
ชุมชนบ้านห้วยกระทิง ชุมชนปกาเกอะญอ ที่ยังคงอนุรักษ์วิถีวัฒนธรรม และวิถีชีวิตเรียบง่าย ผสมผสานกับธรรมชาติ รวมถึงภูมิประเทศที่โอบล้อมด้วยภูเขาและลำห้วยใสสะอาด
บ้านห้วยกระทิงทางการเรียกว่า บ้านพะกอยวา พะกอยวาเป็นชื่อของผู้ใหญ่บ้านมอต่า สมัยที่มาตั้งรกรากบริเวณบ้านห้วยกระทิงใหม่ ๆ พื้นที่บริเวณนั้นอุดมสมบูรณ์ประกอบไปด้วยสัตว์ป่ามากมาย มีอยู่วันที่หนึ่งกระทิงได้ลงมากินน้ำที่ห้วย ชาวบ้านมาเห็นแล้วกลับไปเล่าให้คนอื่นในหมู่บ้านฟัง จึงเป็นที่มาของคำว่า "ห้วยกระทิง"
ชุมชนบ้านห้วยกระทิง ชุมชนปกาเกอะญอ ที่ยังคงอนุรักษ์วิถีวัฒนธรรม และวิถีชีวิตเรียบง่าย ผสมผสานกับธรรมชาติ รวมถึงภูมิประเทศที่โอบล้อมด้วยภูเขาและลำห้วยใสสะอาด
พือพาโยแฮได้เล่าว่า ก่อนที่จะเป็นหมู่บ้านห้วยกระทิงทางการเรียกว่า บ้านพะกอยวา พะกอยวาเป็นชื่อของผู้ใหญ่บ้านมอต่า สมัยที่มาตั้งรกรากบริเวณบ้านห้วยกระทิงใหม่ ๆ พื้นที่บริเวณนั้นอุดมสมบูรณ์ประกอบไปด้วยสัตว์หลายชนิด มีอยู่วันหนึ่งกระทิงได้ลงมากินน้ำที่ห้วย ชาวบ้านมาเห็นแล้วกลับไปเล่าให้คนอื่นในหมู่บ้านฟัง จึงเป็นที่มาของคำว่า "ห้วยกระทิง" ก่อนที่จะมาตั้งรกรากอยู่ที่บ้านห้วยกระทิงบรรพบุรุษได้อพยพมาจากบริเวณลุ่มน้ำสาละวินฝังไทย แล้วอพยพลงมาตามลุ่มน้ำเมย มาขึ้นฝั่งที่บ้านแม่ตะวอ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ต่อมาได้อพยพมาอยู่ที่บ้านโจะบิ ต.แม่จะเรา อ.แม่ระมาด จ.ตาก ชาวบ้านดำรงเลี้ยงชีพด้วยการทำไร่หมุนเวียนดินน้ำอุดมสมบูรณ์ที่ไหนชาวบ้านก็จะไปอยู่ตรงนั้น หมู่บ้านหัวยกระทิงมีการโยกย้ายถิ่นฐานกว่าจะมาอยู่ในที่ตั้งปัจจุบันจำนวน 5 ครั้ง ครั้งแรกที่ "เดลอโพ" ซึ่งห่างจากที่ตั้งหมู่บ้านในปัจจุบันไปทางทิศตะวันตก ประมาณ 4 กิโลเมตร จากนั้นย้ายไปที่ เป่อน่อยปู่ ห่างจากที่ตั้งหมู่บ้านในปัจจุบันไปทางทิศใต้ ประมาณ 4 กิโลเมตร ต่อมาได้ย้ายไปที่ เปอน่ากุย ห่างจากที่ตั้งหมู่บ้านในปัจจุบันไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ประมาณ 6 กิโลเมตร สุดท้ายได้ย้ายไปที่ ปลอเด้รู้ ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออก ของที่ตั้งปัจจุบัน และจากนั้นจึงย้าย้าย กลับมาอยู่ที่ที่ตั้งหมู่บ้านในปัจจุบันเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2470 เริ่มแรกเดิมทีมี 4 ครอบครัวที่มาอยู่ คือ ครอบครัวของ ชะเคลอ พาโยแฮ สะแยหม่อทู (ปัจจุบันเหลือพาโยแฮคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่) พือพาโยแฮ เปรียบเสมือนฮี้โค่หรือผู้นำชาวบ้าน ภายหลังมีชาวบ้านจากหมู่บ้านห้วยโป้ง แม่หละ ทีจือลอคี ได้อพยพเข้ามา อยู่ด้วย หมู่บ้านห้วยกระทิงมีอายุได้ประมาณ 89 ปี โดยมีนายโย่ลา เป็นผู้ใหญ่บ้านคนแรก บ้านห้วยกระทิงเป็นหมู่บ้านของชาติพันธุ์ปกาเกอะญอ เดิมทีเรียกว่า "บ้านพะกอยวา" ซึ่งเรียกตามชื่อของผู้ใหญ่บ้านในสมัยนั้น แต่ชาวปกาเกอะญอในหมู่บ้านนั้นเรียกชื่อหมู่บ้านว่า "ต่าโต้ชูทะ" คำว่า ต่าโด้ซู แปลว่า กระทิง ส่วนคำว่า ทะ แปลว่า สบแม่น้ำสองเส้นมารวมกันหรือห้วยตั้งอยู่ที่ ม.6 ต.พระธาตุ อ.แม่ระมาด จ.ตาก
ปี พ.ศ. | เหตุการณ์สำคัญ |
2443 | ก่อตั้งหมู่บ้าน "ต่าโด้ซูทะ" (สบห้วยกระทิง) โดยชาวกะเหรี่ยงโยกย้ายจากหลายพื้นที่ ใช้ชีวิตแบบดั้งเดิม ปกครองโดย "ฮีโค๊ะ" |
2445 | เกิดโรคระบาดอหิวาตกโรค "บะโปร่อ" มีผู้เสียชีวิตประมาณ 4 คน |
