
ชุมชนขนาดเล็กที่ตั้งอยู่แนวชายแดนไทย-เมียนมา รู้จักอย่างแพร่หลายคือ "โค้ง 33" ซึ่งเป็นช่วงทางโค้งของถนนที่ตัดผ่านไหล่เขา มีลักษณะคดเคี้ยวอย่างมีเอกลักษณ์ ชุมชนเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ปกาเกอะญอ ซึ่งยังคงดำรงรักษาวิถีชีวิตดั้งเดิม ทั้งในด้านภาษา การแต่งกาย
ชุมชนขนาดเล็กที่ตั้งอยู่แนวชายแดนไทย-เมียนมา รู้จักอย่างแพร่หลายคือ "โค้ง 33" ซึ่งเป็นช่วงทางโค้งของถนนที่ตัดผ่านไหล่เขา มีลักษณะคดเคี้ยวอย่างมีเอกลักษณ์ ชุมชนเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ปกาเกอะญอ ซึ่งยังคงดำรงรักษาวิถีชีวิตดั้งเดิม ทั้งในด้านภาษา การแต่งกาย
บ้านแม่โกนเกน ตั้งอยู่ใน ตำบลมหาวัน อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เป็นชุมชนชาติพันธุ์ปกาเกอะญอ ที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ภูเขานี้ตั้งแต่ช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ถึงต้นศตวรรษที่ 20 (สุพัฒน์ ไชยวงค์, 2562) กลุ่มชาติพันธุ์นี้สืบทอดวิถีชีวิตและวัฒนธรรมดั้งเดิม เช่น การทำเกษตรแบบไร่หมุนเวียน การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน และประเพณีท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ (ศูนย์วิจัยและพัฒนาชุมชนจังหวัดตาก, 2563)
เนื่องจากตำแหน่งที่ตั้งใกล้ชายแดนไทย-เมียนมา บ้านแม่โกนเกนได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งในประเทศเมียนมา โดยเฉพาะในรัฐกะเหรี่ยง ส่งผลให้ชุมชนเป็นพื้นที่พักพิงผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงในหลายช่วงเวลา ซึ่งมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและพัฒนาการของชุมชน (กรมการปกครอง, 2564)
นอกจากนี้ ชุมชนยังพัฒนาเกษตรกรรมโดยผสมผสานภูมิปัญญาพื้นบ้านและเทคนิคสมัยใหม่ เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์วัฒนธรรมกะเหรี่ยงควบคู่ไปกับการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน (ศูนย์วิจัยและพัฒนาชุมชนจังหวัดตาก, 2563)บ้านแม่โกนเกน ตั้งอยู่ในตำบลมหาวัน อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เป็นชุมชนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ภูเขาสลับซับซ้อนใกล้ชายแดนไทย-เมียนมา โดยมีถนนโค้ง 33 ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่มีชื่อเสียงด้วยทัศนียภาพของไร่ข้าวโพดและเนินเขาสีเขียวขจี เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่ดึงดูดนักเดินทางอย่างต่อเนื่อง
อาณาเขตติดต่อ
- ทิศเหนือ ติดกับ พื้นที่ภูเขาและป่าทึบของตำบลมหาวัน ซึ่งเป็นพื้นที่ธรรมชาติที่ยังคงมีความอุดมสมบูรณ์และเป็นเขตชายแดนไทย-เมียนมาในบางส่วน
- ทิศใต้ ติดกับ หมู่บ้านอื่น ๆ ในตำบลมหาวัน และพื้นที่เกษตรกรรม เช่น ไร่ข้าวโพด และพื้นที่เพาะปลูกของชาวบ้าน
