากขึ้น วิถีชีวิตของชาวบ้านจึงเปลี่ยนมาประกอบอาชีพทำการค้าขาย ทำเฟอร์นิเจอร์ เป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือน จนขยายเป็นแหล่งการค้าที่มีชื่อเสียงเป็นรู้ที่จัก 

ชุมชนประชานฤมิตร เป็นชุมชนดั้งเดิมของเขตบางซื่อ ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา ในซอยประชานฤมิตร 24 ที่เป็นซอยเชื่อมระหว่างถนนประชาราษฎร์สาย 1 กับถนนกรุงเทพฯ - นนทบุรี โดยพื้นที่ของชุมชนมีสภาพดั้งเดิมเป็นสวน ซึ่งซอยประชานฤมิตรเมื่อแรกนั้นเป็นถนนคันดิน กว้าง 2 เมตร ยาวประมาณ 1 กิโลเมตร มีคลองล้อมรอบ โดยทิศทางทั้งสี่ ดังนี้

  • ทิศตะวันออก ติดคลองบางโพขวาง (ซอยข้าวหลาม)
  • ทิศตะวันตก ติดท่าน้ำวัดบางโพ (แม่น้ำเจ้าพระยา)
  • ทิศเหนือ ติดคลองบ้านญวณ
  • ทิศใต้ ติดคลองบางโพ

ในอดีต ‘ชุมชนประชานฤมิตร’ ซอยประชานฤมิตร 24 ซึ่งเป็นซอยเชื่อมระหว่างถนนประชาราษฎร์สาย 1 กับถนนกรุงเทพ - นนทบุรี มีจำนวนประชากร 2,184 คน ตั้งบ้านเรือนอยู่เป็นแถวยาวไปตามสองฟากถนน ระยะทาง 1,100 เมตร รวม 546 หลังคาเรือน ในอาณาบริเวณพื้นที่ประมาณ 53 ไร่

ดั้งเดิม คนในชุมชนประกอบอาชีพเกษตรกรรมและทำสวนผลไม้ อาทิ สวนทุเรียน สวนมะม่วง และสวนขนุน เมื่อสภาพสังคมเปลี่ยนไปและความเจริญขยายเข้ามาอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งมีคนต่างถิ่นอพยพเข้ามาอาศัยอยู่ในชุมชนมากขึ้น ทำให้สภาพของสวนได้เปลี่ยนแปลงกลายเป็นเรือนแถวไม้ ตึกแถว และอาคารพาณิชย์ โดยผู้ที่ย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ส่วนใหญ่เป็นช่างไม้ชาวจีนไหหลำที่ชักชวนกันมาอยู่เป็นกลุ่ม ทั้งในซอยนฤมิตร และซอยไสวสุวรรณ โดยเป็นชาวจีนที่ประกอบอาชีพแกะสลักไม้และทำเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ทำให้คนในชุมชนดั้งเดิมเปลี่ยนมาทำการค้าประเภทไม้แกะสลักเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ และผลิตภัณฑ์ไม้ตกแต่งสำเร็จรูปมากขึ้น

ปัจจุบัน มีการประกอบธุรกิจแปรรูปผลิตภัณฑ์จากไม้ ทั้งการทำเฟอร์นิเจอร์ งานไม้สำหรับตกแต่งบ้าน การแกะสลักเครื่องไม้ และการทำธุรกิจค้าไม้แปรรูปทุกชนิด ในซอยประชานฤมิตรที่มีระยะทางตั้งแต่ด้านถนนประชาราษฎร์ สาย 1 ไปถึงถนนกรุงเทพฯ - นนทบุรี มีความยาวมากกว่า 1 กิโลเมตร และมีร้านไม้มากกว่า 200 ร้านตลอดเส้นทางเดิน เมื่อปี พ.ศ. 2540 โดยมีสำนักงานเขตบางซื่อร่วมกับชุมชนประชาคมประชานฤมิตรในการจัดสร้างซุ้มประตูไม้ขึ้น 2 ฝั่ง และจัดกิจกรรมภายในซอยให้เป็น "ถนนคนเดิน ถนนสายไม้" เพื่อประชาสัมพันธ์ถนนสายไม้ให้เป็นที่รู้จักแก่นักท่องเที่ยวทั่วไป

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

เจ้าของที่ดินเก่าที่ลูกหลานขอจารึกไว้ให้ปรากฏเป็นเกียรติแก่ชมชุน และวงศ์ตระกูล ดังนี้

