Advance search

บ้านหัวเวียง ชุมชนดั้งเดิมริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มีวิถีชีวิตสะท้อนวัฒนธรรมท้องถิ่น ประชาชนมีความชำนาญด้านงานฝีมือจักสาน มีอาหารพื้นบ้านรสชาติอร่อยเป็นเอกลักษณ์ และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่ชวนสัมผัสความเป็นอยู่แบบดั้งเดิมของชุมชนอย่างแท้จริง

หัวเวียง
เสนา
พระนครศรีอยุธยา
ทต.หัวเวียง โทร. 0 3539 6130
ฤชุอร เกษรมาลา
8 มิ.ย. 2025
วิไลวรรณ เดชดอนบม
15 มิ.ย. 2025
บ้านหัวเวียง

เมื่อคราวสงครามเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ข้าศึกจากกรุงหงสาวดีได้เข้ารุกรานกรุงศรีอยุธยา และมีการตัดศีรษะเชลยชาวอยุธยา "เหวี่ยง" ทิ้งลงแม่น้ำในบริเวณนี้ ทำให้ผู้คนในยุคนั้นเรียกพื้นที่ดังกล่าวว่า "หัวเหวี่ยง" ต่อมาคำเรียกดังกล่าวได้เพี้ยนกลายเป็น "หัวเวียง" ซึ่งเป็นที่มาของชื่อตำบลหัวเวียงและหมู่บ้านหัวเวียงในปัจจุบัน


บ้านหัวเวียง ชุมชนดั้งเดิมริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มีวิถีชีวิตสะท้อนวัฒนธรรมท้องถิ่น ประชาชนมีความชำนาญด้านงานฝีมือจักสาน มีอาหารพื้นบ้านรสชาติอร่อยเป็นเอกลักษณ์ และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่ชวนสัมผัสความเป็นอยู่แบบดั้งเดิมของชุมชนอย่างแท้จริง

หัวเวียง
เสนา
พระนครศรีอยุธยา
13110
14.368635173403312
100.41565009084565
เทศบาลตำบลหัวเวียง

บ้านหัวเวียง ตั้งอยู่ในตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นตำบลเก่าแก่ที่มีรากฐานทางประวัติศาสตร์ย้อนไปถึงสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี จากคำบอกเล่าของบรรพบุรุษในชุมชน เชื่อกันว่าพื้นที่แห่งนี้เริ่มมีการตั้งถิ่นฐานในช่วงปลายราชวงศ์บ้านพลูหลวง หรือในช่วงการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง

ในช่วงเวลาดังกล่าว ข้าศึกจากกรุงหงสาวดี (พม่า) ได้เข้ารุกรานกรุงศรีอยุธยาและจับกุมผู้คนไปเป็นเชลยศึก โดยมีการกระทำอันโหดร้าย เช่น การตัดศีรษะเหวี่ยงทิ้งลงแม่น้ำในบริเวณนี้ ทำให้ผู้คนในยุคนั้นเรียกพื้นที่ดังกล่าวว่า "หัวเหวี่ยง" ต่อมาคำเรียกดังกล่าวได้เพี้ยนเสียงตามกาลเวลา จนกลายเป็น "หัวเวียง" ซึ่งเป็นที่มาของชื่อตำบลหัวเวียงในปัจจุบัน

บ้านหัวเวียง ตำบลหัวเวียง จึงถือเป็นพื้นที่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและเต็มไปด้วยความทรงจำที่มีคุณค่า ทั้งในด้านวิถีชีวิต การประกอบอาชีพ และวัฒนธรรมประเพณี พื้นที่แห่งนี้มีบทบาทสำคัญทั้งในฐานะแหล่งสร้างอาชีพ ศูนย์กลางของศาสนสถาน และเป็นแหล่งสะสมภูมิปัญญาท้องถิ่น อาทิ วัดเก่าแก่ เมรุลอย บ้านเรือนไทยโบราณ ตลอดจนศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ยังคงได้รับการสืบทอดและอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี

ตำบลหัวเวียงตั้งอยู่บริเวณที่แม่น้ำสองสายมาบรรจบกัน ได้แก่ แม่น้ำน้อย ซึ่งไหลมาจากอำเภอผักไห่ และคลองบางหลวง ซึ่งแยกมาจากแม่น้ำเจ้าพระยาในบริเวณอำเภอป่าโมก ก่อนจะไหลมารวมกันเป็นแม่น้ำน้อยสายหลักที่ไหลผ่านอำเภอเสนา และไหลไปบรรจบกับแม่น้ำเจ้าพระยาอีกครั้งที่อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ภูมิประเทศของบ้านหัวเวียงจึงมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับสายน้ำ โดยเฉพาะแม่น้ำน้อย ซึ่งเป็นเส้นทางคมนาคมหลักในอดีต มีบทบาททั้งในด้านการสัญจร การดำรงชีวิต และการประกอบอาชีพของผู้คน โดยเฉพาะในด้านเกษตรกรรมและการประมงพื้นบ้าน ชุมชนจึงมีการตั้งถิ่นฐานตามแนวลำน้ำในลักษณะเป็นกลุ่มเกาะ มีบ้านเรือนปลูกเรียงรายอยู่สองฟากฝั่งแม่น้ำและลำคลอง

ประชาชนส่วนใหญ่ในชุมชนตั้งถิ่นฐานตามแนวลำน้ำ โดยมีการก่อสร้างที่อยู่อาศัยในลักษณะบ้านใต้ถุนสูง เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ซึ่งอาจเผชิญกับน้ำหลากในฤดูฝน สำหรับพื้นที่อยู่อาศัยที่ไม่ได้อยู่ติดแม่น้ำจะเน้นการใช้พื้นที่เพื่อการเกษตร เช่น การทำนาและทำสวนเป็นหลัก

ในอดีตการคมนาคมของชาวบ้านหัวเวียงอาศัยเครือข่ายทางน้ำเป็นหลัก เนื่องจากความสะดวกในการเดินทางด้วยเรือไปยังพื้นที่ต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันการคมนาคมทางบกได้รับความนิยมมากกว่า เนื่องจากมีความสะดวก รวดเร็ว และเข้าถึงได้ง่ายกว่า ขณะที่การสัญจรทางน้ำยังคงมีบทบาทในช่วงฤดูน้ำหลาก โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดน้ำท่วมจากปริมาณน้ำเหนือ ซึ่งไหลลงมาสู่พื้นที่ราบตอนกลางของลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา

ทั้งนี้ บ้านหัวเวียงยังเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิศาสตร์ โดยเฉพาะในช่วงฤดูน้ำหลาก ภายหลังการดำเนินงานของกรมชลประทานในพื้นที่ ทำให้บ้านหัวเวียงทำหน้าที่เป็นพื้นที่รองรับน้ำขนาดใหญ่ ส่งผลให้ชุมชนต้องเผชิญกับสภาพน้ำหลากรุนแรงเป็นประจำในช่วงฤดูฝน 

ลักษณะภูมิอากาศ

ตำบลหัวเวียงมีลักษณะภูมิอากาศแบบร้อนชื้น มี 3 ฤดูกาล ได้แก่

  1. ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่ประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์จน ถึงกลางเดือนพฤษภาคม 
  2. ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม ถึงกลางเดือนตุลาคม
  3. ฤดูหนาว เริ่มตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม ถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์

สถิติประชากรทางการทะเบียนราษฎร (รายเดือน) สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง รายงานจำนวนประชากรบ้านหัวเวียง ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ดังรายละเอียดต่อไปนี้ (ข้อมูลเดือนธันวาคม 2567)

  • บ้านหัวเวียง หมู่ที่ 2 มีครัวเรือน 113 ครัวเรือน จำนวนประชากร 347 คน แยกเป็นชาย 169 คน และหญิง 178 คน
  • บ้านหัวเวียง หมู่ที่ 3 มีครัวเรือน 70 ครัวเรือน จำนวนประชากร 197 คน แยกเป็นชาย 100 คน และหญิง 97 คน
  • บ้านหัวเวียง หมู่ที่ 9 มีครัวเรือน 96 ครัวเรือน จำนวนประชากร 420 คน แยกเป็นชาย 213 คน และหญิง 207 คน
  • บ้านหัวเวียง หมู่ที่ 10 มีครัวเรือน 46 ครัวเรือน จำนวนประชากร 175 คน แยกเป็นชาย 74 คน และหญิง 101 คน
  • บ้านหัวเวียง หมู่ที่ 11 มีครัวเรือน 94 ครัวเรือน จำนวนประชากร 213 คน แยกเป็นชาย 99 คน และหญิง 114 คน