- ทิศตะวันออก เป็นพื้นที่เชื่อมต่อกับถนนสายหลักของอำเภอแม่สอด รวมถึงทางเข้าหมู่บ้าน และพื้นที่ชุมชนใกล้เคียง
- ทิศตะวันตก ติดกับ แนวชายแดนไทย-เมียนมา โดยมีภูเขาและป่าระหว่างเขตแดนไทยและเมียนมาเป็นหลัก
สภาพแวดล้อมโดยรอบประกอบด้วยป่าเขาและพื้นที่เกษตรกรรม โดยทางทิศเหนือและทิศตะวันตกติดกับแนวชายแดนและพื้นที่ป่า ส่วนทิศใต้และทิศตะวันออกเป็นพื้นที่เกษตรและชุมชนอื่นในตำบลมหาวัน ฤดูฝนและต้นหนาวชุมชนจะมีทะเลหมอกยามเช้าเพิ่มความงดงามให้กับภูมิทัศน์โดยรวม
สภาพภูมิอากาศ บ้านแม่โกนเกน ตั้งอยู่ในพื้นที่ภูเขาทางตะวันตกของจังหวัดตาก จึงมีลักษณะภูมิอากาศแบบมรสุมเขตร้อน (Tropical Monsoon Climate) อุณหภูมิโดยเฉลี่ยตลอดปีค่อนข้างเย็น โดยเฉพาะในฤดูหนาวเนื่องจากความสูงของพื้นที่จากระดับน้ำทะเล โดยสภาพอากาศสามารถแบ่งได้เป็น 3 ฤดูกาลหลัก คือ
- ฤดูร้อน (กุมภาพันธ์-พฤษภาคม) อากาศค่อนข้างร้อนในตอนกลางวัน แต่เย็นสบายในช่วงเช้าและค่ำ อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 25-35°C
- ฤดูฝน (มิถุนายน-ตุลาคม) มีฝนตกชุก โดยเฉพาะในเดือนสิงหาคม-กันยายน ความชื้นในอากาศสูง และบางช่วงมีหมอกปกคลุมในตอนเช้า
- ฤดูหนาว (พฤศจิกายน-มกราคม) อากาศเย็นถึงหนาวจัด โดยอุณหภูมิในตอนกลางคืนอาจลดลงต่ำกว่า 10°C และบางปีอาจพบหมอกหนาในตอนเช้า
ลักษณะการตั้งเรือน
มีลักษณะการตั้งเรือนที่สอดคล้องกับภูมิประเทศภูเขา โดยชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง (ปกาเกอะญอ) ซึ่งนิยมสร้างบ้านเรือนแบบเรียบง่ายด้วยวัสดุจากธรรมชาติ เช่น ไม้ไผ่ ไม้เนื้ออ่อน และใบตองตึง หรือหญ้าแฝก ใช้เป็นวัสดุมุงหลังคา บ้านจะยกพื้นสูงเล็กน้อยเพื่อป้องกันความชื้นและสัตว์เลื้อยคลาน ตัวเรือนมีผังเปิดโล่ง โปร่งสบาย เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้ดี และเหมาะกับสภาพอากาศบนพื้นที่สูงที่มีอุณหภูมิเย็นในบางฤดู การจัดเรียงเรือนจะสร้างวางตามแนวลาดของภูเขา หรือพื้นที่ราบตามธรรมชาติ โดยไม่ปรับแต่งภูมิประเทศมากนัก การตั้งเรือนจะกระจายตัวอย่างหลวม ๆ โดยเว้นระยะระหว่างครัวเรือนเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัว และสอดคล้องกับวิถีชีวิตที่พึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติ เช่น พื้นที่เพาะปลูก น้ำ และป่าไม้จากข้อมูล กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย พบว่า บ้านแม่โกนเกน มีประชากรรวม 806 คน แบ่งเป็นชาย 382 คน หญิง 375 คน ไม่ใช่คนไทยเป็นชาย 25 คน และหญิง 24 คน