2513 | พรรคคอมมิวนิสต์เคลื่อนไหวในพื้นที่ ช่วยเกษตร แลกยา / ศาสนาคริสต์เริ่มเข้ามาเผยแผ่ และได้รับการยอมรับจากชาวบ้าน / พริกกลายเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดแรก |
2522 | สังฆมณฑลนครสวรรค์เข้าช่วยเหลือ สร้าง "ธนาคารข้าว" / รัฐประกาศพื้นที่ชุมชนเป็นเขตป่าสงวน |
2525 | พ่อค้าคนกลางเข้ามารับซื้อหน่อไม้จากชาวบ้าน |
2533 | สร้างสถานีอนามัย |
2534 | สร้างโรงเรียน |
2537 | มีการสร้างถนนเข้าสู่ชุมชน |
2539 | ชุมชนจัดตั้ง "ป่าชุมชน" ดูแลทรัพยากรร่วมกัน |
2545 | เจ้าหน้าที่ป่าไม้ยึดไม้ท่อนในชุมชน |
2547 | เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในแม่สอดและแม่ระมาด |
2548 | ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์จากโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ |
2550 - 2552 | ประกาศเขตอุทยานแห่งชาติขุนพระวอ / เริ่มขายหน่อไม้ด้วยตนเอง |
2550 - 2556 | ชาวบ้านถูกดำเนินคดีบุกรุกป่า เผาป่า / ขัดขวางเจ้าหน้าที่ |
2553 | สภาคริสตจักรเข้าช่วยเหลือ วัดพิกัด GPS ทำ "โฉนดชุมชน" |
2556 | มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ แนะนำการทำนาขั้นบันไดเพื่อฟื้นฟูระบบน้ำและการเกษตรเชิงนิเวศ |
2557 | วิทยาลัยโพธิวิชชาลัย มศว แม่สอด เข้าร่วมทำกิจกรรมพัฒนาชุมชน |
2559 | ประกาศเขตอนุรักษ์พันธุ์ปลา / ตั้งโรงงานแปรรูปผลผลิตเกษตร / วางขายสินค้าใน Tops Robinson แม่สอด |
2560 | ถูกจับกุมฐานบุกรุกป่า 1 ราย / ยึดพื้นที่ทำกิน 8 แปลง / จังหวัดตากเสนอแนวทางปลูกไผ่สร้างแนวเขตพื้นที่ทำกิน |
2559 - 2560 | ช่วงรัฐประหาร / ราคาข้าวตกต่ำ / มีการประกาศนโยบายป่าฉบับใหม่จากรัฐ |
บ้านห้วยกระทิง ตำบลพระธาตุ อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก หมู่ที่ 6 มีทรัพยากรธรรมชาติ อย่าง น้ำตก เป็นสถานที่สำหรับเดินศึกษาธรรมชาติ มีระบบนิเวศที่สมบูรณ์ มีสมุนไพร สัตว์ป่านานาชนิด อาทิ กระรอก เก้ง กว้าง นก เป็นต้น ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับเด็กและเยาวชน ในหมู่บ้านได้ในด้านนิเวศวิทยาและภูมิปัญญาในการรักษาป่า นอกจากนี้ยังมีต้นผึ้ง เป็นสถานที่แห่งการเรียนรู้วิธีการเอาน้ำผึ้งแบบภูมิปัญญาไม้ให้ผึ้งสูญพันธุ์และเป็นแหล่งสร้างรายได้ให้กับชาวบ้าน โดยชุมชนบ้านห้วยกระทิง ตำบลแม่ตื่น อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก มีอาณาเขตติดต่อกับ
- ทิศเหนือ ติดต่อกับหมู่ 5 ตำบลสามหมื่น อำเภอแม่ระมาด
- ทิศใต้ ติดต่อกับหมู่ 2 ตำบลพระธาตุ อำเภอแม่ระมาด
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับหมู่ 7 ตำบลพระธาตุ อำเภอแม่ระมาด
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับหมู่ 1 ตำบลพระธาตุ อำเภอแม่ระมาด
บ้านห้วยกระทิง โดยสถิติประชากรทางการทะเบียนราษฎร (รายเดือน) สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง รายงานจำนวนประชากร หมู่ที่ 6 บ้านห้วยกระทิง ตำบลแม่ตื่น อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 467 คน โดยแยกเป็นประชากรชาย 237 คน ประชากรหญิง 230 คน จำนวนหลังคาเรือนทั้งสิ้น 155 หลังคาเรือน (ข้อมูลเดือนเมษายน 2568)
