
บ้านปางแฟน แหล่งศึกษาประวัติศาสตร์รอยพระพุทธบาทโบราณและเรื่องเล่าตำนานพ่อขุนเม็งรายมหาราช กับบรรยากาศชุมชนที่เงียบสงบ โอบล้อมด้วยธรรมชาติ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ สัมผัสความชุ่มเย็นของพื้นที่สีเขียวที่ผู้มีโอกาสได้มาเยือนจะไม่มีวันลืม
คงจะเรียกตามชื่อกลุ่มบ้านปางแฟน ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มบ้านในหมู่บ้านปางแฟน โดยมาจากคำว่า "ปาง" เป็นภาษาไทยถิ่นเหนือ แปลว่า บ้าน และ "แฟน" เป็นชื่อเรียกพืชชนิดหนึ่ง มีผลรับประทานได้ ขึ้นอยู่มากบริเวณรอบหมู่บ้าน จึงเรียกชื่อที่ตั้งนี้ว่า "บ้านปางแฟน"
บ้านปางแฟน แหล่งศึกษาประวัติศาสตร์รอยพระพุทธบาทโบราณและเรื่องเล่าตำนานพ่อขุนเม็งรายมหาราช กับบรรยากาศชุมชนที่เงียบสงบ โอบล้อมด้วยธรรมชาติ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ สัมผัสความชุ่มเย็นของพื้นที่สีเขียวที่ผู้มีโอกาสได้มาเยือนจะไม่มีวันลืม
บ้านปางแฟน หมู่ที่ 5 ตำบลป่าเมี่ยง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ก่อตั้งขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2447 โดยมีนายสนอง แสงถา เป็นผู้ใหญ่บ้านคนแรกต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2496 ได้รับการรับรองให้เป็นหมู่บ้านตามกฎหมาย ปัจจุบันหมู่บ้านปางแฟนประกอบด้วย 4 กลุ่มบ้าน คือ กลุ่มบ้านปงอ้อ กลุ่มบ้านห้วยผาตืน กลุ่มบ้านปางแดง กลุ่มบ้านปางแฟน ซึ่งในแต่ละกลุ่มบ้านก็มีประวัติความเป็นมาที่แตกต่างกันออกไป
ในแง่ของพื้นฐานทางวัฒนธรรมกลุ่มชาติพันธุ์ หมู่บ้านปางแฟนได้แบ่งเป็นกลุ่มบ้านคนเมืองและกลุ่มบ้านกะเหรี่ยง ซึ่งได้แก่ กลุ่มบ้านปงอ้อและกลุ่มบ้านปางแฟน เป็นกลุ่มบ้านคนเมืองส่วนกลุ่มบ้านห้วยผาตืนและกลุ่มบ้านปางแดงเป็นกลุ่มบ้านกะเหรี่ยงสะกอหรือปกาเกอะญอซึ่ง มีประวัติในแต่ละกลุ่มบ้าน ดังนี้
1.กลุ่มบ้านปงอ้อ จากคำบอกเล่าของชาวบ้านเล่าว่า เป็นผู้ที่อาศัยอยู่ที่บ้านป่งอ้อมาตั้งแต่รุ่นของพ่อแม่ ซึ่งจากคำบอกเล่าว่า คำว่า "ปง" ภาษาเหนือแปลว่า ดิน ซึ่งเป็นดินโคลน ดินเลน หรือดินที่มีโคลนเยอะมาก และคำว่า "อ้อ" ก็มาจากต้นอ้อ ซึ่งเมื่อสมัยก่อนนี้จะมีป่าอ้อขึ้นหนาแน่นและต้นอ้อก็จะขึ้นอยู่ที่ "ปง" มาก ชาวบ้านจึงเรียกกลุ่มบ้านนี้ว่า "บ้านปงอ้อ" ซึ่งแต่ก่อนนี้จะมีครอบครัวแค่ 2-3 หลังคาเรือนเท่านั้น และสืบไม่ได้ว่ามาตั้งบ้านเรือนตั้งแต่เมื่อไร เมื่อแรกชาวบ้านมีอาชีพทำไร่ ทำสวน ตัดไม้ หาของป่าเพราะเนื่องจากว่าป่ามีความอุดมสมบูรณ์และยังไม่มีทางราชการยังไม่ประกาศเป็นเขตป่าสงวน ความสัมพันธ์ของคนในชุมชนบ้านป่งอ้อเป็นไปในลักษณะญาติพี่น้องกัน เพราะกลุ่มบ้านปงอ้อมีเพียง 20 ครัวเรือน ซึ่งเป็นญาติกันเป็นส่วนใหญ่ และยังมีการให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันอยู่ในระหว่างเครือญาติ
