
ชุมชนหัวตะเข้เป็นชุมชนตัวอย่างชุมชนชานเมืองลาดกระบังที่ยังคงเสน่ห์ของอดีต ทั้งตลาดไม้ริมคลอง และวิถีชีวิตท้องถิ่น แต่กลับมีความร่วมสมัยผ่านงานศิลป์และเวิร์กช็อปร่วมสมัย เหมาะเป็น one day trip ในวันหยุดหรือวันพักผ่อนแบบสบาย ๆ
ชื่อ "หัวตะเข้" มาจากการพบกะโหลกจระเข้ขณะขุดคลองประเวศบุรีรมย์ในปี พ.ศ. 2421-2423 ช่วยให้เป็นศูนย์กลางการค้าฝั่งตะวันออกของกรุงเทพมหานคร ปัจจุบันกะโหลกจระเข้เก็บไว้ในศาลเจ้าปึงเถ่ากงจนถึงปัจจุบัน
ชุมชนหัวตะเข้เป็นชุมชนตัวอย่างชุมชนชานเมืองลาดกระบังที่ยังคงเสน่ห์ของอดีต ทั้งตลาดไม้ริมคลอง และวิถีชีวิตท้องถิ่น แต่กลับมีความร่วมสมัยผ่านงานศิลป์และเวิร์กช็อปร่วมสมัย เหมาะเป็น one day trip ในวันหยุดหรือวันพักผ่อนแบบสบาย ๆ
ชุมชนหัวตะเข้เริ่มก่อตั้งในช่วง ปลายรัชกาลที่ 5 (ประมาณ พ.ศ. 2421-2430) ซึ่งเป็นช่วงที่มีการขุดคลอง ประเวศบุรีรมย์ เพื่อเชื่อมการคมนาคมระหว่างฝั่งธนบุรีและฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ การขุดคลองนี้ทำให้เกิด "หัวคลอง" จุดที่คลอง หัวตะเข้ ลำปลาทิว และประเวศบุรีรมย์ มาบรรจบกันกลายเป็นจุดตั้งถิ่นฐานของชาวสวนและพ่อค้า
ยุคเฟื่องฟู (ราว พ.ศ. 2450-2500) พื้นที่นี้เคยเป็นศูนย์กลางการค้า ริมน้ำฝั่งตะวันออกของกรุงเทพมหานครเรือสินค้าต่าง ๆ มาจอดส่งของที่ตลาดหัวตะเข้ มีทั้งร้านทอง ร้านขายยา โรงสี และร้านขายของชำมากมาย ผู้คนใช้เรือในการเดินทางและค้าขายเป็นหลัก มีโรงเรียน วัด และโรงเจเกิดขึ้นในช่วงนี้
ช่วงซบเซา เมื่อถนนหนทางพัฒนามากขึ้น การขนส่งทางเรือลดความสำคัญลง ทำให้ตลาดหัวตะเข้เริ่มซบเซา ชุมชนเริ่มเงียบเหงา หลายร้านค้าต้องปิดตัวลง โดยเฉพาะในช่วงทศวรรษ 2520-2540
การฟื้นฟู (หลังปี 2550-ปัจจุบัน) เริ่มมีการรื้อฟื้นวัฒนธรรม วิถีชีวิตดั้งเดิม รวมถึงเปิดพื้นที่ชุมชนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม กลุ่มชุมชนและเยาวชนร่วมกันพัฒนาตลาดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว เช่น เปิด ถนนคนเดิน ตลาดย้อนยุค คาเฟ่ริมคลอง เวิร์กช็อปศิลปะ กลายเป็นจุดหมาย One-Day Trip ที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว
อาณาเขตติดต่อ
- ทิศเหนือ ติดกับ บริเวณคลองหัวตะเข้และพื้นที่ริมถนนฉลองกรุง แขวงทับยาว
- ทิศตะวันออก ติดกับ คลองลำปลาทิว แขวงลำปลาทิว
- ทิศใต้ ติดกับ คลองประเวศบุรีรมย์ เป็นแนวคลองหลักสี่ขนานถนนลาดกระบัง แบ่งระหว่างชุมชนหัวตะเข้กับชุมชนฝั่งใต้
- ทิศตะวันตก ติดกับ พื้นที่ต่อเนื่องฝั่งตลาดเก่าหัวตะเข้ ใกล้สถานีรถไฟหัวตะเข้