หมู่บ้านห้วยกระทิงเป็นหมู่บ้านชาวปกาเกอะญอที่อพยพเป็นเวลานานปัจจุบันมีเครือญาติหลัก ทั้งหมด 4 เครือญาติ ประกอบด้วย นายพาโย่แฮ นายปีที นายป้อเล แดะเบาะ ทั้งสี่เครือญาตินี้นายพาโย่แฮ เป็นเครือญาติที่ใหญ่ที่สุดและมีความสำคัญต่อหมู่บ้านเนื่องจากลูก ๆ และนายพาโยแฮปัจจุบันดำรงตำแหน่ง กำนัน อบต. ครู ซึ่งชาวบ้านให้ความเคารพนับถือ เนื่องจากนายพาโย่แฮเป็นบุคคลที่มีความกล้าความเสียสละ ให้กับลูกบ้านยามตกทุกข์ได้ยาก
การแต่งงานของคนในหมู่บ้านห้วยกระทิงส่วนใหญ่จะแต่งงานกับคนต่างหมู่บ้านเห็นได้จากรายชื่อหมู่บ้านที่เข้ามาแต่งงานกับคนในหมู่บ้านห้วยกระทิง ได้แก่ บ้านส้มป้อย บ้านห้วยแห้ง บ้านผะละ บ้านศูนย์อพยพเชียงแก้ว บ้านหม่องวา บ้านเจดีย์โค๊ะ บ้านโจปิบ้านสแหมใหญ่ บ้านหนองหลวง บ้านห้วยปูแกง บ้านต้น ต้นผึ้ง และรัฐกะเหรี่ยงของประเทศพม่า การแต่งงานกับคนต่างหมู่บ้านทำให้ชาวบ้านห้วยกระทิงรู้จักผู้คนต่างถิ่นมากขึ้น อีกทั้งมีการไปมาหาสู่กันแบบญาติพี่น้องเป็นการสร้างความสัมพันธ์ในรูปแบบหนึ่ง ซึ่งมีผลดีต่อมิติ ความสัมพันธ์ต่อคนต่างถิ่น มีผลทำให้ ชุมชนมีความรักความสามัคคี พร้อมใจกันรักษาสภาพแวดล้อมและอนุรักษ์วิถีวัฒนธรรมของตัวเอง
ปกาเกอะญอประเพณี พิธีกรรม ใน 1 รอบปี บ้านห้วยกระทิง
เดือนไทย | เดือนปกาเกอะญอ | กิจกรรม, พิธีกรรม | รายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนและ วิธีการประกอบกิจกรรม/พิธีกรรม |
มกราคม | ตะแหล่ | กินข้าวใหม่ วันเด็กแห่งชาติ | กินข้าวใหม่เป็นการขอบคุณพระเจ้า เด็ก ๆ ทำกิจกรรมเล่นกีฬาพื้นบ้าน ร้องเพลง เต้น แจกของรางวัลเด็ก |
กุมภาพันธ์ - มีนาคม | เทแผะ – เทกุ | จักสาน | ผู้ชายในแต่ละครอบครัวจะจักสาน หลังว่างเว้นการทำงาน |
งานพัฒนาหมู่บ้าน | ถางหญ้าข้างถนน ตัดกิ่งไม้ริมถนน ทำฝายชะลอน้ำ พัฒนาโรงเรียน ตัดหญ้า ทำรั่วโรงเรียน | ||
เมษายน | ตาลา, ลาคลี | ค่ายอนุชน | การรวมตัวกันของ 12 คริสตจักร และกลุ่มสหกิจคริสเตียนภาคเหนือ เพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งนัยหนึ่งเพื่อเป็นการรวมกลุ่มเยาวชนให้ทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์ ป้องกันไม่ให้ เยาวชนไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเสพติด หรือสิ่งที่มึนเมา และรถการเกิดอุบัติเหตุ |
ดำหัวผู้สูงอายุ | ช่วงวันที่ 13-14 เมษายน โดยลูกหลานจะไปดำหัวให้พ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ คนที่ไปทำงานต่างจังหวัด ก็จะกลับมาดำหัวญาติผู้ใหญ่ของตนเอง | ||
พฤษภาคม | เด๊ะญา | งานพัฒนาหมู่บ้าน | ถางหญ้าข้างถนน ตัดกิ่งไม้ริมถนน ทำฝายชะลอน้ำ พัฒนาโรงเรียน ตัดหญ้า ทำรั้วโรงเรียน ขุดดินที่สไลด์ ลงมาบริเวณถนนภายในหมู่บ้าน |
มิถุนายน | ลานูย | - | - |
กรกฎาคม | ลาเฆาะ | วันเข้าพรรษา | พุทธศาสนิกชนจะมีการเข้าวัดเวียนเทียน และงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ |
สิงหาคม | ลาขู่ | เรียกขวัญผูกข้อมูล (ลาขู่กี้จือ) | เป็นการมัดมือข้อพร ขอให้มีโชคลาภ โดยมีการฆ่าหมูทำอาหารเลี้ยงกันภายในหมู่บ้าน และผู้ใหญ่ก็จะมัดมือให้ลูกหลาน |
วันแม่แห่งชาติ | กิจกรรมวันแม่จะจัดที่โบสถ์คริสเตียนชุมชนบ้านห้วยกระทิงโดยศิษยาภิบาลจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับแม่ใน หนังสือพระคัมภีร์ให้ลูกและมารดา ชาวคริสเตียนในโบสถ์ฟัง หลังจาก นั้นก็จะสวดอธิษฐานให้พระเยซูพระผู้เป็นเจ้า | ||
กันยายน | ฉิมื่อ | จักสาน | ผู้ชายในแต่ละครอบครัวจะจักสาน หลังจากว่างเว้นการทำงาน |
