Advance search

บ้านดงห้วยหลวง ชุมชนแห่งวิถีวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ท้องถิ่น วิถีชีวิตการทำตาลโตนด มรดกภูมิปัญญาจากบรรพบุรุษที่สืบทอดกันมา กับพัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงทางสังคมสู่ชุมชนคุณธรรมบ้านดงห้วยหลวง แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

หมู่ที่ 6
ดงห้วยหลวง
บ้านทาน
บ้านลาด
เพชรบุรี
อบต. บ้านทาน โทร. 0 3258 3348
กฤษฎา อุ่นลาวรรณ
6 มิ.ย. 2025
วิไลวรรณ เดชดอนบม
6 มิ.ย. 2025
บ้านดงห้วยหลวง


ชุมชนชนบท

บ้านดงห้วยหลวง ชุมชนแห่งวิถีวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ท้องถิ่น วิถีชีวิตการทำตาลโตนด มรดกภูมิปัญญาจากบรรพบุรุษที่สืบทอดกันมา กับพัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงทางสังคมสู่ชุมชนคุณธรรมบ้านดงห้วยหลวง แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

ดงห้วยหลวง
หมู่ที่ 6
บ้านทาน
บ้านลาด
เพชรบุรี
76150
13.075966395049601
99.82600690233916
องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านทาน

ชุมชนบ้านดงห้วยหลวง เป็นชุมชนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ และเหมาะแก่การตั้งบ้านเรือน โดยการเข้ามาบุกเบิกพื้นที่ชุมชนแห่งไม่ปรากฏแน่ชัดว่าเริ่มเข้ามาในช่วงใด ทราบแต่เพียงว่า คนที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในบริเวณพื้นที่ชุมชนแห่งนี้เป็นคนแรกคือ เจ๊กแว้ง แซ่จิ๋ว ได้เข้ามาบุกเบิกพื้นที่เป็นที่ทำกินละสร้างบ้านเรือนอาศัยอยู่ คาดว่าเริ่มเข้ามาในช่วงก่อนปี พ.ศ. 2500 เนื่องจากมีประวัติการเลือกตั้งผู้นำชุมชนคนแรก คือ นายอิน ประสาตร์ ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานเขยของเจ๊กแว้ง แซ่จิ๋ว ดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านคนแรกในปี พ.ศ.2493 และครอบครัวนี้ก็ได้รับคัดเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้านต่อมาอีกหลายสมัย ได้แก่

  1. นายอิน ประสาตร์ เป็นผู้ใหญ่บ้านคนแรก ช่วง พ.ศ. 2493 - พ.ศ. 2515
  2. นายพร ประสาตร์ ช่วง พ.ศ. 2515 - พ.ศ. 2522
  3. นายมงคล ประสาตร์ ช่วง พ.ศ. 2522 - พ.ศ. 2524

การเข้ามาของเจ๊กแว้ง แซ่จิ๋ว ซึ่งเป็นคนจีนคนแรกที่เข้ามาบุกเบิกพื้นที่ชุมชนบ้านดงห้วยหลวงเพื่อสร้างที่อยู่อาศัย และขยายครอบครัวในพื้นที่ และมีการเข้ามาของผู้คนจนกลายเป็นชุมชนที่ใหญ่ขึ้น เจ๊กแว้ง แซ่จิ๋ว ยังเป็นผู้ที่นำเมล็ดตาลโตนดเข้ามาปลูกไว้ภายในพื้นที่นี้เป็นคนแรก และเมื่อต้นตาลโตนดเจริญเติบโตเต็มที่จนสามารถที่จะให้ผลผลิตได้แล้ว จึงได้มีการใช้ประโยชน์จากตาลโตนด ตามภูมิปัญญาท้องถิ่น จนเกิดเป็นอาชีพทำตาลโตนดขึ้นภายในพื้นที่ชุมชนแห่งนี้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และกลายเป็นวิถีชีวิตของผู้คนในชุมชนมาจนถึงปัจจุบัน

บ้านดงห้วยหลวง อยู่ในเขตตำบลบ้านทาน อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี ที่ตั้งชุมชนตั้งอยู่ห่างจากตัวอำเภอบ้านลาดเป็นระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร ลักษณะทางกายภาพของภูมิศาสตร์และสภาพแวดล้อมชุมชน เป็นพื้นที่มีความลาดเอียงจากทิศตะวันตกไปยังทิศตะวันออกซึ่งเป็นที่ราบ ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติเนื่องจากเป็นพื้นที่ที่อยู่ในบริเวณที่ราบเชิงเขาของเทือกเขาตะนาวศรี ชุมชนมีพื้นที่ทั้งหมด 5,995 ไร่ โดยมีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้

