
คลองโพธิ์ ชุมชนที่ตั้งถิ่นฐานกระจายตัวตามแนวลำน้ำคลองโพธิ์ ลำน้ำที่มีบทบาทสำคัญในการหล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ทั้งยังมีการสืบถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นผ่านกิจกรรมที่หลากหลายผ่านการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์เป็นรายได้ นอกจากนี้ยังมีการดูแลรักษาระบบนิเวศและทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ให้คงความอุดมสมบูรณ์ พร้อมทั้งส่งเสริมความร่วมมือของสมาชิกในชุมชนในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ
คลองโพธิ์ ชุมชนที่ตั้งถิ่นฐานกระจายตัวตามแนวลำน้ำคลองโพธิ์ ลำน้ำที่มีบทบาทสำคัญในการหล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ทั้งยังมีการสืบถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นผ่านกิจกรรมที่หลากหลายผ่านการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์เป็นรายได้ นอกจากนี้ยังมีการดูแลรักษาระบบนิเวศและทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ให้คงความอุดมสมบูรณ์ พร้อมทั้งส่งเสริมความร่วมมือของสมาชิกในชุมชนในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ
ชุมชนคลองโพธิ์ เป็นชุมชนดั้งเดิมที่ตั้งอยู่กระจายตัวตามแนวลำคลองโพธิ์ ซึ่งเป็นลำน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ มีบทบาทสำคัญต่อระบบนิเวศและการตั้งถิ่นฐานของประชากรในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา โดยคลองโพธิ์ไหลพาดผ่านหลายตำบลในอำเภอบางปะอิน ได้แก่ ตำบลบ้านกรด ตำบลตลิ่งชัน ตำบลคุ้งลาน และตำบลสามเรือน ทำให้โครงสร้างของชุมชนมีลักษณะเชื่อมโยงกันในเชิงภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม
ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา คลองโพธิ์ทำหน้าที่เป็นเส้นทางน้ำรองที่เชื่อมโยงกับแม่น้ำลพบุรีและแม่น้ำเจ้าพระยา จึงเป็นเส้นทางสัญจรและขนส่งสินค้าในอดีต ส่งผลให้พื้นที่โดยรอบกลายเป็นจุดตั้งถิ่นฐานของประชาชนที่อาศัยลำน้ำในการดำรงชีวิต ทั้งในด้านการเพาะปลูก การจับปลา และการค้าขายทางเรือ
ในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ พื้นที่ริมคลองโพธิ์ได้รับการตั้งถิ่นฐานจากประชากรหลายกลุ่ม ทั้งชาวไทยพื้นถิ่น ชาวมอญ และชาวจีน ซึ่งอพยพเข้ามาสร้างบ้านเรือนและพัฒนาชุมชน โดยมีวัดและสำนักสงฆ์เป็นศูนย์กลางของศาสนาและวัฒนธรรม อาทิ วัดบ้านกรด วัดตลิ่งชัน และวัดคุ้งลาน ทำให้เกิดการสืบทอดวิถีชีวิตและประเพณีอันเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนริมคลองอย่างต่อเนื่อง
ลักษณะการตั้งบ้านเรือนในอดีตมักอยู่ริมคลอง โดยสร้างเป็นบ้านไม้ใต้ถุนสูงเพื่อรับมือกับน้ำหลากในฤดูฝน รายล้อมด้วยต้นไม้พื้นถิ่น เช่น มะกอกน้ำ ก้านเหลือง สนุ่น และกำทวย อาหารพื้นบ้านได้จากการจับปลาจากคลอง และเก็บพืชผักจากธรรมชาติมาประกอบอาหาร เช่น แกงส้ม น้ำพริก ผักบุ้ง ผักแพงพวย และยอดโสน ซึ่งสะท้อนถึงวิถีชีวิตที่พึ่งพิงธรรมชาติและทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน
อาชีพหลักของชุมชนคลองโพธิ์คือ การทำนา ซึ่งมีลักษณะเฉพาะตามบริบทของพื้นที่ลุ่มน้ำ โดยในอดีตนิยมใช้ควายเป็นแรงงานในการไถนา ควายเหล่านี้เลี้ยงไว้ใต้ถุนบ้านจนเชื่องและคุ้นเคยกับเจ้าของอุปกรณ์การเกษตร เช่น คันไถ กระบุงหว่านข้าว และคะเน็ดสำหรับมัดรวงข้าว ล้วนเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่ผลิตขึ้นเอง
ฤดูเพาะปลูกเริ่มต้นเมื่อมีฝนตกและมีการกักเก็บน้ำโดยประตูน้ำชลประทานในพื้นที่บ้านกรด ทำให้ระดับน้ำในคลองโพธิ์เพิ่มสูงจนน้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่นา ชาวนาในพื้นที่จึงนิยมปลูกข้าวพันธุ์ที่สามารถปรับตัวอยู่ในน้ำได้ดี เช่น ข้าวพวง ข้าวสำรวง ข้าวขาวตาแห้ง และข้าวเหลือง ซึ่งเรียกรวมกันว่า "ข้าวซังลอย"
เมื่อข้าวเริ่มเจริญเติบโต ชาวนาจะประกอบพิธีทำขวัญข้าวเพื่อแสดงความเคารพต่อพระแม่โพสพ โดยมีการจัดขนมต้มแดง ต้มขาว และทำเรือนขวัญข้าวจากไม้ไผ่ประดับด้วยธงกระดาษสีสันสดใส เพื่อขอพรให้ผลผลิตอุดมสมบูรณ์ ช่วงระหว่างฤดูทำนา ชาวบ้านยังอาศัยการจับปลาในท้องนาและคลอง รวมถึงเก็บพืชผักตามธรรมชาติมาบริโภค
ในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว (ประมาณปลายเดือนมกราคม) ชาวนาใช้เคียวเกี่ยวรวงข้าว และร่วมแรงร่วมใจกันในรูปแบบของ "การลงแขกเกี่ยวข้าว" ซึ่งมักมีการขับร้องเพลงเกี่ยวข้าวประกอบระหว่างการทำงาน หลังจากเกี่ยวข้าวเสร็จจะมัดเป็นฟ่อนและนำไปรวมกันในลานข้าว ซึ่งเตรียมไว้อย่างเรียบและแน่นด้วยการใช้ควายย่ำผิวดิน และยาด้วยขี้ควายเพื่อให้แน่นไม่หลุดล่อน
กระบวนการนวดข้าวหรือแยกเมล็ดข้าวจากรวงนิยมใช้แรงเหยียบย่ำของควาย และการฝัดเพื่อแยกข้าวลีบออก หลังจากนั้นจึงนำข้าวเปลือกที่สมบูรณ์ไปขายหรือเก็บไว้เป็นเสบียง ชาวบ้านบางส่วนยังใช้คลองโพธิ์ในการหาปลาเพื่อแปรรูปเป็นปลาเค็ม ปลาร้า และปลาย่าง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจครัวเรือนและวัฒนธรรมการถนอมอาหารของชุมชน
แม้ว่าในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 25 พื้นที่ชุมชนคลองโพธิ์จะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงจากการขยายตัวของถนนสายเอเชียและนิคมอุตสาหกรรม แต่ชุมชนยังคงรักษามรดกภูมิปัญญา วิถีชีวิต และวัฒนธรรมดั้งเดิมไว้อย่างมั่นคง อาทิ ประเพณีลอยกระทงประจำชุมชนศรีคลองโพธิ์ การแห่เทียนพรรษาทางน้ำ และการแข่งเรือพื้นบ้าน ตลอดจนการละเล่น เพลงเรือ และการแต่งกายแบบพื้นบ้าน เช่น การนุ่งผ้าถุง และสวมเสื้อผ้าฝ้ายแบบเรียบง่าย
วัฒนธรรมดังกล่าวนับเป็นมรดกทางจิตวิญญาณของชาวคลองโพธิ์ที่สืบทอดจากอดีตสู่ปัจจุบัน และเป็นรากฐานของอัตลักษณ์ชุมชนที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์และส่งเสริมให้คงอยู่ในบริบทของการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ชุมชนคลองโพธิ์ตั้งอยู่ในเขตอำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ครอบคลุมพื้นที่ของ 4 ตำบล ได้แก่ ตำบลบ้านกรด ตำบลตลิ่งชัน ตำบลคุ้งลาน และตำบลสามเรือน โดยมีคลองโพธิ์พาดผ่านเป็นเส้นทางน้ำสายหลักของชุมชน ลักษณะของพื้นที่เป็นที่ราบลุ่มน้ำน้ำท่วมถึง มีระบบคลองชลประทานหนาแน่น เหมาะสำหรับการเกษตรกรรม โดยเฉพาะการปลูกข้าว และยังมีลำคลองสาขา เช่น คลองสวนหลุม คลองโนด เป็นต้น ที่ช่วยเชื่อมโยงระบบน้ำในพื้นที่ให้เป็นหนึ่งเดียว
คลองโพธิ์มีจุดเริ่มต้นจากพื้นที่รอยต่อระหว่างจังหวัดพระนครศรีอยุธยากับจังหวัดสระบุรี ไหลผ่านพื้นที่ด้านตะวันตกของอำเภอบางปะอิน จากนั้นไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณวัดบ้านโพธิ์ โดยระหว่างทางคลองสายนี้พาดผ่านพื้นที่สำคัญหลายแห่งในตำบลต่าง ๆ และเป็นแกนกลางของการตั้งถิ่นฐานของประชาชนที่อาศัยลำน้ำในการดำรงชีวิตและทำการเกษตร
ลักษณะพื้นที่ส่วนใหญ่ของชุมชนคลองโพธิ์เป็นที่ราบลุ่ม มีระบบคลองธรรมชาติและคลองชลประทานเชื่อมต่อกันอย่างหนาแน่น เหมาะแก่การเพาะปลูก โดยเฉพาะการทำนาข้าวและพืชไร่บางชนิด ที่ตั้งของชุมชนส่วนมากอยู่ในแนวราบใกล้ริมคลองโพธิ์ ทำให้ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงระดับน้ำตามฤดูกาล
การตั้งถิ่นฐานของชาวบ้านมักกระจายตัวอยู่เป็นกลุ่มหมู่บ้าน โดยมีวัด โรงเรียน และตลาดชุมชนเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมทางสังคม ซึ่งสะท้อนถึงการเติบโตของชุมชนที่มีลำน้ำเป็นศูนย์กลางแห่งชีวิตทั้งในอดีตและปัจจุบัน
ชุมชนคลองโพธิ์ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ซึ่งเป็นหนึ่งในเขตชลประทานที่มีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งของภาคกลาง โดยลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่ของพื้นที่นี้เป็นที่ราบลุ่มน้ำท่วมถึง มีคลองธรรมชาติและคลองชลประทานจำนวนมากพาดผ่าน โดยเฉพาะคลองโพธิ์ ซึ่งเป็นลำน้ำสายหลักที่หล่อเลี้ยงชุมชนทั้งในด้านทรัพยากรธรรมชาติ การเกษตรกรรม และวัฒนธรรมท้องถิ่น
สภาพภูมิอากาศของพื้นที่เป็นแบบร้อนชื้น มีฤดูฝนชัดเจนในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม ซึ่งเป็นฤดูกาลเพาะปลูกที่สำคัญ โดยเฉพาะการทำนาข้าว ขณะที่ฤดูแล้งตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเมษายนจะมีการใช้น้ำจากระบบชลประทานเพื่อรักษาระดับความชุ่มชื้นในพื้นที่เกษตรกรรม ทำให้ตลอดปีสามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ได้อย่างต่อเนื่อง
