Advance search

"หัวใจเศรษฐกิจที่ไม่เคยหลับใหล" "ตลาดสี่มุมเมือง" ซึ่งเปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง วิถีชีวิตของผู้คนที่นี่จึงหมุนตามจังหวะของตลาดแบบไม่หยุดนิ่ง มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์และวัฒนธรรม จากการรวมตัวของคนไทยพื้นถิ่น คนย้ายถิ่น รวมถึงแรงงานข้ามชาติ เกิดเป็นชุมชนที่มีสีสันเฉพาะตัว ซึ่งผสมผสานทั้งภาษาพูด อาหาร ประเพณี และวิถีชีวิตอย่างลงตัว

หมู่ที่ 15
คูคต
ลำลูกกา
ปทุมธานี
ทม.คูคต โทร. 0 2191 1555-60
สุพัตทรา แพ่งกล่อม
9 มิ.ย. 2025
วิไลวรรณ เดชดอนบม
15 มิ.ย. 2025
ตลาดสี่มุมเมือง

ชื่อ "สี่มุมเมือง" สื่อถึง จุดศูนย์กลางที่สามารถเชื่อมต่อไปยัง "สี่ทิศ" ของเมืองหรือภูมิภาคต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก โดยเฉพาะในบริบทของตลาดค้าส่งขนาดใหญ่


"หัวใจเศรษฐกิจที่ไม่เคยหลับใหล" "ตลาดสี่มุมเมือง" ซึ่งเปิดทำการตลอด 24 ชั่วโมง วิถีชีวิตของผู้คนที่นี่จึงหมุนตามจังหวะของตลาดแบบไม่หยุดนิ่ง มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์และวัฒนธรรม จากการรวมตัวของคนไทยพื้นถิ่น คนย้ายถิ่น รวมถึงแรงงานข้ามชาติ เกิดเป็นชุมชนที่มีสีสันเฉพาะตัว ซึ่งผสมผสานทั้งภาษาพูด อาหาร ประเพณี และวิถีชีวิตอย่างลงตัว

หมู่ที่ 15
คูคต
ลำลูกกา
ปทุมธานี
12130
13.957562245739656
100.61607089967183
เทศบาลเมืองคูคต

กำเนิดจากแผนพัฒนาแห่งชาติ โดยตลาดก่อตั้งขึ้นใน ปี พ.ศ. 2526 (ค.ศ. 1983) ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติครั้งที่ 5 สร้างขึ้นเป็นหนึ่งใน "ตลาดกลางค้าส่งสินค้าเกษตรใน 4 ทิศ" ของชานเมืองกรุงเทพฯ โดยรับบทให้เกษตรกรนำสินค้าขายตรง ลดขั้นตอนพ่อค้าคนกลาง ดำเนินการโดยเอกชนภายใต้การสนับสนุนของกระทรวงพาณิชย์ ตลาดกลายเป็น "เมืองเล็ก" ที่เกษตรกร-แรงงาน-พ่อค้า-ผู้ซื้อ เข้ามาหมุนเวียนกันมากถึง 55,000-70,000 คนต่อวัน ได้รับการยกย่องว่าเป็น "ครอบครัวสี่มุมเมือง" บ้านหลังใหญ่ของผู้คนจากรุ่นสู่รุ่น โดยตลาดมีบทบาทดูแลหมู่บ้านราว 10,000 หลังคาเรือน, ร่วมก่อตั้ง โรงเรียนพัฒนาวิทยา เพื่อสนับสนุนการศึกษาแก่เด็กในชุมชนนี้

พื้นที่โดยรวมของตลาดสี่มุมเมืองขยายเป็นกว่า 320-350 ไร่ โดยดั้งเดิมก่อตั้งบนพื้นที่ราว 560,000 ตารางเมตร หรือเท่ากับขนาดอาคารผู้โดยสารสนามบินสุวรรณภูมิ แบ่งโซนสำคัญเป็น โซนผักยุคใหม่ พื้นที่ประมาณ 143 ไร่ และโซนผลไม้ยุคใหม่ พื้นที่ประมาณ 113 ไร่

