
ชุมชนอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติและการดำรงชีวิตที่เรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่น มีวิถีชีวิตที่เอื้อเฟื้อ แบ่งปัน และสืบทอดประเพณีท้องถิ่น
"บ้านหนองม่วงพัฒนา" มีที่มาจากสองส่วนหลักคือ "หนองม่วง" เป็นชื่อเรียกพื้นที่ดั้งเดิมก่อนตั้งหมู่บ้าน ซึ่งสื่อถึงแหล่งน้ำธรรมชาติ (หนองน้ำ) ที่มีต้นมะม่วงขึ้นอยู่โดยรอบ จึงเป็นที่มาของชื่อ "หนองม่วง" และคำว่า "พัฒนา" เป็นคำที่ถูกเพิ่มเข้ามาภายหลังในช่วงที่มีการจัดตั้งหมู่บ้านใหม่อย่างเป็นทางการในรูปแบบหมู่บ้านจัดสรรหรือขยายเขตชุมชนเพื่อการพัฒนา
ชุมชนอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติและการดำรงชีวิตที่เรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่น มีวิถีชีวิตที่เอื้อเฟื้อ แบ่งปัน และสืบทอดประเพณีท้องถิ่น
บ้านหนองม่วงพัฒนา เป็นหมู่บ้านที่เกิดขึ้นจากการขยายตัวของชุมชนดั้งเดิมในเขตตำบลวังเย็น ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ลุ่มน้ำแม่กลอง อันอุดมสมบูรณ์และเหมาะแก่การทำเกษตรกรรม ชุมชนเดิมบริเวณนี้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของกลุ่มชาวบ้านที่ย้ายถิ่นฐานมาจากพื้นที่ใกล้เคียงในช่วงประมาณปลายพุทธศตวรรษที่ 24 ถึงต้นพุทธศตวรรษที่ 25 โดยมีแรงจูงใจสำคัญคือความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งน้ำและพื้นที่ราบลุ่มซึ่งเหมาะสำหรับการปลูกข้าว พืชสวน และเลี้ยงสัตว์
ในช่วงเริ่มแรกของการตั้งถิ่นฐาน พื้นที่บริเวณนี้มีลักษณะเป็นที่ราบลุ่ม มีหนองน้ำขนาดใหญ่กระจายอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะบริเวณที่มีต้นมะม่วงป่าขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น ชาวบ้านจึงเรียกพื้นที่นี้ว่า "หนองม่วง" ตามลักษณะภูมิประเทศดังกล่าว ต่อมาเมื่อจำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น เกิดการขยายตัวของที่อยู่อาศัย การจัดการชุมชนมีความเป็นระบบมากขึ้น หน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่นจึงได้จัดตั้งหมู่บ้านใหม่อย่างเป็นทางการ และตั้งชื่อว่า "บ้านหนองม่วงพัฒนา" เพื่อสะท้อนถึงรากเหง้าดั้งเดิมของชุมชนควบคู่กับความมุ่งหวังในการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
การเพิ่มคำว่า "พัฒนา" ต่อท้ายชื่อหมู่บ้าน สะท้อนให้เห็นถึงยุคสมัยของการปฏิรูปชนบทในช่วงหลังปี พ.ศ. 2520 ซึ่งรัฐให้ความสำคัญกับการกระจายโอกาสด้านโครงสร้างพื้นฐาน การศึกษา และสุขภาพมาสู่พื้นที่ห่างไกล เพื่อให้ชาวบ้านมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น บ้านหนองม่วงพัฒนาจึงได้รับการส่งเสริมทั้งในด้านเกษตรกรรม เทคโนโลยีพื้นฐาน และการจัดระเบียบชุมชนโดยความร่วมมือระหว่างประชาชนกับภาครัฐ
ปัจจุบัน บ้านหนองม่วงพัฒนานับเป็นหมู่บ้านที่มีความเข้มแข็งทางสังคม มีอัตลักษณ์ท้องถิ่นชัดเจน วิถีชีวิตเรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยภูมิปัญญาและความสามัคคี โดยยังคงรักษาร่องรอยทางวัฒนธรรมของชุมชน ชนบทภาคกลางไว้ได้อย่างกลมกลืนกับแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน (องค์การบริหารส่วนตำบลวังเย็น, 2567)