2.กลุ่มบ้านห้วยผาตืน จากคำบอกเล่าของชาวบ้านซึ่งเป็นชาวปกาเกอะญอ แต่ก่อนรุ่นของพ่อแม่ได้อพยพมาจากตำบลเทพเสด็จมาอยู่ที่บ้านปางแดง แล้วก็ย้ายมาอยู่ที่บ้านห้วยผาตืนจนถึงปัจจุบัน สาเหตุที่เรียกบ้านห้วยผาตืน เพราะสมัยก่อนนี้จะมีพ่อค้าคนหนึ่งเป็นพ่อค้าที่ขายโช่ที่ผูกติดกับแห เมื่อเดินทางผ่านมาทางกลุ่มบ้านนี้ชาวบ้านได้ไล่เขาออกไป พ่อค้าจึงเอาโช่ที่ขายไปทิ้งไว้ในลำห้วย จนชาวบ้านเลิกไล่เขาออกไป จากนั้นเขาจึงกลับไปนำโซ่ที่ทิ้งไว้ในลำห้วยมาผูกติดกับแหแล้วก็หาปลาตรงบริเวณที่ทิ้งโซ่ ไม่ไกลจากบริเวณที่หาปลานั้นเป็นหน้าผาด้วย ชาวบ้านจึงเรียกบ้านนี้ว่า "บ้านห้วยผาจืน" แล้วจึงเพี้ยนมาเป็นบ้านห้วยผาตืนจนถึงปัจจุบัน
3.กลุ่มบ้านปางแดง จากคำบอกเล่าของชาวบ้านซึ่งเป็นชาวปกาเกอะญอ ได้เล่าว่าบ้านปางแดงนั้นแต่ก่อนนี้ไม่ได้ชื่อ ปางแดง แต่ชื่อ ป่าแดง เพราะเมื่อสมัยก่อนนี้บริเวณบ้านปางแดงเป็นป่าแดงจำนวนมาก ชาวบ้านจึงเรียกว่าบ้านป่าแดง แต่ก็เพี้ยนมาเป็นบ้านปางแดงจนถึงปัจจุบัน ซึ่งครอบครัวของชาวบ้านผู้เล่าเรื่องนี้ได้มาถากถางบุกเบิกพื้นที่เป็นครอบครัวแรก อพยพมาจากอำเภอพร้าวเพื่อเข้ามาทำไร่หมุนเวียน
4.กลุ่มบ้านปางแฟน จากคำบอกเล่าของชาวบ้านซึ่งอาศัยอยู่ที่กลุ่มบ้านปางแฟน เล่าว่าแต่ก่อนนี้บ้านปางแฟนมีคนอยู่อาศัยเพียงแค่ 3 หลังเท่านั้น แล้วมีคนย้ายเข้ามาอยู่ใหม่เรื่อย ๆ สาเหตุที่เรียกชื่อบ้านว่า บ้านปางแฟน เพราะ คำว่า "ปาง" ภาษาเหนือแปลว่า บ้าน ส่วนคำว่า แฟน นั้นเป็นชื่อของผลไม้ชนิดหนึ่งที่รับประทานได้ ขึ้นอยู่บริเวณหมู่บ้านเยอะมาก และลูกแฟนนี้เมื่อเวลาสุกจะมีลูกเป็นสีส้มจะมีรสหวาน เหตุนี้จึงเป็นสาเหตุเรียกกลุ่มบ้านนี้ว่าบ้านปางแฟนจนมาถึงปัจจุบัน
บ้านปางแฟน ตั้งอยู่ในเขตหมู่ที่ 5 ตำบลป่าเมี่ยง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ เป็นหมู่บ้านที่ประกอบด้วย 4 กลุ่มบ้านย่อย ได้แก่ บ้านป่งอ้อ บ้านห้วยผาตืน บ้านปางแดง และบ้านปางแฟน ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ภูเขาสลับซับซ้อน มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะป่าต้นน้ำที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของหมู่บ้าน มีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้
- ทิศเหนือ ติดต่อกับ บ้านห้วยหม้อ หมู่ที่ 2 ตำบลป่าเมี่ยง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ และตำบลโหล่งขอด อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่
- ทิศใต้ ติดต่อกับ บ้านแม่หวาน หมู่ที่ 3 ตำบลป่าเมี่ยง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับ บ้านปางบง หมู่ที่ 1 ตำบลเทพเสด็จ อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับ ตำบลโหล่งขอด อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่