จากข้อมูลเทศบาลเมืองคูคต ณ เดือนธันวาคม 2560 มีประชากรจำนวนทั้งสิ้น 45,170 คน เป็นชาย21,889 คน หญิง 23,281 คน จำนวนครัวเรือน 24,032 ครัวเรือน โดยประชากรหลักคือ คนไทยพื้นถิ่น เป็นกลุ่มดั้งเดิมในพื้นที่ตำบลคูคต-ลำลูกกา ส่วนใหญ่อาศัยอยู่มาก่อนตลาดสี่มุมเมืองก่อตั้ง ประกอบอาชีพค้าขาย, ขับรถเร่, เจ้าของกิจการย่อย ต่อมาเป็นคนไทยย้ายถิ่น จากภาคอีสาน ภาคเหนือ และภาคใต้ เช่น จังหวัดนครราชสีมา ร้อยเอ็ด อุบลราชธานี แพร่ ชุมพร ฯลฯ ย้ายเข้ามาทำงานในตลาด เช่น แรงงานขนส่ง พ่อค้าแม่ค้ารายย่อย และลูกจ้างในร้านค้า จำนวนมากตั้งถิ่นฐานถาวร มีลูกหลานเรียนในพื้นที่, กลุ่มแรงงานข้ามชาติ ส่วนใหญ่เป็นแรงงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย (บางส่วนไม่ได้จดทะเบียน) แบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ เมียนมา (พม่า) เป็นแรงงานส่วนใหญ่ในห้องเย็นและคลังสินค้า, กัมพูชา-พบมากในงานก่อสร้าง ขนของ และงานบริการ, ลาว-ทำงานคล้ายกับแรงงานไทย เช่น ขายของ ทำอาหาร ซึ่งกลุ่มแรงงานต่างด้าวเหล่านี้จำนวนมากอาศัยอยู่กับครอบครัวในหอพักหรือบ้านเช่า มีลูกหลานเรียนร่วมกับคนไทย ชาวไทยเชื้อสายจีน พบในกลุ่มเจ้าของตลาด หรือผู้ประกอบการรายใหญ่บางส่วน มีบทบาทสำคัญในธุรกิจค้าส่ง และมีอิทธิพลทางเศรษฐกิจระดับตลาด และชนกลุ่มน้อยอื่น ๆ บางส่วนเป็นชาวม้ง อาข่า หรือกลุ่มชาติพันธุ์จากภาคเหนือที่ย้ายถิ่นมาทำงาน มีบทบาทเล็กน้อยแต่พบได้ในงานรับจ้างเฉพาะกิจ เช่น แพ็คของ

อาชีพหลักของคนในชุมชนตลาดสี่มุมเมือง ได้แก่ ค้าขาย มีพ่อค้าแม่ค้าประจำกว่า 2,000 ราย และรถเกษตรกรเข้าส่งของกว่า 1,500 คัน/วัน รายได้จากการขายผัก ผลไม้ ดอกไม้ อาหารทะเล ฯลฯ เป็นแหล่งทำมาหากินหลักของครอบครัวจำนวนมากในพื้นที่, แรงงานรับจ้างทั่วไป (ตลาดและคลังสินค้า) แรงงานในตลาดมีทั้งในส่วนของการ: ขนย้ายสินค้า แพ็คสินค้า ขับรถกระบะ-รถบรรทุก แรงงานห้องเย็น จำนวนแรงงานรวมที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตลาดมีมากกว่า 70,000 คน (รวมผู้ค้าชั่วคราวและระบบขนส่ง), ขับรถเร่/รถส่งสินค้า ตลาดสี่มุมเมืองมีเครือข่าย "รถเร่–รถกระจายสินค้า" ไปยังชุมชนต่าง ๆ ทั่วประเทศมากกว่า 1,000 คัน/วัน คนในพื้นที่จำนวนไม่น้อยยึดอาชีพขับรถเร่ส่งผักผลไม้เป็นหลัก, บริการ-ธุรกิจรายย่อยรอบตลาด เช่น ร้านอาหาร/อาหารตามสั่ง, ร้านขายส่งอุปกรณ์, หอพัก, ร้านซ่อมรถ, ร้านขนส่ง ฯลฯ ช่วยสนับสนุนระบบเศรษฐกิจรอบตลาดโดยตรง และพนักงานในองค์กรภาคบริการ / โรงเรียน / รัฐ มีผู้ทำงานในองค์กรบริการ เช่น โรงเรียนพัฒนาวิทยา (ที่ตลาดสนับสนุน), พนักงานราชการท้องถิ่น, ตำรวจ-เทศกิจ และธุรกิจภายนอก เช่น บริษัทขนส่ง-คลังสินค้า ฯลฯ