บ้านแม่โกนเกน เป็นชุมชนขนาดกลางในตำบลมหาวัน อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก โดยประชากรส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ปกาเกอะญอ ซึ่งมีวัฒนธรรม ภาษา และวิถีชีวิตที่สืบทอดกันมาอย่างต่อเนื่อง ประชาชนในชุมชนใช้ภาษาปกาเกอะญอควบคู่กับภาษาไทย และมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเครือญาติและกลุ่มชาติพันธุ์เดียวกันที่อาศัยอยู่ทั้งในประเทศไทยและฝั่งประเทศเมียนมา
ชุมชนมีโครงสร้างเครือข่ายทางสังคมที่เข้มแข็ง โดยยึดถือระบบเครือญาติ การช่วยเหลือเกื้อกูลกัน และการรวมกลุ่มในรูปแบบของกลุ่มผลิตทางการเกษตร กลุ่มอนุรักษ์วัฒนธรรม และกลุ่มเยาวชน การเชื่อมโยงกับชุมชนใกล้เคียงในตำบลเดียวกัน รวมถึงหน่วยงานรัฐและองค์กรพัฒนาเอกชนในพื้นที่ ยังช่วยส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตและวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างยั่งยืน
ปกาเกอะญอบ้านแม่โกนเกน ตำบลมหาวัน อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เป็นชุมชนชาติพันธุ์กะเหรี่ยงที่มีโครงสร้างทางสังคมที่มั่นคง โดยมีการจัดตั้งองค์กรชุมชนและกลุ่มอาชีพที่สะท้อนถึงการพึ่งพาตนเองและการอนุรักษ์วัฒนธรรมอย่างสอดคล้องกับบริบทท้องถิ่นและภูมิประเทศ จึงทำให้ชุมชนกะเหรี่ยงในเขตชายแดนตะวันตกของประเทศไทยมีการบริหารจัดการโดยใช้กลไกจากภายใน ได้แก่ คณะกรรมการหมู่บ้าน สภาหมู่บ้าน และผู้นำทางวัฒนธรรมซึ่งเป็นที่ยอมรับในกลุ่มชาติพันธุ์ บทบาทขององค์กรชุมชนเหล่านี้มีความสำคัญต่อการวางแผนพัฒนา การรักษาทรัพยากรธรรมชาติ และการจัดการปัญหาในชุมชน
ในระดับฐานราก ชุมชนมีการรวมกลุ่มเป็น กลุ่มอาชีพ เช่น กลุ่มเกษตรกรปลอดสารพิษ กลุ่มแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร และกลุ่มผ้าทอพื้นเมือง ซึ่งแสดงถึงความสามารถในการจัดการเศรษฐกิจระดับครัวเรือนโดยอิงวัฒนธรรมและทรัพยากรในพื้นที่ กลุ่มสตรีและเยาวชนมีบทบาทสำคัญในกระบวนการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นและการถ่ายทอดอัตลักษณ์สู่คนรุ่นใหม่ (พัชราภรณ์ ยิ้มแย้ม, 2561)
ในอีกแง่มุมหนึ่ง สถานการณ์ชายแดนยังส่งผลต่อโครงสร้างสังคมของบ้านแม่โกนเกน โดยเฉพาะกรณีของผู้ลี้ภัยจากประเทศเมียนมา ซึ่งเข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่ในช่วงวิกฤตการสู้รบ ตัวอย่างเช่น มีผู้อพยพกว่า 1,500 คน หลบภัยเข้ามาในพื้นที่บ้านแม่โกนเกนในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2564 ส่งผลให้เกิดความเคลื่อนไหวใหม่ในด้านความสัมพันธ์ข้ามพรมแดน และความร่วมมือขององค์กรพัฒนาเอกชนกับชุมชนท้องถิ่นในการจัดการและให้ความช่วยเหลือ (BenarNews, 2564)
บ้านแม่โกนเกนมีการรวมกลุ่มอาชีพอย่างเป็นระบบ เพื่อส่งเสริมการสร้างรายได้ พึ่งพาตนเอง และอนุรักษ์วิถีชีวิตแบบดั้งเดิม ดังนี้
1.กลุ่มเกษตรกรรมพื้นบ้าน ปลูกข้าวไร่ ข้าวโพด มันสำปะหลัง และพืชผักพื้นเมือง ใช้แนวทางการเกษตรอินทรีย์และการทำไร่หมุนเวียนในบางพื้นที่ และมีการรวมกลุ่มเป็น "กลุ่มเกษตรกรอินทรีย์แม่โกนเกน" เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการเพาะปลูกที่ยั่งยืน