  • ทิศเหนือ ติดต่อกับ หมู่ 1 บ้านไร่โคก ตำบลไร่โคก อำเภอบ้านลาด
  • ทิศใต้ ติดต่อกับ หมู่ 6 บ้านโป่งสลอด ตำบลหนองกะปุ อำเภอบ้านลาด
  • ทิศตะวันออก ติดต่อกับ หมู่ 4 บ้านหนองพระ และหมู่ 5 บ้านไร่ตอตำบลบ้านทาน อำเภอบ้านลาด
  • ทิศตะวันตก ติดต่อกับ เทือกเขาตะนาวศรี

บ้านดงห้วยหลวง ตำบลบ้านทาน อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี มีสถิติประชากรทางการทะเบียนราษฎร (รายเดือน) สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง รายงานจำนวนประชากรหมู่ที่ 6 บ้านดงห้วยหลวง ตำบลบ้านทาน อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 544 คน โดยแยกเป็นประชากรชาย 275 คน ประชากรหญิง 269 คน มีจำนวนหลังคาเรือนทั้งสิ้น 158 หลังคาเรือน (ข้อมูลเดือนธันวาคม 2567)

บ้านดงห้วยหลวง ในปัจจุบันนั้น อยู่ในเขตการปกครองขององค์การบริหารส่วนตำบลบ้านทาน ซึ่งเป็นการปกครองส่วนท้องถิ่น โดยองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านทานได้รับการยกฐานะจากสภาตำบลเป็นองค์การบริหารส่วนตำบล ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2542 และมีการเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่น ซึ่งประกอบด้วย นายกองค์การบริหารส่วนตำบล จำนวน 1 คน รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล จำนวน 2 คน และสมาชิกสภานายกองค์การบริหารส่วนตำบล จำนวน 12 คน ซึ่งทางองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านทานจะทำหน้าที่ร่วมกันกับผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 6 บ้านดงห้วยหลวง ในการดูแลทุกข์สุขและชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้าน โดยที่จะมีการประชุมร่วมกันเพื่อปรึกษาหารือในเรื่องต่างๆ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ภายในหมู่บ้าน เช่น การก่อสร้าง ปรับปรุงซ่อมแซมและบำรุงรักษาถนน สะพาน การพัฒนาปรับปรุงแหล่งน้ำ และระบบประปาหมู่บ้าน เป็นต้น

ประชากรส่วนใหญ่ในบ้านดงห้วยหลวงจะประกอบอาชีพด้านการทำเกษตรกกรรมเป็นหลัก อาชีพกรทำนาเป็นอาชีพที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ทำต่อเนื่องกันมาตั้งแต่อดีตจากพื้นที่ที่สืบทอดกันมาในครอบครัว โดยเป็นการทำนาเพื่อเก็บผลผลิตไว้บริโภคภายในครัวเรือนตลอดทั้งปีบางส่วน และจะมีการแบ่งผลผลิตไปขายสร้างรายได้มาจุนเจือครอบครัวด้วยบางส่วน นอกจากการทำนาแล้วชาวบ้านยังมีการประกอบอาชีพการทำตาลโตนดร่วมด้วย โดยมีทั้งกลุ่มที่ทำนาเพียงอย่างเดียว ทำตาลโตนดเพียงอย่างเดียว และทำนาและทำตาลโตนดร่วมกัน แต่โดยส่วนใหญ่แล้วการทำตาลโตนดของชาวบ้านจะเป็นอาชีพที่ทำร่วมกับงานอื่นๆ ด้วย ซึ่งภูมิปัญญาและวิถีชีวิตการทำตาลโตนดอยู่คู่กับชุมชนมาตั้งแต่แรกเริ่มการตั้งชุมชน และเป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมท้องถิ่นของจังหวัดเพชรบุรีในด้านการเป็นพื้นที่แหล่งตาลโตนดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย นอกจากนี้ชาวบ้านบางส่วนยังมีการประกอบอาชีพอื่นๆ ร่วมด้วยกับการทำนาและทำตาลโตลนด เช่น อาชีพการเลี้ยงวัวฝูง การรับจ้างทั่วไป โดยจะทำในช่วงหลังฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิต หรือสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปตามความเหมาะสมของแต่ละฤดูกาล