บ้านหนองม่วงพัฒนา หมู่ที่ 9 ตำบลวังเย็น อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี ตั้งอยู่ในพื้นที่ราบลุ่มที่มีความอุดมสมบูรณ์ เหมาะสำหรับการเกษตรกรรมและการตั้งถิ่นฐานของชุมชน
สภาพแวดล้อมและภูมิประเทศ
พื้นที่ของบ้านหนองม่วงพัฒนา มีลักษณะเป็นที่ราบลุ่ม ไม่มีป่าและเขา สภาพอากาศโปร่งเย็น มีความชุ่มชื้นพอสมควร ลำน้ำสำคัญที่เป็นประโยชน์ในด้านการเกษตรคือ ลำคลองบางแพ ซึ่งเริ่มต้นจากตำบลคลองตาคต อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ผ่านอำเภอบางแพในท้องที่ตำบลวังเย็นและตำบลบางแพ
การใช้ประโยชน์ที่ดิน
พื้นที่ส่วนใหญ่ของบ้านหนองม่วงพัฒนา ใช้สำหรับการเกษตรกรรม เช่น การทำนากุ้ง ทำสวนผลไม้ เพาะเห็ด และเลี้ยงสุกร . การตั้งบ้านเรือนประชากรส่วนใหญ่จะมีการกระจุกตัวหนาแน่นบริเวณที่ว่าการอำเภอบางแพ ซึ่งเป็นย่านการค้าและชุมชน รวมทั้งบริเวณริมทางหลวงหมายเลข 325 (สายบางแพ-ดำเนินสะดวก)
การคมนาคม
การเดินทางมายังอำเภอบางแพสะดวกสบาย โดยมีถนนสายหลักคือ กรุงเทพ-ดำเนินสะดวก มีรถตู้/รถบัสโดยสารสาย กรุงเทพฯ-ดำเนินสะดวก รถโดยสารสีเหลืองสายราชบุรี-ดำเนิน โพธาราม-โพหัก การติดต่อระหว่างตำบลมีถนนลาดยางและคอนกรีตเชื่อมต่อทุกตำบล ซึ่งมีโครงข่ายถนนที่สมบูรณ์ ครอบคลุมทั้งอำเภอ ประชาชนทั่วไปใช้รถยนต์ และรถจักรยานยนต์
สภาพภูมิอากาศ
พื้นที่นี้มีลักษณะภูมิอากาศแบบฝนเมืองร้อนเฉพาะฤดู โดยได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม ทำให้มีฝนตกชุกในช่วงเวลาดังกล่าว ส่วนฤดูแล้งจะมีอากาศแห้งแล้งและท้องฟ้าโปร่งเป็นส่วนมาก
อาณาเขตโดยรอบ
- ทิศเหนือ ติดต่อกับ อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี และอำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับ อำเภอเมืองนครปฐม อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม และอำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร
- ทิศใต้ ติดต่อกับ อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร และอำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับ อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี
บ้านหนองม่วงพัฒนา หมู่ที่ 9 ตำบลวังเย็น อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี เป็นชุมชนขนาดเล็กในพื้นที่ชนบทของภาคตะวันตก มีประชากรประมาณ 450-550 คน หรือราว 120-150 ครัวเรือน (ข้อมูลจากฐานข้อมูลกรมการปกครอง พ.ศ. 2566) ลักษณะของประชากรส่วนใหญ่เป็นคนไทยเชื้อสายมอญและจีนที่สืบสายมาตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ซึ่งอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ลุ่มน้ำแม่กลอง และตั้งหมู่บ้านในแถบนี้ร่วมกับชาวไทยพื้นถิ่น
ประชากรส่วนมากมีอาชีพเกษตรกรรม เช่น ปลูกมะพร้าวน้ำหอม สวนผลไม้ เลี้ยงสัตว์ และมีแรงงานบางส่วนออกไปทำงานรับจ้างหรือในโรงงานบริเวณรอยต่อระหว่างราชบุรีกับนครปฐม ความหลากหลายของประชากรในแง่เชื้อสายไม่สูงมาก โดยกว่า 90% เป็นคนไทยพุทธ มีเพียงบางครอบครัวที่มีรากฐานเป็นจีน-มอญ แต่ปรับตัวกลมกลืนทางวัฒนธรรมกับชาวไทยจนไม่มีความแตกต่างชัดเจนในวิถีชีวิตประจำวัน