2.กลุ่มเลี้ยงสัตว์ เลี้ยงสุกรพื้นเมือง เป็ด ไก่ และวัวพื้นบ้าน และมีบางครัวเรือนแปรรูปผลิตภัณฑ์ เช่น เนื้อแดดเดียว ไข่เค็มสมุนไพร เพื่อจำหน่ายภายในชุมชน
3.กลุ่มหัตถกรรมและสินค้าพื้นเมือง กลุ่มทอผ้าและเย็บผ้ากะเหรี่ยง เช่น เสื้อพื้นเมือง ผ้าคลุมไหล่ กระเป๋าผ้า รวมไปถึงกลุ่มจักสานไม้ไผ่ เช่น กระบุง กระจาด ตะกร้า ซึ่งเป็นงานฝีมือดั้งเดิมที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น และผลิตภัณฑ์เหล่านี้จำหน่ายในชุมชน และบางส่วนส่งต่อไปยังตลาดในอำเภอแม่สอด
4.กลุ่มแปรรูปผลิตผลเกษตร แปรรูปพืชสมุนไพร เช่น ตะไคร้ ขิง ข่า เป็นแบบอบแห้งหรือผงชงดื่ม ผลิตข้าวกล้อง ข้าวเหนียวดำ และธัญพืชอบแห้ง จึงเป็นที่มาของ "กลุ่มแปรรูปสินค้าเกษตรแม่โกนเกน" ซึ่งดำเนินกิจกรรมร่วมกับองค์กรภายนอกที่สนับสนุนชุมชน
5.กลุ่มบริการและท่องเที่ยวชุมชน เริ่มมีการรวมกลุ่มกันจัด "โฮมสเตย์ชุมชน" และกิจกรรมเรียนรู้วิถีชีวิต เช่น การทอผ้า การทำอาหารพื้นถิ่น และการเดินป่าศึกษาธรรมชาติ กลุ่มนี้อยู่ในช่วงทดลองนำร่องและพัฒนา ร่วมกับ อบต.มหาวัน และกลุ่มเยาวชนในพื้นที่
ชาวบ้านแม่โกนเกน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ปกาเกอะญอ มีวิถีชีวิตที่ผูกพันแน่นแฟ้นกับธรรมชาติ ศาสนา และวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยแสดงออกผ่านกิจกรรมประจำวัน พิธีกรรม และการดำเนินชีวิตที่สัมพันธ์กับฤดูกาล
เดือนเมษายน-พฤษภาคม : สรงน้ำพระธาตุ, พิธีเรียกขวัญข้าวก่อนเริ่มฤดูเพาะปลูก (ทะโอะ)
เดือนมิถุนายน-กรกฎาคม : ช่วงเพาะปลูกข้าวไร่และข้าวโพด มีการทำบุญไร่
เดือนตุลาคม : พิธีขอบคุณผีป่า-ผีน้ำ หลังสิ้นฤดูเก็บเกี่ยว
เดือนพฤศจิกายน : ร่วมงาน "วันปีใหม่กะเหรี่ยง" ซึ่งชาวปกาเกอะญอถือเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านทางจิตวิญญาณ
ตลอดทั้งปี : มีการจัดพิธีทางศาสนาคริสต์ เนื่องจากมีคริสตชนกะเหรี่ยงอยู่ร่วมในชุมชน
วิถีชีวิตของชาวบ้านเน้นความเรียบง่าย สอดคล้องกับธรรมชาติและการพึ่งพาตนเอง ตอนเช้าเริ่มต้นวันด้วยการดูแลสวนไร่นา เลี้ยงสัตว์ และเตรียมอาหารพื้นถิ่น ตอนกลางวันทำกิจกรรมทางการเกษตรหรือหัตถกรรม เช่น ทอผ้า จักสาน ตกเย็นรวมตัวในครอบครัวหรือชุมชน เพื่อประกอบพิธีกรรมเล็ก ๆ หรือการเรียนรู้ภายในกลุ่ม ในวันอาทิตย์ บางครอบครัวจะเข้าร่วมกิจกรรมศาสนา โดยเฉพาะผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์
พิธีกรรมสะท้อนความสัมพันธ์ของมนุษย์กับธรรมชาติและบรรพบุรุษ
- พิธี "อุ๊ซู" (ขอขมาผีบ้านผีเรือน) ทำเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญ เช่น เจ็บป่วยหรือย้ายเข้าเรือนใหม่