และด้วยเอกลักษณ์ของพื้นที่ชุมชน และวิถีชีวิตของชาวบ้านที่มีความโดดเด่น พื้นที่ชุมชนจึงมีการเปิดให้นักท่องเที่ยวหรือผู้ที่มีความสนใจเข้ามาเรียนรู้วิถีชีวิตแบบชาวบ้าน เรียนรู้การทำตาลโตนด และกิจกรรมอื่นๆ ภายในชุมชน ซึ่งเป็นการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่เกิดกระบวนการเรียนรู้ และรักษามรดกภูมิปัญญา วัฒนธรรมท้องถิ่นชุมชนได้เป็นอย่างดี

บ้านดงห้วยหลวงทุกคน ประชากรส่วนใหญ่ในชุมชนจะนับถือศาสนาพุทธ ซึ่งจะไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่วัดจันทารามร่วมกันชุมชนอื่นๆ เนื่องจากภายในพื้นที่หมู่ 6 บ้านดงห้วยหลวงนั้นไม่มีวัดประจำชุมชน นอกจากนี้ชาวบ้านในชุมชนอื่นๆ ของตำบลบ้านทานก็จะใช้พื้นที่วัดจันทารามเป็นศูนย์รวมในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาด้วยเช่นกัน จึงทำให้วัดจันทารามเป็นศูนย์รวมจิตใจของทุกคนภายในตำบลบ้านทาน นอกจากเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาแล้ว วัดจันทารามยังเป็นสถานที่จัดประชุมปรึกษาหารือกันของชาวบ้านในเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องการจัดงานในวันสำคัญทางศาสนา ซึ่งผู้ใหญ่บ้านของทุกหมู่บ้าน องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านทาน รวมถึงชาวบ้านจะมาร่วมกันประชุมและมีการแบ่งหน้าที่กันเพื่อช่วยกันจัดงานบุญต่างๆ ที่วัดจันทาราม โดยชาวบ้านทุกคนจะให้ความสำคัญกับงานบุญต่างๆ มาก เมื่อมีการขอแรงให้มาช่วยจัดงานที่วัดจันทารามก็จะได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี

ประเพณีและพิธีกรรมท้องถิ่นของชาวบ้านดงห้วยหลวงนั้น ส่วนใหญ่เป็นประเพณี และพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับศาสนาพุทธ ได้แก่ ประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษา ประเพณีฉลากหาบ ประเพณีการทอดกฐิน และประเพณีการทอดผ้าป่า นอกจากนี้ยังมีพิธีกรรมตามความเชื่อดั้งเดิมในเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์และอำนาจเหนือธรรมชาติ มีพิธีกรรมในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อเรื่องเทวดา เรื่องผี ได้แก่ พิธีรับท้องข้าว พิธีแรกตาล และพิธีปิดฤดูกาลทำตาล ส่วนประเพณีที่ไม่เกี่ยวข้องกับศาสนาพุทธ และความเชื่อเรื่องเทวดา เรื่องผี แต่เป็นประเพณีที่จัดขึ้นเพื่อความ สนุกสนาน ผ่อนคลายของชาวบ้าน ได้แก่ ประเพณีวัวเทียมไถ และกิจกรรมทางสังคมอื่นๆ ที่ชาวบ้านทำร่วมกัน

เดือน กิจกรรม

มกราคม

ประเพณีวัวเทียมไถ/พิธีแรกตาล/ทำตาลโตนด

กุมภาพันธ์

ประเพณีการทอดผ้าป่า/ทำตาลโตนด

มีนาคม

ทำตาลโตนด

เมษายน

ทำตาลโตนด

พฤษภาคม

พิธีปิดฤดูกาลทำตาล/ฝนเริ่มตกชาวบ้านหยุดทำตาลโตนด/ชาวนาจะเตรียมดินด้วยการไถดะเพื่อพลิกหน้าดินและไถแปรเพื่อกำจัดวัชพืช

มิถุนายน

พิธีปิดฤดูกาลทำตาล/ชาวนาจะเตรียมดินด้วยการไถดะเพื่อพลิกหน้าดินและไถแปรเพื่อกำจัดวัชพืช/หว่านเมล็ดพันธุ์ข้าว