ภูมิประเทศของบ้านปางแฟนส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ลาดเอียงสลับกับที่ราบเชิงเขา ซึ่งเป็นบริเวณที่ตั้งของบ้านเรือนชาวบ้าน พื้นที่โดยรอบยังคงความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะพื้นที่ป่าต้นน้ำที่ชาวบ้านร่วมกันดูแลรักษาอย่างเข้มงวด ป่าดังกล่าวมีลักษณะเป็นป่าเบญจพรรณ มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง
ลักษณะภูมิอากาศ
สภาพภูมิอากาศของหมู่บ้านปางแฟนมีลักษณะแปรเปลี่ยนตามฤดูกาล โดยสามารถแบ่งได้เป็น 3 ช่วง ดังนี้
- ฤดูร้อน (กุมภาพันธ์-เมษายน) อากาศร้อนจัด โดยเฉพาะช่วงกลางวัน ชาวบ้านมักออกไปหาปลาในแม่น้ำแม่กวงที่แห้งขอด บางส่วนหลบร้อนด้วยการเล่นน้ำ
- ฤดูฝน (พฤษภาคม-พฤศจิกายน) เริ่มมีฝนตกและความชื้นเพิ่มขึ้น พื้นที่เขียวชอุ่ม เหมาะแก่การเพาะปลูก ชาวบ้านกะเหรี่ยงเริ่มไถนา ส่วนผู้ที่ไม่ได้ทำนาจะปลูกผักไว้บริโภค
- ฤดูหนาว (พฤศจิกายน-มีนาคม) อากาศเย็นลงอย่างต่อเนื่อง บางปีอากาศหนาวจัดถึงขั้นชาวบ้านต้องก่อไฟเพื่อให้ความอบอุ่น โดยเฉพาะในยามเช้าและค่ำคืน
การคมนาคมและเส้นทางสัญจร
การเดินทางเข้าสู่บ้านปางแฟนสามารถทำได้ 2 วิธีหลัก ได้แก่
- โดยรถสองแถวเล็กสายเชียงใหม่-เวียงกาหลง ออกจากตลาดวโรรส ผ่านอำเภอดอยสะเก็ด โดยแวะรับผู้โดยสารที่ตลาดดอยสะเก็ด จากนั้นมุ่งหน้าผ่านศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ บ้านโป่งกุ่ม บ้านแม่หวาน และเข้าสู่พื้นที่บ้านปางแฟนตั้งแต่กิโลเมตรที่ 36 เป็นต้นไป
- โดยรถโดยสารประจำทาง (รถเมล์สีเขียว) สายเชียงใหม่-เชียงราย ออกเดินทางจากสถานีขนส่งอาเขต จังหวัดเชียงใหม่ โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 118 ผ่านอำเภอดอยสะเก็ด และเข้าสู่เขตหมู่บ้านปางแฟนตามแนวเส้นทางเดียวกับรถสองแถวเล็ก
ถนนเข้าสู่หมู่บ้านปางแฟนเป็นถนนลาดยางตลอดสาย โดยจากอำเภอเมืองเชียงใหม่ถึงหมู่บ้านมีระยะทางประมาณ 42 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 50 นาทีถึง 1 ชั่วโมงโดยรถยนต์
สถิติประชากรทางการทะเบียนราษฎร (รายเดือน) สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง รายงานจำนวนประชากรหมู่ที่ 5 บ้านปางแฟน ตำบลป่าเมี่ยง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 686 คน โดยแยกเป็นประชากรชาย 363 คน ประชากรหญิง 323 คน จำนวนหลังคาเรือนทั้งสิ้น 259 หลังคาเรือน (ข้อมูลเดือนธันวาคม 2566)
หมู่บ้านปางแฟนประกอบด้วยกลุ่มชาติพันธุ์หลัก 2 กลุ่ม คือ กลุ่มคนเมือง และกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงสะกอ หรือปกาเกอะญอ ซึ่งแต่ละกลุ่มมีลักษณะการตั้งถิ่นฐานในกลุ่มบ้านต่าง ๆ ที่แตกต่างกันตามภูมิประเทศและวิถีชีวิตที่สืบทอดมา ดังนี้