  • คุณครูวัติ ขำสายทอง
  • พลโทเผชิญ นิมิตบุตร
  • คุณปลูก สุขศรีเจริญ
  • คุณเฉลิม สุขมาก
  • คุณเลี่ยม ศรีศิริกุล
  • คุณเลื่อม ศรีชมพู
  • คุณพุก ศรีชมพู
  • คุณปลื้ม ศรีชมพู
  • คุณจำนง เวียงเกตุ
  • คุณย่าสุมาลี วราทร
  • คุณปู่กลม วาดสันทัด
  • คุณย่าบ๊วย เวียงเกตุ
  • คุณย่าเอม ตุงคะบูรณะ
  • คุณปู่พลบ ธรรมศาสตร์สิทธิ์
  • คุณสะอาด (ไม่ทราบนามสกุล)
  • คุณย่าผาย (ไม่ทราบนามสกุล)

‘ซอยประชานฤมิตร’ ในย่านบางโพคือ ‘ถนนสายไม้’ ซึ่งเนืองแน่นไปด้วยร้านรวงผลิตภัณฑ์ไม้ครบวงจร และใหญ่ที่สุดในกรุงเทพมหานคร ระยะทางเพียง 1 กิโลเมตร ในซอยนี้มีผู้ประกอบการ ซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับไม้มากกว่า 200 ร้านค้า 

‘สิริวโร’ ร้านขายประตูเก่าแก่ของประธานชุมชน นามว่า ภูริสิทธิ์ สิริวโรธากุล และทายาทผู้สานต่อกิจการร้านขายประตูสิริวโร ได้เล่าว่า “สมัยก่อนบางโพ คือชนบท ส่วนในพระนคร คือตัวเมือง ซึ่งรับไม้มาจากทางภาคเหนือของไทย ล่องเจ้าพระยามาส่งตามโรงเลื่อยต่าง ๆ ในเมือง จนในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม เห็นว่าพื้นที่ในพระนครมีความคับแคบ และการตั้งโรงงานที่สร้างมลพิษ ได้มีการสั่งการให้อุตสาหกรรมต่าง ๆ ย้ายออกจากเขตเมือง ฉะนั้นโรงเลื่อยจึงจำเป็นต้องย้ายกันออกมา ประกอบกับแถวบางโพในตอนนั้นมีโรงเลื่อย สวนผลไม้ และมีพื้นที่ว่างอยู่จำนวนมาก ธุรกิจขายไม้แต่ละเจ้าได้ทยอยมาตั้งร้านกันที่บริเวณนี้ (ซอยประชานฤมิตร) อย่างพ่อผมเคยอยู่ที่วัดสระเกศมาก่อน พอเขาเห็นว่าแถวนี้น่าจะมาตั้งโรงงานได้ จึงเริ่มขยับขยายมา ส่วนช่างไม้ ช่างกลึง ช่างแกะสลัก ได้นำความรู้ที่มีกระจายตัวกันไป บ้างก็มาอาศัยอยู่ตามซอยย่อย ๆ ซึ่งหาตัวจับยาก แต่เมื่อก่อนในพื้นที่นี้ขายแต่ไม้อย่างเดียว ไม่มีพวกฮาร์ดแวร์ หรืออุปกรณ์เกี่ยวกับไม้และการทำบ้าน แต่เมื่อคนจะซื้อลูกบิด กลอน ม่าน สเตนเลส กระจก บานพับ เพราะไม่รู้จะหาซื้อที่ไหนจึงได้ริเริ่มมีคนมาเปิดร้านขายอุปกรณ์เหล่านี้เพื่อสนับสนุนกันทำให้ย่านนี้ครบวงจร”

มกเซ่ง โรงซอยไม้ที่สานต่อมาถึงรุ่นที่สาม ซึ่งบ้านหลังถัดจากร้านสิริวโรคือ ‘มกซ่ง’ มีจุดเด่นที่โครงสร้างเดิมแม้กาลเวลาผ่านมากกว่า 60 ปี มีความน่าหลงใหลและคลาสสิกไม่เสื่อมคลาย โดยมกเซ่ง คือ โรงซอยไม้ เป็นวิธีการแปรรูปไม้ สุภนิช เจนจรัตน์ กล่าวว่า “ครอบครัวของเธอขายไม้โครงสำหรับทำไส้ในของเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งเป็นไม้จริงทั้งท่อน ทำให้มกเซ่งแตกต่างจากร้านอื่นที่ขายไม้อัดและไม้จ๊อย” และ “โชคดีที่รุ่นอากงซื้อใจลูกค้าไว้ได้ เพราะสมัยก่อนจะอยู่ได้ หรือไม่ได้มันอยู่ที่ความจริงใจจริง ๆ แต่มันยากตรงที่หลายคนนั้นมักนิยมแบรนด์ใหญ่ ๆ เพราะว่ามีราคาที่ถูกกว่าและการเปลี่ยนนั้นไม่เสียดายเงินเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นไม้แท้จะทำให้การทำโต๊ะหนึ่งตัวมีราคาประมาณ 6,000 – 7,000 บาท หรือบางทีราคาขึ้นถึง 10,000 บาท ซึ่งทางร้านได้สื่อออนไลน์เข้ามาช่วยไว้ได้เยอะ”