ประชากรในชุมชนบ้านหัวเวียงส่วนใหญ่ประกอบอาชีพที่หลากหลาย โดยมีสัดส่วนมากที่สุดในภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากมีนิคมอุตสาหกรรมตั้งอยู่ใกล้เคียงกับชุมชน ประชาชนจำนวนมากจึงเลือกทำงานในโรงงานและภาคการผลิตต่าง ๆ ภายในนิคมอุตสาหกรรมของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งถือเป็นแหล่งรายได้หลักที่สำคัญ ส่งผลให้คนวัยแรงงานจำนวนมากเดินทางไปทำงานนอกชุมชนในช่วงเวลาทำงานและกลับเข้ามาพักอาศัยที่ชุมชนในตอนเย็น

นอกเหนือจากอาชีพในภาคอุตสาหกรรมแล้ว ประชากรบางส่วนยังคงประกอบอาชีพเกษตรกรรม โดยเฉพาะการทำนาและการปลูกข้าว ซึ่งเหมาะสมกับลักษณะพื้นที่ราบลุ่มและทรัพยากรน้ำที่อุดมสมบูรณ์ในบริเวณดังกล่าว รวมถึงมีการประมงพื้นบ้านในแม่น้ำน้อยและแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตของชุมชน โดยการประมงพื้นบ้านนี้สะท้อนถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นและการจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน

ในด้านงานช่าง ชุมชนยังคงมีผู้ชำนาญในการประกอบอาชีพช่างไม้ ช่างเรือ และช่างดีดบ้าน เพื่อสนับสนุนการซ่อมแซมที่พักอาศัยและเรือประมง ซึ่งมีความจำเป็นต่อการดำเนินชีวิตและกิจกรรมทางเศรษฐกิจของชุมชน นอกจากนี้ยังมีกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่ทำงานจักสานจากวัสดุธรรมชาติในท้องถิ่น ซึ่งช่วยส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นและสร้างรายได้เสริมให้แก่สมาชิกในชุมชน

สำหรับอาชีพรับจ้างทั่วไป ยังมีการให้บริการเรือรับจ้างในลำน้ำ และการประกอบอาชีพค้าขายสินค้าพื้นบ้าน อาหารสด อาหารแห้ง และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่ผลิตขึ้นในชุมชน เพื่อเป็นการสร้างรายได้และกระจายสินค้าในพื้นที่ใกล้เคียง

บ้านหัวเวียง ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นชุมชนขนาดกลางที่มีลักษณะวิถีชีวิตแบบสังคมชนบท ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม เช่น การทำนา ทำสวน และเลี้ยงปลาในกระชัง ผู้คนในชุมชนมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกัน ลักษณะการอยู่ร่วมกันมีความเป็นเครือญาติ พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน และมีวัดเป็นศูนย์รวมทางจิตใจของคนในชุมชน

ในช่วงกลางวัน บ้านหัวเวียงมักมีบรรยากาศที่เงียบสงบ เนื่องจากประชากรในวัยแรงงานส่วนใหญ่จะออกไปทำงานนอกพื้นที่ โดยเฉพาะในเขตตัวเมืองหรือในนิคมอุตสาหกรรมภายในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา แล้วจึงเดินทางกลับบ้านในช่วงเย็น ทำให้ในช่วงกลางวันจะพบผู้สูงอายุและเด็กเป็นประชากรหลักในชุมชน