- กลุ่มบ้านปงอ้อ เป็นชุมชนของชาวคนเมือง ตั้งบ้านเรือนกระจายอยู่สองฝั่งของถนนสายเชียงใหม่-เชียงราย บริเวณระหว่างกิโลเมตรที่ 36-38 ภายในกลุ่มบ้านมีรีสอร์ต 2 แห่ง และมีสำนักสงฆ์ป่งอ้อตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน
- กลุ่มบ้านห้วยผาตืน เป็นที่อยู่อาศัยของชาวปกาเกอะญอ บ้านเรือนตั้งอยู่บนเนินสูงใกล้ภูเขา ทางฝั่งซ้ายของถนนบริเวณกิโลเมตรที่ 39 มีการทำเกษตรกรรมแบบพึ่งพาตนเอง เช่น การปลูกข้าวและผัก ภายในกลุ่มบ้านมีโบสถ์คริสต์และโรงเรียนบ้านปางแดง ซึ่งเป็นโรงเรียนระดับประถมศึกษา
- กลุ่มบ้านปางแดง ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นชาวปกาเกอะญอเช่นเดียวกับบ้านห้วยผาตืน บ้านเรือนสร้างอยู่ริมเนินเขาและเรียงรายใกล้ชิดกันในกลุ่มเครือญาติ
- กลุ่มบ้านปางแฟน เป็นชุมชนของคนเมืองเช่นเดียวกับบ้านปงอ้อ บ้านเรือนตั้งกระจายอยู่สองฝั่งถนน มีการกระจุกตัวภายในกลุ่มเครือญาติในพื้นที่บางส่วน ภายในกลุ่มบ้านมีสวนส้มของนายทุนท้องถิ่นและฟาร์มเพาะเห็ดหอม นอกจากนี้ยังมีสำนักสงฆ์ประจำกลุ่มบ้านอีก 1 แห่ง
ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังคงดำเนินชีวิตตามวิถีดั้งเดิมที่พึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติควบคู่กับการปรับตัวให้เข้ากับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน อาชีพหลักของชาวบ้านปางแฟนคือการรับจ้างทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูร้อน ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่มีความต้องการแรงงานด้านงานก่อสร้างสูงกว่าช่วงอื่นของปี ชาวบ้านจำนวนมากจึงประกอบอาชีพรับจ้างเป็นช่างไม้ ช่างปูน หรือแรงงานในโครงการก่อสร้าง ทั้งภายในและนอกพื้นที่ชุมชน ซึ่งถือเป็นแหล่งรายได้สำคัญในช่วงเวลาดังกล่าว
นอกจากการรับจ้างก่อสร้างแล้ว ชาวบ้านยังมีวิถีชีวิตที่ใกล้ชิดกับป่าไม้ โดยเฉพาะในฤดูร้อนที่ป่าอุดมไปด้วยพืชพันธุ์ธรรมชาติ ชาวบ้านบางส่วนจะเข้าป่าเพื่อเก็บหาอาหารและของป่า เช่น น้ำผึ้งเดือนห้า หน่อไม้ เห็ด ผักป่า แมลง และสมุนไพร น้ำผึ้งเดือนห้าโดยเฉพาะที่ได้จากผึ้งหลวงนั้นถือว่าเป็นผลิตผลจากธรรมชาติที่มีรสชาติหอมหวานเป็นพิเศษ และเป็นที่นิยมในตลาดพื้นบ้าน ทำให้เป็นอีกหนึ่งแหล่งรายได้ในฤดูร้อน
อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในพื้นที่เริ่มมีบทบาทสำคัญต่อวิถีชีวิตและรายได้ของชาวบ้านมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ชุมชนได้ปรับเปลี่ยนและพัฒนารูปแบบการประกอบอาชีพให้สอดคล้องกับความต้องการของนักท่องเที่ยว เช่น การเปิดบ้านพักโฮมสเตย์เพื่อให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสวิถีชีวิตแบบชาวบ้านอย่างใกล้ชิด การจัดกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เช่น การสาธิตการทำอาหารพื้นถิ่น การแสดงศิลปวัฒนธรรม และการนำเที่ยวชมธรรมชาติรอบชุมชน ซึ่งสร้างรายได้เสริมให้แก่ชาวบ้าน