สภาพแวดล้อมโดยรอบคลองโพธิ์ยังคงมีแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่หลากหลาย ทั้งในรูปแบบพืชพรรณพื้นถิ่น เช่น ผักบุ้ง ผักกระเฉด โสน ตับจิก ต้นมะตัน และพืชน้ำอื่น ๆ รวมถึงพันธุ์ปลาและสัตว์น้ำจืดจำนวนมากที่เคยชุกชุมในอดีต แม้ว่าปัจจุบันจะลดลงไปตามระดับความเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม
การใช้ประโยชน์จากที่ดินของชาวบ้านในชุมชนคลองโพธิ์มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับธรรมชาติ โดยเน้นการใช้พื้นที่เพื่อการเกษตรกรรมเป็นหลัก ได้แก่ การทำนา การทำสวนผสม และการเลี้ยงสัตว์บางประเภท ในขณะที่พื้นที่บางส่วนในเขตตำบลบ้านกรดและคุ้งลานซึ่งอยู่ใกล้ทางหลวงสายเอเชีย ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นพื้นที่ที่อยู่อาศัยหรือกิจกรรมทางเศรษฐกิจเชิงพาณิชย์เพิ่มมากขึ้น
สภาพแวดล้อมทางสังคมของชุมชนยังคงมีความผูกพันกันอย่างแน่นแฟ้น ชาวบ้านส่วนใหญ่มีวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม สืบสานวัฒนธรรมและประเพณีที่เกี่ยวข้องกับลำน้ำ เช่น การลอยกระทงทางน้ำ การแข่งเรือ การทำขวัญข้าว และกิจกรรมทางศาสนาในวัดที่ตั้งอยู่ใกล้ลำคลอง
แม้ว่าการขยายตัวของเมืองและระบบคมนาคมจะส่งผลให้สภาพแวดล้อมบางส่วนเปลี่ยนแปลงไป แต่โดยรวมแล้ว ชุมชนคลองโพธิ์ยังคงรักษาสภาพภูมิสังคมแบบดั้งเดิมไว้ได้อย่างชัดเจน ทั้งในด้านการใช้พื้นที่ วิถีชีวิต และความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ ซึ่งสะท้อนถึงการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนภายใต้เงื่อนไขของทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ลุ่มน้ำ
ชุมชนคลองโพธิ์ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยา ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบ้านกรด ตำบลตลิ่งชัน ตำบลคุ้งลาน และตำบลสามเรือน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ถือเป็นหนึ่งในชุมชนดั้งเดิมที่มีรากฐานทางประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์อันเก่าแก่ พื้นที่ดังกล่าวมีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะลำน้ำและที่ราบลุ่ม จึงเอื้อต่อการตั้งถิ่นฐานของผู้คนมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี
ด้วยทำเลที่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตและการคมนาคมทางน้ำ ทำให้ชุมชนคลองโพธิ์กลายเป็นจุดรวมของผู้คนหลากหลายเชื้อชาติและวัฒนธรรม ซึ่งได้หล่อหลอมและพัฒนาเป็นวิถีชีวิตร่วมกันในปัจจุบัน กลุ่มชาติพันธุ์หรือกลุ่มคนหลักในพื้นที่สามารถจำแนกได้ดังนี้
กลุ่มแรกคือ ชาวไทยพื้นถิ่น หรือที่เรียกโดยทั่วไปว่า "ชาวไทยภาคกลาง" เป็นกลุ่มชาติพันธุ์หลักที่ตั้งรกรากในพื้นที่คลองโพธิ์มาอย่างยาวนาน วิถีชีวิตของคนกลุ่มนี้ผูกพันแนบแน่นกับสายน้ำและนา มีรูปแบบการดำรงชีวิตที่สอดคล้องกับสิ่งแวดล้อม ได้แก่ การทำนา การประมงน้ำจืด และการค้าขายทางน้ำ วัฒนธรรมของชาวไทยพื้นถิ่นในลุ่มน้ำเจ้าพระยาสะท้อนผ่านประเพณีต่าง ๆ เช่น พิธีรับขวัญข้าว การร้องเพลงเกี่ยวข้าว เพลงเรือ การลอยกระทงทางน้ำ และอาหารพื้นบ้านที่สื่อถึงความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น เช่น ข้าวกระยาคู แกงโสน และขนมจากดอกไม้พื้นถิ่น
กลุ่มที่สองคือ ชาวไทยเชื้อสายจีน ซึ่งเริ่มเข้ามาตั้งถิ่นฐานในบริเวณคลองโพธิ์ตั้งแต่ช่วงปลายกรุงศรีอยุธยาและต้นรัตนโกสินทร์ โดยมีบทบาทสำคัญในด้านเศรษฐกิจของชุมชน เช่น การค้าขายทางน้ำ การเปิดร้านค้าแบบโชห่วยในตลาดเรือนแพ การค้าข้าว และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการประมง นอกจากนี้ ชาวจีนยังมีส่วนในการส่งต่อภูมิปัญญาด้านการต่อเรือ การทำอุปกรณ์การเกษตร และการแปรรูปอาหาร ซึ่งกลายเป็นองค์ความรู้สำคัญของชุมชนในเวลาต่อมา
กลุ่มสุดท้ายคือ ชาวไทยที่ย้ายถิ่นฐานเข้ามาในพื้นที่คลองโพธิ์ในช่วงหลัง โดยเฉพาะในยุคที่เขตอุตสาหกรรมบางปะอินเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ประชากรกลุ่มนี้ประกอบด้วยผู้ใช้แรงงานจากภูมิภาคต่างๆ ที่อพยพเข้ามาทำงานในภาคอุตสาหกรรม รวมถึงผู้ที่เข้ามาลงทุนหรือซื้อที่ดินเพื่อประกอบธุรกิจในพื้นที่ ส่งผลให้บางหมู่บ้าน โดยเฉพาะบริเวณใกล้ถนนสายเอเชีย มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมเพิ่มขึ้น ทั้งในด้านภาษา อาหาร การแต่งกาย และรูปแบบการอยู่อาศัย
