
บ้านถ้ำเสือ แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่งดงามและมีวิถีชีวิตชุมชนที่อบอุ่น ชวนให้ผู้คนได้มาสัมผัสความสงบ เรียนรู้วัฒนธรรม และผจญภัยในธรรมชาติอย่างแท้จริง มาร่วมค้นหาความงามและความพิเศษที่บ้านถ้ำเสือกัน
"บ้านถ้ำเสือ" มีที่มาจากถ้ำเสือ ซึ่งเป็นถ้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ในพื้นที่ ชื่อถ้ำดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องเล่าท้องถิ่นที่กล่าวว่าเคยมีเสือป่าหรือเสือโคร่งอาศัยอยู่ภายในถ้ำ ต่อมาชื่อถ้ำเสือจึงถูกนำมาใช้เรียกชื่อชุมชนที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงจนกลายเป็นชื่อ "บ้านถ้ำเสือ" ในปัจจุบัน
บ้านถ้ำเสือ แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่งดงามและมีวิถีชีวิตชุมชนที่อบอุ่น ชวนให้ผู้คนได้มาสัมผัสความสงบ เรียนรู้วัฒนธรรม และผจญภัยในธรรมชาติอย่างแท้จริง มาร่วมค้นหาความงามและความพิเศษที่บ้านถ้ำเสือกัน
บ้านถ้ำเสือ เดิมทีเป็นพื้นที่ป่ารกทึบ มีสัตว์ป่าชุกชุม โดยเฉพาะเสือซึ่งเคยอาศัยอยู่ในถ้ำหินปูนหลายแห่งภายในพื้นที่ จนกลายเป็นที่เกรงกลัวของผู้คนในอดีต โดยเฉพาะในช่วงเย็นและพลบค่ำที่ไม่มีใครกล้าออกจากบ้าน เพราะเกรงอันตรายจากเสือที่มักปรากฏตัวอยู่ใกล้ชุมชน
คนกลุ่มแรกเข้ามาในช่วงเวลา 100-200 ปีก่อน โดยเริ่มจากการหักร้างถางพงป่า เพื่อใช้พื้นที่ทำกินและตั้งหลักแหล่งถาวร ผู้ที่เข้ามาตั้งรกรากเป็นคนกลุ่มแรกคือ "ตาหมี ดำหมี" ซึ่งเป็นต้นตระกูลของชาวบ้านกลุ่มแรก โดยมี "แม่เฒ่าบ้าน" ทำหน้าที่ดูแลความเป็นอยู่ของผู้คนในยุคเริ่มแรก ซึ่งขณะนั้นมีเพียงไม่ถึง 10 ครอบครัว และได้มีผู้คนอพยพเข้ามาอยู่อาศัยมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
พ.ศ. 2475 บ้านถ้ำเสือได้รับการจัดตั้งเป็นหมู่บ้านอย่างเป็นทางการ ภายใต้ระบอบการปกครองสมัยใหม่ โดยมี "นายกลิ่น คำมี" เป็นผู้ใหญ่บ้านคนแรก ตระกูลคำมี (หรือดำหมี) ได้รับความไว้วางใจจากชาวบ้านมาโดยตลอด ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและความเป็นผู้นำที่ได้รับการยอมรับจากชุมชน
ปัจจุบันบ้านถ้ำเสือได้พัฒนาเป็นชุมชนที่น่าอยู่ มีความปลอดภัย และเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยว ด้วยภูมิประเทศที่สวยงามและเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ท้องถิ่นที่น่าสนใจ หมู่บ้านดำเนินงานพัฒนาภายใต้วิสัยทัศน์ "หมู่บ้านท่องเที่ยว สะอาด ธรรมชาติยั่งยืน รื้อฟื้นภูมิปัญญา เคียงคู่ ประชาธิปไตย ห่างไกลยาเสพติด" ซึ่งสะท้อนถึงเจตนารมณ์ของชุมชนในการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม โดยยังคงรักษาเอกลักษณ์และคุณค่าของวิถีชีวิตดั้งเดิมไว้ได้อย่างกลมกลืน