ตุลาคม | ฉิชะ | วันออกพรรษา | ชาวพุทธจะมีการเข้าวัดเวียนเทียนกันภายในหมู่บ้าน |
พฤศจิกายน | ลานอ | ลอยกระทง | มีกิจกรรมให้เด็กร่วมทำกิจกรรมกระทงที่โรงเรียนตอนเย็น ก็จะร่วมกันลอยกระทงเพื่อขอขมาแม่น้ำคงคา |
ประเพณีเผาข้าวหลาม | เป็นกิจกรรมในครอบครัวหลังจากที่เก็บเกี่ยวผลผลิตเสร็จแล้ว (ข้าว) ก็จะนำข้าวใหม่ที่ได้จากการเก็บเกี่ยวมาทำข้าวหลามกินกันในครอบครัว | ||
ธันวาคม | ลาปลือ | วันพ่อแห่งชาติ | ชาวคริสเตียนทุกคนจะสวดอธิษฐาน ขอบคุณพระเจ้าที่มอบบิดามาให้ (อาดัม) โดยศิษยาภิบาลจะเล่าเรื่อง เกี่ยวกับพ่อในหนังสือพระคัมภีร์ ให้ ชาวคริสเตียนในโบสถ์ฟัง หลังจาก นั้นก็จะสวดอธิษฐานให้พระเยชู และ มีกิจกรรมไหว้พ่อ |
วันคริสต์มาส | เป็นวันเฉลิมฉลองการประสูติของ พระเยซูผู้ซึ่งเป็นศาสดาสูงสุดของ ชาวคริสต์ ทุกคนจะมารวมตัวกันที่ โบสถ์ ร่วมกันนมัสการ หลังจากนั้น ก็จะทำกิจกรรมประกอบไปด้วยการ เล่นกีฬา การเล่นเกม พร้อมกับมอบของรางวัลให้กับเด็ก ๆ | ||
ประเพณีกินข้าวใหม่ | เป็นการขอบคุณแม่โพสพที่ประทาน ข้าวให้มนุษย์ได้นำมาเลี้ยงชีพ โดยภายในชุมชนจะมีการจัดงานจากคนในชุมชนนำข้าวและพืชผักต่างๆ มาทำอาหารกินร่วมกัน หลังจากนั้นแต่ละครอบครัวก็จะพูดถึงจำนวน ข้าวที่ได้ภายในปีนั้นให้กับครอบครัว อื่นๆ ภายในชุมชนได้รับฟัง |
1.นายพะโยแฮ พันธ์ปัญญากรกุล ผู้ก่อตั้งชุมชน
ทุนกายภาพ
ทรัพยากรธรรมชาติ
- น้ำตก เป็นสถานที่สำหรับเดินศึกษาธรรมชาติ มีระบบนิเวศที่สมบูรณ์ มีสมุนไพร สัตว์ป่านานาชนิด อาทิ กระรอก เก้ง กวาง นก เป็นต้น ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับเด็กและเยาวชนในหมู่บ้านได้ในด้านนิเวศวิทยาและภูมิปัญญาในการรักษาป่า
- ต้นผึ้ง ต้นผึ้งเป็นสถานที่แห่งการเรียนรู้วิธีการเอาน้ำผึ้ง แบบภูมิปัญญาไม่ให้ผึ้งสูญพันธุ์และเป็นแหล่งสร้างรายได้ให้กับชาวบ้าน
- อนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำ เป็นสถานที่แห่งการเรียนรู้ ด้านสัตว์น้ำ พันธุ์ปลาท้องถิ่น เด็กและเยาวชนจะได้ศึกษาเกี่ยวกับเรื่อง ระยะการวางไข่ของปลาและชนิดของปลา นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งอนุบาลและเพาะพันธุ์สัตว์น้ำ
ทุนมนุษย์
- นายพะโยแฮ พันธ์ปัญญากรกุล ผู้ก่อตั้งชุมชน
ทุนวัฒนธรรมหรือภูมิปัญญาท้องถิ่น
- สวนร่มเย็น (สวนผสมผสาน) เป็นสถานที่ที่เด็กและเยาวชน จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่อง ชนิดต้นไม้ พืชสมุนไพร และสรรพคุณในการรักษา สวนร่มเย็นยังเป็นสถานที่ต้นแบบในการเรียนรู้วนเกษตร เกษตรแบบพอเพียง
- ผู้รู้ด้านการตีมีด บรรพบุรุษได้มอบภูมิปัญญาการตีมีดไว้ให้กับคนรุ่นหลัง เพราะมีดถือเป็นเครื่องมือชนิดหนึ่งที่ใช้ในการประกอบอาชีพ ดังนั้นองค์ความรู้เรื่องการตีมีดจึงเป็นสิ่งที่เด็กและเยาวชนในหมู่บ้านควรจะมาศึกษาเรียนรู้ พาที่แอ๊ะแม กล่าวว่า "ใช้มีดที่ตนเองตีดีกว่าไปซื้อของเขา เพราะมีดที่เราตีมีความคงทนกว่ามีดที่เราไปซื้อของเขา บรรพบุรุษให้เราไว้ เราต้องภูมิใจ"
- นาขั้นบันได นาขั้นบันไดเป็นสถานที่แห่งการเรียนรู้ภูมิปัญญาในการขุดนาขั้นบันได การทำนาขั้นบันได จะช่วยชะลอไม่ให้ธาตุอาหารในดินไหลไปตามน้ำฝนและการทำนาขั้นบันไดได้ผลผลิตดีกว่า การที่หมู่บ้านห้วยกระทิงหันกลับมาทำนาขั้นบันไดสาเหตุเนื่องมาจากชาวบ้านไม่สามารถขยายพื้นที่ทำกินและการทำไร่หมุนเวียนในพื้นที่เดิมทำให้ธาตุอาหารในดินลดลงผลผลิตได้น้อยวัตถุทางวัฒนธรรม ฯลฯ