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

ในปี พ.ศ. 2532 รัฐบาลประกาศปิดป่า ห้ามตัดไม้ ทำให้เจ้าของโรงเลื่อยต้องซื้อไม้ซุงจากต่างประเทศ อาทิ พม่า ลาว มาเลเซีย และกัมพูชา ซึ่งการขนส่งซุงจากทางน้ำมาใช้รถบรรทุกแทน และมีการลดการผลิตลง โรงเลื่อยหลายแห่งจึงต้องปิดกิจการและเปลี่ยนไปจำหน่ายไม้อัด ไม้แปรรูป และวัสดุทนแทนไม้แทน จนกระทั่งปี พ.ศ. 2540 เกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง เป็นผลให้ธุรกิจค้าไม้เริ่มชะลอตัวลง และในปี พ.ศ. 2541 สำนักงานเขตบางซื่อ เห็นว่าชุมชนนี้มีความพิเศษในเรื่องของงานไม้ จึงเข้ามาส่งเสริมเศรษฐกิจท้องที่ให้เป็นที่รู้จักกว้างมากขึ้น ทำให้เกิดเป็นโครงการ ‘ถนนสายไม้’ ทว่าเจอโควิดระบาดหนักช่วง 2 ปี ที่ผ่านมา เป็นผลให้ชุมชนเริ่มเสื่อมโทรม มีแต่ผู้สูงอายุ คนรุ่นใหม่ย้ายออกจากพื้นที่ จนเป็นจุดเริ่มต้นให้คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำงานร่วมกับชุมชนประชานฤมิตร หาทางออกในการอนุรักษ์และพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงจุดแข็งของชุมชนเอาชุมชนเป็นตัวตั้ง มีการลงนาม MOU ร่วมกับชุมชนเป็นระยะเวลา 3 ปี (ตั้งแต่ พ.ศ. 2563 - 2565)

โดยชุมชนได้เปิดพื้นที่ตามร้านค้า โรงไม้ ร้านแกะสลัก ช่างฝีมือ ร้านเฟอร์นิเจอร์ ให้คณาจารย์และนิสิตคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากภาควิชาต่าง ๆ ศึกษาเรียนรู้จากหน้างานจริง ๆ แบบที่ไม่สามารถหาได้ในหนังสือหรือห้องเรียน ก่อนร่วมกันออกแบบปรับปรุงผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์ไม้ร่วมกับชาวชุมชนช่างไม้ รวมถึงจัดทำข้อเสนอพัฒนาชุมชน และเชิญชาวบ้านมาให้ข้อคิดเห็น อาทิการปรับปรุงคลองให้สัญจรได้ช่วยเปิดพื้นที่ให้คนกลุ่มใหม่ ๆ ที่เดินทางจากรถไฟฟ้าเข้าถึงกลางชุมชนได้ง่ายขึ้น, การปรับปรุงถนนให้เข้ามายังชุมชนง่ายขึ้น เพราะปัจจุบันไม่สามารถจอดรถข้างทางได้ ทำโกดังกลางแจ้งที่ลูกค้าสามารถดูสินค้าและสั่งซื้อทางออนไลน์ได้ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ ซึ่งนิสิตจุฬาฯ ทำงานร่วมกับชุมชนแข็งขันจนเป็นนิทรรศการ ‘บางโพซิเบิ้ล’ หรือ ‘BANG PO (SSIBLE)’ เสนอทางเลือกในการพัฒนาชุมชน ซึ่งจัดแสดงพื้นที่ชั้นล่างของร้านสมเกียรติการช่างในซอยประชานฤมิตรที่ปรับเป็นศูนย์เรียนรู้นิทรรศการถนนสายไม้บางโพ เปิดแสดงในเดือนกรกฎาคม ปี พ.ศ. 2565 