กรกฎาคม

ประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษา/หว่านเมล็ดพันธุ์ข้าว/กำจัดวัชพืชและใส่ปุ๋ยบำรุง

สิงหาคม

ประเพณีฉลากหาบ/กำจัดวัชพืชและใส่ปุ๋ยบำรุงข้าว

กันยายน

ประเพณีฉลากหาบ/ข้าวเริ่มตั้งท้องหรือข้าวเริ่มสุก จะมีการกำจัดวัชพืชที่รบกวน

ตุลาคม

ประเพณีการทอดกฐิน/พิธีรับท้องข้าว/ข้าวเริ่มตั้งท้องหรือข้าวเริ่มสุก จะมีการกำจัดวัชพืชที่รบกวน

พฤศจิกายน

ประเพณีวัวเทียมไถ/พิธีแรกตาล/ข้าวสุกแล้ว ถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยว ชาวนาก็จะเกี่ยวข้าวในนา/เริ่มทำตาลโตนด โดยการนวดงวงตาลหรือปลีตาล

ธันวาคม

ประเพณีวัวเทียมไถ/พิธีแรกตาล/ข้าวสุกแล้ว ถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยว ชาวนาก็จะเกี่ยวข้าวในนา/เริ่มทำตาลโตนด โดยการนวดงวงตาลหรือปลีตาล

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

การทำตาลโตนดเป็นมรดกภูมิปัญญา และวิถีชีวิตของชุมชนที่สืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษ ที่นอกจากจะเป็นแหล่งสร้างงานสร้างอาชีพ นำรายได้มาสู่ครอบครัวแล้ว ยังช่วยสร้างตัวตนและอัตลักษณ์ของชุมชนให้เห็นถึงคุณค่าและการดำรงอยู่ของกลุ่มอาชีพดั้งเดิม ถือเป็นต้นทุนที่มีความสำคัญต่อชุมชนเป็นอย่างมาก

สำหรับการประกอบอาชีพทำตาลโตนดนั้น จะมีการเริ่มต้นทำกันในช่วงเดือนพฤศจิกายน หรือเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาหลังจากที่มีการเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จเรียบร้อย ชาวบ้านที่มีตาลในพื้นที่ของตนเองก็จะเริ่มฤดูกาลทำตาลได้ทันที ส่วนชาวบ้านที่ไม่มีพื้นที่ตาลของต้นเอง จะต้องไปขอแบ่งเช่าต้นตาลโตนดจากผู้ที่เป็นเจ้าของต้นตาลโตนด ค่าเช่าต้นตาลโตนดนั้นจะมีการคิดค่าเช่า 2 แบบ คือ จ่ายเป็นเงิน โดยจะคิดราคาต้นละเท่าไรและจะให้เช่าจำนวนกี่ต้น แล้วแต่ว่าจะมีการตกลงกันระหว่างเจ้าของต้นตาลโตนดและผู้ขอเช่า ส่วนระยะเวลาในการเช่าก็จะเช่าไปตลอดฤดูกาลทำตาลโตนด ส่วนการคิดค่าเช่าอีกแบบหนึ่งคือ จ่ายเป็นน้ำตาลโตนดที่ทำเป็นปึกหรือปีบ ตามแต่จะตกลงกัน อุปกรณ์ในการทำตาลโตนดมีดังนี้

1. ไม้คาบตาลหรือไม้นวดตาลโตนด จะแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ไม้คาบตาลตัวผู้ ซึ่งทำจาก ไม้เนื้อแข็ง มีความยาวประมาณ 1-1.5 เมตร จำนวน 2 อัน โดยไม้ทั้ง 2 อัน จะมีลักษณะแบน ตรงโคนของไม้จะมีขนาดใหญ่กว่าตรงปลายไม้ โดยตรงโคนของไม้จะมีความกว้างประมาณ 3-4 นิ้ว ส่วนตรงปลายของไม้จะมีความกว้างประมาณ 1-2 นิ้ว การทำไม้คาบตาลนั้นก็จะนำไม้ทั้ง 2 อันมาผูกโคนไม้ติดกันด้วยเชือกโดยไม่ต้องผูกที่ปลายไม้ จะได้ไม้คาบตาลตัวผู้ที่มีลักษณะคล้ายกับคีม ส่วนไม้คาบตาลตัวเมียจะทำจากไม้เนื้อแข็ง มีความยาวประมาณ 1.5-2 เมตร จำนวน 2 อัน โดยไม้ทั้ง 2 อัน จะมีลักษณะกลม ตรงโคนของไม้จะมีขนาดใหญ่กว่าตรงปลายของไม้ โดยตรงโคนของไม้จะมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 นิ้ว ส่วนตรงปลายของไม้จะมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้ว การทำไม้คาบตาลนั้นก็จะนำไม้ทั้ง 2 อันมาผูกโคนไม้ติดกันด้วยเชือก โดยไม่ต้องผูกที่ปลายไม้ ก็จะได้ไม้คาบตาลตัวเมีย