- ป่าเกิด/ป่าตาย ป่าเกิด/ป่าตายเป็นภูมิปัญญาในการรักษาป่า เป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับพิธีกรรมและความเชื่อในเรื่องการเกิดและการตาย ป่าบริเวณแถวนี้จะไม่ถูกรบกวนนอกจากนี้ยังเป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับด้านนิเวศวิทยาได้ไร่หมุนเวียน
- ไร่หมุนเวียน ไร่หมุนเวียนเป็นการทำเกษตรแบบยั่งยืน ไม่ทำลายระบบนิเวศ เป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติรูปแบบหนึ่ง เป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ ปัจจุบันวิถีชีวิตแบบการทำไร่หมุนเวียนเริ่มลดลง แต่บ้านห้วยกระทิงยังมีคนทำอยู่เป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นไร่หมุนเวียนจึงเป็นสถานที่แห่งการเรียนรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ การทำมาหากินของชาวปกาเกอะญอได้เป็นอย่างดี
พิธีกรรม ความเชื่อ
1.ความเชื่อและประเพณีเกี่ยวกับการคลอดบุตรของชาวปกาเกอะญอ
แม้ปัจจุบันชาวบ้านห้วยกระทิงหันมานับถือศาสนาคริสต์และเด็กส่วนใหญ่เกิดที่โรงพยาบาลแล้ว ไม่ได้นำสะดือเด็กกลับมาผูกไว้ที่ “เดป่อทู” (ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์) เหมือนอดีต แต่ยังคงรักษาต้นเดป่อทูไว้เป็นสัญลักษณ์ของภูมิปัญญาท้องถิ่นในการดูแลป่าไม้
การอยู่ไฟ ("โอ้เมฆถิ") ถือเป็นพิธีสำคัญของหญิงหลังคลอด ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็ว มดลูกเข้าอู่ และป้องกันการเจ็บป่วย โดยมีข้อห้ามและข้อปฏิบัติดังนี้:
ข้อห้าม
- ห้ามหุงข้าว ยกของหนัก ซักผ้า หรือมีเพศสัมพันธ์ในช่วงอยู่ไฟ
- ห้ามกินอาหารแสลง เช่น ปลาร้า ของหมักดอง พืชมีน้ำมาก (แตงโม แตงกวา) ของเผ็ด ของขม ฯลฯ
- ห้ามดื่มน้ำเย็น น้ำฝน
ข้อควรปฏิบัติ
- อยู่ใกล้เตาไฟตลอดเวลา
- แต่งกายมิดชิด
- รับประทานอาหารย่าง ต้มจืด
- กินสมุนไพร เช่น ขมิ้น หัวปลี ขิง ข่า ไพล น้ำผึ้ง ฯลฯ
- ดื่มน้ำสมุนไพร อาบน้ำสมุนไพร 3 ครั้ง
- นวดหน้าท้องด้วยหินร้อน อบตัวด้วยสมุนไพร
2.ความเชื่อและพิธีกรรมเกี่ยวกับความตาย
เมื่อมีผู้เสียชีวิตในหมู่บ้าน ชาวบ้านจะหยุดงานทั้งหมดเพื่อร่วมพิธีศพ เรียกว่า “ดื้อพว่าซี” (ถือศีลคนตาย) เพื่อเป็นการเคารพดวงวิญญาณผู้ล่วงลับ
ขั้นตอนของพิธีกรรม
- อาบน้ำศพ : ใช้น้ำมะพร้าวล้างหน้า หวีผมไปด้านหลัง
- นุ่งผ้าศพ : ใช้ชุดใหม่หรือชุดประจำเผ่าแสดงความเป็นปกาเกอะญอ
- คลุมศพ : คลุมด้วยผ้าทอของปกาเกอะญอ หันศีรษะไปทางทิศตะวันตก
- จุดเทียน : จุดไว้ที่หัวและเท้าศพ ไม่ให้ดับ สื่อถึงแสงสว่างและปัญญา
- เรียกศพกินข้าว : เคาะโลงเรียกให้มากินข้าวในทุกมื้อ
- พรมน้ำส้มป่อย : เพื่อให้วิญญาณไปอย่างสงบ และแสดงความเคารพ
- ห่อ/มัดศพ : มัดด้วยเสื่อและด้ายดิบ ป้องกันศพชี้มือเท้า
- ตั้งศพ 3 วัน : ตามความเชื่อของชาวปกาเกอะญอ
- ฝังศพ : ตามความเชื่อคริสต์ "เกิดจากดิน กลับคืนสู่ดิน"
- ล้างมือล้างเท้า/มัดมือ : ใช้น้ำส้มป่อยล้างสิ่งชั่วร้ายออก
3.พิธีกรรมและกิจกรรมทางศาสนาคริสต์ในชุมชน
แม้เปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์ แต่ยังคงจัดกิจกรรมที่สะท้อนคุณค่าทางวัฒนธรรมเดิมร่วมกับความเชื่อใหม่
กิจกรรมประจำปี
- วันอีสเตอร์ (เมษายน) : รำลึกการฟื้นคืนของพระเยซู