ชุมชนคลองโพธิ์ที่ตั้งอยู่ในเขตที่ราบลุ่มริมฝั่งลำน้ำคลองโพธิ์ ซึ่งเป็นคลองธรรมชาติสายสำคัญที่ไหลผ่านพื้นที่ของตำบลบ้านกรด ตำบลตลิ่งชัน ตำบลคุ้งลาน และตำบลสามเรือน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทำให้ประชาชนในชุมชนมีวิถีชีวิตที่ผูกพันกับลำน้ำ และระบบเกษตรกรรมมาอย่างยาวนาน อาชีพของชาวบ้านจึงมีความหลากหลาย สอดคล้องกับภูมิประเทศ ระบบนิเวศ และวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยสามารถจำแนกได้เป็น 6 กลุ่มหลัก ดังนี้
1.อาชีพด้านการเกษตรกรรม
การทำนาข้าวถือเป็นอาชีพหลักของประชาชนในชุมชนคลองโพธิ์ โดยเฉพาะนาข้าวลอยน้ำซึ่งต้องอาศัยพันธุ์ข้าวที่เหมาะสมกับระดับน้ำที่ท่วมขังในช่วงฤดูฝน เช่น ข้าวพวง ข้าวสำรวง ข้าวขาวตาแห้ง และข้าวซังลอย ระบบชลประทานที่มีการควบคุมระดับน้ำผ่านประตูน้ำคลองโพธิ์ โดยเฉพาะในเขตตำบลบ้านกรด ทำให้ชาวนาในพื้นที่สามารถบริหารจัดการน้ำเพื่อการเพาะปลูกได้อย่างเหมาะสมตามฤดูกาล นอกจากนี้ยังมีการปลูกพืชผักพื้นบ้านตามฤดูกาลและแนวลำคลอง เช่น ผักบุ้ง ผักกระเฉด ต้นโสน โสนหางไก่ ต้นตับจิก และมะตัน ซึ่งชาวบ้านนำมาใช้ประกอบอาหาร และจำหน่ายในตลาดชุมชนท้องถิ่น
2.อาชีพด้านการประมงพื้นบ้าน
ด้วยสภาพแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ ชุมชนคลองโพธิ์ยังคงมีการจับสัตว์น้ำในลำน้ำและพื้นที่นาข้าวน้ำท่วม โดยใช้อุปกรณ์ประมงพื้นบ้าน เช่น แห ซุ่ม แร้ว และไซ ซึ่งเป็นเครื่องมือดั้งเดิมที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชุมชนริมคลอง สัตว์น้ำที่พบได้ทั่วไปในพื้นที่ ได้แก่ ปลาช่อน ปลาหมอ ปลากระดี่ ปลาซิว กุ้งฝอย และหอยขม ซึ่งสามารถใช้บริโภคภายในครัวเรือนหรือจำหน่ายเพื่อสร้างรายได้เสริม
3.อาชีพด้านหัตถกรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น
ชุมชนคลองโพธิ์มีการสืบสานงานหัตถกรรมและภูมิปัญญาชาวบ้านที่เป็นอัตลักษณ์ของพื้นที่ เช่น
- การตีมีดและเครื่องมือเกษตร ซึ่งใช้เตาหลอมและเทคนิคช่างโลหะพื้นบ้าน
- การต่อเรือพื้นบ้าน เช่น เรือแป๊ะ เรือเข็ม ซึ่งเป็นพาหนะสำคัญในการค้าขายทางน้ำในอดีต
- การทำดอกไม้ประดิษฐ์ งานปั่นลายกนก และงานจักสาน ที่มักใช้ในพิธีกรรมทางศาสนาและจำหน่ายเป็นผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น
ภูมิปัญญาเหล่านี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของมรดกวัฒนธรรมที่ถ่ายทอดผ่านครอบครัวและกิจกรรมชุมชน
4.อาชีพด้านการแปรรูปผลิตภัณฑ์ชุมชน
ในช่วงฤดูฝนเมื่อมีเห็ดตับเต่าเกิดขึ้นตามธรรมชาติในพื้นที่ลุ่ม ชาวบ้านจะเก็บมานำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อการจำหน่าย เช่น เห็ดดอง เห็ดทอดกรอบ เห็ดแห้ง นอกจากนี้ยังมีการปรุงอาหารพื้นบ้านสำเร็จรูป เช่น มัสมั่นปลาช่อน ไก่รวนปลาร้า และขนมเปียกปูนกะทิสด ซึ่งได้รับความนิยมในตลาดชุมชน และบางกลุ่มพัฒนาเป็นสินค้า OTOP
5.อาชีพรับจ้างและงานบริการ
จากการเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจและการขยายตัวของเขตอุตสาหกรรมบางปะอิน ชาวบ้านบางส่วนได้เปลี่ยนมาประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป เข้าทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม หรือประกอบธุรกิจรายย่อยในชุมชน เช่น ร้านขายของชำ ร้านตัดผม ร้านอาหารริมคลอง และร้านจำหน่ายวัสดุการเกษตร อาชีพในภาคบริการเหล่านี้สะท้อนถึงความสามารถในการปรับตัวของประชาชนต่อสภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป
6.อาชีพที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวชุมชน
ด้วยศักยภาพทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และภูมิทัศน์ริมคลอง ชุมชนคลองโพธิ์ได้ส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและวิถีชีวิต เช่น
- การล่องเรือชมวิถีชุมชนริมคลอง
- การจัดกิจกรรมเรียนรู้วิถีเกษตร เช่น การทำขวัญข้าว การทำน้ำพริก การสาธิตหัตถกรรม
- การแสดงพื้นบ้าน และกิจกรรมวัฒนธรรม เช่น แข่งเรือพื้นบ้าน ลอยกระทง การแห่เทียนทางน้ำ
- การเปิดบ้านเป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น เช่น พิพิธภัณฑ์บ้านลุงหอม ซึ่งรวบรวมเครื่องมือพื้นบ้านและองค์ความรู้ของชาวริมคลองโพธิ์
ศาสนาพุทธเป็นศาสนาหลักของชุมชน โดยมีวัดสำคัญในพื้นที่ เช่น วัดขนอนเหนือ วัดบ้านกรด วัดคุ้งลาน วัดสามเรือน และวัดขนอนใต้ โดยวัดเหล่านี้เป็นศูนย์กลางทางจิตใจและจัดกิจกรรมทางศาสนาเป็นประจำ เช่น เทศน์มหาชาติ งานทอดกฐิน งานบุญเดือนสิบ และประเพณีลอยกระทงทางน้ำ