ปฏิทินกิจกรรมประจำปีชุมชนตลาดสี่มุมเมือง

  • มกราคม : วันเด็กแห่งชาติ ตลาดร่วมจัดกิจกรรมแจกของขวัญให้เด็กในชุมชน โดยเฉพาะบุตรแรงงาน, วันตรุษจีน (ไม่แน่นอน) พ่อค้าแม่ค้าเชื้อสายจีนทำพิธีไหว้เจ้า แจกส้ม, อั่งเปา
  • กุมภาพันธ์ : กิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ คลินิกสุขภาพลงพื้นที่ตรวจสุขภาพฟรี ให้แรงงาน-ชาวบ้าน
  • มีนาคม : ทำบุญตลาดประจำปี ตลาดจัดทำบุญเลี้ยงพระ 9 รูป ขอพรให้ค้าขายเจริญรุ่งเรือง
  • เมษายน : สงกรานต์ชุมชน มีการสรงน้ำพระ รดน้ำผู้ใหญ่ในตลาด เล่นน้ำแบบเรียบง่าย
  • พฤษภาคม : เริ่มเปิดเทอม โรงเรียนพัฒนาวิทยาจัดกิจกรรมต้อนรับนักเรียน-แนะแนวผู้ปกครอง
  • มิถุนายน : วันแรงงานต่างด้าว กลุ่มแรงงานเมียนมา-กัมพูชา จัดงานเล็กๆ ร่วมกันในตลาด
  • กรกฎาคม : เข้าพรรษา-วันอาสาฬหบูชา ทำบุญตักบาตรร่วมกันในชุมชน วัดใกล้ตลาด เช่น วัดโพสพผลเจริญ
  • สิงหาคม : วันแม่แห่งชาติ โรงเรียน, ชุมชนจัดกิจกรรมรำลึกพระคุณแม่
  • กันยายน : ตรวจสุขาภิบาลตลาด มีการตรวจคุณภาพอาหารสด-สุขาภิบาล โดยเทศบาล
  • ตุลาคม : วันออกพรรษา-กฐินสามัคคี ชาวชุมชนจัดกฐินร่วมกับตลาด นำแรงงานเข้าร่วมได้ด้วย
  • พฤศจิกายน : ลอยกระทง จัดแบบเรียบง่ายริมคลองใกล้ตลาด มีเวทีเล็กสำหรับเด็กและครอบครัว
  • ธันวาคม : วันพ่อ-ปีใหม่ มีกิจกรรมส่งท้ายปี เช่น แจกของขวัญ มินิคอนเสิร์ตตลาด
กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

แม้พื้นที่ตลาดจะเป็นเขตเมืองกึ่งอุตสาหกรรม แต่มีระบบจัดการสิ่งแวดล้อมที่เข้มแข็ง เช่น ระบบบำบัดน้ำเสีย (Activated Sludge) คืน "น้ำดี" ให้ใช้ใหม่กว่า 6,500 ลบ.ม./วัน ระบบจัดการขยะอินทรีย์ เช่น เปลือกผัก ผลไม้ วันละ 190 ตัน ใช้เลี้ยงปลา/วัว โซลาร์เซลล์ ติดตั้งบนหลังคาตลาดกว่า 4,000 ตร.ม. ลดการใช้พลังงานไฟฟ้า ส่งผลให้ชุมชนมีสภาพแวดล้อมดีและอยู่ร่วมกับตลาดขนาดใหญ่ได้โดยไม่กระทบสุขภาวะ