- วันแม่ (พฤษภาคม), วันพ่อ (มิถุนายน) : สอนบทบาทหน้าที่ในครอบครัวผ่านพระคัมภีร์
- วันพระคัมภีร์ (สิงหาคม) : เด็กแข่งท่องพระคัมภีร์
- วันครอบครัว (พฤศจิกายน) : เสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว
- วันคริสต์มาส (ธันวาคม) : เฉลิมฉลองด้วยนมัสการ ร้องเพลง เล่นกีฬา แจกของรางวัล
พิธีกรรมสำคัญ
- พิธีรับบัพติศมา (มีนาคม–เมษายน) : ยอมรับพระวิญญาณบริสุทธิ์
- พิธีมหาสนิท (ออบู๊) : รับขนมปังและไวน์แทนกายและโลหิตของพระเยซู
- พิธีอดอาหาร : เสริมพลังศรัทธาในครอบครัว
- พิธีรับขวัญเด็ก (หลังเกิด 2 เดือน) : ศิษยาภิบาลอธิษฐานรับขวัญ
- พิธีแต่งงาน : จัดโดยฝ่ายหญิงต้องไปขอฝ่ายชาย ใช้แหวนทองวงเรียบแทนความรักนิรันดร์
การละเล่นในชุมชนบ้านห้วยกระทิง
โอกาสในการเล่น : งานประเพณีอ้อบือซอโค๊ะ คริสต์มาส และวันเด็ก
1.จิ้โจ่จ่อ (วิ่งขาหยั่ง)
- เดิมใช้เดินในหน้าฝนเพื่อป้องกันเท้าเปื้อนดินหรือเป็นโรคน้ำกัดเท้า
- ปัจจุบันเป็นการละเล่นเพื่อฝึกทักษะการทรงตัวและสร้างความสนุก
2.เล่นสบ้า
- เป็นการละเล่นของหนุ่ม ๆ ในอดีตเพื่อวัดฝีมือ
- ปัจจุบันเล่นเพื่อความสนุกในชุมชน
3.ยิงธนู
- เดิมใช้เป็นอาวุธล่าสัตว์
- ปัจจุบันนำมาเล่นเพื่อความสนุกและอนุรักษ์วัฒนธรรม
4.วิ่งกระสอบ
- สร้างความสามัคคีและฝึกทักษะการวิ่ง
- เน้นความสนุกในกิจกรรมกลุ่ม
5.วิ่งกระด้ง
- ลักษณะคล้ายวิ่งกระสอบ เน้นการเล่นเป็นกลุ่ม
- สร้างความสามัคคีและความสนุกสนาน
6.วิ่งแบกน้ำ
- เน้นความสามัคคี ฝึกความระมัดระวังและความแข็งแรง
- เพิ่มความสนุกในการแข่งขัน
งานหัตถกรรมบ้านห้วยกระทิง
1.กระด้ง
วัสดุที่ใช้ : ไม้ไผ่ 2 ลำ (ยาวประมาณ 1 ศอก), มีด
วิธีทำ
- ผ่าไม้ไผ่เป็นซีก แล้วเหลาเป็นตอก
- นำตอกมาสานด้วยเทคนิคไขว้ขึ้น 4-ไขว้ลง 3-ไขว้ขึ้น 2-ไขว้ลง 3
ประโยชน์ : ใช้สำหรับใส่ข้าว ฝัดข้าว แยกเศษฟาง เศษหินจากเมล็ดข้าว
อายุการใช้งาน: 4-5 ปี (หากเก็บไว้บนเตาไฟ)
2.กระบุง
วัสดุที่ใช้ : ไม้ไผ่ 4 ลำ, มีด
วิธีทำ
- ผ่าไม้ไผ่เป็นซีก แล้วเหลาเป็นตอก
- สานตอกวางเป็นฐานประมาณ 8 คู่ (16 เส้น) แล้วสานขึ้นจนเป็นรูปกระบุง
ประโยชน์: ใช้ใส่ของเวลาไปไร่ไปนา เช่น พืชผักหรือผลผลิตจากไร่
อายุการใช้งาน: 4-5 ปี (เมื่อเก็บไว้บนเตาไฟ)
3.หมวกจักสาน
วัสดุที่ใช้ : ไม้ไผ่ 1 ลำ, มีด
วิธีทำ
- ผ่าไม้ไผ่เป็นซีก และเหลาเป็นตอกแบบบาง ลักษณะคล้ายกรรไกร
- สานตอกด้วยวิธี "ไขว้ขึ้น 1-ไขว้ลง 1" จนเป็นรูปทรงหมวก
ประโยชน์: ใช้สวมใส่เวลาออกไปทำงานกลางแจ้ง เช่น ทำนา หาอาหารในป่า ป้องกันแสงแดด
อายุการใช้งาน : 3-4 ปี (เมื่อเก็บบนเตาไฟ)
4.วีข้าว
วัสดุที่ใช้: ไม้ไผ่ 1 ลำ, หวาย (ใช้ขอบ), มีด
วิธีทำ
- ผ่าไม้ไผ่เป็นซีก สานเป็นรูปวงกลมหรือสี่เหลี่ยม ด้วยเทคนิค "ไขว้ขึ้น 2-ไขว้ลง 1"
- ขอบนอกใช้หวายสานเสริมความแข็งแรง
- เพิ่มด้ามจับด้วยการครีบไม้ไผ่ตรงกลางแล้วมัดติด
ประโยชน์ : ใช้วีข้าวหลังจากตีข้าว เพื่อแยกเศษหญ้าและรวงข้าวออกจากเมล็ดข้าว
อายุการใช้งาน : หลายปี หากเก็บไว้เหนือเตาไฟ
5.การทอผ้า การทอผ้าเป็นอาชีพเสริมของชาวบ้านห้วยกระทิง ซึ่งนิยมทำในช่วงที่ว่างจากงานเกษตร โดยแม่บ้านในแต่ละครัวเรือนจะนั่งทอผ้าด้วยกัน วัสดุที่ใช้ในการทอมีทั้งด้ายสำเร็จรูปที่ซื้อจากร้านค้าภายนอก ราคาก้อนละประมาณ 60–80 บาท และด้ายที่ทำขึ้นเองจากฝ้ายที่ปลูกในชุมชน โดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นในการแปรรูปฝ้ายให้กลายเป็นเส้นด้ายสำหรับการทอผ้า บางครอบครัวยังมีการย้อมสีด้ายด้วยสีธรรมชาติ