บ้านหัวเวียง ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีศาสนสถานสำคัญ คือ วัดหัวเวียง เป็นวัดสำคัญประจำชุมชน ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน้อยฝั่งตรงข้ามกับพื้นที่อยู่อาศัยหลักของชุมชน วัดแห่งนี้ถือเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนที่อยู่อาศัยอยู่ในฝั่งเดียวกัน เนื่องจากบริเวณหน้าวัดมีแม่น้ำน้อยที่กว้างและลึก จึงไม่สะดวกต่อการเดินทางข้ามฝั่ง ส่งผลให้การเข้าร่วมกิจกรรมของวัดนี้มักจำกัดเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงเท่านั้น อย่างไรก็ตาม วัดหัวเวียงยังคงเป็นสถานที่จัดพิธีกรรมสำคัญในเทศกาลต่าง ๆ และเป็นวัดที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน นอกจากนี้ วัดหัวเวียงไม่เพียงแต่เป็นศาสนสถานสำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนา หากแต่ยังทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรม การศึกษา และจริยธรรมของชุมชนมาโดยตลอด แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างวิถีชีวิตของประชาชนกับพระพุทธศาสนา ซึ่งยังคงดำรงอยู่และสืบสานต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

นอกจากนี้บ้านหัวเวียงยังมีการสะท้อนความหลากหลายทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะวัฒนธรรมของชาวไทยเชื้อสายจีนซึ่งมีการนับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ผ่านศาลเจ้าต่าง ๆ เช่น ศาลพ่อปุ่นเถ้ากง และยังมีความเชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ที่ส่งผ่านจากรุ่นสู่รุ่น เช่น ความเชื่อเกี่ยวกับ ศาลพ่อปู่พราหมณ์ ในหมู่ที่ 1 และ ศาลเจ้าปุ่นเถ้ากง ซึ่งเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจและเป็นศูนย์รวมความศรัทธาของผู้คนในชุมชน

ประเพณีประจำปีของชุมชน

บ้านหัวเวียง ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ดำรงรักษาประเพณีและขนบธรรมเนียมอันดีงามของท้องถิ่นตลอดทั้งปี ดังนี้

1.เดือนมกราคม : ประเพณีทำบุญขึ้นปีใหม่ จัดขึ้นทุกวันที่ 1 มกราคม โดยมีการตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแก่พระสงฆ์จำนวน 14 รูป ณ ลานหน้าศาลเจ้าพ่อมังกร วัตถุประสงค์เพื่อขอต่ออายุขัยและความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง โดยนิยมปล่อยสัตว์และทำบุญด้วยการถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์ เพื่อเสริมความมั่งคั่งร่ำรวยผ่านการให้ทาน และเพื่อมอบของขวัญมงคล เช่น กระเช้าเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม หรือต้นไม้มงคลแก่ผู้มีอุปการคุณที่ยังมีชีวิตอยู่ และทำบุญอุทิศส่วนกุศลแก่บรรพบุรุษหรือผู้ล่วงลับไปแล้ว

2.เดือนเมษายน : ประเพณีวันสงกรานต์ บวชเณรภาคฤดูร้อน และแห่หลวงพ่อโต

  • ประเพณีวันสงกรานต์ มีการจัดกิจกรรมทำบุญถวายภัตตาหารเพลแก่พระสงฆ์ พร้อมพิธีสรงน้ำพระและรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุ นอกจากนี้ยังมีการแสดงดนตรีและการเต้นบาสโลป สะท้อนถึงบรรยากาศแห่งความกตัญญู ความสนุกสนาน และความอบอุ่นในชุมชน
  • ประเพณีบวชเณรภาคฤดูร้อน ในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน ระหว่างเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม ชาวบ้านจะส่งบุตรหลานเข้าบวชเณรเพื่อเสริมสร้างวินัย ฝึกสมาธิ และศึกษาแนวทางศาสนาพุทธ
  • ประเพณีแห่หลวงพ่อโต เป็นประเพณีประจำปีของตำบลหัวเวียง จัดขึ้น ณ วัดบางกะทิง หมู่ที่ 3 ในวันที่ 12-13 เมษายนของทุกปี มีการนิมนต์หลวงพ่อโตขึ้นรถแห่รอบชุมชน เพื่อเชิญชวนชาวบ้านทำบุญและร่วมขบวนแห่ ซึ่งเป็นประเพณีเก่าแก่กว่า 20 ปีที่สะท้อนความศรัทธาในพระพุทธรูปหลวงพ่อโต อายุราว 300-400 ปี สันนิษฐานว่าสร้างตั้งแต่สมัยพระนารายณ์มหาราช งานประจำปีนี้ยังมีการแสดงลิเก รำวง และกิจกรรมบันเทิงต่าง ๆ

