
ริมคลองบางบาล ชุมชนเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา มีลำน้ำสายสำคัญคือ "คลองบางบาล" ซึ่งเป็นทั้งทรัพยากรธรรมชาติและเส้นทางประวัติศาสตร์ที่หล่อเลี้ยงวิถีชีวิตของผู้คนในชุมชนมาอย่างยาวนาน
ริมคลองบางบาล ชุมชนเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา มีลำน้ำสายสำคัญคือ "คลองบางบาล" ซึ่งเป็นทั้งทรัพยากรธรรมชาติและเส้นทางประวัติศาสตร์ที่หล่อเลี้ยงวิถีชีวิตของผู้คนในชุมชนมาอย่างยาวนาน
ชุมชนริมคลองบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตั้งอยู่ในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ซึ่งเป็นพื้นที่ราบน้ำท่วมถึงขนาดใหญ่ มีลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบลุ่มที่มีระบบลำน้ำหลายสายไหลผ่าน ทำให้พื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์ เหมาะสมต่อการทำเกษตรกรรมและหัตถกรรมพื้นบ้าน
แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นลำน้ำสายหลักของพื้นที่ และมีลำน้ำสาขาที่สำคัญ ได้แก่ คลองบางบาล คลองมหาพราหมณ์ คลองบางหลวง (หรือคลองโผงเผง) และคลองบางปลาหมอ (หรือคลองมโนราห์) ลำน้ำเหล่านี้มีบทบาททั้งด้านคมนาคม การเกษตร และการตั้งถิ่นฐานของชุมชนตลอดสองฝั่งคลอง นอกจากนี้ พื้นที่ยังมีความอุดมสมบูรณ์ของดิน โดยพบชุดดินสำคัญ เช่น ชุดดินอยุธยา ชุดดินอ่างทอง และชุดดินราชบุรี ซึ่งส่งเสริมให้ประชากรในพื้นที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมอย่างแพร่หลาย รวมถึงการทำหัตถกรรมพื้นบ้าน เช่น การทำอิฐมอญ ธูปหอม และเครื่องดนตรีไทย เป็นต้น
คลองบางบาลไหลผ่านพื้นที่อำเภอบางบาลจากบริเวณแพร่งวัดจุฬามณี ไปทางใต้ผ่านเทศบาลตำบลบางบาลและไหลจรดแม่น้ำน้อยที่บริเวณแพร่งแม่น้ำวัดสีกุก โดยมีความยาวประมาณ 16 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 10 ตำบล ได้แก่ ตำบลบางชะนี ตำบลไทรน้อย ตำบลบางบาล ตำบลวัดยม ตำบลมหาพราหมณ์ ตำบลสะพานไทย ตำบลกบเจา ตำบลบ้านคลัง ตำบลพระขาว และตำบลน้ำเต้า
จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะแผนที่โบราณในสมัยกรุงศรีอยุธยา บ่งชี้ว่าชุมชนในเขตคลองบางบาลมีการตั้งถิ่นฐานมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น คลองบางบาลและคลองมหาพราหมณ์เคยเป็นลำน้ำขนาดใหญ่และเป็นเส้นทางคมนาคมสายสำคัญที่เชื่อมโยงพื้นที่ฝั่งตะวันตกของเกาะเมืองอยุธยา ซึ่งมีบทบาททั้งด้านเศรษฐกิจ การทหาร และการค้าขาย ส่งผลให้พื้นที่ริมคลองกลายเป็นแหล่งรวมของกลุ่มชาติพันธุ์หลากหลาย เช่น ชาวมอญ ชาวจีน ชาวลาว และชาวมุสลิม ที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานและผสมผสานวัฒนธรรมกันอย่างกลมกลืน จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนในปัจจุบัน
พัฒนาการของชุมชนริมคลองบางบาล
ช่วงที่ 1 : พ.ศ. 1893-2246 (สมัยกรุงศรีอยุธยา)
เป็นช่วงเวลาที่กรุงศรีอยุธยาเจริญสูงสุดในฐานะศูนย์กลางการค้าระหว่างประเทศ มีการเปิดรับผู้คนจากหลากหลายเชื้อชาติ ทำให้พื้นที่ริมคลองบางบาลกลายเป็นแหล่งรวมของผู้คนหลากหลายชาติพันธุ์ที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานริมลำน้ำ ซึ่งสะท้อนให้เห็นผ่านหลักฐานแผนที่โบราณและบันทึกประวัติศาสตร์ที่ระบุถึงการตั้งถิ่นฐานบริเวณนี้