จากข้อมูลสถิติจำนวนประชากรทางทะเบียนราษฎร์รายเดือน กรมการปกครอง เดือนธันวาคม 2567 ระบุไว้ว่าชุมชนหัวตะเข้มีประชากร ชาย 13,931 คน และหญิง 16,128 คน รวม 30,059 คน
ซึ่งประชากรในชุมชนหัวตะเข้ (ห้วยตะเข้) ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายจีน เป็นกลุ่มที่มีบทบาทสูงในอดีต โดยเฉพาะในยุคตลาดน้ำเฟื่องฟู (พ.ศ. 2540-2500) หลักฐานที่บ่งบอกถึงบทบาทของชาวไทยเชื้อสายจีน คือ ศาลเจ้าพ่อหัวตะเข้ และอาคารไม้แบบจีน มีการสืบทอดวัฒนธรรมแบบจีน เช่น การไหว้เจ้า วันตรุษจีน การตัดศาล นอกจากนี้กลุ่มคนที่อาศัยอยู่มากอีกหนึ่งกลุ่มคือ ชาวไทยพุทธพื้นถิ่น (ชาวคลอง) เป็นกลุ่มคนไทยดั้งเดิมที่อาศัยอยู่ในชุมชนคลอง ลักษณะคล้ายคนเมือง-ชาวสวน มีการสืบทอดวัฒนธรรมพุทธ เช่น ประเพณีแห่เทียน เข้าพรรษา ลอยกระทงทางน้ำ และมีการรักษา "วิถีคลอง" เช่น การพายเรือ ทำขนมไทย ทำสวนริมคลอง
จีนอาชีพหลักของคนในชุมชนหัวตะเข้ มีลักษณะเฉพาะตัว สะท้อนจากวิถีชีวิตชุมชนเก่าริมคลอง ซึ่งปรับตัวตามยุคสมัยได้ดี โดยแบ่งได้เป็น 2 ช่วงหลัก "อดีต" และ "ปัจจุบัน" ดังนี้
อาชีพดั้งเดิม (อดีต)
- ค้าขายทางน้ำ ตลาดริมคลอง ขายของชำ อาหารพื้นถิ่น และของใช้ประจำบ้านริมคลอง โดยใช้เรือในการค้าขาย ขนส่งสินค้าระหว่างคลองกับฝั่งเมือง
- เกษตรกรรม ประมงน้ำจืด ปลูกผัก สวนผลไม้ เลี้ยงปลา เลี้ยงเป็ดไก่ ฯลฯ โดยใช้พื้นที่หลังบ้านที่ติดคลองเป็นพื้นที่เพาะปลูกขนาดย่อม
- ช่างไม้ ช่างฝีมือท้องถิ่น ทำเรือไม้ เครื่องใช้ไม้ หรืออาคารไม้สองชั้นที่ยังเห็นอยู่ในตลาด
อาชีพหลักในปัจจุบัน
- ค้าขาย ร้านค้าในตลาดเก่าหัวตะเข้ เช่น ร้านกาแฟ คาเฟ่สไตล์วินเทจ ร้านอาหารพื้นบ้าน ขายของที่ระลึก ของแฮนด์เมด ขนมพื้นถิ่น เช่น ขนมใส่บัว
- งานบริการด้านการท่องเที่ยวชุมชน รับนักท่องเที่ยวในรูปแบบโฮมสเตย์ จัดกิจกรรมเวิร์กช็อป: เพนต์ผ้า ทำเซรามิก สอนทำขนม ฯลฯ นำเที่ยวชมชุมชน นำกิจกรรมเชิงวัฒนธรรม
- รับราชการ ทำงานในสถานศึกษา เช่น สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง (KMITL) ซึ่งอยู่ใกล้รวมถึงงานในโรงเรียน วัด หน่วยงานราชการท้องถิ่น
- งานในสนามบินสุวรรณภูมิ ทำงานด้านบริการขนส่ง ภาคพื้น ฝ่ายครัวการบิน ฯลฯ
นอกจากนี้ชาวบ้านในชุมชนยังประกอบอาชีพ คือ ศิลปินท้องถิ่น ทำงานศิลปะ ภาพวาด ขายผลงาน เกษตรอินทรีย์ขนาดย่อม
ปฏิทินชุมชนหัวตะเข้
- มกราคม : กิจกรรมวันเด็กและกิจกรรมเปิดปีชุมชน มีการจัดกิจกรรมศิลปะ DIY สำหรับเด็กในชุมชน
- กุมภาพันธ์ : วันตรุษจีน ไหว้ศาลเจ้าพ่อหัวตะเข้ ซึ่งเป็นศาลจีนเก่าแก่ในชุมชน มีการจุดประทัด แจกอั่งเปา และจัดเวิร์กช็อปกระดาษจีน
- มีนาคม : กิจกรรมเยาวชนสร้างสรรค์ จัดขึ้นโดยกลุ่มหัวตะเข้อาร์ตสเปซ เป็นกิจกรรมภาพวาดริมคลอง เวิร์กช็อปศิลปะ