2. มีดปาดตาล เป็นมีดที่ใช้ในการปาดงวงตาลหรือปลีตาล มักจะทำจากเหล็กแหนบ เนื่องจากมีดที่ทำจากเหล็กแหนบจะมีความคงทนมากกว่ามีดที่ทำจากเหล็กชนิดอื่น ซึ่งการปาดงวงตาลหรือปลีตาลเพื่อให้ได้น้ำตาลไหลออกมาได้เป็นจำนวนมาก โดยที่น้ำตาลไม่หยุดชะงักไปนั้น จะต้องใช้มีดปาดตาลที่มีความคมเป็นอย่างมาก สามารถปาดงวงตาล หรือปลีตาลให้ขาดได้ภายในครั้งเดียว โดยที่งวงตาลหรือปลีตาลไม่ซ้ำ ซึ่งถ้าหากงวงตาล หรือปลีตาลซ้ำก็จะทำให้น้ำตาลไหลออกมาได้ไม่ดี ผู้ประกอบอาชีพทำตาลโตนดจึงจะต้องคอยลับมีดให้คมอยู่เสมอ โดยมีดปาดตาลนั้นด้านที่มีคมจะมีความโค้งมากกว่ามีดปกติที่เราใช้กันและจะมีความคมอย่างมากด้วย จึงทำให้ผู้ประกอบอาชีพทำตาลโตนด จะต้องมีการทำฝักมีดหรือปลอกใส่มีด ซึ่งมักจะทำด้วยไม้เนื้อแข็ง 2 ชิ้น นำมาประกบกัน แล้วทำให้เข้ารูปพอดีกับตัวมีดปาดตาล บางคนก็ทำลวดลายฉลุลงไปบนฝักมีด บางคนก็เขียนคาถาอาคมลงบนฝักมีดด้วย ผู้ประกอบอาชีพทำตาลโตนดบางคนก็นำฝักมีดมาอวด ฝีมือกันว่าใครจะทำฝักมีดได้งดงามกว่ากัน บางคนที่ทำฝักมีดได้งดงามมากก็จะมีผู้มาขอแลกซื้อหรือนำสิ่งของอื่นๆ มาแลกกันก็มี

3.กระบอกไม้ไผ่ที่ใช้รองน้ำตาลหรือกระบอกตาล จะทำจากไม้ไผ่สีสุกเนื่องจากไม้ไผ่สีสุกนั้น มีรูกระบอกกว้างและมีปล้องที่ยาวมากกว่าปล้องของไม้ไผ่ป่า เหมาะสำหรับนำมาตัดทำเป็นกระบอกเพื่อใช้รองน้ำตาลมากกว่าไม้ไผ่ป่าซึ่งมีรูกระบอกแคบกว่าและมีปล้องที่สั้นกว่า เมื่อได้ไม้ไผ่สีสุกมาแล้วก็นำมาตัดเป็นท่อนๆ แล้วเจาะรูตรงขอบกระบอก จากนั้นจึงนำเชือกมาร้อย เพื่อใช้หิ้วกระบอกไปรองน้ำตาล และใช้เชือกนี้มัดงวงตาลหรือปลีตาลให้ติดกับกระบอกตาล เพื่อให้น้ำตาลหยดลงในกระบอก ซึ่งก่อนที่จะนำกระบอกไม้ไผ่ไปใช้รองน้ำตาลนั้น ก็จะต้องนำน้ำร้อนมาลวกกระบอกไม้ไผ่ก่อน แล้วนำกระบอกไม้ไผ่มาแขวนรอให้แห้ง หรืออีกวิธีหนึ่งก็คือ นำกระบอกไม้ไผ่ไปรมควัน