ช่วงที่ 2 : พ.ศ. 2310-2394 (สมัยหลังเสียกรุงศรีอยุธยาถึงต้นกรุงรัตนโกสินทร์)
เป็นช่วงเวลาที่เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและการปกครอง ชุมชนในพื้นที่มีการโยกย้ายถิ่นฐานเข้ามาของกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ที่อาศัยพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำสำหรับการตั้งถิ่นฐานใหม่ โดยเฉพาะชาวมอญ ลาว จีน และมุสลิม ซึ่งดำเนินวิถีชีวิตตามระบบนิเวศของลำน้ำและพื้นที่ชุ่มน้ำ สร้างระบบเศรษฐกิจและวัฒนธรรมที่หลากหลาย
ช่วงที่ 3 : พ.ศ. 2393-2497 (สมัยรัชกาลที่ 4-7 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์)
เป็นช่วงที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานของประเทศจากผลของสนธิสัญญาเบาว์ริง ซึ่งเปิดการค้าเสรีกับนานาชาติ ทำให้ข้าวกลายเป็นพืชเศรษฐกิจหลักเพื่อการส่งออก บริเวณบางบาลจึงได้รับการพัฒนาให้เป็นพื้นที่ปลูกข้าว มีการออกโฉนดที่ดินเพื่อส่งเสริมการเกษตรกรรมอย่างเป็นระบบ
ช่วงที่ 4 : พ.ศ. 2500-ปัจจุบัน (ยุคหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง)
เป็นช่วงเวลาที่รัฐเริ่มพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท (สร้างเมื่อ พ.ศ. 2500) การสร้างถนนเข้าถึงหมู่บ้าน การลงทุนจากภาคอุตสาหกรรม และการวางแผนจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะโครงการแก้มลิงบางบาลภายหลังอุทกภัยใหญ่เมื่อ พ.ศ. 2549 ซึ่งส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวบ้าน ชุมชนต้องปรับเปลี่ยนวิธีการเกษตร การใช้ที่ดิน และรูปแบบการตั้งถิ่นฐานเพื่อความอยู่รอดในบริบทใหม่
ชุมชนริมคลองบางบาลที่จะกล่าวถึงในที่นี้ มิใช่เพียงชุมชนบ้านบางบาลเท่านั้น แต่ชุมชนริมคลองบางบาลที่กล่าวถึงนี้เป็นชุมชนขนาดใหญ่ที่ทอดยาวตามแนวคลองบางบาล ตั้งแต่ตำบลบางบาล ตำบลวัดยม ตำบลมหาพราหมณ์ ฯลฯ โดยพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่มน้ำท่วมถึง ที่เกิดจากการพัดพาตะกอน ดิน ทราย และเศษหินจากแม่น้ำเจ้าพระยาและลำน้ำสาขาต่าง ๆ มาทับถมกันเป็นเวลานาน จนกลายเป็นพื้นที่ราบขนาดใหญ่แบบ ดินดอนสามเหลี่ยม (Delta) ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์เหมาะสมต่อการเพาะปลูกและประกอบอาชีพเกษตรกรรม
ลำน้ำสำคัญในพื้นที่ ได้แก่
- แม่น้ำเจ้าพระยา
- แม่น้ำน้อย
- คลองบางบาล
- คลองโผงเผง (หรือคลองบางหลวง)
- คลองมโนราห์
ลักษณะทางธรณีวิทยาของพื้นที่ ประกอบด้วย ดินร่วนปนดินเหนียวและดินร่วนปนทราย ซึ่งเหมาะแก่การเพาะปลูกทั้งข้าวและไม้ผล รวมถึงเป็นฐานการผลิตหัตถกรรมดั้งเดิมของท้องถิ่น
ลักษณะภูมิอากาศ
อำเภอบางบาลมีภูมิอากาศแบบร้อนชื้นเขตร้อน ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้เกิดฤดูฝนในช่วงเดือน พฤษภาคมถึงตุลาคม และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้เกิดฤดูหนาวในช่วง พฤศจิกายนถึงกลางกุมภาพันธ์ สามารถแบ่งออกเป็น 3 ฤดู ได้แก่