ชุมชนบ้านถ้ำเสือเป็นหมู่บ้านขนาดเล็ก ตั้งอยู่หมู่ที่ 5 ตำบลอ่าวลึกใต้ ได้แบ่งการปกครองออกเป็น 5 คุ้มบ้าน คือ คุ้มบ้านถ้ำเสือนอก คุ้มบ้านใน คุ้มบ้านกลาง คุ้มในไร่ และคุ้มท่าต้นมะขาม มีอาณาเขตติดต่อกับชายฝั่งอันดามันที่ริมคลองน้ำเค็มปันแดน โดยชุมชนบ้านถ้ำเสือเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวหลายตำบล ประกอบด้วย ตำบลเขาใหญ่ ตำบลบ้านกลาง ตำบลนาเหนือตำบลแหลมสัก ตำบลอ่าวลึกน้อย และตำบลอ่าวลึกเหนือ นอกจากนี้ยังมีแหล่งทรัพยากรธรรมชาติขนาดใหญ่คือ พื้นที่ป่าชายเลนในเขตอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี และแหล่งทรัพยากรการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ได้แก่ ถ้ำผีหัวโต ธารโบกขรณี เขากาโรส ถ้ำลอด หมู่เกาะห้อง และเกาะในบริเวณใกล้เคียง นับเป็นพื้นที่ที่แวดล้อมไปด้วยความอุดมสมบูรณ์และเป็นแหล่งทรัพยากรทางการท่องเที่ยวที่สำคัญ
อาณาเขต
- ทิศเหนือ ติดกับตำบลเขาใหญ่ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่
- ทิศใต้ ติดกับตำบลอ่าวลึกน้อย อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่
- ทิศตะวันออก ติดกับตำบลอ่าวลึกเหนือ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่
- ทิศตะวันตก ติดกับ ตำบลแหลมสัก อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่
สภาพภูมิอากาศของชุมชนบ้านถ้ำเสือ
บ้านถ้ำเสือมีสภาพภูมิอากาศแบบร้อนชื้น ตามลักษณะภูมิอากาศของภาคใต้ฝั่งอันดามันของประเทศไทย โดยมีลักษณะเด่นคือฝนตกชุกตลอดปีและมีอุณหภูมิเฉลี่ยค่อนข้างสูง แบ่งออกได้เป็น 2 ฤดู ได้แก่
- ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนพฤศจิกายน โดยได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้มีฝนตกชุกต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงเดือนกันยายนถึงตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงที่มีปริมาณฝนสูงสุดของปี
- ฤดูร้อน อยู่ในช่วงเดือนธันวาคมถึงเมษายน อากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าว โดยเฉพาะในเดือนมีนาคมถึงเมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่อุณหภูมิสูงที่สุดของปี
สถิติประชากรทางการทะเบียนราษฎร (รายเดือน) สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง รายงานจำนวนประชากรหมู่ที่ 5 บ้านถ้ำเสือ ตำบลอ่าวลึกใต้ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 687 คน โดยแยกเป็นประชากรชาย 343 คน ประชากรหญิง 344 คน และมีจำนวนหลังคาเรือนทั้งสิ้น 286 หลังคาเรือน (ข้อมูลเดือนธันวาคม 2567)
ประชากรชุมชนบ้านถ้ำเสือส่วนใหญ่ประกอบอาชีพด้านการเกษตร โดยเฉพาะการทำสวนยางพาราและสวนปาล์มน้ำมัน ซึ่งนับเป็นแหล่งรายได้หลักของครัวเรือนในพื้นที่ รองลงมาประกอบอาชีพประมงพื้นบ้านและรับจ้างทั่วไปควบคู่กันไป เพื่อเสริมรายได้อีกหนึ่งช่องทาง นอกจากนี้ชุมชนบ้านถ้ำเสือยังได้พัฒนาอาชีพเสริมผ่านการดำเนินกิจกรรมท่องเที่ยวโดยชุมชน ซึ่งเป็นแนวทางที่ช่วยยกระดับเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างมีส่วนร่วม โดยได้จัดกิจกรรมการท่องเที่ยว ได้แก่ กลุ่มไร่ปรีดาโฮมสเตย์ กลุ่มนันทนาการ กลุ่มผ้าปาเต๊ะ กลุ่มสปาโคลน กลุ่มผ้ามัดย้อม และกลุ่มขนมขี้มอด ภายใต้แนวทางบริหารที่ชุมชนร่วมกันกำหนด เพื่อให้เกิดการกระจายรายได้อย่างเป็นธรรมและครอบคลุมถึงทุกกลุ่มในชุมชน
ในปี พ.ศ. 2542 ชุมชนบ้านถ้ำเสือได้น้อมนำหลัก "บวร" ซึ่งหมายถึง บ้าน วัด และโรงเรียน ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) มาปรับใช้ในการพัฒนาชุมชน ส่งผลให้เกิดความสำเร็จในระดับจังหวัด และเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน
ต่อมาในปี พ.ศ. 2552 ชุมชนได้พัฒนาต่อยอดจากความสำเร็จดังกล่าวสู่การเป็นชุมชนท่องเที่ยว โดยเน้นการจัดการท่องเที่ยวเชิงนันทนาการและธุรกิจไมซ์ (MICE) ควบคู่กับการส่งเสริมอาชีพเชิงนวัตกรรม สร้างมูลค่าเพิ่มจากทุนทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น และทรัพยากรธรรมชาติของชุมชน การดำเนินกิจกรรมท่องเที่ยวโดยชุมชนสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างยั่งยืน อาทิ
- ด้านการแต่งกาย มีการส่งเสริมการแต่งกายด้วยผ้าปาเต๊ะที่ออกแบบโดยใช้ลวดลายจากธรรมชาติ และการแต่งกายด้วยเสื้อลูกไม้ ซึ่งสะท้อนอัตลักษณ์ของชุมชน
- ด้านการละเล่นพื้นบ้าน เช่น การละเล่นรองเง็งบุหลันอันดา ซึ่งเป็นการแสดงพื้นบ้านที่แฝงด้วยเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชุมชนภาคใต้
- ด้านอาหารพื้นถิ่น เช่น ยำใบลู่ ยำใบแกมหม้อ แกงปูดำหมี่หุ้น ขนมดอกจอก ขนมขี้มด และขนมครกโบราณ ซึ่งล้วนเป็นอาหารที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นและแสดงถึงภูมิปัญญาดั้งเดิม
การบูรณาการระหว่างวัฒนธรรม ประเพณี และแนวทางการพัฒนาชุมชน ส่งผลให้บ้านถ้ำเสือเป็นชุมชนที่มีความเข้มแข็งด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม สู่การเป็นชุมชนต้นแบบด้านการท่องเที่ยวโดยชุมชนจนถึงปัจจุบัน
ทั้งนี้ชุมชนได้มีมติร่วมกันว่า ผู้ที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมท่องเที่ยวต้องไม่ใช้โอกาสดังกล่าวในการแสวงหาผลประโยชน์ในเชิงธุรกิจส่วนตัว เช่น การจัดเรือนำเที่ยวเพื่อผลกำไรโดยมิได้รับความเห็นชอบจากชุมชน โดยกิจกรรมการท่องเที่ยวจะต้องดำเนินงานโดยชุมชน เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกครัวเรือนได้มีส่วนร่วม และสามารถเข้าถึงรายได้จากการท่องเที่ยวอย่างเท่าเทียม
การรวมกลุ่มของชุมชนบ้านถ้ำเสือ
- กลุ่มท่องเที่ยวเชิงนันทนาการ ฝึกยุวชน-เยาวชน ให้เป็นผู้นำและเป็นบุคลากรในงานนันทนาการ
- กลุ่มมัคคุเทศก์น้อย ฝึกยุวชน-เยาวชน ให้เป็นผู้ที่มีความรู้ในเรื่องท้องถิ่น ศึกษาข้อมูลประวัติศาสตร์ โบราณคดี เกี่ยวกับหมู่บ้านและแหล่งท่องเที่ยว
- กลุ่มที่พักโฮมสเตย์ บริหารจัดการโดยชุมชน มุ่งเน้นการบริการที่เหมาะสมกับวิถีของชุมชน ใส่ใจในการดูแลความสะอาด ความสะดวก และความปลอดภัย
- กลุ่มบาติก
- กลุ่มนวดแผนไทย
- กลุ่มหัตถกรรมดอกไม้ใยบัว
- กลุ่มแกะหนังตะลุง
- กลุ่มโคมไฟขวดน้ำ
- กลุ่มขนมและของกินพื้นบ้าน
ชาวบ้านถ้ำเสือส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ โดยมีวัดถ้ำทิพย์ปรีดาราม (วัดถ้ำเสือน้อย) เป็นศูนย์รวมจิตใจและเป็นศาสนสถานสำคัญของชุมชน ขณะเดียวกันยังมีประชาชนบางส่วนที่นับถือศาสนาอิสลาม และบางครอบครัวมีเชื้อสายจีนซึ่งสืบทอดวัฒนธรรมของตนควบคู่กันไป
ถ้ำเสือโมเดล : จากวิสาหกิจชุมชนสู่การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านถ้ำเสือเริ่มก่อตั้งขึ้นในช่วงปี พ.ศ. 2546-2547 โดยมี นายนันทพงศ์ นาคฤทธิ์ เป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มและแกนนำหลักของการท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านถ้ำเสือ ซึ่งได้ศึกษาเรียนรู้ด้านการจัดการท่องเที่ยวโดยชุมชนด้วยตนเอง และเข้าร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชนจังหวัดพังงา
ในช่วงปี พ.ศ. 2551-2555 ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนการท่องเที่ยวในชุมชน โดยใช้กลุ่ม ไร่ปรีดาโฮมสเตย์ เป็นศูนย์กลาง ทั้งนี้ ได้มีการจัดทำคำขวัญของชุมชนว่า"แหล่งประวัติศาสตร์ โบราณคดี ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ วัฒนธรรม และนันทนาการแห่งเมืองกระบี่"
ต่อมาในปี พ.ศ. 2554 กลุ่มได้จดทะเบียนเป็น วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวบ้านถ้ำเสือ อย่างเป็นทางการ
ในช่วงปี พ.ศ. 2556-2558 การดำเนินงานได้ขยายตัวอย่างชัดเจน โดยใช้ไร่ปรีดาโฮมสเตย์เป็นศูนย์กลางในการจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงนันทนาการ ที่มุ่งเน้นให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์ตรงทางวัฒนธรรม พร้อมกับส่งเสริมการกระจายรายได้สู่คนในชุมชน แม้ว่าขณะนั้นยังเป็นกลุ่มขนาดเล็กที่ยังไม่ครอบคลุมพื้นที่โดยรอบทั้งหมด
ปี พ.ศ. 2559 นายนันทพงศ์ นาคฤทธิ์ ได้นำแนวคิดจากการเรียนรู้ การจัดการความรู้ (KM) ภายใต้การสนับสนุนของสายงานนโยบายสถาบันการเงิน (สนส.) มาประยุกต์ใช้เป็นโมเดล "หมู่บ้านแห่งความสุข" โดยมุ่งสร้างความร่วมมือที่ทั่วถึงในระดับชุมชน และกระจายรายได้ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งแบ่งกิจกรรมการเรียนรู้ในพื้นที่ออกเป็น 5 โซนการเรียนรู้ และมีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบมากขึ้น
กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านถ้ำเสือมีโครงสร้างการบริหารจัดการที่ชัดเจน โดยมีคณะกรรมการบริหารหมู่บ้านผ่านการเลือกตั้ง และได้รับความเห็นชอบจากคนในชุมชน ซึ่งคณะกรรมการดังกล่าวมีหน้าที่ขับเคลื่อนกิจกรรมท่องเที่ยวใน 5 โซนการเรียนรู้หลัก ได้แก่
1. โซนถ้ำเสือนอก
- ชมบ้านโบราณ
- เขาวงกตชา-ฟารี
- แปลงผักกางมุ้ง
- เส้นทางคายัคถ้ำผีหัวโต
2. โซนไร่ปรีดาโฮมสเตย์
- แหล่งพักและค่ายกิจกรรมนันทนาการ
3. โซนถ้ำเสือใน
- ชมบ้านโบราณ
- ร่วมสัมผัสวิถีวัฒนธรรม
- เรียนรู้ศิลปะพื้นบ้าน เช่น การแสดงรองเง็ง
4. โซนในไร่ (กลุ่มภูมิปัญญาผู้สูงวัย)
- ชมสาธิตการทำอาหารพื้นบ้าน
- ศึกษาภูมิปัญญาท้องถิ่น
5. โซนท่าเรือต้นมะขาม
- ชมป่าโกงกาง
- ท่าเรือสู่แหล่งท่องเที่ยวทางทะเล
- กิจกรรมสปาโคลนริมคลองมะรุ่ย
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่ผสมผสานธรรมชาติกับวัฒนธรรม จนเกิดกิจกรรมที่จัดในลักษณะฐานการเรียนรู้ ซึ่งครอบคลุมทักษะและวัฒนธรรมที่หลากหลาย เช่น การพิมพ์ลายผ้าปาเต๊ะ กิจกรรมสปาโคลน การเรียนรู้ชีวิตในโฮมสเตย์ การจักสาน การทำขนมพื้นบ้าน และการเกษตรตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการส่งเสริมศักยภาพของชุมชนให้สามารถพัฒนาและพึ่งพาตนเองได้ในระยะยาว กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านถ้ำเสือจึงนับเป็นตัวอย่างของการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชนที่ประสบความสำเร็จ สามารถเชื่อมโยงต้นทุนทางวัฒนธรรม ธรรมชาติ และภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้าผสมผสานกับกระบวนการเรียนรู้ของทั้งคนในชุมชนและผู้มาเยือนอย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งยังมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นให้เติบโตไปพร้อมกับชุมชน