- เมษายน : สงกรานต์ย้อนยุค รดน้ำดำหัวผู้สูงอายุ แต่งชุดไทยจัดขบวนแห่ และเล่นน้ำสงกรานต์ริมคลอง
- พฤษภาคม : งานบุญกลางพรรษา จัดกิจกรรมที่วัดลานบุญ และวัดหัวตะเข้ เด็กและเยาวชนร่วมขบวนฟ้อนและบรรเลงดนตรี
- มิถุนายน : กิจกรรมเยาวชนสร้างสรรค์ มีการพาเยี่ยมชมชุมชน พายเรือทำอาหารท้องถิ่น
- กรกฎาคม : แห่เทียนเข้าพรรษา จัดขบวนแห่เทียนจากชุมชนไปยังวัดในพื้นที่ และจัดกิจกรรมศิลปะเชิงพุทธ
- สิงหาคม : วันแม่แห่งชาติ ปันสุขริมคลอง แจกของและทำอาหารเพื่อการกุศล
- กันยายน : ตลาดย้อนยุคหัวตะเข้ แต่งกายด้วยชุดโบราณ ขายของโบราณ อาหารพื้นบ้านและขนมโบราณ
- ตุลาคม : ออกพรรษา กระทงจากวัสดุธรรมชาติ และจัดขบวนลอยกระทงทางน้ำตามวิถีคลองดั้งเดิม
- พฤศจิกายน : เทศกาลศิลปะริมคลอง มีการจัดนิทรรศการศิลปะเยาวชน การแสดงดนตรีพื้นบ้าน การฉายภาพยนตร์กลางแปลง
- ธันวาคม : ถนนคนเดินส่งท้ายปี ตลาดของขวัญ มีการจำหน่ายสินค้าแฮนด์เมดจากชาวบ้าน แสดงดนตรี งานคราฟต์ และจัดกิจกรรมปีใหม่
กิจกรรมที่จัดเป็นประจำ
- ถนนคนเดิน "หัวตะเข้ คนเท่เที่ยวกัน" จัดขึ้นเป็นประจำทุกเดือน โดยเฉพาะในช่วงสุดสัปดาห์ เช่น วันที่ 3-4 กันยายน เวลา 09:00-17:00 น. ณ ตลาดเก่าหัวตะเข้ ซอยลาดกระบัง 17 ภายในงานมีการจำหน่ายสินค้าท้องถิ่น อาหารพื้นบ้าน และกิจกรรมเวิร์กช็อปต่าง ๆ เช่น การทำว่าวจุฬา
- กิจกรรมสำหรับเด็กและเยาวชน กิจกรรม "ตะเข้น้อยเล่นดอกไม้และดิน" จัดขึ้นในช่วงปิดเทอม เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และการเรียนรู้ผ่านการเล่นและศิลปะ
- เวิร์กช็อปศิลปะและงานฝีมือ มีการจัดเวิร์กช็อปต่าง ๆ เช่น การทำขนมไทย "ขนมต้มแดง" เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตและอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น
ชุมชนหัวตะเข้เป็นชุมชนที่มีแหล่งน้ำในชุมชน 3 แห่ง ประกอบไปด้วย คลองหัวตะเข้ คลองลำปลาทิว คลองประเวศบุรีรมย์ เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่เป็นทั้งเส้นทางสัญจร แหล่งอาหาร และแหล่งเรียนรู้ มีพื้นที่ริมคลอง ที่มีความอุดมสมบูรณ์ในอดีต ทำให้สามารถทำเกษตรหรือปลูกพืชพื้นถิ่นได้
อาคารไม้เก่าอายุเกิน 100 ปี ริมคลอง เช่น อาคารตลาดหัวตะเข้ดั้งเดิม บ้านเรือนไทย ริมซอยลาดกระบัง 17 สถานีรถไฟหัวตะเข้ และสะพานเก่า ศาลเจ้าพ่อหัวตะเข้ที่เป็นศูนย์รวมความเชื่อและประวัติศาสตร์ของชุมชน
วิถีชีวิตคนริมน้ำ : ค้าขายริมคลอง การพายเรือ การทำขนมไทยพื้นบ้าน ความรู้ดั้งเดิม เช่น การทำเรือไม้ งานฝีมือ เครื่องจักสาน งานเพนต์มือ ฯลฯ กิจกรรมพื้นบ้าน ประเพณี เช่น การไหว้เจ้าพ่อหัวตะเข้ ประเพณีลอยกระทงทางน้ำ ศิลปะร่วมสมัย: กลุ่มเยาวชน-ศิลปินในชุมชนสร้างงานกราฟิตี้ เพนต์ภาพ เสริมเอกลักษณ์