- ฤดูร้อน : กลางเดือนกุมภาพันธ์ ถึงต้นเดือนพฤษภาคม
- ฤดูฝน : พฤษภาคม ถึงตุลาคม (โดยเฉพาะเดือนกันยายนมีฝนตกมากที่สุด)
- ฤดูหนาว : พฤศจิกายน ถึงกลางกุมภาพันธ์
ชุมชนริมคลองบางบาลในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์อย่างเด่นชัด โดยเฉพาะในบริเวณตำบลไทรน้อย ซึ่งเป็นแหล่งตั้งถิ่นฐานของชาวมอญขนาดใหญ่ที่มีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่สมัยอยุธยา ชาวมอญในพื้นที่นี้ยังคงสืบสานวัฒนธรรมดั้งเดิม เช่น การพูดภาษามอญ การประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และงานบุญสำคัญตามประเพณีที่แสดงถึงความศรัทธาและเอกลักษณ์ของชุมชน
นอกจากชาวมอญแล้ว ยังมีชาวจีน ชาวลาว และชาวมุสลิมที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานริมคลองบางบาลในช่วงเวลาต่าง ๆ โดยเฉพาะในยุคที่คลองและแม่น้ำเป็นเส้นทางหลักในการคมนาคมและค้าขาย ทำให้พื้นที่นี้กลายเป็นชุมชนที่มีความหลากหลายทั้งด้านชาติพันธุ์และวัฒนธรรม โดยแต่ละกลุ่มชาติพันธุ์มีการผสมผสานและอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนภายใต้สังคมชุมชนริมน้ำ
มอญประชาชนส่วนใหญ่ในชุมชนริมคลองบางบาลประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก อาศัยสภาพแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์จากคลองบางบาลและพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเอื้อต่อการทำการเกษตรโดยเฉพาะการทำนา พื้นที่จำนวนมากถูกใช้ในการเพาะปลูกข้าวซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญ และยังมีการปลูกพืชสวนอย่าง กล้วย ซึ่งปลูกง่าย ขายได้ทั้งผลดิบและสุก รวมถึงแปรรูปเป็นขนมและผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน
นอกจากนั้น ยังมีการทำปศุสัตว์ในระดับครัวเรือน เช่น การเลี้ยงเป็ด ไก่ สุกร และวัว เพื่อบริโภคในครัวเรือนและจำหน่ายในตลาดท้องถิ่น เป็นอาชีพเสริมที่ช่วยเพิ่มรายได้และยังคงผูกพันกับระบบเศรษฐกิจแบบพึ่งพาตนเองของชุมชน
ส่วนอาชีพเสริม ชาวบ้านจำนวนหนึ่งมีทักษะและภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ได้รับการสืบทอดจากบรรพบุรุษจึงนำมาต่อยอดเพื่อเป็นอาชีพจนสร้างรายได้อีกหนึ่งช่องทาง ได้แก่
- การทำอิฐมอญ : อาชีพดั้งเดิมที่สืบเนื่องจากกลุ่มชาติพันธุ์มอญที่มีความชำนาญในการผลิตอิฐด้วยเทคนิคเฉพาะ และเคยเป็นสินค้าที่ส่งออกไปใช้ในการก่อสร้างทั่วภาคกลาง
- การทำเครื่องดนตรีไทย : เช่น ระนาด ฆ้อง หรือซอ ซึ่งสะท้อนถึงรากเหง้าทางวัฒนธรรมของชาวมอญและไทยในพื้นที่
- การทำขนมไทย : เช่น ขนมกล้วย ขนมตาล และขนมใส่ไส้ ซึ่งใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่นและมักมีในงานบุญหรือเทศกาล
- การทำก้านธูป : เป็นงานฝีมือที่ต้องใช้ความละเอียดในการคัดไม้ ตัดแต่ง และอบแห้ง เพื่อใช้ในพิธีกรรมและจัดจำหน่ายในตลาด
อาชีพเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งรายได้ แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของอัตลักษณ์ชุมชน ที่ผสมผสานระหว่างเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตที่ยั่งยืนตามแนวทางของชุมชนริมน้ำอย่างแท้จริง
ชุมชนริมคลองบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์และวัฒนธรรมสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตั้งถิ่นฐานของกลุ่มชาติพันธุ์ชาวไทยเชื้อสายมอญ จีน ลาว และมุสลิม ซึ่งต่างนำวัฒนธรรม ประเพณี และความเชื่อของตนเข้ามาผสมผสานกับสังคมไทยในท้องถิ่นได้อย่างกลมกลืน ทำให้ชุมชนมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์และน่าสนใจ อย่างไรก็ตาม ศาสนาหลักของพื้นที่แถบนี้ก็ยังคงเป็นพระพุทธศาสนา เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่ในแถบริมคลองบางบาลเป็นชาวไทยพื้นถิ่นเดิมและชาวมอญที่มีการนับถือพระพุทธศาสนาเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจมาอย่างยาวนาน โดยมีวัดเป็นศูนย์กลางของชุมชน ทั้งในด้านศาสนา การศึกษา และกิจกรรมทางสังคม เช่น วัดจุฬามณี วัดยม วัดไทรน้อย วัดสีกุก เป็นต้น ซึ่งล้วนมีความเก่าแก่และมีบทบาทสำคัญในการดำรงวิถีชีวิตของชาวบ้านมาอย่างยาวนาน นอกจากนั้น ยังมีประชากรบางส่วนที่นับถือ ศาสนาอิสลาม โดยเฉพาะกลุ่มชาวมุสลิมซึ่งอาศัยอยู่กระจายตามหมู่บ้านต่าง ๆ และมีมัสยิดเป็นศูนย์กลางในการประกอบศาสนกิจ เช่น การละหมาด การถือศีลอดในเดือนรอมฎอน และการรวมตัวกันในวันสำคัญทางศาสนา ซึ่งแสดงถึงการอยู่ร่วมกันอย่างสันติของผู้คนต่างศาสนาในชุมชนเดียวกัน
ประเพณีของชาวชุมชนริมคลองบางบาลที่ยังคงยึดถือและปฏิบัติกันอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี มีการผสมผสานระหว่างประเพณีไทยกับขนบธรรมเนียมของกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ เช่น
- ประเพณีสงกรานต์ ที่ชาวบ้านจะร่วมกันทำบุญ ตักบาตร รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ และแห่พระทางน้ำซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนริมคลอง
- ประเพณีลอยกระทง ที่จัดขึ้นอย่างคึกคักริมคลองบางบาล โดยมีทั้งการลอยกระทง การละเล่นพื้นบ้าน และการประกวดนางนพมาศ
- ประเพณีออกพรรษาและตักบาตรเทโว ที่ชาวบ้านรวมตัวกันทำบุญถวายภัตตาหารเพลและร่วมขบวนแห่พระจากวัด
- การทอดกฐินและผ้าป่า ที่แสดงถึงความศรัทธาร่วมกันของชาวบ้านในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา
นอกจากนี้ กลุ่มชาวมอญในพื้นที่ เช่น ตำบลไทรน้อย ซึ่งถือเป็นแหล่งชุมชนมอญขนาดใหญ่ ยังมีการสืบทอดประเพณีมอญ เช่น ประเพณีแห่หงส์ การละเล่นพื้นบ้าน และการแต่งกายมอญในงานบุญต่าง ๆ ซึ่งเป็นการรักษาเอกลักษณ์ของชาติพันธุ์ไว้ได้อย่างน่าชื่นชม
มิติทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิตริมสายน้ำ : เอกลักษณ์แห่งชุมชนริมคลองบางบาล
ชุมชนริมคลองบางบาลมีภูมิทัศน์ทางวัฒนธรรมที่สะท้อนถึงวิถีชีวิต ความเชื่อ และวัฒนธรรมที่หลอมรวมระหว่างผู้คนกับสิ่งแวดล้อมตามลำน้ำมาอย่างยาวนาน โดยสามารถสังเคราะห์ลักษณะสำคัญของภูมิทัศน์ทางวัฒนธรรมได้ ดังนี้