ความเชื่อเกี่ยวกับ "พระแม่โพสพ" มีบทบาทสำคัญในการทำขวัญข้าว ซึ่งจัดขึ้นก่อนและหลังการเพาะปลูก เพื่อเป็นการขอพรและแสดงความเคารพต่อธรรมชาติ การลงแขกเกี่ยวข้าว และการร้องเพลงเกี่ยวข้าว ยังสะท้อนถึงวัฒนธรรมร่วมแรงร่วมใจที่มีมาแต่โบราณ
คลองโพธิ์ถือเป็นลำน้ำธรรมชาติสายสำคัญที่มีบทบาทในการหล่อเลี้ยงชีวิตและสร้างอารยธรรมให้กับชุมชนริมฝั่งในเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยเป็นสาขาหนึ่งของแม่น้ำน้อย ซึ่งไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณวัดบ้านโพธิ์ อันเป็นจุดบรรจบของระบบน้ำที่เชื่อมโยงระหว่างลุ่มน้ำภาคกลางตอนบน
ต้นกำเนิดของลำน้ำคลองโพธิ์อยู่บริเวณพื้นที่รอยต่อของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและจังหวัดสระบุรี จากนั้นไหลผ่านหลายตำบลในเขตอำเภอบางปะอินและอำเภอบางไทร ได้แก่ ตำบลบ้านสร้าง ตำบลสามเรือน ตำบลตลิ่งชัน ตำบลคุ้งลาน ตำบลบ้านหว้า และตำบลบ้านโพธิ์ ตลอดแนวลำน้ำนี้ ชาวบ้านในชุมชนต่างอาศัยคลองโพธิ์ในการดำรงชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการใช้น้ำเพื่ออุปโภคบริโภค การทำนา การจับปลา และการเก็บพืชผักพื้นถิ่นตามธรรมชาติมาประกอบอาหาร
คลองโพธิ์จึงนับเป็นแหล่งอาหารและทรัพยากรสำคัญของชุมชน โดยมีพืชพรรณหลากหลายที่พบได้ทั่วไปในบริเวณริมคลอง เช่น ผักบุ้ง ผักกระเฉด ผักปลัง บัวสามชนิด ต้นโสน ต้นทุ่งนา ต้นตับจิกน้ำ ต้นมะตัน และผักพื้นบ้านอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งสะท้อนถึงระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์และความสัมพันธ์ระหว่างธรรมชาติกับวิถีชีวิตของผู้คนในพื้นที่
นอกจากนี้ คลองโพธิ์ยังเป็นเส้นทางคมนาคมทางน้ำที่สำคัญในอดีต โดยเฉพาะบริเวณ ตลาดน้ำบ้านสามง่าม ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของการค้าขายและชุมชนเรือนแพจำนวนมากในอดีต ที่ตั้งอยู่บริเวณคลองสวนหลุมซึ่งบรรจบกับคลองโพธิ์ ตลาดแห่งนี้เคยเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของชุมชนคลองโพธิ์ มีการค้าขายสินค้าหลากหลายประเภท อาทิ ข้าวสาร น้ำมัน พืชผัก ผลไม้ ยารักษาโรค เครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน ทองรูปพรรณ ร้านตัดผม และสินค้าเกษตรจากพื้นที่โดยรอบ ทั้งยังมีการตั้งโรงสีข้าวและแพจำหน่ายสินค้าแบบลอยน้ำ สะท้อนถึงระบบเศรษฐกิจที่ยึดโยงกับลำน้ำอย่างแนบแน่น
คลองโพธิ์จึงมิได้เป็นเพียงแค่เส้นทางน้ำธรรมดา หากแต่เป็นสายใยแห่งวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงผู้คนในชุมชนไว้ด้วยกัน ทั้งในด้านการดำรงชีวิต ความเชื่อ ประเพณี และการละเล่นต่าง ๆ อาทิ เพลงเรือ การแข่งเรือ ลอยกระทงทางน้ำ และแห่เทียนพรรษาทางคลอง ซึ่งล้วนสะท้อนถึงรากเหง้าทางวัฒนธรรมของชุมชนริมน้ำที่มีความเจริญรุ่งเรือง
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันภาพของชุมชนเรือนแพ ตลาดน้ำ และวิถีชีวิตริมคลองในอดีตได้จางหายไปตามกระแสแห่งความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย แต่ความทรงจำเหล่านั้นยังคงดำรงอยู่ในจิตใจของชาวคลองโพธิ์ในฐานะรากเหง้าและมรดกทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง
พิธีกรรมรับขวัญข้าว : รากเหง้าทางวัฒนธรรมของชาวคลองโพธิ์
พิธีรับขวัญข้าว หรือที่ชาวชุมชนลุ่มน้ำคลองโพธิ์นิยมเรียกว่า "พิธีแต่งตัวพระแม่โพสพ" ถือเป็นพิธีกรรมดั้งเดิมที่สืบทอดกันมายาวนาน สะท้อนให้เห็นถึงสายใยแห่งความศรัทธาที่ชาวนาในพื้นที่มีต่อพระแม่โพสพ อันเป็นตัวแทนของพลังแห่งความอุดมสมบูรณ์ และยังเป็นพิธีที่ตอกย้ำอัตลักษณ์วัฒนธรรมเกษตรกรรมของชุมชนคลองโพธิ์
พิธีกรรมนี้จะจัดขึ้นในช่วงระหว่างกลางเดือน 10 ถึงเดือน 11 ของทุกปี ตรงกับช่วงเวลาที่ต้นข้าวในนาเริ่มตั้งท้อง ก่อนที่ชาวบ้านจะเริ่มการเก็บเกี่ยวผลผลิต โดยมีความเชื่อว่า หากได้จัดพิธีบูชาและถวายเครื่องสังเวยแก่พระแม่โพสพอย่างถูกต้อง จะส่งผลให้ผลผลิตข้าวอุดมสมบูรณ์ ปราศจากความเสียหายจากหนอน แมลง และสัตว์ศัตรูพืช อีกทั้งยังเป็นการแสดงความเคารพและขอบคุณต่อผืนดินและธรรมชาติที่หล่อเลี้ยงวิถีชีวิตของผู้คนสองฝั่งคลองมาอย่างต่อเนื่อง
ลำดับพิธีกรรม