แรงงานในชุมชนมีทักษะด้านการค้า ขนส่ง คลังสินค้า และบริการเฉพาะด้าน มีการส่งเสริมการศึกษาผ่าน โรงเรียนพัฒนาวิทยา ที่ตลาดสี่มุมเมืองร่วมก่อตั้ง ชาวชุมชนจำนวนมากมีทักษะวิชาชีพ เช่น ขับรถ ขายของ ซ่อมบำรุง จัดการสินค้าสด ฯลฯ ความสามารถในการ "อยู่ร่วม" ในระบบตลาดขนาดใหญ่คือทุนมนุษย์สำคัญ

ชุมชนรอบตลาดมีความเป็น "ครอบครัวใหญ่" ที่พึ่งพาและดูแลกันเอง มีความร่วมมือระหว่าง: ผู้ค้า-แรงงาน-เจ้าหน้าที่ตลาด-หน่วยงานท้องถิ่น มีเครือข่ายเกษตรกรที่เชื่อมตรงกับผู้บริโภคโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง จัดกิจกรรมชุมชนบ่อย เช่น การบริจาค การลดราคาช่วยชุมชนยากจน ฯลฯ 

มีโครงสร้างพื้นฐานพร้อม : อาคารขายสินค้า ตลาดปลา ตลาดผัก ห้องเย็น มีถนน/สะพานข้ามรถไฟที่เชื่อมถึงถนนกำแพงเพชร 6 และรถไฟฟ้าสายสีแดง มีระบบคลังสินค้า ห้องแช่เย็น พื้นที่พักผ่อน ร้านอาหาร หอพักแรงงาน มีระบบโลจิสติกส์ที่เชื่อมตลาดถึงชุมชนทั่วประเทศผ่าน "รถเร่" กว่า 1,000 คัน

ตลาดสี่มุมเมืองเป็นแหล่งหมุนเวียนเศรษฐกิจระดับประเทศ มีเงินสะพัดวันละหลายร้อยล้านบาท เป็นแหล่งรายได้หลักให้ประชาชนกว่า 70,000 คน ช่วยให้เกษตรกร-แรงงาน-ร้านค้ารายย่อยมีรายได้ประจำและมั่นคง เกิดธุรกิจต่อเนื่องมากมาย เช่น คลังสินค้า ร้านส่งของ หอพัก ร้านขนส่ง

ชุมชนมีวัฒนธรรมค้าขาย เช้า-ค่ำ โดยเฉพาะระบบตลาดค้าส่ง มีความเชื่อเรื่อง "ความขยัน อดทน" เป็นคุณค่าหลักของผู้ค้า มีกิจกรรมศาสนา–ประเพณี เช่น สงกรานต์ ตรุษจีน หรือการบวงสรวงประจำปีตลาด วัฒนธรรม "กินอยู่ร่วมกัน" ระหว่างคนหลายเชื้อชาติ เช่น ไทย ลาว พม่า จีน ที่อยู่ในตลาดด้วยกัน