ผศ.ดร.ปริญญ์ กล่าวว่า “ชุมชนนี้มีของมีการรวมตัวทำงานเกี่ยวกับไม้สารพัด มีช่างฝีมือจำนวนมากในชุมชน ซึ่งเป็นลูกหลานซอยไม้หลังวัดสระเกศ หรือภูเขาทอง ย้ายมาตั้งถิ่นฐานกันที่บางโพกว่า 60 ปี แล้วทำให้ชุมชนประชานฤมิตรเป็นแหล่งขายไม้ใหญ่ในกรุงเทพมหานคร ถ้าได้รับการส่งเสริมการออกแบบที่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์งานไม้ และผลักดันสู่แหล่งเรียนรู้งานไม้ที่มีชีวิตในกรุงเทพมหานคร จะสร้างรายได้ให้กับชุมชนมากขึ้น นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ชุมชนติดต่อมาที่คณะฯ เพราะต้องการฟื้นฟูธุรกิจงานไม้ชุมชน” ฉะนั้นสำหรับปัญหาหลักฯ รองคณบดีคณะสถาปัตยกรรม กล่าวว่า “จากการรับฟังชุมชน พบว่าการขายสินค้าได้น้อยลง แม้กระทั่งไม้ที่แกะสลักลวดลายสวยงาม ส่วนมากเป็นกลุ่มลูกค้าเดิม ๆ ผลจากเทรนด์การออกแบบ และความชอบของผู้บริโภคเปลี่ยนไป ส่งผลให้เศรษฐกิจชุมชนชะลอตัว รวมถึงมีเศษวัสดุงานไม้เหลือทิ้งกลายเป็นขยะปริมาณมาก ทั้งยังไร้คนรุ่นใหม่สืบทอดวิชาช่างฝีมืองานไม้ในชุมชน”

ดังนั้น จากจุดเริ่มต้นในการฟื้นฟูชุมชนของภาควิชาการและภาคประชาชน ผศ.ดร.ปริญญ์ กล่าวว่า “ขณะนี้ได้รับการประสานจากสำนักงานเขตบางซื่อ สส. และ สก. มาร่วมพูดคุยเกี่ยวกับข้อเสนอการอนุรักษ์และพัฒนาชุมชนที่เกิดขึ้น เล็งเห็นศักยภาพชุมชนประชานฤมิตร รวมถึงหากจะจัดงาน ‘ถนนสายไม้’ อีกครั้ง ควรปรับเป็นเทศกาลสอดแทรกเรื่องวิถีชีวิต ย่านการค้าไม้ การออกแบบชุมชน ทำให้คนในชุมชน ผู้ประกอบการ และประชาชนเห็นถึงอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ส่วนคณะสถาปัตยกรรม มีแนวโน้มจะขยายความร่วมมือกับชุมชนต่อไป”

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

ชื่อแหล่งวัฒนธรรม เขตบางซื่อ: ถนนสายไม้ซอยประชานฤมิตร ประชาคมประชานฤมิตร. (ออนไลน์). (ม.ป.ป.). สืบค้นเมื่อ 20 มีนาคม 2566, จาก http://livingculturalsites.com/chapter29_04_01.html.

ไทยโพสต์. (2565). วาดอนาคต’ถนนสายไม้บางโพ’ ช่วยชุมชนอยู่รอด. (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อ 20 มีนาคม 2566, จาก https://www.thaipost.net/tac/186812.

บริษัท ส.สามัคคี คอร์ปอร์เรทท์ จำกัด. (2554). บทความ ย้อนอดีตชุมชนประชานฤมิตร. (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อ 20 มีนาคม 2566, จาก https://www.samakkeetimber.com/article_detail/view/82140.

ปณัยกร วรศิลป์มนตรี. (2564). บางโพแหล่งขายไม้ใหญ่สุดในกรุงเทพฯ ที่มีกว่า 200 ร้านค้าจนได้ชื่อว่า "ถนนสายไม้". (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อ 20 มีนาคม 2566, จาก https://urbancreature.co/bangpho-wood-street

amazing thailand. (ม.ป.ป.). ถนนสายไม้ (ซอยประชานฤมิตร). (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อ 20 มีนาคม 2566, จาก https://thai.tourismthailand.org/Attraction/ถนนสายไม้-ซอยประชานฤมิตร.

bangpho woodstreet. (ม.ป.ป.). แนะนำถนนสายไม้. (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อ 20 มีนาคม 2566, จาก https://bangphowoodstreet.com/about

Thai PBS. (2565). จากรากสู่เรา ซีซัน 2 ชุมชนประชานฤมิตรจากสวนผลไม้สู่ถนนสายไม้แห่งบางโพ. (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อ 20 มีนาคม 2566, จาก https://www.thaipbs.or.th/program/JakRakSuRao/episodes/91803

ชุมชนสายไม้ โทร. 0-2585-0430, สำนักงานเขตบางซื่อ 0-2586-9977