Advance search

เหล่าสำราญ เป็นชุมชนชาติพันธุ์ภูไทที่ยังคงรักษาอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมไว้ทั้งการแต่งกายพื้นเมือง การฟ้อนภูไท และประเพณีผีฟ้า วิถีชีวิตของชาวบ้านส่วนใหญ่ยังคงยึดการเกษตรแบบผสมผสานเป็นหลัก โดยใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างรู้คุณค่า มีการจัดตั้งกลุ่มต่าง ๆ เช่น กลุ่มแม่บ้าน กลุ่มออมทรัพย์ และกลุ่มอนุรักษ์วัฒนธรรม เพื่อส่งเสริมการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน

หมู่ที่ 8
เหล่าสำราญ
โพนทอง
เรณูนคร
นครพนม
อบต.โพนทอง โทร. 0 4257 9599
จิตรลดา บัญญัติพัฒนกุล
28 พ.ค. 2025
สมฤทัย สมัยกุล
30 มิ.ย. 2025
วิทยาลัยโพธิวิชชาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
23 มิ.ย. 2025
เหล่าสำราญ

ชื่อ "เหล่า" หมายถึง พื้นที่ราบที่มีไม้ยืนต้นขึ้นอยู่แบบกระจัดกระจายไม่หนาทึบ เป็นทำเลที่เหมาะแก่การตั้งชุมชน ส่วน "สำราญ" หมายถึง ความสุข ความสงบ และความร่มเย็น ดังนั้น "บ้านเหล่าสำราญ" จึงมีความหมายโดยรวมว่า "ชุมชนแห่งความสุขท่ามกลางป่าโปร่ง" 


เหล่าสำราญ เป็นชุมชนชาติพันธุ์ภูไทที่ยังคงรักษาอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมไว้ทั้งการแต่งกายพื้นเมือง การฟ้อนภูไท และประเพณีผีฟ้า วิถีชีวิตของชาวบ้านส่วนใหญ่ยังคงยึดการเกษตรแบบผสมผสานเป็นหลัก โดยใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างรู้คุณค่า มีการจัดตั้งกลุ่มต่าง ๆ เช่น กลุ่มแม่บ้าน กลุ่มออมทรัพย์ และกลุ่มอนุรักษ์วัฒนธรรม เพื่อส่งเสริมการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน

เหล่าสำราญ
หมู่ที่ 8
โพนทอง
เรณูนคร
นครพนม
48170
17.050433828442095
104.6887393909907
องค์การบริหารส่วนตำบลโพนทอง

บ้านเหล่าสำราญ ตั้งอยู่ในหมู่ที่ 8 ตำบลโพนทอง อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม เป็นชุมชนที่มีรากฐานทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อันยาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มชาติพันธุ์ภูไทที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในพื้นที่นี้มาหลายชั่วอายุคน

จากคำบอกเล่าของผู้สูงอายุในหมู่บ้าน สันนิษฐานได้ว่า บ้านเหล่าสำราญก่อตั้งขึ้นโดยกลุ่มคนภูไทที่อพยพมาจากฝั่งลาวราวปลายสมัยรัชกาลที่ 3 หรือต้นรัชกาลที่ 4 พวกเขาเลือกตั้งถิ่นฐานในบริเวณที่เป็นป่าบาง ๆ มีแหล่งน้ำธรรมชาติ และสามารถเพาะปลูกได้สะดวก เมื่อชุมชนค่อย ๆ เติบโตขึ้น ชาวบ้านจึงร่วมกันตั้งชื่อหมู่บ้านว่า "บ้านเหล่าสำราญ" เพื่อสื่อถึงสถานที่ใหม่ที่พวกเขาได้พบ "ความสำราญ" ทั้งในแง่ของความอยู่เย็นเป็นสุข และการได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างมีความหวัง (องค์การบริหารส่วนตำบลโพนทอง, ศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม 2565)

ในปัจจุบัน บ้านเหล่าสำราญยังคงรักษาอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ภูไทไว้อย่างเข้มแข็ง ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกายพื้นเมือง การฟ้อนภูไท ประเพณีผีฟ้า และภาษาเฉพาะถิ่น (ภาษาภูไท) กิจกรรมวัฒนธรรมในพื้นที่ เช่น งานบุญเดือนสาม ฟ้อนภูไท แห่ผีฟ้า และการแต่งกายด้วยผ้าซิ่นตีนจก ล้วนสะท้อนถึงการธำรงอัตลักษณ์ชาติพันธุ์ภูไทอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ บ้านเหล่าสำราญยังมีวัดโนนสวัสดิการาม ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางจิตใจและวัฒนธรรมของชุมชน วัดแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2445 และได้รับวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2515 เป็นสถานที่ที่ชาวบ้านใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและกิจกรรมชุมชนต่าง ๆ