เมื่อข้าวในนาเริ่มตั้งท้อง ชาวนาจะจัดพิธีบริเวณหัวนา โดยใช้ "เฉลว" ซึ่งทำจากใบตาลหรือใบลาน มัดติดกับไม้ไผ่ และตกแต่งด้วยพวงมาลัย ดอกไม้ และผ้าสีมงคล เช่น ผ้าแดงหรือผ้าขาว พร้อมแขวน "ชะลอม" ที่ใส่เครื่องสังเวยไว้ใต้เฉลว ก่อนจะจุดธูปเทียนบูชาและกล่าวคำบวงสรวงพระแม่โพสพ บทบูชาพระแม่โพสพ ที่ใช้ในพิธี ได้แก่
ตั้งนะโม 3 จบ แล้วกล่าวว่า "โพสะภะโภชะนัง อุตตะมะลาภัง มัยหัง สัพพะสิทธิหิตัง โหตุ"
จากนั้นจะมีการกล่าวคำอธิษฐานขอพรให้การทำนาในปีนั้นราบรื่น ได้ผลผลิตดี และนำข้าวขึ้นยุ้งฉางอย่างบริบูรณ์ เมื่อเสร็จสิ้นการถวายของเซ่นไหว้แล้ว จะเว้นช่วงรอเงียบ ๆ ชั่วครู่ ก่อนจะปักเฉลวและเครื่องสังเวยไว้บริเวณต้นข้าว เป็นสัญลักษณ์ว่าพระแม่โพสพได้รับเครื่องสังเวยแล้ว
ในช่วงปลายฤดูกาล เมื่อเสร็จสิ้นการนวดข้าว ชาวบ้านจะร่วมกันกำหนดวันนำข้าวขึ้นยุ้ง พร้อมจัดพิธีทำขวัญข้าวอีกครั้งหนึ่ง โดยจะนิมนต์พระสงฆ์มารับถวายข้าวเปลือก เป็นการอุทิศผลบุญให้แก่ธรรมชาติและสิ่งศักดิ์สิทธิ์
เครื่องสังเวยที่ใช้ในพิธี ประกอบด้วยของคาวหวานและสิ่งของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันที่มีความหมายเชิงสัญลักษณ์ ได้แก่
- ผลไม้รสเปรี้ยว : กล้วย อ้อย มะพร้าว ส้ม ส้มโอ องุ่น สาลี่ สับปะรด
- หมากพลูจีบ 1 คำ
- ขนมพื้นบ้าน : กล้วยทอด ข้าวเม่าทอด ทองหยิบ ทองหยอด
- พวงมาลัย ธูป เทียน
- เครื่องหอม หวี แป้ง น้ำอบ กระจก
- ตอก ชะลอม เฉลว ไม้ปักธง
- เครื่องใช้ประจำตัวพระแม่โพสพ : แก้วน้ำ ช้อน ผ้าขาวม้า ผ้าสไบ หรือผ้าแพรสีแดง-ขาว
ความสำคัญทางวัฒนธรรม
พิธีรับขวัญข้าวของชุมชนคลองโพธิ์ไม่เพียงเป็นพิธีกรรมทางความเชื่อ หากยังเป็นพิธีกรรมที่สะท้อน “รากเหง้า” ของวิถีเกษตรกรรมไทยที่สอดประสานกับความศรัทธาในธรรมชาติและความเคารพต่อผืนดิน พิธีนี้ยังเป็นโอกาสให้ชาวบ้านในแต่ละกลุ่มบ้านได้พบปะและร่วมแรงร่วมใจกันในฐานะชุมชน ทั้งยังช่วยส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่เรียนรู้รากเหง้าทางวัฒนธรรมที่ฝังแน่นอยู่ในผืนนาและสายน้ำคลองโพธิ์อย่างมีความหมาย
ปฏิทินชุมชนลำน้ำคลองโพธิ์
เดือนมกราคม
- เริ่มต้นฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าวจากผืนนา
- ดอกโสนเริ่มผลิบานริมคลอง
- ประชาชนร่วมกันทำบุญต้อนรับปีใหม่
- จัด พิธีรับขวัญข้าว เพื่อบูชาพระแม่โพสพก่อนนำข้าวเข้ายุ้งฉาง
เดือนกุมภาพันธ์
- ประกอบ พิธีถวายข้าวเทวดา เพื่อความเป็นสิริมงคล
- เริ่มเก็บวัตถุดิบสำหรับทำขนมพื้นบ้าน เช่น ขนมสายบัว
เดือนมีนาคม
- เริ่มปลูกพืชผักพื้นบ้าน เช่น ผักบุ้ง ผักกระเฉด
- เก็บดอกโสนสำหรับทำขนมดอกโสนและอาหารท้องถิ่น
เดือนเมษายน
- เริ่มฤดูกาลเก็บเห็ดตับเต่าซึ่งขึ้นในดงโสน
- จัดกิจกรรม ประเพณีสงกรานต์ และทำบุญอุทิศให้บรรพชน
- เตรียมอาหารพื้นบ้านต้อนรับเทศกาล ได้แก่ ข้าวเหนียวแดง ข้าวเหนียวดำ ขนมจีนน้ำยา
เดือนพฤษภาคม
- เข้าสู่ฤดูฝน เริ่มเตรียมพื้นที่นา
- จัดกิจกรรม กวนข้าวทิพย์ ถวายพระในเทศกาลวิสาขบูชา
เดือนมิถุนายน
- เริ่ม ไถดะ เพื่อเตรียมดินสำหรับหว่านข้าว
- ฟื้นฟูวิถีเลี้ยงสัตว์ เช่น การเลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ในครัวเรือน
- จัดงานส่งเสริมอาชีพในชื่อ “เห็ดตับเต่างามที่สามเรือน”
เดือนกรกฎาคม
- เริ่มฤดู หว่านข้าว ตามระบบนาน้ำหลาก
- ส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์ควบคู่ เช่น ไก่ เป็ด
- จัดกิจกรรม บิณฑบาตทางน้ำ สะท้อนวัฒนธรรมชุมชนริมน้ำ
เดือนสิงหาคม
- ดำเนินการหว่านข้าวเพิ่มเติมในแปลงนา
- จัดกิจกรรม "บวชฟักทอง บวชมัน บวชพืชเข้าพรรษา" เพื่ออนุรักษ์พันธุ์พืชพื้นบ้าน
เดือนกันยายน
- เริ่มใส่ปุ๋ยบำรุงต้นข้าว
- ปล่อยพันธุ์ปลา เช่น ปลานิล ปลาดุก ลงในนาข้าว เพื่อควบคุมศัตรูพืชและเป็นแหล่งอาหาร
- นิยมทำอาหารพื้นบ้านอย่าง แกงเรียงโสนหางไก่
เดือนตุลาคม
- เข้าสู่เทศกาล ออกพรรษา
- จัดพิธีแต่งตัวใบข้าว หรือ พิธีแต่งตัวพระแม่โพสพ เพื่อความอุดมสมบูรณ์ของผลผลิต
เดือนพฤศจิกายน
- ข้าวเริ่ม ตั้งท้อง เตรียมเข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยว
- มีการจับปลาในกระชัง เช่น ปลากระโห้ ปลาสวาย
- จัดงาน ประเพณีลอยกระทง พร้อมกิจกรรมริมน้ำ
เดือนธันวาคม
- ข้าวในนาเริ่ม ออกรวง และสุกเต็มที่
- ชาวบ้านร่วมกันทำ ข้าวกระยาคู เป็นขนมประจำฤดูเพื่อถวายพระและแจกจ่ายในชุมชน
วิถีน้ำกับคน วิถีคนกับนาสู่การท่องเที่ยววิถีชาวนาลำน้ำคลองโพธิ์