นอกจากนี้ ชาวบ้านยังมีการรวมกลุ่มเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน เช่น สินค้าหัตถกรรมและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่เป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น เพื่อนำเสนอแก่นักท่องเที่ยวและตลาดภายนอก ทำให้เกิดรายได้ที่หลากหลายและกระจายไปสู่สมาชิกในชุมชนอย่างทั่วถึง
การผสมผสานระหว่างอาชีพดั้งเดิมกับการท่องเที่ยวนี้ ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวบ้านเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นและสิ่งแวดล้อม ทำให้ชุมชนบ้านปางแฟนสามารถพัฒนาอย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับการรักษาเอกลักษณ์
ศาสนา
ชาวบ้านหมู่บ้านปางแฟนมีการนับถือศาสนาอยู่ 2 ศาสนา คือ ศาสนาพุทธ และศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ โดยแบ่งตามกลุ่มบ้านดังนี้
- กลุ่มบ้านปงอ้อ และกลุ่มบ้านปางแฟน นับถือศาสนาพุทธ
- กลุ่มบ้านห้วยผาตืน และกลุ่มบ้านปางแดง เป็นชุมชนปกาเกอะญอที่นับถือศาสนาคริสต์ แต่ในกลุ่มบ้านปางแดงยังมีบางส่วนที่นับถือศาสนาพุทธด้วย
สำหรับชาวปกาเกอะญอที่นับถือศาสนาคริสต์ ทั้งสองกลุ่มจะเข้าร่วมพิธีทางศาสนา ณ โบสถ์ประจำหมู่บ้านทุกวันอาทิตย์ โดยแต่งกายด้วยชุดประจำเผ่าที่มีสีสันสดใสตามแบบวัฒนธรรมดั้งเดิม ส่วนชาวบ้านที่นับถือศาสนาพุทธจะปฏิบัติตามประเพณีทางศาสนา เช่น ทำบุญในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา และไปทำบุญที่วัดในวันพระ
ประเพณีท้องถิ่นของชุมชนบ้านปางแฟน
ชุมชนบ้านปางแฟนเป็นชุมชนที่ยังคงอนุรักษ์และสืบสานประเพณีท้องถิ่นไว้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเพณีที่เกี่ยวข้องกับศาสนาและพิธีกรรมสำคัญต่าง ๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตและความเชื่อของชาวบ้านได้อย่างชัดเจน
หนึ่งในประเพณีสำคัญที่มีการจัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง คือ ประเพณีงานบวช หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "งานบวชลูกแก้ว" ซึ่งถือเป็นพิธีกรรมที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในชุมชน งานบวชนี้จะจัดขึ้นเป็นระยะเวลา 3 วัน โดยเริ่มตั้งแต่การเตรียมงานในวันแรกที่เจ้าภาพและชาวบ้านร่วมมือกันจัดเตรียมบายศรีสู่ขวัญและอาหารสำหรับเลี้ยงพระสงฆ์และแขกผู้มีเกียรติ ในวันที่สองเป็นวันพิธีปลงผมนาค มีการเลี้ยงแขกและการแสดงดนตรีพื้นเมืองอย่าง "ช่างซอ" เพื่อสร้างบรรยากาศแห่งความสุขและความเป็นสิริมงคลแก่ลูกแก้ว จากนั้นจะมีพิธีแห่ลูกแก้วในชุดแต่งกายแบบพม่ารอบหมู่บ้าน ซึ่งชาวบ้านจะรดน้ำส้มป่อยเพื่อความเป็นสิริมงคลและความสุขแก่นาค วันที่สามเป็นวันพิธีบวชจริง โดยมีพระสงฆ์นิมนต์มาประกอบพิธี และจะถวายผ้าไตรจีวรและปัจจัยให้แก่พระสงฆ์