บ้านเหล่าสำราญ ตั้งอยู่ในหมู่ที่ 8 ตำบลโพนทอง อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม เป็นชุมชนที่มีภูมิประเทศที่ราบสลับเนินเตี้ย มีแหล่งน้ำธรรมชาติและพื้นที่เกษตรกรรมที่อุดมสมบูรณ์ สภาพแวดล้อมของชุมชนประกอบด้วยพื้นที่เกษตรกรรมที่ใช้สำหรับปลูกข้าวและพืชไร่ต่าง ๆ รวมถึงมีแหล่งน้ำธรรมชาติที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตของชาวบ้าน นอกจากนี้ชุมชนยังมีการอนุรักษ์วัฒนธรรมและประเพณีของกลุ่มชาติพันธุ์ภูไท เช่น การฟ้อนภูไท และประเพณีผีฟ้า ซึ่งสะท้อนถึงความเข้มแข็งของอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม

  • ทิศเหนื ติดกับ ตำบลนางาม อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม
  • ทิศใต้ ติดกับ ตำบล หนองย่างชิ้น อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม
  • ทิศตะวันออ ติดกับตำบล หนองย่างชิ้น อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม
  • ทิศตะวันตก ติดกับ ตำบลโคกหินแฮ่ และตำบลท่าลาด อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม

เหล่าสำราญ หมู่ที่ 8 ตำบลโพนทอง อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม เป็นชุมชนขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ท่ามกลางพื้นที่ชนบทของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ชุมชนแห่งนี้มีเอกลักษณ์สำคัญในด้านประชากร ระบบเครือญาติที่เข้มแข็ง และความหลากหลายทางชาติพันธุ์ซึ่งยังคงรักษาขนบธรรมเนียมดั้งเดิมไว้อย่างชัดเจน

ข้อมูลจากระบบบริการสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข (กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ, 2564) ระบุว่า บ้านเหล่าสำราญมีประชากรประมาณ 329 คน โดยประชากรส่วนใหญ่ยังคงยึดอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก เช่น การปลูกข้าวและเลี้ยงสัตว์ ชุมชนมีโครงสร้างประชากรที่ยังรักษาความสมดุลระหว่างวัยแรงงาน วัยเด็ก และผู้สูงอายุ อีกทั้งยังคงความเป็นสังคมแบบดั้งเดิม ที่มีความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัวและชุมชนอย่างแน่นแฟ้น

ระบบเครือญาติในบ้านเหล่าสำราญ มีความสำคัญยิ่งต่อวิถีชีวิตของคนในชุมชน ครอบครัวขยายยังคงมีบทบาทสำคัญในการเลี้ยงดู บ่มเพาะ และถ่ายทอดวัฒนธรรม ความเชื่อ ตลอดจนการจัดงานบุญตามประเพณี เช่น งานบุญผะเหวด บุญข้าวจี่ และประเพณีผีฟ้า โดยมีญาติพี่น้องเป็นกลไกหลักในการร่วมแรงร่วมใจจัดกิจกรรมและช่วยเหลือซึ่งกันและกันในวิถีชีวิตประจำวัน

ในด้านชาติพันธุ์ บ้านเหล่าสำราญเป็นชุมชนชาติพันธุ์ภูไท ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีถิ่นกำเนิดจากลุ่มน้ำโขงฝั่งซ้าย (ประเทศลาว) ก่อนจะอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในภาคอีสานช่วงปลายสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ชาวภูไทในบ้านเหล่าสำราญยังคงรักษาภาษาถิ่น การแต่งกายแบบดั้งเดิม เช่น ผ้าซิ่นตีนจก และการละเล่นพื้นบ้าน อาทิ การฟ้อนภูไท และการเล่นแคน อีกทั้งยังมีประเพณีความเชื่อเกี่ยวกับผีบรรพบุรุษ เช่น ผีฟ้า ผีปู่ตา ซึ่งสะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างคนกับธรรมชาติและโลกหลังความตาย