- พิธี "ป่อทีลอ" (บูชาน้ำ) เพื่อแสดงความเคารพต่อแหล่งน้ำประจำหมู่บ้าน
- ประเพณีแต่งงานแบบกะเหรี่ยง มีการใช้พิธีสวดเรียกขวัญและผูกข้อมือ
- ประเพณีเก็บเกี่ยว จัดเลี้ยงข้าวใหม่เพื่อขอบคุณดิน น้ำ และบรรพบุรุษ
1.นายจินดา ห้วยผัด ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 บ้านแม่โกนเกน
นายจินดา ห้วยผัด เป็นผู้นำชุมชนที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในพื้นที่ตำบลมหาวัน โดยมีบทบาทในการประสานงานระหว่างชาวบ้านกับภาครัฐ รวมถึงการส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์และรักษาความสงบสุขในชุมชน (องค์การบริหารส่วนตำบลมหาวัน, 2567)
2.ว่าที่ร้อยตรี ดร. ธวัชชัย แสงแปลง บุคคลสำคัญในภาคการศึกษาและการพัฒนา
ผู้บริหารโรงเรียนบ้านแม่โกนเกน มีบทบาทในการส่งเสริมการศึกษาในชุมชน พร้อมผลักดันกิจกรรมที่ช่วยให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้วัฒนธรรมและภาษาพื้นถิ่นควบคู่กับการศึกษาสมัยใหม่ (โรงเรียนบ้านแม่โกนเกน, 2567)
ทุนมนุษย์ ชาวบ้านส่วนใหญ่มีความรู้ด้านการเกษตรพื้นบ้าน การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน และทักษะงานฝีมือ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุและผู้นำชุมชน เช่น ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำจิตวิญญาณ มีบทบาทในการสืบทอดภูมิปัญญาให้กับคนรุ่นใหม่
ทุนธรรมชาติ ชุมชนรายล้อมด้วยป่าเขาและลำห้วย เป็นแหล่งของพืชสมุนไพร ไม้กินได้ และดินดีที่เหมาะสมกับการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจ เช่น ข้าวโพด ฟักทอง และขิง
ทุนกายภาพ แม้โครงสร้างพื้นฐานจะยังไม่สมบูรณ์ในบางด้าน เช่น ถนนลูกรังและการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต แต่ชุมชนมีไฟฟ้า ประปา โรงเรียน ศูนย์สาธารณสุข และเรือนพักอาศัยที่ปรับให้เหมาะสมกับภูมิประเทศ เช่น เรือนยกพื้นสูงแบบดั้งเดิม
ทุนสังคม ความสมัครสมานสามัคคีในชุมชนเป็นจุดแข็งสำคัญ ชาวบ้านร่วมแรงร่วมใจกันในกิจกรรมสำคัญ เช่น งานบุญ งานศพ และการปลูกข้าว โดยมีกลุ่มอาชีพ กลุ่มแม่บ้าน และกลุ่มเยาวชนที่ดำเนินกิจกรรมอย่างเข้มแข็ง
ทุนวัฒนธรรม บ้านแม่โกนเกนยังคงรักษาประเพณีและภาษาแม่ไว้อย่างมั่นคง เช่น พิธีผูกข้อมือ พิธีขอขมาเจ้าป่าเจ้าเขา และงานปีใหม่กะเหรี่ยง รวมถึงการแต่งกาย อาหารพื้นบ้าน และความเชื่อดั้งเดิม
ทุนการศึกษา โรงเรียนบ้านแม่โกนเกนมีบทบาทในการจัดการศึกษาในระดับประถมศึกษา โดยเน้นการเรียนรู้ควบคู่กับภูมิปัญญาท้องถิ่นและภาษาแม่ ทั้งยังมีการสนับสนุนจากภาครัฐและองค์กรพัฒนาเอกชนในการส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาของเยาวชนในพื้นที่ห่างไกล (โรงเรียนบ้านแม่โกนเกน, 2567)