กระบวนการย้อมสีด้ายธรรมชาติ
พันธุ์ไม้ที่นำมาย้อมสี | วิธีการทำ | สีที่ได้ |
แก่นต้นโก๋ | นำแก่นต้นโก๋ไปแช่กับน้ำซาวข้าวอย่างน้อยหนึ่งคืน หลังจากนั้นนำ ไปต้มก็จะได้น้ำสีเหลืองแก่ | สีเหลืองแก่ |
เปลือกลิ้นฟ้า | นำเปลือกลิ้นฟ้าไปแช่กับน้ำซาวข้าวอย่างน้อยหนึ่งคืน หลังจากนั้นนำไปต้มโดยสีที่ได้ก็จะขึ้นอยู่กับเปลือกโดยเปลือกแก่ก็จะได้น้ำสีเขียวเข้ม เปลือกอ่อนก็จะได้สีเขียวอ่อน |
เปลือกแก่ = สีเขียวเข้ม เปลือกอ่อน = สีเขียวอ่อน |
เปลือกตะเล่อ | นำเปลือกตะเล่อไปแช่กับน้ำซาวข้าวอย่างน้อยหนึ่งคืน หลังจากนั้นนำไปต้มก็จะได้น้ำสีแดงออกชมพู | สีแดงออกชมพู |
เปลือกไม้สัก | นำเปลือกไม้สักไปแช่กับน้ำซาวข้าวอย่างน้อยหนึ่งคืน หลังจากนั้นนำไปต้มก็จะได้น้ำสีแดงสด | สีแดงสด |
ทุนสังคม/การเมือง
ทุนทางเครือข่ายภาคีสนับสนุน
- มูลนิธิดรุณาทร สนับสนุนงบประมาณในการจัดกิจกรรมให้กับเด็กในเสาร์-อาทิตย์ โดยหนึ่งในกิจกรรมของโครงการคือ กิจกรรมพัฒนาเด็กแบบองค์รวม คือ ด้านการศึกษา ด้านสังคม ด้านจิตวิญญาณ ด้านสุขภาพ
- โรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนตำบลพระธาตุ จัดการเรียนการสอนให้กับเด็กตั้งแต่ อนุบาล1-ประถมศึกษาชั้นปีที่ 6 มีครู 4 คน นักเรียน 71 คน
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลพระธาตุ ส่งเสริมและสนับสนุนด้านสุขภาพ โดยมีสถานีอนามัย ดูแลสุขภาพและรักษาโรคของคนในชุมชนชั้นพื้นฐาน และสนับสนุนค่าตอบแทนให้กับ อสม. จำนวน 12 คน
- องค์การบริหารส่วนตำบลพระธาตุสนับสนุนด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานได้แก่ ถนนน้ำประปา เบี้ยยังชีพให้กับผู้สูงอายุ เป็นต้น
- กำนันผู้ใหญ่บ้าน ดูแลระบบต่าง ๆ ในหมู่บ้าน ด้านความสงบ การพัฒนาหมู่บ้าน กิจกรรมต่าง ๆ
- มูลนิธิกสิกรรมมาบเอื้อง สนับสนุนการทำเกษตรแบบพอเพียง การทำการเกษตรแบบ โคกหนองนา (ขุดนาขั้นบันได) และสนับสนุนการแปรรูปผลิตผล
- สภาคริสตจักร สนับสนุนด้านการเก็บข้อมูล GIS พื้นที่ทำกินและพัฒนาศักยภาพชาวบ้านโดยการจัดอบรมวิธีการใช้เครื่อง GPS และการลงข้อมูล GIS ในคอมพิวเตอร์
- เครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมและสนับสนุนชุมชนจัดการตัวเองให้เกิดขึ้นในหมู่บ้านและประสานงานระหว่างรัฐกับเจ้าหน้าที่ประเด็นความขัดแย้งเรื่องพื้นที่ทำกิน
- วิทยาลัยโพธิวิชชาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ส่งเสริมและสนับสนุนชุมชนจัดการตัวเองให้เกิดขึ้นในหมู่บ้าน จัดเก็บข้อมูลทางวัฒนธรรมอย่างมีส่วนร่วม
- พัฒนาการอำเภอ ส่งเสริมและสนับสนุนโครงการตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจกิจพอเพียงให้กับคนในชุมชนบ้านห้วยกระทิง
- วัฒนธรรมจังหวัด ส่งเสริมและปลูกฝังการอนุรักษ์ประเพณีและวัฒนธรรมของชนเผ่าปกาเกอะญอบ้านห้วยกระทิง
ชาวบ้านห้วยกระทิง ใช้ภาษาในการสื่อสารกับคนภายนอกชุมชนด้วยภาษาไทยได้เป็นอย่างดี และใช้ภาษาปกาเกอะญอ เป็นภาษาหลักในการสื่อสารในชุมชน
ชุมชนมีต้นทุนทางทรัพยากรธรรมชาติ มีกฎระเบียบการอนุรักษ์ทรัพยากรที่ชัดเจนทำให้พื้นที่ป่าของชุมชนชมยังมีความหลากหลายของสัตว์ป่า แต่คนในชุมชนยังมีการทำเกษตรเชิงเดี่ยวซึ่งสารเคมีจากการทำเกษตรเชิงเดี่ยวส่งผลกระทบต่อดินและน้ำในห้วยของชุมชน และคนในชุมชนมีหนี้สินจากการทำการเกษตรเชิงเดี่ยวค่อนข้างมาก