ผู้ไท

บ้านเหล่าสำราญ หมู่ที่ 8 ตำบลโพนทอง อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม ยังคงรักษาโครงสร้างทางสังคมที่เข้มแข็ง โดยมีองค์กรชุมชนและกลุ่มอาชีพที่หลากหลาย ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวบ้าน เช่น

  • กลุ่มเกษตรกรรม การทำนา ทำไร่ ทำสวน และเลี้ยงสัตว์ เป็นอาชีพหลักของชาวบ้าน
  • กลุ่มหัตถกรร การทอผ้า การจักสานไม้ไผ่ และการผลิตผลิตภัณฑ์จากผักตบชวา
  • กลุ่มแปรรูปอาหาร การแปรรูปผลิตภัณฑ์จากการเกษตร เช่น การทำขนม หรือผลิตภัณฑ์แปรรูปจากปลา
  • กลุ่มบริการ การเปิดร้านค้าในชุมชน เช่น ร้านขายของชำ ร้านอาหาร หรือบริการอื่น ๆ

ชาวบ้านเหล่าสำราญ ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม เช่น ทำนา ทำไร่ และเลี้ยงสัตว์ วิถีชีวิตประจำวันเริ่มต้นด้วยการทำงานในไร่นาและดูแลครอบครัว ในช่วงเย็น ชาวบ้านมักมารวมตัวกันที่วัดหรือศาลากลางหมู่บ้านเพื่อทำบุญ สวดมนต์ หรือร่วมกิจกรรมชุมชน

ชุมชนมีการจัดงานประเพณีและกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดทั้งปี ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อและวัฒนธรรมของชาวภูไท

บุญผะเหวด (บุญมหาชาติ) : จัดขึ้นในเดือน 4 เป็นงานบุญใหญ่ที่ชาวบ้านร่วมกันฟังเทศน์มหาชาติและแห่ข้าวพันก้อน

บุญบั้งไฟ : จัดขึ้นในเดือน 6 เพื่อขอฝนและเฉลิมฉลองก่อนฤดูการเพาะปลูก

บุญข้าวประดับดิน : จัดขึ้นในเดือน 9 เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษ

บุญข้าวสาก : จัดขึ้นในเดือน 10 เป็นการทำบุญถวายข้าวสากแก่พระสงฆ์

บุญออกพรรษา : จัดขึ้นในเดือน 11 เป็นการเฉลิมฉลองการออกพรรษาและมีการแห่ปราสาทผึ้ง

บุญข้าวจี่ : จัดขึ้นในเดือน 3 เป็นการทำบุญถวายข้าวจี่แก่พระสงฆ์

ฟ้อนภูไทเรณูนคร

การฟ้อนภูไทเป็นศิลปะการแสดงที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวภูไทในเรณูนคร โดยมีลักษณะการฟ้อนที่สง่างามและเป็นระเบียบ ผู้ฟ้อนจะสวมใส่ชุดประจำเผ่าที่มีลวดลายและสีสันเฉพาะตัว การฟ้อนภูไทมักจัดแสดงในงานบุญและเทศกาลสำคัญของชุมชน

งานวันภูไทโลก

ในปี 2568 อำเภอเรณูนครได้เป็นเจ้าภาพจัดงาน "วันภูไทโลก" ครั้งที่ 14 เพื่อเฉลิมฉลองและสืบสานวัฒนธรรมของชาวภูไท งานนี้มีการแสดงฟ้อนภูไท การจัดนิทรรศการวัฒนธรรม และกิจกรรมต่าง ๆ ที่แสดงถึงความภาคภูมิใจในมรดกทางวัฒนธรรมของชาวภูไท

1.นายสมชาย ใจดี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8

นายสมชายได้รับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้านหลายสมัย ด้วยวิสัยทัศน์ในการพัฒนาชุมชนและดูแลความสงบเรียบร้อย เขามีบทบาทสำคัญในการประสานงานกับหน่วยงานภายนอกเพื่อพัฒนาสาธารณูปโภคและส่งเสริมอาชีพของชาวบ้าน

2.นางสาวสุดารัตน์ แก้วคำ แกนนำกลุ่มแม่บ้าน

เป็นผู้นำกลุ่มแม่บ้านที่เข้มแข็ง มีบทบาทในการส่งเสริมงานหัตถกรรม เช่น การทอผ้าและจักสานไม้ไผ่ รวมถึงการจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพและพัฒนาคุณภาพชีวิตของสตรีในชุมชน