4. พะอง ซึ่งใช้สำหรับปืนขึ้นต้นตาลโตนดนั้นจะทำจากไม้ไผ่ป่า เนื่องจากไม้ไผ่ป่าจะมีปล้องที่สั้นกว่าไม้ไผ่สีสุกและมีแขนงมากกว่าไม้ไผ่สีสุก เหมาะสำหรับที่จะใช้ปีน เมื่อได้ไม้ไผ่ป่ามาแล้วก็จะตัดแขนงออกให้มีความยาวประมาณ 15 เซนติเมตร ซึ่งแขนงนี้เปรียบเสมือนกับบันไดที่ใช้ปืนต้นตาลโตนด ถ้าหากต้นตาลโตนดมีความสูงมากก็จะต้องใช้ไม้ไผ่ 2 ลำ มาผูกต่อกันโดยใช้ตอกมัด

5.พะยอมหรือเคี่ยม จะใช้ในส่วนของเปลือก นำมาสับเป็นชิ้นเล็กๆ ใช้สำหรับนำมาใส่ในกระบอกตาลก่อนที่จะนำกระบอกตาลไปรองน้ำตาล เพื่อป้องกันน้ำตาลบูด

6. ไม้กระแทกน้ำตาล ใช้สำหรับกระแทกน้ำตาลที่เดือดได้ที่แล้ว เพื่อช่วยทำให้น้ำที่อยู่ในน้ำตาลระเหยออกไป โดยที่ตรงด้ามจับของไม้กระแทกนั้นจะทำจากไม้เนื้อแข็ง นำมากลึงให้มีลักษณะกลมตลอดทั้งด้าม มีความยาวประมาณ 1.5-2 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1-2 นิ้ว ตรงปลายของไม้จะนำเหล็กที่มีลักษณะเป็นวงกลมซ้อนกันหลายๆ ชั้น มีความยืดหยุ่นคล้ายสปริง นำมาสวมไว้ตรงปลายไม้และยึดติดให้แน่นเพื่อกันเหล็กหลุด เวลาที่กระแทกน้ำตาล

7. ไม้ขนวน ใช้สำหรับคนน้ำตาลให้เหนียวและข้นจนเป็นเนื้อเดียวกัน ไม้ขนวนนั้นจะทำจากไม้เนื้อแข็ง นำมากลึงให้มีลักษณะกลมตลอดทั้งด้าม มีความยาวประมาณ 1.5-2 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1-2 นิ้ว

8. ไม้เสียม ใช้สำหรับตักน้ำตาลโตนดที่เคี่ยวเสร็จเรียบร้อยแล้ว นำมาหยอดใส่แม่พิมพ์ทำเป็นน้ำตาลปึก ไม้เสียมทำจากไม้เนื้อแข็ง มีลักษณะคล้ายพายที่ใช้พายเรือ แต่มีขนาดเล็กกว่ามาก มีขนาดเท่ากับทัพพีที่ใช้ตักข้าว

9. ไม้กะโหลก ใช้สำหรับตักน้ำตาลที่อยู่ในกระทะใบบัว ตรงด้ามจับของไม้กะโหลกนั้นทำจากไม้เนื้อแข็ง นำมากลึงให้กลมตลอดทั้งด้าม มีขนาดยาวประมาณ 1.5-2 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.5-1 นิ้ว ตรงปลายด้ามจะนำกะลามะพร้าวที่ขัดเรียบร้อย แล้วนำมาเจาะรูทั้ง 2 ด้าน แล้วนำด้ามจับมาเสียบตรงรูของกะลามะพร้าวที่เจาะไว้ จากนั้นจึงนำลวดมามัด เพื่อไม่ให้กะลามะพร้าวหลุดออกจากด้ามจับ ซึ่งถ้าหากไม่มีกะลา มะพร้าวก็อาจใช้ขันสังกะสีหรือขันอะลูมิเนียมนำมาเจาะรูแล้วนำด้ามจับมาเสียบ ก็สามารถนำมาใช้แทนได้เหมือนกัน