คนในชุมชนมีความสามัคคี ชุมชนยังมีผู้รู้ภูมิปัญญาในด้านต่าง ๆ แต่พื้นที่ทำกินของคนในชุมชนยังไม่มีเอกสารสิทธิ์เนื่องจาก พื้นที่ในชุมชนเป็นพื้นที่ในเขตอุทยานขุนพระวอสัญญาณโทรศัพท์ไม่ทั่วถึง ทำให้การติดต่อระหว่างคนภายในกับภายนอกเป็นไปอย่างค่อนข้างลำบาก และความไม่พร้อมของระบบสาธารณูปโภคเนื่องจากหมู่บ้านห้วยกระทิงเป็นหมู่บ้านที่ค่อนข้างห่างไกล
การถ่ายทอดความรู้ในชุมชนบ้านห้วยกระทิงตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นกระบวนการที่เน้นการ ถ่ายทอดโดยตรงจากพ่อแม่หรือผู้ใหญ่ในครอบครัว สู่เด็กและเยาวชน โดยใช้วิธี “การปฏิบัติจริง” และ “การทำให้ดูเป็นตัวอย่าง” ก่อนที่จะให้เด็กได้ลองปฏิบัติด้วยตนเอง ซึ่งเป็นวิธีที่เด็กสามารถเรียนรู้ได้เร็ว เนื่องจากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้ซึมซับองค์ความรู้นั้นๆ ในชีวิตประจำวัน
การถ่ายทอดความรู้ในกลุ่มเด็กผู้หญิง
1.งานภายในบ้าน
ผู้ถ่ายทอด : แม่
ลักษณะการถ่ายทอด : ทำให้ดูเป็นตัวอย่างก่อน จากนั้นให้ลูกทำตาม
เนื้อหาที่ถ่ายทอด
- การทำงานบ้านทั่วไป เช่น กวาดบ้าน ถูบ้าน ซักผ้า ทำอาหาร
- ปลูกฝังทักษะการเป็นแม่บ้านแม่เรือน เพื่อดูแลครอบครัวในอนาคต
2.งานนอกบ้าน
ผู้ถ่ายทอด : พ่อและแม่
ลักษณะการถ่ายทอด : การสอนโดยการทำงานร่วมกันในชีวิตประจำวัน
เนื้อหาที่ถ่ายทอด
- การทำนา ปลูกข้าว เกี่ยวข้าว
- การหาผักในป่า การหาปลาในลำห้วย
- สอนให้สามารถเลี้ยงชีพได้แม้ในกรณีที่ไม่ได้แต่งงาน
การถ่ายทอดความรู้ในกลุ่มเด็กผู้ชาย
1.งานภายในบ้าน
ผู้ถ่ายทอด : พ่อ
ลักษณะการถ่ายทอด : ทำให้ดูและให้ลูกฝึกปฏิบัติ
เนื้อหาที่ถ่ายทอด
- การเลี้ยงไก่ เลี้ยงหมู
- การจักสานเครื่องใช้ภายในบ้าน
2.งานนอกบ้าน
ผู้ถ่ายทอด : พ่อ
ลักษณะการถ่ายทอด : เน้นการฝึกให้รู้จักบทบาทหัวหน้าครอบครัว
เนื้อหาที่ถ่ายทอด
- งานการเกษตร งานหาของป่า
- การทำงานที่เป็นอาชีพเลี้ยงดูครอบครัวในอนาคต
ขุนพะวอ
กรมการปกครอง. (2567). ระบบสถิติทางการทะเบียน กรมการปกครอง. สืบค้นเมื่อ 20 มิถุนายน 2568. https://stat.bora.dopa.go.th
ศรพิชัย พันธ์ปัญญากรกุล, วิทยา พันธ์ปัญญากรกุล, พงศ์ศักดิ์ กุศลตระกูลทวี, อาทิตย์ เจษฎากุลอนุชิต, ศาศวัติ โชติธีระกุล, ธนา ตระกูลสุพนา, สุวรรณ โชติรสอนุตรกุล, พรศักดิ์ จรัสจามีกรกุล, วาฉุ กุลธรรมอนุตระ, ดิ๊เบ มนต์รัตนมณี และ ศิริวรรณ มูลใจ (2560). โครงการแผนชีวิตชุมชนเพื่อการจัดการตนเองอย่างมีส่วนร่วม บ้านห้วยกระทิง ตำบลพระธาตุ อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก: รายงานวิจัยเพื่อท้องถิ่นฉบับสมบูรณ์. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม. สืบค้นเมื่อ 20 มิถุนายน 2568. https://digital.library.tu.ac.th
สุวิชาน พัฒนาไพรวัลย์, ปัญญา ไวยบุญญา และศรพิชัย พันปัญญากรกุล. (2562). การศึกษาไผ่ในวิถีชุมชนปกาเกอะญอ : การจัดการไผ่เพื่อเศรษฐกิจทางเลือกตามภูมิปัญญาชุมชนปกาเกอะญอบ้านห้วยกระทิง. รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์. ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน).
องค์การบริหารส่วนตำบลพระธาตุ. (ม.ป.ป.). สถานที่สำคัญ น้ำตกห้วยกระทิง. สืบค้นเมื่อ 20 มิถุนายน 2568. https://www.phrathat-tak.go.th