นอกจากงานบวชแล้ว ประเพณีงานแต่งงานก็เป็นอีกหนึ่งพิธีกรรมที่แสดงถึงความสัมพันธ์ทางสังคมและความสามัคคีในชุมชน ประเพณีแต่งงานแบบดั้งเดิมของชาวบ้านปางแฟนจะจัดขึ้นเป็นเวลา 2 วัน โดยในวันแรกจะเป็นการเตรียมงานบายศรีสู่ขวัญและจัดเตรียมอาหารสำหรับแขก ส่วนวันที่สองเป็นวันพิธีหลักที่ฝ่ายชายจะเดินทางมาแห่ขันหมากผ่านประตูเงินประตูทองที่จัดเตรียมไว้ ณ บ้านฝ่ายหญิง จากนั้นจะมีการสวมแหวนแต่งงาน พิธีผูกข้อมือ และการส่งตัวเจ้าสาวเข้าหออย่างสมเกียรติ ในกรณีที่คู่บ่าวสาวมีความสัมพันธ์กันก่อนแต่งงาน ชุมชนยังคงมีการจัดพิธีเลี้ยงอาหารให้ญาติพี่น้องและชาวบ้านรับทราบ เพื่อยืนยันการสมรสอย่างถูกต้องตามประเพณีและวัฒนธรรมของชุมชน ทั้งนี้ สำหรับชาวคริสต์ในชุมชน จะมีพิธีแต่งงานที่โบสถ์ โดยมีการอ่านพระคัมภีร์ ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า และรับพรจากศาสนจักรอย่างเคร่งครัด
ประเพณีงานศพ เป็นอีกหนึ่งพิธีกรรมที่แสดงถึงความเคารพและความรักต่อผู้ล่วงลับ ในชุมชนบ้านปางแฟน ประเพณีงานศพสำหรับผู้ที่นับถือศาสนาพุทธจะเริ่มตั้งแต่การอาบน้ำศพ แต่งตัว และตั้งศพไว้ที่บ้าน โดยหันหัวศพไปทางทิศตะวันตก ซึ่งเป็นทิศที่เชื่อว่าเหมาะสมในการส่งดวงวิญญาณไปสู่ภพภูมิใหม่ ชาวบ้านจะร่วมมือกันจัดเตรียมโรงครัวและอาหารเลี้ยงผู้มาร่วมงานศพ รวมทั้งมีการสวดพระอภิธรรมในตอนกลางคืนระยะเวลาหนึ่งตามฐานะของครอบครัวที่จัดงาน และเมื่อครบกำหนดจะมีพิธีถวายสังฆทานและทำพิธี "ตานสลีทราย" โดยมีการก่อกองทรายจำนวน 108 กอง เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับ นอกจากนี้ ยังมีพิธีถอนคนตายออกจากบ้านโดยใช้เครื่องเซ่นที่เรียกว่า "สะตวง" เพื่อให้วิญญาณของผู้ตายได้จากไปอย่างสงบ สำหรับการเผาศพจะมีพิธีแห่ศพและพิธีส่งดวงวิญญาณด้วยความเคารพ และในขั้นตอนสุดท้ายมีการเก็บอัฐิในกระบอกไม้ไผ่และจัดพิธีส่งดวงวิญญาณขึ้นสวรรค์ด้วยพลุหลากสี ขณะเดียวกัน สำหรับผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ จะมีการตั้งศพที่บ้านพร้อมพิธีอ่านพระคัมภีร์และร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าจนถึงครบ 3 วัน ก่อนนำไปฝัง ณ สุสานของชุมชนอย่างสงบและมีระเบียบ
นอกจากนี้ ชุมชนบ้านปางแฟนยังคงสืบทอดประเพณีทำบุญวันออกพรรษาอย่างเคร่งครัด โดยชาวบ้านจะเตรียมขนม อาหารคาวหวาน ดอกไม้ ธูป เทียน และน้ำเปล่า เพื่อนำไปถวายพระสงฆ์ที่สำนักสงฆ์ในวันสำคัญนี้ ในพิธีจะมีการใส่บาตรและถวายขันแก้วซึ่งเป็นสัญลักษณ์แทนพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ พร้อมกับเทศนาธรรมและสวดมนต์เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับ ชาวบ้านยังได้ร่วมกันทำบุญถวายดอกไม้และธูปเทียนต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการสร้างความสงบสุขและเสริมสร้างความสัมพันธ์ในชุมชนให้เหนียวแน่น