ระบบเครือข่ายทางสังคมของหมู่บ้านนี้ มีลักษณะเป็นเครือญาติแน่นแฟ้น ทั้งในแนวตั้ง (ผู้เฒ่าผู้แก่-ลูกหลาน) และแนวนอน (ญาติพี่น้องภายในรุ่นเดียวกัน) โดยประชาชนส่วนใหญ่มีความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวแบบช่วยเหลือพึ่งพา ทั้งในการทำเกษตร การจัดงานบุญ งานศพ งานบวช ฯลฯ ส่งผลให้หมู่บ้านมีความสมัครสมานสามัคคี และการจัดการปัญหาภายในชุมชนมักได้รับการแก้ไขผ่านกลไกการพูดคุยหรือกลุ่มแกนนำในชุมชน เช่น ผู้ใหญ่บ้าน พระสงฆ์ ครู และผู้อาวุโส
แม้ว่าเทคโนโลยีและสื่อสมัยใหม่จะเริ่มเข้าถึงเยาวชนมากขึ้น แต่ระบบเครือข่ายชุมชนแบบดั้งเดิมยังมีบทบาทสูง โดยเฉพาะในการจัดกิจกรรมชุมชน เช่น วันผู้สูงอายุ สงกรานต์ งานทอดกฐิน หรือกิจกรรมของโรงเรียนบ้านหนองม่วงพัฒนา ซึ่งมักมีผู้ปกครองและชาวบ้านมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง
บ้านหนองม่วงพัฒนา เป็นชุมชนชนบทที่มีลักษณะสังคมแบบเครือญาติและความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างคนในหมู่บ้าน โดยมีผู้นำชุมชนเป็นศูนย์กลางในการประสานงานกิจกรรมต่าง ๆ ระดับโครงสร้างทางสังคมมีลักษณะเป็นแนวนอน กล่าวคือ ทุกครัวเรือนมีบทบาทร่วมในการตัดสินใจและพัฒนาชุมชนร่วมกันในระดับหนึ่ง
องค์กรชุมชนหลัก
- คณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.) มีหน้าที่วางแผนพัฒนาหมู่บ้าน ประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐ และรับฟังความต้องการของชาวบ้าน
- อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ทำหน้าที่ดูแลสุขภาพชุมชน ให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันโรค และสนับสนุนงานด้านสาธารณสุข
- กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต เป็นกลุ่มที่จัดตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมการออมและสนับสนุนเงินทุนให้สมาชิกใช้ในการประกอบอาชีพ
- กลุ่มพัฒนาสตรีและเยาวชน ส่งเสริมบทบาทของสตรีในการพัฒนาชุมชน และสนับสนุนกิจกรรมเยาวชนในด้านการศึกษา ศิลปวัฒนธรรม และกีฬา
- กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง สนับสนุนสินเชื่อและพัฒนาอาชีพให้แก่ประชาชนในชุมชน
กลุ่มอาชีพในชุมชน
- กลุ่มเกษตรกรสวนมะพร้าวและผลไม้ เนื่องจากสภาพพื้นที่เป็นที่ราบลุ่ม จึงเหมาะกับการเพาะปลูกพืชไร่ สวนผลไม้ และมะพร้าวน้ำหอม
- กลุ่มปลูกผักปลอดสารพิษ โดยเฉพาะในกลุ่มครัวเรือนที่มีพื้นที่จำกัด ส่งผลให้เกิดการรวมกลุ่มผลิตพืชผักปลอดภัยขายในท้องถิ่น
- กลุ่มเลี้ยงสัตว์ เช่น ไก่ เป็ด สุกร และปลา มักเป็นกิจกรรมเสริมในครัวเรือน แต่มีบางกลุ่มพัฒนาเป็นอาชีพหลักอย่างยั่งยืน
- กลุ่มแปรรูปผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น เช่น การแปรรูปมะพร้าว น้ำตาลมะพร้าว ขนมพื้นบ้าน ฯลฯ
ชาวบ้านหนองม่วงพัฒนา มีวิถีชีวิตที่ผูกพันกับการเกษตรเป็นหลัก โดยเฉพาะการปลูกมะพร้าวน้ำหอม พืชผักสวนครัว และการเลี้ยงสัตว์ ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของครัวเรือน ปฏิทินชีวิตประจำปีของชุมชนจึงสอดคล้องกับฤดูกาล และมีความสม่ำเสมอในแต่ละช่วงเดือน ดังนี้