ภาษาพูด : ภาษาไทยถิ่นใต้ ภาษาไทยกลาง
ภาษาเขียน : อักษรไทย
บ้านถ้ำเสือเป็นชุมชนที่มีทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตที่หลากหลาย ซึ่งในอดีตประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม เช่น การทำสวนยางพาราและสวนปาล์มน้ำมัน รวมถึงอาชีพรับจ้างทั่วไปและประมงพื้นบ้าน รายได้ของชาวบ้านส่วนใหญ่จึงขึ้นอยู่กับผลผลิตทางการเกษตรที่มีความผันผวนตามฤดูกาลและภาวะตลาด ทำให้เศรษฐกิจของครัวเรือนยังไม่มีความมั่นคงมากนัก
ต่อมาชุมชนได้ตระหนักถึงศักยภาพที่มีอยู่ในท้องถิ่น จึงรวมกลุ่มกันเพื่อจัดตั้ง "กลุ่มวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวบ้านถ้ำเสือ" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับรายได้และสร้างเศรษฐกิจฐานรากที่มั่นคงผ่านกิจกรรมการท่องเที่ยวโดยชุมชน กิจกรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น เช่น การจัดทำโฮมสเตย์ การนำเสนอวิถีชีวิตดั้งเดิมผ่านกิจกรรมวัฒนธรรม การแปรรูปผลิตภัณฑ์ชุมชน และการพานักท่องเที่ยวเยี่ยมชมแหล่งธรรมชาติและโบราณคดี ได้กลายเป็นช่องทางใหม่ในการสร้างรายได้ของชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม
การพัฒนาการท่องเที่ยวของชุมชนยังเป็นแรงผลักดันให้ชุมชนมีความเข้มแข็งทางสังคม สามารถพึ่งพาตนเองได้มากขึ้น และเป็นต้นแบบของการจัดการเศรษฐกิจชุมชนบนพื้นฐานของทรัพยากรและวัฒนธรรมท้องถิ่นที่สอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงอย่างแท้จริง
ข้อมูลสารสนเทศกรมป่าไม้. (ม.ป.ป.). ป่าชุมชนบ้านถ้ำเสือ. สืบค้น 6 มิถุนายน 2568, จาก https://forestinfo.forest.go.th/
ชุมชนต้องเที่ยว โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร. (16 มกราคม 2567). ชุมชนต้องเที่ยว ชุมชนบ้านถ้ำเสือ จังหวัดกระบี่. สืบค้น 6 มิถุนายน 2568, จาก https://www.chumchontongtiew.com/
ชุมชนท่องเที่ยวบ้านถ้ำเสือ. (31 พฤษภาคม 2566). สปาโคลนร้อนบ้านถ้ำเสือ คืออะไร ?. สืบค้น 6 มิถุนายน 2568, จาก https://www.facebook.com/
พีรวิชญ์ สิงฆาฬะ ชลิต เฉียบพิมาย และกัลยาณี ยุทธการ. (2566). การศึกษาระบบการท่องเที่ยวชุมชนบ้านถ้ำเสือตำบลอ่าวลึกใต้ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่. วารสารวิทยาการจัดการมหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม, 5(2), 77-94
วสุพัชร์ วัฒนดิษฐจันทร์. (2565). ปัจจัยความสำเร็จของวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวบ้านถ้ำเสือ จังหวัดกระบี่. มหาวิทยาลัยศิลปากร.
สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน. (ม.ป.ป.). กระบี่น้อย โดยวิสาหกิจชุมชนบ้านถ้ำเสือ เชื่อมโยงการท่องเที่ยว พัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชน. สืบค้น 6 มิถุนายน 2568, จาก https://web.codi.or.th/20240831-56611/