3.เดือนพฤษภาคม : ประเพณีเพาะปลูกข้าว เป็นพิธีกรรมก่อนการเพาะปลูกข้าว เพื่อขออนุญาตและขอพรผีบรรพบุรุษ ผีประจำหมู่บ้าน และผีเมือง ให้คุ้มครองและช่วยให้ได้ผลผลิตดี มีสุขภาพแข็งแรงตลอดฤดูกาลเพาะปลูก พิธีประกอบด้วยการถวายอาหารสรวงสังเวยและการเจริญพระพุทธมนต์โดยพระสงฆ์

4.เดือนกรกฎาคม : ประเพณีแห่เทียนทางน้ำและทอดผ้าป่าทางน้ำ โดยเทศบาลตำบลหัวเวียงจัดกิจกรรมแห่เทียนพรรษาและทอดผ้าป่าทางน้ำ เพื่อส่งเสริมและอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีไทยริมฝั่งแม่น้ำน้อย โดยมีการถวายภัตตาหารเพลแก่พระสงฆ์ 14 รูป พร้อมถวายเครื่องไทยธรรม เรือที่ตกแต่งอย่างสวยงามจำนวนกว่า 100 ลำ ล่องไปตามแม่น้ำน้อยผ่านวัดทั้ง 8 แห่ง เป็นระยะทางกว่า 4 กิโลเมตร โดยชาวบ้านสองฝั่งแม่น้ำร่วมบริจาคและทำบุญตลอดเส้นทาง เพื่อสืบสานประเพณีและส่งเสริมพระพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่อง

5.เดือนพฤศจิกายน : ประเพณีวันลอยกระทง จัดขึ้นบนถนนริมคลองชลประทาน เพื่อเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยและส่งเสริมอาชีพเกษตรกรหลังฤดูเก็บเกี่ยว ภายในงานมีกิจกรรมหลากหลาย เช่น การแข่งขันเรือพาย เรือยนต์ รำวงย้อนยุค การประกวดนางงามแม่ม่ายและหนูน้อยนพมาศ รวมทั้งการแสดงของเจ้าหน้าที่ทหาร ก่อนพิธีจะมีการนิมนต์พระสงฆ์สวดอภิธรรมขอขมากล่าวคำเคารพพระแม่คงคา เพื่อระลึกถึงพระคุณแห่งสายน้ำ

6.เดือนธันวาคม : ประเพณีทำขวัญข้าว เป็นพิธีสร้างขวัญและกำลังใจแก่ชาวนา โดยเชื่อว่าพระแม่โพสพจะดูแลและให้ความอุดมสมบูรณ์แก่ผืนนา ประเพณีนี้จัดขึ้น ณ นาแปลงใหญ่ หมู่ที่ 6 ในวันศุกร์ที่เหมาะสม ชาวบ้านจะร่วมกันเก็บเกี่ยวข้าวอย่างสามัคคี พิธีเริ่มด้วยการเจริญพระพุทธมนต์และถวายภัตตาหารเช้าแก่พระสงฆ์ 9 รูป โดยหมอทำขวัญข้าวจะบอกเล่าวัตถุประสงค์และตำนานพระแม่โพสพ ก่อนจะทำพิธีเรียกขวัญและให้พร เพื่อความมั่นคงและผลผลิตที่ดีในการเพาะปลูกครั้งต่อไป

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

"ภูมิปัญญาท้องถิ่นชุมชนหัวเวียง: มรดกวัฒนธรรมที่สร้างคุณค่าและความเข้มแข็งให้ชุมชน"