- เดือนมกราคม-มีนาคม : เข้าสู่ฤดูแล้ง ชาวบ้านเริ่มเตรียมพื้นที่เพาะปลูกบางส่วน หมั่นรดน้ำสวนผลไม้ และจัดกิจกรรมภายในชุมชน เช่น งานวันเด็กแห่งชาติ และกิจกรรมวันมาฆบูชา
- เดือนเมษายน : เป็นช่วงของเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งชุมชนจะจัดงานรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุ มีขบวนแห่ สรงน้ำพระ และร่วมกิจกรรมร่วมกันในวัดหรือศาลากลางหมู่บ้าน
- เดือนพฤษภาคม-มิถุนายน : เป็นช่วงฤดูฝน ชาวบ้านจะเริ่มเพาะปลูกผักและดูแลสวนผลไม้
- เดือนกรกฎาคม-กันยายน : เริ่มเข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิต เช่น มะพร้าว กล้วย และพืชผักตามฤดูกาล โดยเดือนนี้ยังตรงกับช่วงเข้าพรรษา จึงมีกิจกรรมถวายเทียนพรรษาและฟังธรรมในวัด
- เดือนตุลาคม : ชาวบ้านร่วมกันทำบุญออกพรรษา และอาจมีการทำบุญกลางบ้านเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่หมู่บ้าน โดยพระสงฆ์จะมาเจริญพระพุทธมนต์ ณ ศาลากลางหมู่บ้าน
- เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม : จัดพิธีทอดกฐินผ้าป่า และเตรียมกิจกรรมวันพ่อแห่งชาติ กิจกรรมส่งท้ายปี โดยบางปีมีการจัดตลาดนัดในชุมชนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับหมู่บ้าน
พิธีกรรมและประเพณีสำคัญ
- ทำบุญกลางบ้าน : เป็นประเพณีสำคัญที่จัดเป็นประจำทุกปี โดยชาวบ้านจะร่วมกันจัดเต็นท์ โต๊ะหมู่บูชา และนิมนต์พระสงฆ์มาเจริญพระพุทธมนต์ เพื่อปัดเป่าเคราะห์ร้ายและเสริมสิริมงคลแก่ชุมชน
- ประเพณีสงกรานต์และรดน้ำดำหัว : ชาวบ้านจะร่วมขบวนแห่สรงน้ำพระ รดน้ำดำหัวผู้สูงอายุ เพื่อแสดงความกตัญญูและสร้างความกลมเกลียวในชุมชน
- พิธีบวชเณรภาคฤดูร้อน : จัดขึ้นช่วงปิดเทอมเดือนเมษายน-พฤษภาคม โดยใช้วัดหนองม่วงเป็นศูนย์กลางในการฝึกอบรมเยาวชนให้เรียนรู้หลักธรรมและมีระเบียบวินัย
- งานทอดกฐินและผ้าป่า : เป็นกิจกรรมที่มีการระดมแรงงานและทุนทรัพย์จากทั้งในหมู่บ้านและเครือญาติที่อาศัยนอกพื้นที่ ซึ่งสะท้อนความร่วมมือแบบเครือข่ายทางสังคม
- งานวันสำคัญของชาติและศาสนา เช่น วันแม่แห่งชาติ วันพ่อแห่งชาติ วันเด็ก วันพืชมงคล ซึ่งจัดโดยความร่วมมือระหว่างโรงเรียน วัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
1.นายสมชาย พัฒนวงศ์
ปราชญ์ชาวบ้านผู้มีความเชี่ยวชาญด้านการเกษตรแบบดั้งเดิมและการใช้สมุนไพรท้องถิ่น ท่านมีบทบาทในการถ่ายทอดความรู้ด้านเกษตรอินทรีย์และภูมิปัญญาพื้นบ้านให้กับคนรุ่นใหม่ในชุมชน นอกจากนี้ยังเป็นแกนนำจัดกิจกรรมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในหมู่บ้านอย่างต่อเนื่อง
2.นางทองดี แสงประทีป
ผู้นำชุมชนหญิงที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมกิจกรรมทางสังคมและวัฒนธรรมในหมู่บ้าน โดยเฉพาะการประสานงานจัดงานประเพณีท้องถิ่นและส่งเสริมการศึกษาในเด็กและเยาวชนของชุมชน เป็นที่เคารพและได้รับความไว้วางใจจากชาวบ้านอย่างสูง
3.นายสมบัติ ศรีสุข