1.คลองบางบาล เป็นลำน้ำสายสำคัญที่มีบทบาททางประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน โดยเคยเป็นเส้นทางคมนาคมหลักของพื้นที่ฝั่งตะวันตกของเกาะเมืองอยุธยา และเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่เกื้อหนุนวิถีชีวิตของชุมชนริมฝั่งคลองอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันแม้จะไม่มีเรือขนส่งพาณิชย์สัญจรผ่านเหมือนในอดีต แต่คลองบางบาลยังคงมีศักยภาพในการพัฒนาเป็นเส้นทางการท่องเที่ยวทางน้ำ เช่น การพายเรือคายัคตามเส้นทางประวัติศาสตร์ หรือการล่องเรือไหว้พระตามวัดต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่ริมคลอง ทั้งนี้ พื้นที่ริมน้ำบางแห่ง เช่น ลานดินขนาดใหญ่ ยังสามารถพัฒนาให้เป็นจุดพักหรือสถานที่รองรับนักท่องเที่ยวได้อย่างเหมาะสม
2.ศาสนสถานและโบราณสถาน ตลอดแนวคลองบางบาลมีศาสนสถานและโบราณสถานหลายแห่งที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เช่น วัดไทรน้อย หรือวัดช้างใหญ่ ซึ่งเป็นศูนย์กลางจิตใจของชาวชุมชน โดยเฉพาะชาวมอญที่ตั้งถิ่นฐานในพื้นที่มาอย่างยาวนาน วัดเหล่านี้ยังเป็นสถานที่จัดกิจกรรมและประเพณีสำคัญของชุมชน อีกทั้งยังเป็นจุดหมายในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เช่น การกราบสักการะโบสถ์เก่า และร่วมงานประเพณีพื้นถิ่นของแต่ละกลุ่มชาติพันธุ์
3.ชุมชนท้องถิ่นริมคลองบางบาลได้พัฒนาแนวทางการท่องเที่ยวโดยอิงกับทุนทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิตดั้งเดิม โดยได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การแสดงศิลปะป้องกันตัว ประเพณีมอญ อาหารพื้นบ้าน และการผลิตอิฐมอญ มีการท่องเที่ยวเชิงเกษตร นำชมสวนผลไม้และสาธิตการทำเกษตรแบบผสมผสาน
4.เอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ชุมชนริมคลองบางบาลเป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ ทั้งชาวมอญ ลาว จีน และมุสลิม ซึ่งมีความสัมพันธ์กันทั้งในระดับครอบครัวและชุมชน การใช้ทรัพยากรธรรมชาติร่วมกันนำไปสู่การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและประเพณีที่หลากหลาย กิจกรรมทางวัฒนธรรมในพื้นที่จึงสะท้อนถึงความเชื่อ วิถีชีวิต และศิลปะของกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นพิธีกรรมเกี่ยวกับธรรมชาติ เช่น ต้นไม้หรือแพร่งลำน้ำ พิธีทางศาสนา งานนาฏกรรม ดนตรีพื้นบ้าน หัตถกรรม รวมถึงศิลปะป้องกันตัว โดยพื้นที่ยังเป็นถิ่นกำเนิดของบุคคลสำคัญทางวัฒนธรรม เช่น ครูเพลงพื้นบ้าน และ นายขนมต้มครูมวยที่มีชื่อเสียง นอกจากนี้ ชาวมอญยังคงสืบสานเอกลักษณ์วัฒนธรรม เช่น การทำอิฐมอญและเครื่องปั้นดินเผา อันสะท้อนถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ยังคงสืบทอดและปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย
จากที่กล่าวมาข้างต้นภูมิทัศน์ทางวัฒนธรรมของชุมชนริมคลองบางบาลจึงถือเป็นตัวอย่างของการผสมผสานระหว่างสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมที่หลากหลาย ซึ่งส่งเสริมให้พื้นที่นี้มีคุณค่าและศักยภาพในการอนุรักษ์และพัฒนาอย่างยั่งยืนในอนาคต