10. ไม้ตักมวก ใช้สำหรับตักฟองหรือมวกน้ำตาล หรือสิ่งเจือปนอื่นๆ ที่ลงไปในกระทะ ด้ามจับทำจากไม้ไผ่ นำมากลึงให้กลมตลอดทั้งด้าม มีขนาดยาวประมาณ 0.5-1 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.5 นิ้ว ตรงปลายด้ามจับจะนำไม้ไผ่ที่สานเป็นสี่เหลี่ยมมี ลักษณะคล้ายกับทัพพีนำมาผูกติดไว้ ก็จะได้ไม้ตักมวกนำมาใช้

11. กระทะใบบัว เป็นกระทะเหล็กขนาดใหญ่ มีปากกระทะกว้างประมาณ 36 นิ้ว กระทะใบบัว ใช้สำหรับใส่น้ำตาลที่รองได้จากต้นตาลโตนดหรือที่เรียกว่า น้ำตาลใส เพื่อนำมาเคี่ยวเป็นน้ำตาลปึกหรือน้ำตาลปีบ แต่ถ้าหากต้องการน้ำตาลสด เมื่อน้ำตาลอุ่นได้ที่ไม่ต้องรอให้เดือด ก็ให้ยกกระทะใบบัวลงในช่วงนี้ แต่ถ้าหากต้องการน้ำตาลปึกหรือน้ำตาลปีบ ก็จะต้องรอให้น้ำตาลเดือดได้ที่ จึงจะยกกระทะใบบัวลงจากเตา แล้วนำมาเคี่ยวต่อจนได้ น้ำตาลโตนดที่มีความข้นและเหนียว จนสามารถนำมาหยอดใส่แม่พิมพ์น้ำตาลปึกเพื่อทำเป็นน้ำตาลปึกหรือนำมาใส่ปีบเพื่อทำเป็นน้ำตาลปีบต่อไป

12. เตาเคี่ยวน้ำตาล ใช้สำหรับนำกระทะใบบัวมาวางแล้วนำฟื้นมาใส่ในเตา จากนั้นจึงนำน้ำตาลที่รองได้จากต้นตาลโตนดหรือที่เรียกว่า น้ำตาลใส มาเทใส่กระทะใบบัว จากนั้นรอจนน้ำตาลเดือดได้ที่ แล้วจึงยกกระทะใบบัวลงจากเตา นำมาพักไว้ เพื่อเคี่ยวต่อไปจนได้น้ำตาลโตนดที่มีความเหนียวและข้น จนสามารถนำมาหยอดใส่แม่พิมพ์น้ำตาลปึกหรือใส่ปีบต่อไป เตาเคี่ยวน้ำตาลโตนดนั้นอาจจะทำเป็นเตาที่สามารถวางได้ 1 กระทะ 2 กระทะ หรือ 3 กระทะก็ได้ ส่วนใหญ่มักจะทำเป็นเตาที่สามารถวางได้ 3 กระทะ หรือที่เรียกว่า 3 เตา เนื่องจากสะดวกและรวดเร็วมากกว่า การทำเตาเคี่ยวน้ำตาลโตนดนั้นจะใช้ดินเหนียวที่อยู่ในนามาผสมกับแกลบและขี้วัว แล้วนำมานวดให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียว จากนั้นจึงนำมาปั้นขึ้นรูปจนเป็นเตา ซึ่งเตาเคี่ยวน้ำตาลโตนดนั้นจะมีลักษณะเป็น สี่เหลี่ยมผืนผ้า ด้านบนจะทำเป็นช่องสำหรับวางกระทะ ถ้าหากจะทำเป็นเตาที่สามารถวางได้ 3 กระทะ ก็จะทำช่องไว้ 3 ช่อง โดยบริเวณข้างใต้ของช่องวางกระทะที่ 1 จะทำเป็นช่องสำหรับใส่พื้นหรือเชื้อเพลิง เรียกว่า หางเตา ส่วนช่องวางกระทะที่ 3 จะทำเป็นปล่องไฟ เพื่อใช้ระบายควันไฟ เรียกว่า หัวเตา และจะทำช่องหรือรูกลมๆ บริเวณเหนือช่องวางกระทะที่ 3 ใกล้ๆ กับปล่องไฟ ประมาณ 6-10 ช่อง โดยจะทำช่องหรือรูให้มีขนาดพอที่จะ สามารถนำกระบอกตาลมาวางคว่ำไว้ เพื่อทำความสะอาดกระบอกตาล ที่เรียกว่า การรมกระบอกนั่นเอง