1.วงดนตรีไทย วงดนตรีปี่พาทย์มอญในชุมชนหัวเวียง

วงดนตรีปี่พาทย์มอญในชุมชนหัวเวียงเป็นหนึ่งในศิลปวัฒนธรรมที่สะท้อนอัตลักษณ์เฉพาะของชาวมอญที่ตั้งถิ่นฐานในพื้นที่นี้ วงดนตรีดังกล่าวมีบทบาทสำคัญในการแสดงดนตรีประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและประเพณีพื้นบ้านต่าง ๆ เช่น งานบวช งานแต่งงาน งานบุญประจำปี และงานศพ โดยใช้เครื่องดนตรีปี่พาทย์ที่ประกอบด้วยเครื่องลมและเครื่องตี เช่น ปี่ชวา กลอง และฆ้อง ซึ่งเสียงดนตรีมีความไพเราะเป็นเอกลักษณ์และมีความเชื่อว่าช่วยสร้างความเป็นสิริมงคลให้กับผู้เข้าร่วมงาน การมีวงดนตรีปี่พาทย์ในชุมชนยังเป็นการรักษาภูมิปัญญาทางดนตรีไทยแบบดั้งเดิมไว้ และเปิดโอกาสให้เยาวชนในชุมชนได้เรียนรู้และฝึกฝน เพื่อสืบทอดวัฒนธรรมนี้ให้คงอยู่สืบไป

2.ธุรกิจเมรุลอย สถาปัตยกรรมชั่วคราวสำหรับพิธีศพในชุมชนหัวเวียง

ธุรกิจเมรุลอยเป็นกิจกรรมทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจที่สำคัญของชุมชนหัวเวียง โดยเมรุลอยคือสถาปัตยกรรมชั่วคราวที่สร้างขึ้นจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ไผ่ ใบจาก และผ้า ซึ่งประดิษฐ์ขึ้นอย่างประณีตเพื่อใช้ในพิธีกรรมงานศพตามความเชื่อของชุมชน การก่อสร้างเมรุลอยนี้ไม่เพียงแต่เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติศาสนกิจเพื่อส่งดวงวิญญาณผู้ล่วงลับไปสู่ภพภูมิที่ดี แต่ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ของคนในชุมชนที่ร่วมแรงร่วมใจกันก่อสร้าง และเป็นแหล่งรายได้สำหรับช่างฝีมือและผู้มีส่วนร่วมในธุรกิจนี้ นอกจากนี้ เมรุลอยยังสะท้อนถึงความเป็นอยู่และวิถีชีวิตของชุมชนที่มีการอนุรักษ์ประเพณีดั้งเดิมไว้อย่างเหนียวแน่น

3.การแทงหยวก : มรดกทางวัฒนธรรมของชุมชนหัวเวียง

การแทงหยวกเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านที่มีความโดดเด่นในบ้านหัวเวียง โดยใช้หยวกกล้วยซึ่งเป็นส่วนของลำต้นกล้วยที่มีลักษณะเป็นชั้น ๆ มาประดิษฐ์เป็นสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ เช่น ภาชนะสำหรับใส่ของ หรือใช้ในพิธีกรรมทางวัฒนธรรมอื่น ๆ การแทงหยวกต้องอาศัยความชำนาญและความละเอียดในการเลือกหยวกที่เหมาะสม ตลอดจนการจัดแต่งอย่างประณีต เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่สวยงามและคงทน การอนุรักษ์ศิลปะการแทงหยวกนี้ถือเป็นการรักษามรดกทางวัฒนธรรมที่สะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างคนกับธรรมชาติ และแสดงถึงความคิดสร้างสรรค์ของบ้านหัวเวียงในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างรู้คุณค่า

4.กลุ่มขนมไทยจำพวกทองมงคลในชุมชนหัวเวียง

การทำขนมไทยในชุมชนบ้านหัวเวียง โดยเฉพาะกลุ่มขนมทองมงคล เช่น ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ถือเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษ ขนมเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นของหวานที่มีรสชาติอร่อยและมีลักษณะงดงามเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความมงคลและความเจริญรุ่งเรืองตามความเชื่อไทย ขนมทองมงคลมักจะถูกจัดเตรียมและนำไปใช้ในพิธีสำคัญต่าง ๆ เช่น งานแต่งงาน งานขึ้นบ้านใหม่ งานบวช หรือประเพณีท้องถิ่น เพื่อแสดงความปรารถนาดีและความเคารพต่อผู้ร่วมงาน การรวมกลุ่มทำขนมไทยในชุมชนยังส่งเสริมการพัฒนาอาชีพและสร้างรายได้ให้กับครอบครัวชาวบ้าน อีกทั้งยังช่วยรักษาวัฒนธรรมและภูมิปัญญาการทำขนมไทยให้คงอยู่ต่อไป