ในอดีตระบบลำน้ำในพื้นที่คลองบางบาลมีความซับซ้อนและเชื่อมโยงกันอย่างหนาแน่น โดยเฉพาะคลองบางบาลและคลองมหาพราหมณ์ ซึ่งทำหน้าที่เป็นเส้นทางสัญจรทางน้ำที่สำคัญ เชื่อมโยงชุมชนต่าง ๆ กับพื้นที่เกาะเมืองอยุธยาและแม่น้ำเจ้าพระยา ลำน้ำเหล่านี้ยังมีบทบาทสำคัญในการระบายน้ำในฤดูน้ำหลาก และเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติสำหรับการดำรงชีพของชุมชน เช่น การประมง การหาน้ำใช้ และการเกษตรกรรม
อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและโครงสร้างพื้นฐานในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบต่อระบบลำน้ำและระบบนิเวศของพื้นที่อย่างมีนัยสำคัญ การขุดลอกลำน้ำที่ไม่ต่อเนื่อง การก่อสร้างถนนตัดขวางคลอง การสร้างประตูน้ำ และระบบคันกั้นน้ำเพื่อควบคุมการระบายน้ำ ได้ทำให้การไหลเวียนของน้ำไม่เป็นไปตามธรรมชาติ ส่งผลให้ลำน้ำหลายสายเกิดการตื้นเขิน การสะสมตะกอน และเสื่อมโทรมลง
ผลกระทบที่เห็นได้ชัดคือ ความเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศในพื้นที่ จากเดิมที่เป็นแหล่งน้ำหลากชั่วคราวตามฤดูกาล กลายเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ ทั้งน้ำท่วมในฤดูฝนและภัยแล้งในฤดูแล้ง โดยเฉพาะในช่วงฤดูน้ำหลากเมื่อมีฝนตกหนักติดต่อกัน ระบบระบายน้ำที่ไม่สมบูรณ์มักไม่สามารถรองรับปริมาณน้ำได้ทัน ทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่การเกษตรและบริเวณที่อยู่อาศัย ขณะที่ในฤดูแล้ง น้ำในคลองกลับลดลงจนแห้งขอด ส่งผลกระทบต่อการเกษตรกรรมและการดำรงชีพของประชาชนในหลายหมู่บ้าน
เพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว ชุมชนและหน่วยงานรัฐจึงมีความพยายามในการปรับตัวและแก้ไขปัญหา อาทิ การขุดลอกคลอง การฟื้นฟูแหล่งน้ำสาธารณะ การใช้เทคโนโลยีในการบริหารจัดการน้ำ และการจัดทำโครงการแก้มลิงบางบาล ซึ่งเป็นความพยายามในการอนุรักษ์พื้นที่รับน้ำตามธรรมชาติเพื่อบรรเทาผลกระทบจากน้ำหลาก รวมถึงส่งเสริมการเกษตรกรรมที่เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศและทรัพยากรน้ำในแต่ละฤดูกาล
กรมส่งเสริมการเกษตร, สำนักงานเกษตรอำเภอ อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา. (2560). แผนพัฒนาการเกษตรระดับตำบล ศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบล พ.ศ. 2560-2562. สำนักงานเกษตรอำเภอ อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา.
กำพล จำปาพันธ์. (2559). อยุธยา จากสังคมเมืองท่านานาชาติ สู่มรดกโลก. มิวเซียมเพลส.
เทพมนตรี ลิมปพยอม. (2540). ชีวิตชุมชนริมน้ำอยุธยา มรดกโลก. แปลนโมทีฟ.
เทศบาลตำบลบางบาล. (ม.ป.ป.). สภาพทั่วไปและข้อมูลพื้นฐานสำคัญของเทศบาลตำบลบางบาล. สืบค้นเมื่อ 9 มิุนายน 2568, จาก https://bangban.go.th/
สถาปัตย์ สร้อยจำปา. (2562). การจัดการภูมิทัศน์วัฒนธรรม: กรณีศึกษา ชุมชนริมคลองบางบาลอำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา. มหาวิทยาลัยศิลปากร.
สิ่งแวดล้อมศิลปกรรม. (ม.ป.ป.). ชุมชนหมู่บ้านริมคลองบางบาล. สืบค้นเมื่อ 9 มิุนายน 2568, จาก https://culturalenvi.onep.go.th/