ภายในชุมชนมีความสัมพันธ์แบบเครือญาติและเพื่อนบ้านที่แน่นแฟ้น เช่น การช่วยกันฟื้นฟูตลาดเก่า, จัดถนนคนเดิน ฯลฯ กลุ่มอาสาสมัคร/ภาคีชุมชน ที่ทำหน้าที่เป็นแกนขับเคลื่อน เช่น "กลุ่มหัวตะเข้อาร์ตสเปซ" "กลุ่มเยาวชนหัวตะเข้"
มีโรงเรียนและสถานศึกษาหลายแห่งในพื้นที่ เช่น รร.วัดลานบุญ, รร.เทพศิรินทร์ร่มเกล้า, และใกล้กับ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง (KMITL) มีการถ่ายทอดความรู้จากผู้สูงวัยถึงเยาวชนผ่านกิจกรรมชุมชน
ในชุมชนมีรายได้จากการค้าขายของพื้นถิ่น การท่องเที่ยว โฮมสเตย์, งานฝีมือ ฯลฯ กิจกรรมสร้างรายได้ เช่น ตลาดคนเดิน เวิร์กช็อป ร้านกาแฟ คาเฟ่ท้องถิ่น เครือข่ายกับหน่วยงานภายนอก เช่น สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (CEA) และมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เป็นต้น
ภาษาทางการ : ภาษาไทย
ภาษาพูด : ภาษาไทย ภาษาจีนแต้จิ๋ว จีนกลาง ในบางครอบครัวที่มีเชื้อสาย ภาษาอังกฤษ และภาษามลายู
นอกจากนี้ชาวบ้านดั้งเดิมจำนวนมากยังคงใช้คำศัพท์ท้องถิ่นแบบเก่า หรือสำเนียงไทยพื้นถิ่นที่มีรากฐานของภาษาของชาวสวน ชาวคลอง เช่น "เฮือน"” (บ้าน) "จ๊อก" (รีบ) ฯลฯ ซึ่งเป็นลักษณะของไทยดั้งเดิมในชานเมืองกรุงเทพมหานคร
เศรษฐกิจของชุมชนหัวตะเข้เปลี่ยนจาก "ค้าขายทางน้ำ" สู่การ "ซบเซา" และกลับมาเป็น "เศรษฐกิจสร้างสรรค์" โดยมีประชาชนในชุมชนเป็นศูนย์กลางการฟื้นฟู ถือเป็นตัวอย่างของการปรับตัวจากรากฐานดั้งเดิมสู่รูปแบบเศรษฐกิจใหม่ที่ยั่งยืน โดยมีรายละเอียดของแต่ละช่วงเวลา ดังนี้
ปลายรัชกาลที่ 5 - ราว พ.ศ. 2430-2500 :
เศรษฐกิจคลอง-ค้าขายทางน้ำ ตลาดหัวตะเข้เจริญรุ่งเรือง เป็นจุดศูนย์กลางค้าขาย มีการขายของชำ ของแห้ง ข้าวสาร ยา และสินค้าเกษตร โดยใช้คลองประเวศบุรีรมย์และคลองหัวตะเข้เป็นเส้นทางหลักในการขนส่ง ผู้คนมีอาชีพค้าขาย พายเรือ ช่างไม้ ทำสวน ทำประมง
พ.ศ. 2500-2530 ยุคถดถอย-เศรษฐกิจซบเซา :
ถนนเข้ามาแทนคลอง การค้าทางน้ำลดลง ตลาดหัวตะเข้เริ่มเงียบเหงา ร้านค้าหลายแห่งปิดกิจการ คนรุ่นใหม่ย้ายไปทำงานนอกพื้นที่ (ในเมือง โรงงาน หรือสนามบิน) รายได้หลักเปลี่ยนเป็นการทำงานรับจ้างนอกชุมชน
พ.ศ. 2540-2555 เริ่มฟื้นตัว-ชุมชนริเริ่มขับเคลื่อนเอง :
กลุ่มชาวบ้านเริ่มรวมตัวอนุรักษ์ตลาดเก่า มีการจัดกิจกรรมวัฒนธรรมเล็ก ๆ เช่น สอนทำขนม, กิจกรรมศิลปะ เริ่มเปิดบ้านบางหลังเป็นโฮมสเตย์ แม้ยังไม่มีรายได้ถาวรจากการท่องเที่ยว แต่เริ่มมีความเคลื่อนไหว
พ.ศ. 2556-2562 เศรษฐกิจสร้างสรรค์-เริ่มเป็นแหล่งท่องเที่ยว :