ภาษาพูด : ภาษาไทยกลาง

ภาษาเขียน : อักษรไทย


บ้านหัวเวียงเป็นชุมชนที่มีวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นอันงดงามและทรงคุณค่า ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตความเชื่อและภูมิปัญญาของคนในชุมชนมาตั้งแต่บรรพบุรุษ แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป วิถีชีวิตของผู้คนในชุมชนต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงในหลายด้าน โดยเฉพาะในเรื่องของวัฒนธรรมที่มีความเคลื่อนไหวและปรับตัวตามยุคสมัย

ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้วัฒนธรรมในบ้านหัวเวียงเปลี่ยนแปลง ได้แก่ การพัฒนาด้านเทคโนโลยีและสื่อสารมวลชนที่ทำให้คนในชุมชน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้อย่างรวดเร็วและหลากหลายมากขึ้น ส่งผลให้วิธีคิดและพฤติกรรมของคนในชุมชนเปลี่ยนไปตามโลกภายนอก บางครั้งทำให้ประเพณีและขนบธรรมเนียมดั้งเดิมที่เคยปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัดลดความสำคัญลง หรือบางประเพณีถูกละเลยไปเนื่องจากขาดผู้สืบทอด

อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมที่ทำให้คนหนุ่มสาวจำนวนหนึ่งเลือกที่จะย้ายไปทำงานในเมืองใหญ่ ส่งผลให้การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางวัฒนธรรมของชุมชนลดน้อยลง ประเพณีท้องถิ่นบางงานจึงจัดขึ้นไม่ต่อเนื่อง หรือจัดในรูปแบบที่เปลี่ยนแปลงไปเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม บ้านหัวเวียงได้มีความพยายามที่จะปรับตัวและรักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมเอาไว้โดยการผสมผสานวัฒนธรรมสมัยใหม่กับวัฒนธรรมดั้งเดิม เช่น การนำเทคโนโลยีมาช่วยประชาสัมพันธ์งานประเพณี หรือการจัดกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น ซึ่งเป็นการสร้างความสมดุลระหว่างการสืบทอดประเพณีและการตอบรับกับความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย

นอกจากนี้ ชุมชนยังมีความตั้งใจที่จะอนุรักษ์และฟื้นฟูภูมิปัญญาพื้นบ้าน รวมทั้งประเพณีต่าง ๆ ผ่านการจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมอย่างต่อเนื่อง และส่งเสริมการเรียนรู้ประเพณีในโรงเรียน เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของวัฒนธรรมท้องถิ่น

แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมชุมชนบ้านหัวเวียง

บ้านหัวเวียง ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นชุมชนที่ยังคงอนุรักษ์วิถีชีวิตแบบดั้งเดิมและวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ผูกพันกับสายน้ำอย่างเหนียวแน่น ทำให้พื้นที่นี้มีแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่น่าสนใจหลากหลาย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการดำรงชีวิตและภูมิปัญญาท้องถิ่นของคนในชุมชนได้อย่างชัดเจน

1.รักษ์นะหัวเวียง เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เน้นการเรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชุมชนริมคลอง นักท่องเที่ยวจะได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างจากเมืองใหญ่ ผ่านการสัมผัสชีวิตชาวบ้านที่เรียบง่ายแต่มีความเข้มแข็งในภูมิปัญญาพื้นถิ่น ตั้งแต่การประกอบอาชีพประมง การทำการเกษตร ไปจนถึงการร่วมกิจกรรมประเพณีต่าง ๆ ซึ่งล้วนสะท้อนความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างชุมชนกับแม่น้ำและธรรมชาติรอบข้าง การจัดกิจกรรมเชิงวัฒนธรรม เช่น การสาธิตการทำเครื่องจักสานพื้นบ้าน การแสดงศิลปวัฒนธรรมดั้งเดิม และการเล่าเรื่องราวประวัติความเป็นมาของชุมชน ล้วนทำให้นักท่องเที่ยวได้รับความรู้และความเข้าใจในวิถีชีวิตที่ยังคงอยู่จริง