13. แม่พิมพ์น้ำตาลปึก ใช้สำหรับนำน้ำตาลโตนดที่เคี่ยวเสร็จเรียบร้อยแล้ว นำมาหยอดในแม่พิมพ์ที่มีลักษณะเป็นแท่นสี่เหลี่ยม บนแท่นสี่เหลี่ยมนั้นก็จะมีหลุมเป็นรูปวงกลมเรียงกันเป็นแถวๆ ซึ่งแม่พิมพ์นี้ชาวบ้านจะทำกันเอง โดยใช้ดินเหนียวในนาผสมกับแกลบและขี้วัว นำมานวดให้เข้ากันและปั้นเป็นแท่นสี่เหลี่ยม จากนั้นจึงทำหลุมที่ใช้สำหรับหยอดน้ำตาลโตนด โดยใช้ก้นของขวดแก้วนำมากดบนแท่นสี่เหลี่ยมเรียงกันเป็นแถวๆ จากนั้นทิ้งไว้ให้แห้งก็จะได้แม่พิมพ์น้ำตาลปึก

14. ตะกร้าและผ้าขาวบาง ซึ่งตะกร้านั้นจะใช้ไม้ไผ่ 2 อัน ยาวประมาณ 1 เมตร นำมาผูกติดกับก้นตะกร้าไว้ เพื่อให้สามารถนำตะกร้ามาวางบนกระทะใบบัวได้โดยที่ตะกร้าไม่ตกลงไปในกระทะใบบัว จากนั้นจึงนำผ้าขาวบางมาวางขึงไว้ในตะกร้า เพื่อใช้สำหรับทำเป็นที่กรองน้ำตาลใสให้สะอาด โดยก่อนที่จะนำน้ำตาลใสจากกระบอกตาลเทลงสู่กระทะใบบัว จะต้องนำตะกร้าที่มีผ้าขาวบางขึงอยู่นั้นมาวางไว้บนกระทะใบบัว จากนั้นจึงนำน้ำตาลใสที่อยู่ในกระบอกตาลมาเทลงสู่ตะกร้าซึ่งมีผ้าขาวบางทำหน้าที่ในการกรอง ซึ่งน้ำตาลใสก็จะถูกกรองสิ่งเจือปนต่างๆ ได้แก่ แมลงต่างๆ ที่อยู่ในน้ำตาลใสออกมา ก็จะได้น้ำตาลใสที่สะอาดพร้อมที่จะนำมาเคี่ยวทำเป็นน้ำตาลปึกและน้ำตาลปีบต่อไป

15. ฟืนที่ใช้ในการเคี่ยวน้ำตาลโตนด เนื่องจากภายในพื้นที่นี้มีต้นสะแกขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก ในบริเวณเขาพระนอก เขาพระใน ชาวบ้านจึงไปตัดต้นสะแก แล้วนำมาใช้ทำฟืนในการเคี่ยวน้ำตาลโตนด บางส่วนก็จะใช้ใบตาลหรือทางตาล นำมาใช้ทำเป็นเชื้อเพลิงในการเคี่ยวน้ำตาลโตนด (พิไลพร ธรรมรักษ์, 2553)

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล
กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล
กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

พิไลพร ธรรมรักษ์. (2553). การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรมในการทำตาลโตนด : กรณีศึกษาหมู่ 6 บ้าน ดงห้วยหลวง ตำบลบ้านทาน อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

กลุ่มพัฒนาสื่อส่งเสริมการเกษตร สำนักพัฒนาการถ่ายทอดเทคโนโลยี. (2566). วิสาหกิจชุมชนกลุ่มน้ำตาลโตนดบ้านดงห้วยหลวง. วารสารส่งเสริมการเกษตร, 56(311), 30-32.

องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านทาน. (ม.ป.ป.). สถานที่ท่องเที่ยว. องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านทาน อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี.

Palm Sugar Farm. (2563). สืบค้นเมื่อ 15 มิถุนายน 2568, จาก https://www.facebook.com/palmsugarfarm/photos

Palm Sugar Farm. (2564). สืบค้นเมื่อ 15 มิถุนายน 2568, จาก https://www.facebook.com/palmsugarfarm/photos

Palm Sugar Farm. (2568). สืบค้นเมื่อ 15 มิถุนายน 2568, จาก https://www.facebook.com/palmsugarfarm/photos

อบต. บ้านทาน โทร. 0 3258 3348