3.นายประทีป ทองนาค ปราชญ์ชาวบ้าน

เป็นผู้รู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นและธรรมชาติของชุมชน มีบทบาทสำคัญในการถ่ายทอดความรู้เรื่องสมุนไพรและการเกษตรแบบยั่งยืนให้กับชาวบ้านรุ่นใหม่

4.พระครูพิพัฒน์ธรรมคุณ (พระติ้ว) เจ้าอาวาสวัดสำคัญของหมู่บ้าน

มีบทบาททางจิตใจและศาสนาในการดูแลวัดและจัดกิจกรรมทางศาสนาเป็นประจำ ส่งเสริมให้ชุมชนรักษาขนบธรรมเนียมประเพณี และมีความสามัคคี

ทุนมนุษย์

บุคคลเหล่านี้เป็นเสมือนเสาหลักของทุนมนุษย์ที่มีบทบาทสำคัญในการถ่ายทอดความรู้ การบริหารจัดการ และการรักษาวิถีชุมชนอันเป็นเอกลักษณ์ของบ้านเหล่าสำราญ ได้แก่ 

  1. นายสมชาย ใจดี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8
  2. นางสาวสุดารัตน์ แก้วคำ แกนนำกลุ่มแม่บ้าน
  3. นายประทีป ทองนาค ปราชญ์ชาวบ้าน
  4. พระครูพิพัฒน์ธรรมคุณ (พระติ้ว) เจ้าอาวาสวัดสำคัญของหมู่บ้าน

นอกจากนี้ ชาวบ้านเหล่าสำราญส่วนใหญ่มีความรู้และทักษะในการทำเกษตรกรรมแบบดั้งเดิม เช่น การทำนา การปลูกผัก และการเลี้ยงสัตว์ รวมถึงการทอผ้าและจักสาน ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น ความรู้เหล่านี้ทำให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้และรักษารูปแบบวิถีชีวิตดั้งเดิมไว้ได้ นอกจากนี้ยังมีผู้นำชุมชนและปราชญ์ชาวบ้านที่ทำหน้าที่ถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ให้กับคนรุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง

ทุนสังคม

ชุมชนบ้านเหล่าสำราญ มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างสมาชิกในชุมชน มีการร่วมมือและช่วยเหลือกันอย่างต่อเนื่องผ่านกิจกรรมประเพณี เช่น บุญผะเหวด บุญบั้งไฟ และงานบุญต่าง ๆ ซึ่งทำให้เกิดความสามัคคีและความไว้เนื้อเชื่อใจกัน นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งกลุ่มอาชีพและกลุ่มสตรีแม่บ้านที่ช่วยสนับสนุนงานเกษตรและงานหัตถกรรม ทำให้เครือข่ายสังคมในชุมชนแข็งแรงและทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทุนวัฒนธรรม

หมู่บ้านเหล่าสำราญ มีมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญ อาทิ การฟ้อนภูไทที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะชุมชน และประเพณีท้องถิ่นที่ยึดถือกันมาอย่างเหนียวแน่น เช่น บุญผะเหวด บุญบั้งไฟ เป็นต้น ซึ่งประเพณีเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นการแสดงออกถึงความเชื่อและความศรัทธาเท่านั้น แต่ยังเป็นแรงผูกพันที่รวมชุมชนไว้ด้วยกันอย่างแน่นแฟ้น การรักษาและส่งเสริมวัฒนธรรมท้องถิ่นนี้จึงเป็นทุนสำคัญที่ช่วยสร้างความภาคภูมิใจและสืบสานรากเหง้าของชุมชน

ทุนเศรษฐกิจ

เศรษฐกิจของชุมชนหมู่บ้านเหล่าสำราญ ส่วนใหญ่พึ่งพิงการเกษตรเป็นหลัก โดยชาวบ้านมีที่ดินทำกินและเครื่องมือการเกษตรที่เหมาะสมกับการผลิตพืชผล เช่น ข้าว พืชผัก และการเลี้ยงสัตว์ รวมทั้งการผลิตงานหัตถกรรม เช่น การทอผ้าและจักสานไม้ไผ่ที่สามารถสร้างรายได้เสริม นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์และกองทุนหมู่บ้านเพื่อช่วยสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจในชุมชน ส่งผลให้ทุนเศรษฐกิจของชุมชนมีความมั่นคงและสามารถพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง

ทุนด้านการศึกษา

หมู่บ้านเหล่าสำราญให้ความสำคัญกับการศึกษาในทุกระดับ โดยเยาวชนส่วนใหญ่ได้รับการศึกษาภาคบังคับจากโรงเรียนในเขตพื้นที่ใกล้เคียง ส่วนผู้ใหญ่และคนในชุมชนยังคงเรียนรู้อย่างต่อเนื่องผ่านกิจกรรมในศูนย์เรียนรู้ท้องถิ่น กลุ่มอาชีพ และกลุ่มแม่บ้าน ซึ่งจัดการอบรมในเรื่องการทอผ้า จักสาน แปรรูปอาหารพื้นบ้าน และเกษตรอินทรีย์ โดยมีปราชญ์ชาวบ้าน เช่น นายประทีป ทองนาค และนางสาวสุดารัตน์ แก้วคำ เป็นผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้

นอกจากนี้ ครอบครัวและผู้นำชุมชนมีบทบาทในการส่งเสริมการเรียนรู้ของเยาวชน และมีการสนับสนุนกิจกรรมทางการศึกษาผ่านวัดและโรงเรียนอย่างใกล้ชิด ส่งผลให้การศึกษาของชุมชนเกิดขึ้นทั้งในระบบโรงเรียนและนอกระบบ อันเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาศักยภาพคนและสร้างความเข้มแข็งของชุมชนอย่างยั่งยืน

ชาวบ้านเหล่าสำราญ ส่วนใหญ่ใช้ภาษาไทยเป็นภาษาหลักในการสื่อสารในชีวิตประจำวัน นอกจากนี้ยังมีการใช้ภาษาภูไท ซึ่งเป็นภาษาท้องถิ่นของกลุ่มชาติพันธุ์ภูไทที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นี้ โดยภาษาภูไทถูกใช้ในบริบทของวัฒนธรรม ประเพณี และการสื่อสารภายในชุมชน เช่น การร้องเพลงพื้นบ้าน การเล่าเรื่องราวท้องถิ่น และพิธีกรรมต่าง ๆ


ในปัจจุบัน หมู่บ้านเหล่าสำราญเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเศรษฐกิจ เช่น การย้ายถิ่นฐานของเยาวชนไปทำงานในเมืองใหญ่ การเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิตจากเกษตรกรรมไปสู่อาชีพอื่น ๆ และการเข้ามาของเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งส่งผลต่อโครงสร้างทางสังคมและวัฒนธรรมของชุมชน

นอกจากนี้ ชุมชนได้มีการปรับตัวและมีส่วนร่วมในการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยมีการจัดตั้งกลุ่มอาชีพต่าง ๆ เช่น กลุ่มทอผ้า กลุ่มแม่บ้าน และกลุ่มเยาวชน เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนและรักษาวัฒนธรรมท้องถิ่น นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมประเพณีและวัฒนธรรมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเสริมสร้างความสามัคคีและความภาคภูมิใจในชุมชน

หมู่บ้านเหล่าสำราญ มีการจัดงานประเพณีต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น บุญผะเหวด บุญบั้งไฟ และฟ้อนภูไท ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนภูไท รวมไปถึงมีการส่งเสริมการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยมีการจัดอบรมและกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อพัฒนาทักษะและความรู้ของชาวบ้าน และมีการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ เช่น การปลูกต้นไม้ การจัดการขยะ และการรักษาความสะอาดของชุมชน

กรมการปกครอง. (2568). ระบบสถิติทางการทะเบียน กรมการปกครอง. https://stat.bora.dopa.go.th

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ. (2564). ระบบฐานข้อมูลหมู่บ้านสุขภาพดี. https://3doctor.hss.moph.go.th

nutjang. (18 กรกฎาคม 2555). วัดโนนสวัสตดิการาม. ศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม. http://m-culture.in.th/album/

สำนักงานจังหวัดนครพนม. (2565). เสน่ห์วัฒนธรรมจังหวัดนครพนม. https://www2.nakhonphanom.go.th/charm/detail/

สกุลสุภา ปราบพาล. (2561). การสืบสานการแต่งกายของชาวผู้ไทยในประเพณีหมู่บ้านเหล่าสำราญ ตำบลโพนทอง อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม. ภาคนิพนธ์. วิทยาลัยโพธิวิชชาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.

อบต.โพนทอง โทร. 0 4257 9599