ภาษาเขียน : ภาษาไทย

ภาษาพูด : ภาษาไทย


ตลาดสี่มุมเมืองเดิมเป็นตลาดสดท้องถิ่น ต่อมาเติบโตจนกลายเป็นศูนย์กลาง ค้าส่งผัก-ผลไม้-อาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ส่งผลให้ชุมชนโดยรอบพัฒนาเป็น "เมืองเศรษฐกิจเฉพาะทาง" ที่มีทั้งอาชีพค้าขาย แรงงานขนส่ง รถเร่ และบริการสนับสนุนครบวงจร มีแรงงานย้ายถิ่นเพิ่มขึ้น เกิดการไหลเข้าของแรงงานต่างถิ่น เช่น จากภาคอีสาน, ภาคเหนือ, และประเทศเพื่อนบ้าน (เมียนมา-ลาว-กัมพูชา) ชุมชนมีความหลากหลายมากขึ้นทั้งในด้านวัฒนธรรม ภาษา และโครงสร้างเศรษฐกิจครัวเรือน ทำให้ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ตลาดพัฒนาแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน: ขยะเปลือกผัก 190 ตัน/วัน กลายเป็นอาหารสัตว์ น้ำเสีย 6,500 ลบ.ม./วัน เปลี่ยนเป็นน้ำใช้คืน โซลาร์เซลล์ช่วยลดรายจ่ายพลังงาน สร้างเศรษฐกิจที่พึ่งพาทรัพยากรอย่างยั่งยืนและลดต้นทุนแก่ชุมชน มีการทดลองใช้ระบบ E-commerce ขายผักออนไลน์ ผ่านแอปหรือ Facebook Live เกิดแรงกระตุ้นให้ผู้ค้ารายย่อยและคนในชุมชนเรียนรู้การตลาดยุคใหม่ แต่ยังคงเผชิญความท้าทายของการแข่งขันด้านราคาสูง เนื่องจากตลาดมีผู้ค้าและเกษตรกรมาก ทำให้เกิดการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง ผู้ค้าที่ไม่มีเครือข่ายใหญ่ หรือทุนสำรองเพียงพอ อาจอยู่รอดยาก แรงงานไม่มีหลักประกัน เพราะแรงงานส่วนใหญ่เป็น แรงงานนอกระบบ ไม่มีสวัสดิการ เช่น ประกันสังคม หรือเงินเกษียณความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระยะยาวของแรงงานจึงเป็นประเด็นท้าทาย ต้นทุนโลจิสติกส์-พลังงาน ราคาน้ำมัน ขนส่ง และไฟฟ้าที่ผันผวนกระทบต้นทุนโดยตรง แม้ตลาดจะพยายามลดต้นทุนด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ แต่ยังต้องพึ่งพาพลังงานหลักในระบบสูง และผลกระทบจากภัยพิบัติ-โควิด-19 ช่วงโควิดตลาดถูกสั่งปิดชั่วคราว กระทบต่อรายได้ผู้ค้า-แรงงานอย่างรุนแรง แต่แก้ไขโดยการที่ชุมชนเรียนรู้ที่จะมีระบบ "ป้องกันล่วงหน้า" เช่น การทำสินค้าสำรอง, ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ การเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค คนเมืองเริ่มหันไปซื้อผักผลไม้จากห้าง, ซูเปอร์มาร์เก็ต, หรือแอปสั่งของมากขึ้น ตลาดต้องปรับกลยุทธ์ เช่น ทำตลาดส่งตรงถึงบ้าน (Fresh Market Delivery)