วัดพระบาทปางแฟน
วัดพระบาทปางแฟนตั้งอยู่ ณ บ้านปางแฟน หมู่ 5 ตำบลป่าเมี่ยง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ก่อตั้งขึ้นเป็นที่พักสงฆ์พร้อมกับการตั้งหมู่บ้านปางแฟน เมื่อปีพุทธศักราช 2442 บริเวณวัดนี้เดิมเชื่อกันว่าเป็นวัดเก่าหรือเมืองโบราณ เนื่องจากบริเวณโดยรอบพบซากอิฐ เจดีย์ รวมถึงเครื่องใช้โบราณจำนวนมาก อีกทั้งมีเรื่องเล่าขานว่าในอดีตว่าพ่อขุนเม็งรายได้เสด็จมายังพื้นที่แห่งนี้ในระหว่างรวบรวมแว่นแคว้นต่าง ๆ ให้เป็นปึกแผ่น ขณะเสด็จมาถึง ได้หยุดพักตั้งค่ายทหารและทอดพระเนตรเห็นรอยพระพุทธบาท ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นรอยพระบาทของพระพุทธเจ้า พ่อขุนเม็งรายเกิดความศรัทธา จึงได้นำสมบัติส่วนพระองค์ฝังบูชารอยพระบาทดังกล่าวโดยบรรจุสมบัติไว้ใต้รอยพระบาทซึ่งเป็นอุโมงค์ และปิดอุโมงค์ด้วยก้อนหิน จากนั้นจึงโปรดให้สร้างอารามเพื่อเป็นที่พำนักของพระสงฆ์และพระเณร พร้อมโปรดให้พระสนมฝาแฝด นามว่า “สร้อยสุนีย์-ศรีสุคณฑา” ธิดาเจ้าเมืองเชลียง อุปัฏฐากดูแลพระอารามแห่งนี้
นอกจากรอยพระพุทธบาทแล้ว ภายในวัดยังมีหลวงพ่อทันใจ และหลวงพ่อเศียร พระพุทธรูปองค์สำคัญที่ขุดพบเศียรฝังอยู่ในดิน ได้รับการขุดค้นต่อองค์จากนิมิตพระอาจารย์โต และได้รับการเคารพสักการะจากชาวบ้านอย่างกว้างขวาง อีกทั้งบริเวณทางเข้าวัดมีศาลที่ชาวบ้านสร้างขึ้น เรียกกันว่า “ศาลพระแม่สองนาง” เชื่อกันว่าพระนางทั้งสองปกป้องรักษาสมบัติของพ่อขุนเม็งรายและวัดแห่งนี้ไว้เป็นอย่างดี (ศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม)
ภาษาพูด : ภาษาไทยถิ่นเหนือ และภาษาปกาเกอะญอ
ภาษาเขียน : อักษรไทย
เทศบาลตำบลป่าเมี่ยง. (ม.ป.ป.). สภาพทั่วไปและข้อมูลพื้นฐาน. สืบค้น 8 มิถุนายน 2568. https://www.pamiang.go.th/
ปรมาพร ใจเอื้อ (2546). กังหันน้ำ: อาชีพเสริมของชาวบ้านปางแฟน ตำบลป่าเมี่ยง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
ปางแฟน : Rock n' River. (10 กันยายน 2565). สืบค้น 8 มิถุนายน 2568. จาก https://www.facebook.com/pangfanrockriver
ศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม. (11 มีนาคม 2555). ศาสนสถาน วัดพระบาทปางแฟน. สืบค้น 8 มิถุนายน 2568. จาก http://www.m-culture.in.th/album/12620
NinaJourney . (3 ตุลาคม 2565). รีวิว ปางแฟน Rock n' River. รีวิว ปางแฟน Rock n' River .สืบค้น 8 มิถุนายน 2568. จาก https://www.wongnai.com/
thaitourstudy. (1 มิถุนายน 2565). วัดพระบาทปางแฟนหรือสำนักสงฆ์สำเร็จธรรมเทวาบรรพต. สืบค้น 8 มิถุนายน 2568. จาก https://thaitourstudy.com/routepamiang/2022/
Tippaya Villa. (1 กุมภาพันธ์ 2562). วัดพระบาทปางแฟน. สืบค้น 8 มิถุนายน 2568. จาก https://www.facebook.com/tippayavillaofficial