ชื่อโปรแกรม : เส้นทางท่องเที่ยววิถีชาวนาลำน้ำคลองโพธิ์: สัมผัสวิถีชาวนาแบบอยุธยาโดยแท้
จุดเด่นของโปรแกรม :
- ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและเกษตรกรรมในพื้นที่ชุมชนลุ่มน้ำคลองโพธิ์
- สัมผัสวิถีชีวิตชาวนาไทยแท้ เรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น และวัฒนธรรมริมน้ำ
- เปิดประสบการณ์ใหม่ที่ผสานความงดงามของธรรมชาติ วิถีคน และความศรัทธา
- เหมาะสำหรับครอบครัว นักเรียน เยาวชน ผู้สูงอายุ และนักท่องเที่ยวเชิงเรียนรู้
ระยะเวลา : โปรแกรมแบบ One Day Trip (1 วัน) ให้บริการตลอดทั้งปี โดยเน้นวันหยุดศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์
กิจกรรมท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและวิถีชีวิต
- ล่องเรือชมวิถีชุมชนสองฝั่งคลองโพธิ์ สัมผัสชีวิตริมคลอง ชมบ้านเรือนเก่า วัดวาอาราม และการใช้ชีวิตของชาวบ้านที่พึ่งพิงลำน้ำ
- เรียนรู้วิถีเกษตรกรรมพื้นบ้าน ร่วมกิจกรรมดำนา เกี่ยวข้าว ทำขวัญข้าว ขี่ควาย ทดลองทำเคียว และแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร
- สาธิตและเวิร์กช็อปภูมิปัญญาท้องถิ่น เช่น การตีเคียว ทำข้าวกระยาคู การประดิษฐ์ดอกไม้จากต้นโสน การทำอาหารพื้นบ้าน และผลิตภัณฑ์สมุนไพร
- ชิมอาหารพื้นถิ่นริมคลอง เช่น มัสมั่นปลาช่อน ขนมเปียกปูนกะทิสด ขนมตาล ขนมโบราณตามฤดูกาลที่หาทานได้ยากในปัจจุบัน
แหล่งท่องเที่ยวและจุดแวะสำคัญในเส้นทาง
1.วัดขนอนเหนือ – วัดขนอนใต้ วัดโบราณตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมเป็นที่ตั้งของด่านเก็บภาษีอากร ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังพุทธประวัติที่งดงาม รวมถึง "พระปางพยาบาลศักดิ์สิทธิ์" และ "รอยพระพุทธบาทสำริด" ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ
2.โรงตีเคียวปู่ประเสริฐ แหล่งเรียนรู้ภูมิปัญญาการตีเคียวแห่งแรกของตำบลบ้านกรด ก่อตั้งมาตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ปัจจุบันเปิดเป็นสถานที่ให้ผู้มาเยือนได้ทดลองตีเคียวด้วยตนเอง
3.ตลาดเรือนแพบ้านสามง่าม ตลาดชุมชนที่รื้อฟื้นขึ้นใหม่ สะท้อนการค้าขายทางน้ำในอดีต จำหน่ายสินค้าท้องถิ่น อาหารพื้นบ้าน และผลิตภัณฑ์จากเกษตรกรในพื้นที่
4.แพโชห่วย 100 ปี แพค้าขายของชำโบราณที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในลำน้ำคลองโพธิ์ นักท่องเที่ยวสามารถพายเรือเลือกซื้อสินค้าแบบย้อนยุค
5.สวนเห็ดตับเต่า แหล่งผลิตเห็ดตับเต่าพืชเศรษฐกิจในท้องถิ่น ร่วมเรียนรู้การเพาะเห็ดในดงโสนและการแปรรูปเพื่อสร้างรายได้
6.บ้านขนมไทย แหล่งรวมขนมไทยโบราณจากภูมิปัญญาชาวบ้าน เช่น ขนมมัน ขนมตาล ข้าวต้มมัด ขนมสายบัว ชิมของหายากตามฤดูกาล
7.เรือนรักษ์คลองโพธิ์ เรือนไม้โบราณที่กลายเป็นแหล่งเรียนรู้ "ทุยคืนทุ่ง" ถ่ายทอดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและแนวทางอนุรักษ์ธรรมชาติ
8.กลุ่มปลูกพืชไร้ดิน แหล่งเกษตรกรรมสมัยใหม่ควบคู่กับวิถีเก่า สะท้อนความสัมพันธ์ของคนกับน้ำ นักท่องเที่ยวสามารถซื้อผักปลอดสารกลับบ้าน
9.กลุ่มผลิตภัณฑ์จากต้นโสน ร่วมกิจกรรมประดิษฐ์ดอกไม้จากต้นโสนหางไก่ พร้อมเลือกซื้อของที่ระลึกจากภูมิปัญญาท้องถิ่น
10.กลุ่มผลิตภัณฑ์สมุนไพร เรียนรู้การทำผลิตภัณฑ์บำรุงผมจากสมุนไพรพื้นบ้าน ที่เชื่อมโยงกับวิถีชาวนาและการใช้ทรัพยากรท้องถิ่นอย่างยั่งยืน
หนึ่งในเสน่ห์อันโดดเด่นของการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในชุมชนลุ่มน้ำคลองโพธิ์ คือการเปิดประสบการณ์ใหม่ที่หาได้ยากในวิถีชีวิตปัจจุบัน นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับ วิถีชีวิตของชาวนาไทยอย่างแท้จริง ซึ่งสะท้อนถึงรากเหง้าของสังคมเกษตรกรรมดั้งเดิม ผ่านกิจกรรมที่เปี่ยมด้วยความหมายและคุณค่า
ความแปลกใหม่ของโปรแกรมนี้อยู่ที่ การได้สัมผัสกับวิถีชีวิตที่แท้จริงของชาวนา ซึ่งปัจจุบันเริ่มเลือนหายไปจากความรับรู้ของคนเมือง การได้เห็นกระบวนการทำนา ตั้งแต่การเตรียมดิน ดำนา ไปจนถึงพิธีทำขวัญข้าว ย่อมเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำอย่างยิ่ง
ขณะเดียวกัน กิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้น เช่น การขี่ควาย ล่องเรือ และทดลองทำเกษตร ยังสร้างความตื่นเต้นและสร้างประสบการณ์ตรงที่หาได้ยากจากการท่องเที่ยวในรูปแบบอื่น นักท่องเที่ยวจะได้เรียนรู้และมีส่วนร่วมในทุกกระบวนการของวิถีชีวิตชาวนาอย่างแท้จริง
สิ่งที่ทำให้การท่องเที่ยววิถีชาวนาลุ่มน้ำคลองโพธิ์น่าภาคภูมิใจ คือการได้เรียนรู้ ภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่สืบทอดมาหลายชั่วรุ่น และได้มีส่วนร่วมในการ อนุรักษ์วัฒนธรรมเกษตรกรรมไทย ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของชาติ
ท้ายที่สุด ความน่าประทับใจที่นักท่องเที่ยวจะได้รับ คือ ความอบอุ่นจากธรรมชาติ สายน้ำ และผู้คนในชุมชน ที่เต็มเปี่ยมด้วยน้ำใจและไมตรีจิต วิถีแห่งน้ำและนาในลุ่มน้ำคลองโพธิ์ไม่เพียงแต่ถ่ายทอดเรื่องราวของอดีต แต่ยังปลุกจิตสำนึกให้ตระหนักถึงคุณค่าของการดำรงชีวิตอย่างเรียบง่ายและพอเพียงในโลกยุคใหม่ได้อย่างลึกซึ้ง
ชุมชนคลองโพธิ์เดิมมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ยึดโยงกับทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ โดยเฉพาะลำน้ำคลองโพธิ์ซึ่งมีบทบาทสำคัญในฐานะเส้นทางสัญจรและแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร ชาวบ้านส่วนใหญ่นิยมประกอบอาชีพทำนา ทำประมงน้ำจืด และค้าขายทางเรือ วิถีเศรษฐกิจในอดีตจึงเป็นเศรษฐกิจแบบพึ่งพาตนเองและดำรงอยู่บนฐานของชุมชนเกษตรกรรมริมน้ำ
อย่างไรก็ตาม การขยายตัวของระบบคมนาคมและการพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่อำเภอบางปะอินและการตั้งนิคมอุตสาหกรรม ส่งผลให้เศรษฐกิจของชุมชนคลองโพธิ์เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ประชาชนบางส่วนหันเหจากภาคเกษตรเข้าสู่ภาคแรงงานในโรงงานอุตสาหกรรมและภาคบริการ เกิดการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างรายได้และวิถีชีวิต ซึ่งกลายเป็นลักษณะเศรษฐกิจผสมผสานระหว่างการเกษตรอันเป็นอัตลักษณ์ดั้งเดิม และการประกอบอาชีพสมัยใหม่ที่สอดคล้องกับบริบทของเมืองและอุตสาหกรรม
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ชุมชนคลองโพธิ์ยังได้พัฒนาแนวทางเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ ด้วยการต่อยอดจากภูมิปัญญาท้องถิ่นและวิถีชีวิตดั้งเดิมสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เช่น การจัดกิจกรรมล่องเรือชมวิถีชาวบ้าน การเรียนรู้การทำนาและทำขวัญข้าว การแสดงภูมิปัญญาช่างตีมีด การแปรรูปเห็ดตับเต่า ข้าวกระยาคู และดอกไม้ประดิษฐ์จากต้นโสน ซึ่งกลายเป็นช่องทางสร้างรายได้ใหม่ให้กับคนในชุมชน โดยไม่ละทิ้งรากเหง้าทางวัฒนธรรม
นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งกลุ่มอาชีพ กลุ่มวิสาหกิจชุมชน และศูนย์เรียนรู้ต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการผลิตและการตลาดภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็นแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจที่ตั้งอยู่บนความยั่งยืนและการใช้ทรัพยากรท้องถิ่นอย่างมีคุณค่า
กล่าวคือเศรษฐกิจของชุมชนคลองโพธิ์ได้เปลี่ยนผ่านจากระบบเศรษฐกิจเกษตรกรรมดั้งเดิม มาสู่เศรษฐกิจผสมผสานที่เชื่อมโยงทั้งภาคการผลิตสมัยใหม่และเศรษฐกิจฐานราก โดยที่ชุมชนยังคงรักษาอัตลักษณ์และทุนวัฒนธรรมไว้ได้อย่างมีศักยภาพ
ธารนี นวัสนธี และคณะ. (2562). โครงการการท่องเที่ยววิถีชาวนาไทยเพื่อฟื้นฟูทรัพยากรสิ่งแวดล้อม ประเพณีวัฒนธรรมไทยและเศรษฐกิจชุมชนลำน้ำคลองโพธิ์ อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา: รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม.
ไปไหนอะตุ๊ด. (6 กันยายน 2566). นายใช้ ก๋วยเตี๋ยวเป็ด เห็ดตับเต่า. สืบค้น 5 มิถุนายน 2568, จาก https://www.facebook.com/
ไปไหนอะตุ๊ด. (11 กันยายน 2566). One Day Trip อยุธยา บางปะอิน. สืบค้น 5 มิถุนายน 2568, จาก https://www.facebook.com/
องค์การบริหารส่วนตำบลตลิ่งชัน-คุ้งลาน. (ม.ป.ป.). เส้นทางการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สายน้ำคลองโพธิ์ (จังหวัด พระนครศรีอยุธยา). สืบค้น 5 มิถุนายน 2568, จาก https://www.talingchan-khunglan.go.th/
องค์การบริหารส่วนตำบลสามเรือน. (19 กุมภาพันธ์ 2563). คลองโพธิ์. สืบค้น 5 มิถุนายน 2568, จาก https://samrean.go.th/
องค์การบริหารส่วนตำบลสามเรือน. (19 กุมภาพันธ์ 2563). ผลิตภัณฑ์แปรรูปเห็ดตับเต่า. สืบค้น 5 มิถุนายน 2568, จาก https://samrean.go.th/