มีแรงงานทั้งในประเทศและต่างด้าว (เมียนมา ลาว กัมพูชา) หลั่งไหลเข้ามาทำงานในตลาด ส่งผลให้ชุมชนมีความหลากหลายด้าน ชาติพันธุ์ ภาษา ศาสนา และวัฒนธรรม โครงสร้างครอบครัวเปลี่ยนไป เด็ก-เยาวชนจำนวนมากเติบโตในครอบครัวแรงงาน บางครอบครัวพ่อแม่ทำงานกลางคืน เด็กอยู่กับญาติหรืออยู่ลำพัง ส่งผลต่อพัฒนาการเด็กทั้งด้านการศึกษาและจิตสังคม มีการจัดตั้งโรงเรียนพัฒนาวิทยา โดยตลาดเป็นผู้สนับสนุน เพื่อให้บุตรหลานแรงงานได้เรียนฟรี มีโครงการส่งเสริมสุขภาพ และกิจกรรมชุมชน เช่น คลินิกพอเพียง โรงพยาบาลสาขาใกล้ตลาด นอกจากนี้ตลาดเปิดตลอด 24 ชม. ทำให้วิถีชีวิตของคนในชุมชนเป็นแบบ "ไม่เป็นเวลา" ส่งผลต่อระบบความสัมพันธ์ในครอบครัว ชุมชน และการใช้พื้นที่สาธารณะ เช่น เวลาเล่นของเด็ก หรือเวลานอนของผู้สูงอายุ โดยความท้าทายทางสังคมและประชากร คือ ปัญหาด้านที่อยู่อาศัยแออัด แรงงานและผู้ค้าจำนวนมากอาศัยอยู่ในหอพักหรือบ้านเช่าใกล้ตลาด ความหนาแน่นสูง บางจุดขาดสุขอนามัย หรือระบบสาธารณูปโภคที่เพียงพอ เกิดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการ แม้บางครอบครัวทำงานในตลาด แต่ยังเข้าไม่ถึงสิทธิพื้นฐาน เช่น บัตรทอง, การศึกษาภาคบังคับ, การสาธารณสุข โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานข้ามชาติหรือแรงงานนอกระบบ เยาวชนเสี่ยง-ขาดพื้นที่สร้างสรรค์ เสี่ยงต่อพฤติกรรมเสพติด, อาชญากรรมย่อย, การออกจากระบบการศึกษา และการอยู่ร่วมของคนต่างวัฒนธรรม ชุมชนมีทั้งคนไทยและแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก การสื่อสาร ความเข้าใจ และความขัดแย้งทางวัฒนธรรม (เช่น ศาสนา ภาษา ประเพณี) อาจกลายเป็นความตึงเครียดหากไม่มีการจัดการที่ดี ผู้สูงอายุขาดการดูแล ผู้สูงวัยบางส่วนถูกทิ้งให้อยู่บ้านลำพัง เนื่องจากลูกหลานทำงานเป็นพ่อค้า-แรงงาน การเข้าถึงระบบสวัสดิการผู้สูงอายุยังไม่ครอบคลุมทั้งหมด

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

กรกัญญ์ สังข์ทอง. (2557). แนวทางการพัฒนาการจัดการขยะมูลฝอยที่เหมาะสม: กรณีศึกษาพื้นที่ในชุมชนตลาดสี่มุมเมือง จังหวัดปทุมธานี. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

กรมการปกครอง. (2564). สถิติจำนวนประชากรตามทะเบียนราษฎร จำแนกตามจังหวัด เพศ และอายุ ปี 2564. สืบค้น 9 มิถุนายน 2568, จาก https://stat.bora.dopa.go.th 

ฐานเศรษฐกิจ. (22 เมษายน 2566). เจน 3 “สี่มุมเมือง” พลิกโฉม ‘ตลาด’ สู่เดสติเนชั่นผักผลไม้โลก. สืบค้น 9 มิถุนายน 2568, จาก https://www.thansettakij.com/

ตลาดสี่มุมเมือง. (20 กุมภาพันธ์ 2566). เรื่องเล่า40ปีสี่มุมเมือง. สืบค้น 9 มิถุนายน 2568, จาก https://www.facebook.com/

เทศบาลเมืองคูคต. (2563). รายงานประชากรตำบลคูคต ประจำปีงบประมาณ 2563. สืบค้น 9 มิถุนายน 2568, จาก https://www.kukotcity.go.th/

สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร. (2561). บทบาทตลาดกลางค้าส่งสินค้าเกษตรในการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานของสินค้าเกษตร. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์.

สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. (2565). กรณีศึกษาตลาดสี่มุมเมืองกับระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy). สืบค้น 9 มิถุนายน 2568, จาก https://www.onep.go.th/

อรวิกา ศรีทอง และชาคริต ศรีทอง. (2563). การศึกษาความเป็นไปได้ในการเริ่มต้นธุรกิจการผลิตบรรจุภัณฑ์จากกระดาษของกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรคลองสองร่วมใจ จังหวัดปทุมธานี. คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์.

ทม.คูคต โทร. 0 2191 1555-60