2.แพรักษ์น้ำ เป็นกิจกรรมท่องเที่ยวทางน้ำที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้ล่องแพชมวิถีชีวิตของชุมชนริมน้ำหัวเวียงอย่างใกล้ชิด นักท่องเที่ยวจะได้เห็นภาพชีวิตประจำวันของชาวบ้านที่ยังคงใช้สายน้ำเป็นเส้นทางคมนาคมหลัก การประมงแบบดั้งเดิม การปลูกพืชริมฝั่ง และการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งแพล่องผ่านไปตามลำน้ำแม่น้ำน้อยจะทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกผ่อนคลายและได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ รวมทั้งได้รับรู้ถึงความสำคัญของการรักษาระบบนิเวศทางน้ำที่เป็นแหล่งทรัพยากรสำคัญสำหรับชุมชน

3.ตลาดน้ำโบราณ (โครงการในอนาคต) เป็นอีกหนึ่งโครงการที่มีเป้าหมายในการฟื้นฟูวิถีชีวิตและวัฒนธรรมการค้าขายแบบดั้งเดิมของชุมชนหัวเวียง ตลาดน้ำนี้จะจัดขึ้นบนเส้นทางคลองและบริเวณริมฝั่งน้ำ ซึ่งสะท้อนภาพบรรยากาศตลาดน้ำในอดีตที่เคยเจริญรุ่งเรือง โดยภายในตลาดจะมีการจำหน่ายสินค้าพื้นเมือง เช่น ผลิตภัณฑ์เกษตรสด ขนมไทยโบราณ และงานหัตถกรรมพื้นบ้านที่สะท้อนเอกลักษณ์ของชุมชน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมการแสดงศิลปวัฒนธรรม เช่น การแสดงดนตรีพื้นบ้านและการละเล่นต่าง ๆ เพื่อให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสความอบอุ่นและเสน่ห์ของวิถีชีวิตชุมชนริมคลองอย่างแท้จริง โครงการตลาดน้ำนี้ยังเป็นการส่งเสริมอาชีพและสร้างรายได้ให้แก่ชาวบ้านในชุมชน พร้อมทั้งรักษาและสืบสานวัฒนธรรมท้องถิ่นให้คงอยู่สืบไป

4.พิพิธภัณฑ์เรือ "อู่ซ่อมเรือ" (โครงการในอนาคต) มีวัตถุประสงค์เพื่ออนุรักษ์และส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับศิลปะการต่อเรือและซ่อมเรือแบบโบราณซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่สืบทอดกันมาในชุมชน การดำเนินงานในพิพิธภัณฑ์นี้จะรวมถึงการจัดแสดงเรือโบราณ เครื่องมือช่างไม้ที่ใช้ในการต่อเรือ ตลอดจนประวัติและเรื่องราวของช่างต่อเรือท้องถิ่น ผู้มาเยือนจะได้เรียนรู้ถึงความสำคัญของเรือในวิถีชีวิตประจำวัน ทั้งในการเดินทาง การประมง และการค้า นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งศึกษาและถ่ายทอดเทคนิคการทำเรือที่อาจกำลังจะสูญหายไปกับกาลเวลา ซึ่งจะช่วยสร้างการรับรู้และส่งเสริมให้เกิดการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

ท่องเที่ยววิถีชุมชนเทศบาลตำบลหัวเวียง. (3 สิงหาคม 2564). วัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น. สืบค้นจาก 8 มิถุนายน 2568. จาก https://www.facebook.com/profile

เทศบาลตำบลหัวเวียง. (ม.ป.ป.). ข้อมูลพื้นฐาน. สืบค้นจาก 8 มิถุนายน 2568. จาก https://www.huawiang.go.th/

ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร. (11 มกราคม 2567). ชุมชนหัวเวียง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา. สืบค้นจาก 8 มิถุนายน 2568. จาก https://culturio.sac.or.th/content/1313

อารยา เรืองคงเกียรติ. (2554). การศึกษารูปแบบทางกายภาพเรือนแพทรงไทย กรณีศึกษา ชุมชนหัวเวียง ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ทต.หัวเวียง โทร. 0 3539 6130