เริ่มมีชื่อเสียงผ่านสื่อโซเชียล นักท่องเที่ยวเริ่มหลั่งไหลคาเฟ่ ศิลปะ งานฝีมือเกิดขึ้นหลายแห่ง ตลาดคนเดิน กิจกรรมเวิร์กช็อป ถนนศิลปะเริ่มมีรายได้จริง เยาวชนในชุมชนเริ่มมีบทบาทสร้างสรรค์เศรษฐกิจใหม่
พ.ศ. 2563-2564 (ช่วงโควิด-19) ชะลอตัวชั่วคราว-ปรับตัวออนไลน์ :
นักท่องเที่ยวลดลง รายได้หายไปเกือบทั้งหมด หลายร้านค้าหยุดชั่วคราว บางส่วนปรับตัวขายออนไลน์ ชุมชนเริ่มคิดโมเดลเศรษฐกิจใหม่ เช่น ส่งของแฮนด์เมดทางไปรษณีย์ |
พ.ศ. 2565-ปัจจุบัน (2567-2568) เศรษฐกิจท่องเที่ยวชุมชน-เชิงสร้างสรรค์ :
ตลาดหัวตะเข้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ด้วยแนวคิด "การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม-ยั่งยืน" โดยรายได้หลักของหลายครอบครัวมาจากการเปิดบ้านขายของหรือทำกิจกรรม การมีส่วนร่วมของชุมชนสูง เช่น วางแผนกิจกรรม จัดถนนคนเดิน พัฒนาเศรษฐกิจแบบชุมชนบริหารเอง และมีการเชื่อมโยงกับภาคีภายนอก เช่น มหาวิทยาลัย CEA สื่อออนไลน์ต่าง ๆ
อดีต (ราว พ.ศ. 2450-2500) : วัฒนธรรมคลอง: การใช้เรือ พายเรือขายของ ขนของ สื่อสารทางน้ำ - ประเพณีดั้งเดิม เช่น ลอยกระทงทางน้ำ ไหว้ศาลเจ้าพ่อหัวตะเข้ - ความสัมพันธ์แบบเครือญาติแน่นแฟ้น งานบุญ งานวัดเป็นศูนย์รวม
ยุคเปลี่ยนผ่าน (พ.ศ. 2510-2540) : วิถีวัฒนธรรมดั้งเดิมเริ่มเลือนหายไปจากการขยายตัวของเมือง - คนรุ่นใหม่ออกจากชุมชนไปทำงานในเมือง วัฒนธรรมบางอย่างขาดการสืบทอด
ยุคฟื้นฟู (หลัง พ.ศ. 2550) : เริ่มตื่นตัวเรื่องการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น - มีการบันทึกประวัติชุมชน จัดกิจกรรมย้อนยุค สอนทำขนมไทย งานฝีมือ - ผนวกศิลปะร่วมสมัยเข้ากับวัฒนธรรม เช่น งานเพนต์กำแพงหัวตะเข้
ปัจจุบัน (พ.ศ. 2565-ปัจจุบัน) : เกิดการผสมผสาน "วัฒนธรรมดั้งเดิม ร่วมกับ ความคิดสร้างสรรค์รุ่นใหม่" - ศิลปะชุมชน (Community Art) กลายเป็นวิถีวัฒนธรรมร่วมสมัยที่มีชีวิต
นอกจากนี้ชุมชนตัวตะเข้ (ห้วยตะเข้) ยังต้องเผชิญความท้าทายจากช่องว่างระหว่างรุ่น โดยผู้สูงอายุส่วนใหญ่ยังคงยึดวิถีเก่า แต่คนรุ่นใหม่บางส่วนหันมาสนใจโลกออนไลน์มากกว่า จึงเกิดการขาดช่วงของการถ่ายทอดวัฒนธรรม การพัฒนาเมือง ทำให้บางอาคารวัฒนธรรมในชุมชนถูกเปลี่ยนแปลง รื้อถอน เช่น อาคารไม้บางส่วน และเผชิญความท้าทายเกี่ยวกับความเข้าใจผิดเกี่ยวกับวัฒนธรรม เนื่องจากบางคนในพื้นที่อาจไม่เห็นความสำคัญของวัฒนธรรมดั้งเดิม เพราะมองว่า "ไม่ทำรายได้" หรือ "ไม่ทันสมัย" โครงการอนุรักษ์วัฒนธรรมในชุมชนมักมีงบประมาณจำกัด ทำให้ขาดการสนับสนุนระยะยาว