ชาวบ้านแม่โกนเกน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ปกาเกอะญอ ซึ่งใช้ภาษาปกาเกอะญอเป็นภาษาหลักในการสื่อสารภายในครัวเรือนและชุมชน นอกจากนี้ยังมีการใช้ภาษาไทยในการติดต่อกับหน่วยงานราชการและการศึกษา
โค้ง 33 เป็นจุดชมวิวที่ตั้งอยู่บนถนนสายบ้านแม่โกนเกน-เกาะมะนาว มีลักษณะเป็นโค้งต่อเนื่อง 33 โค้ง ท่ามกลางทุ่งหญ้าและไร่ข้าวโพด กลายเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะถ่ายภาพ
การอนุรักษ์วัฒนธรรม ชุมชนปกาเกอะญอในพื้นที่มีการสืบทอดประเพณีและวัฒนธรรมดั้งเดิม เช่น พิธีผูกข้อมือ และการนับถือผีบรรพบุรุษ ควบคู่กับการนับถือศาสนาพุทธและคริสต์
การศึกษา โรงเรียนบ้านแม่โกนเกน มีบทบาทในการจัดการศึกษาในระดับประถมศึกษา โดยเน้นการเรียนรู้ควบคู่กับภูมิปัญญาท้องถิ่นและภาษาแม่ ทั้งยังมีการสนับสนุนจากภาครัฐและองค์กรพัฒนาเอกชนในการส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาของเยาวชนในพื้นที่ห่างไกล
กรมการปกครอง. (2568). ระบบสถิติทางการทะเบียน กรมการปกครอง. https://stat.bora.dopa.go.th
สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดตาก. (ม.ป.ป.). วิถีวัฒนธรรมชนเผ่าปกาเกอะญอ จังหวัดตาก. https://www.finearts.go.th/storage/contents/
ชนิดา เอื้อยศรีเเก้ว. (2557). การเคลื่อนย้ายของเเรงงานข้ามชาติที่ส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพในภาคการเกษตรขอหมู่บ้านเเม่โกนเกน อำเภอเเม่สอด จังหวัดตาก. ภาคนิพนธ์. วิทยาลัยโพธิวิชชาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
พัชราภรณ์ ยิ้มแย้ม. (2561). "การพัฒนาศักยภาพชุมชนชายแดนเพื่อพึ่งพาตนเอง: กรณีศึกษาชาวกะเหรี่ยงในพื้นที่แม่สอด". วารสารมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร: 15(1), 105–125.
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร. (3 เมษายน 2568). ปกาเกอะญอ. ฐานข้อมูลกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย. https://ethnicity.sac.or.th/database-ethnic/187
องค์การบริหารส่วนตำบลมหาวัน. (ม.ป.ป.). ข้อมูลหน่วยงานสภาพสังคม. https://www.mahawan.go.th/history-rev2
ชัยยศ ยงค์เจริญชัย. (24 มกราคม 2565). รายงานผลกระทบจากโควิด-19 และสถานการณ์ชายแดนต่อการศึกษาในโรงเรียนบ้านแม่โกนเกน. บีบีซีไทย. https://www.bbc.com/thai/thailand-60108016
BenarNews. (20 ธันวาคม 2564). รายงานสถานการณ์ผู้อพยพจากเมียนมาเข้าไทย ผ่านทางบ้านแม่โกนเกน. BenarNews. https://www.benarnews.org/thai/news/
BenarNews. (20 ธันวาคม 2564). ผู้อพยพชาวกะเหรี่ยงจากเมียนมา หลบภัยเข้าไทยที่แม่โกนเกน. BenarNews. https://www.benarnews.org/thai/news/
Kapook Travel. (1 สิงหาคม 2568). โค้ง 33 บ้านแม่โกนเกน อ.แม่สอด จ.ตาก ถนนโค้งสวยติดชายแดนเมียนมา. https://travel.kapook.com/view262369.html