บุคคลสำคัญที่ทำงานเป็นแกนนำกลุ่มอาชีพชาวไร่ชาวนาในหมู่บ้าน เป็นผู้นำด้านการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนโดยใช้วิถีเกษตรแบบผสมผสาน ส่งเสริมการตลาดสินค้าท้องถิ่น และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างกลุ่มเกษตรกรในตำบลวังเย็น
4.พระครูวิชาญ ปัญญาธโร
เจ้าอาวาสวัดในหมู่บ้านและผู้นำทางจิตใจของชุมชน มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมจิตใจและคุณธรรม รวมถึงจัดกิจกรรมทางศาสนาและประเพณีท้องถิ่น เช่น งานบุญประจำปี งานไหว้ครู และพิธีกรรมสำคัญอื่น ๆ ของชุมชน
ทุนทางวัฒนธรรม หมู่บ้านมีวิถีชีวิตและประเพณีที่ผูกพันกับการเกษตรและชุมชน เช่น ประเพณีท้องถิ่น งานบุญประจำปี วัฒนธรรมการทำเกษตรแบบยั่งยืน
ทุนมนุษย์ ชาวบ้านมีความรู้ความสามารถด้านการเกษตร มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้วิธีการเพาะปลูก และช่างฝีมือในชุมชน เช่น ช่างไม้ ช่างปั้น
ทุนสังคม ชุมชนมีความเข้มแข็งในการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน มีเครือข่ายกลุ่มเกษตรกร กลุ่มอาชีพ และกลุ่มพัฒนา เช่น กลุ่มส่งเสริมอาชีพ
ทุนธรรมชาติ หมู่บ้านตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีทรัพยากรธรรมชาติที่เหมาะสมกับการทำเกษตร เช่น แหล่งน้ำ ทุ่งนา และป่าไม้รอบข้าง
ทุนเศรษฐกิจ การทำเกษตรกรรมเป็นรายได้หลักของชุมชน มีการผลิตข้าว ผัก ผลไม้ และสัตว์เลี้ยงเพื่อขายและบริโภคในชุมชน
ภาษาหลักที่ใช้ในการสื่อสารในหมู่บ้านคือ ภาษาไทยภาคกลาง แบบท้องถิ่น มีสำเนียงและคำพูดที่เป็นเอกลักษณ์ นอกจากนี้ยังอาจมีผู้สูงอายุที่พูดภาษาถิ่นอื่น ๆ ได้บ้าง
- การย้ายถิ่นของคนรุ่นใหม่ไปทำงานในเมือง และการเข้าสู่โลกดิจิทัลมากขึ้น
- การรักษาวัฒนธรรมและวิถีชีวิตดั้งเดิมในยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว และการสร้างความเข้มแข็งของชุมชนในยุคสมัยใหม่ โดยเฉพาะกับเยาวชน
หมู่บ้านตั้งอยู่ใกล้แหล่งน้ำธรรมชาติ เช่น แม่น้ำและคลองที่ช่วยในเรื่องการเกษตรและประมง และมีการพัฒนาโครงการชุมชนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และวิถีชีวิตเกษตร รวมไปถึงชาวบ้านมักร่วมมือกันในกิจกรรมการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและสาธารณูปโภคพื้นฐาน
กระทรวงศึกษาธิการ. (2566). ข้อมูลด้านการศึกษาในพื้นที่ชุมชน. https://www.moe.go.th
วีรวัฒน์ ตู้สมบัติ. (2562). ปัจจัยการดำรงอยู่และคุณค่าของดนตรีพื้นบ้านกลองยาว : กรณีศึกษาชมรมกลองยาวผู้สูงอายุบ้านหนองม่วง ตำบลวังเย็น อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี. ภาคนิพนธ์. วิทยาลัยโพธิวิชชาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดราชบุรี. (2565). รายงานข้อมูลพื้นฐานชุมชนและการพัฒนาท้องถิ่น. http://ratchaburi.cdd.go.th
สำนักงานสถิติแห่งชาติ. (2566). รายงานสถิติการศึกษาและข้อมูลชุมชน. https://www.nso.go.th
องค์การบริหารส่วนตำบลวังเย็น. (2567). ข้อมูลประชากร วิถีชีวิต และทุนชุมชน. http://www.wangyen.go.th
องค์การบริหารส่วนตำบลวังเย็น. (2567). รายงานภาคสนามและข้อมูลชุมชนจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและผู้นำชุมชนปีที่รวบรวม 2567-2568. http://www.wangyen.go.th