ชุมชนหัวตะเข้ เป็นชุมชนเก่าแก่อายุร่วม 100 ปี ในปัจจุบันมีการปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยแต่ยังคงความเป็นชุมชนริมคลองดั้งเดิม มีการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว จัดกิจกรรมที่หลากหลายตอบโจทย์สำหรับผู้ที่มีเวลาน้อยแต่อยากทำกิจกรรมสนุก ๆ ในวันพักผ่อน เดินทางง่าย ๆ ดังนี้
- รถไฟฟ้า Airport Rail Link (ARL) โดยขึ้นรถไฟฟ้า ARL ไปลงที่สถานี ลาดกระบัง จากสถานีสามารถต่อ รถแท็กซี่ / มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ไปยังตลาดหัวตะเข้ (ระยะทางประมาณ 3-4 กม.)
- รถยนต์ส่วนตัว เปิด Google Maps แล้วค้นคำว่า: "ตลาดหัวตะเข้" โดยเส้นทางแนะนำคือ มาจากทางมอเตอร์เวย์ → ลงทางออกลาดกระบัง → ขับตามถนนลาดกระบัง → เลี้ยวเข้าซอยลาดกระบัง 17 → ตรงเข้าไปประมาณ 1 กม. จะถึงสะพานหัวตะเข้ มีลานจอดเล็ก ๆ ใกล้ตลาดหัวตะเข้ (หายากช่วงวันหยุด) แนะนำให้จอดใกล้ สจล. แล้วเดินเข้าชุมชน
- รถโดยสารประจำทาง สายรถเมล์ที่ผ่านลาดกระบัง: สาย 143, 1013, ปอ.92, ปอ.552 ลงใกล้ แยกลาดกระบัง หรือ ลาดกระบังซอย 17 จากนั้นต่อ วินมอเตอร์ไซค์เข้าชุมชนหัวตะเข้
- เดินทางจาก สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (KMITL) โดยเดินผ่านประตูหลังสถาบัน (ซอยลาดกระบัง 17) ข้ามสะพานไม้เล็ก ๆ → จะเข้าสู่ "ตลาดหัวตะเข้" ได้ทันที
กรมการปกครอง. (2567). สถิติจำนวนประชากรรายเดือน. สืบค้นเมื่อ 17 พฤษภาคม 2568. https://stat.bora.dopa.go.th
พิมพ์พิศา ภูมิภักดิ์โภคิน. (2563). การบริหารจัดการตลาดเก่าหัวตะเข้ในช่วงก่อนเเละหลังการเเพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า (Covid-19). ภาคนิพนธ์. วิทยาลัยโพธิวิชชาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
ภณสิทธ์ อ้นยะ และจรูญวิทย์ โตสัจจะวงษ์. (2568). ปัจจัยส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมตลาดหัวตะเข้ เขตลาดกระบัง. การประชุมวิชาการระดับชาติและนานาชาติ เบญจมิตรวิชาการ ครั้งที่ 15, 15(6), 287-295. https://benjamit.thonburi-u.ac.th
มหาวิทยาลัยศิลปากร. (2564). การพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในพื้นที่ตลาดเก่าหัวตะเข้. รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์. คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร.
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์. (2563). หัวตะเข้: พื้นที่ทดลองของชุมชนสร้างสรรค์.
สุวรรณฤทธิ์ วงศ์ชะอุ่ม และคณะ. (2565). เส้นทางท่องเที่ยวที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรมของตลาดเก่าหัวตะเข้. วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน. มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา.