Advance search

ชุมชนชาวกะเหรี่ยงโพล่งที่อยู่ร่วมกับป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ซึ่งเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ชุมชนยังคงยึดหลักการอยู่ร่วมกับป่า ใช้ระบบไร่หมุนเวียน และใช้เมล็ดพันธุ์พื้นบ้านในการทำการเกษตร

หมู่ที่ 1
บ้านใต้
แก่นมะกรูด
บ้านไร่
อุทัยธานี
อบต.แก่นมะกรูด โทร. 0 5653 9237
สุพัตทรา แพ่งกล่อม
19 พ.ค. 2025
ปัญญา ไวยบุญญา
1 ก.ค. 2025
วิทยาลัยโพธิวิชชาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
24 มิ.ย. 2025
บ้านใต้

ชื่อ "บ้านใต้" มีที่มาจากตำแหน่งของหมู่บ้านในพื้นที่ตำบลแก่นมะกรูด ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนล่างของพื้นที่โดยรวมนั่นเองครับ (คำว่า "ใต้" ในภาษาไทยสื่อถึง "ด้านล่าง" หรือ "ทิศใต้") การตั้งชื่อจึงเป็นการบ่งบอกทิศทางและความสัมพันธ์เชิงอาณาเขตของหมู่บ้านกับหมู่บ้านอื่นในตำบล


ชุมชนชาวกะเหรี่ยงโพล่งที่อยู่ร่วมกับป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ซึ่งเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ชุมชนยังคงยึดหลักการอยู่ร่วมกับป่า ใช้ระบบไร่หมุนเวียน และใช้เมล็ดพันธุ์พื้นบ้านในการทำการเกษตร

บ้านใต้
หมู่ที่ 1
แก่นมะกรูด
บ้านไร่
อุทัยธานี
61140
15.27944026358472
99.14787208388367
องค์การบริหารส่วนตำบลแก่นมะกรูด

ชาวบ้านดั้งเดิมเป็นกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงโพล่ง อพยพมาจากบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา ฝั่งจังหวัดกาญจนบุรี เมื่อกว่า 100 ปีที่ผ่านมา การอพยพส่วนหนึ่งเกิดจาก ความไม่สงบทางการเมือง การค้นหาพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์สำหรับการทำไร่หมุนเวียน โดยกลุ่มแรกมาตั้งถิ่นฐานบริเวณลุ่มน้ำ "ห้วยแม่ดี" และ "คลองอังวะ" ซึ่งอุดมด้วยทรัพยากรป่าไม้

การตั้งถิ่นฐานเป็น "บ้านใต้" เกิดจากการกระจายตัวของผู้คน ชุมชนเริ่มมีการตั้งชื่อหมู่บ้านเพื่อแบ่งเขต เช่น บ้านใหม่คลองอังวะ (หมู่ 3) บ้านอีมาดอีทราย (หมู่ 4) และบ้านใต้ (หมู่ 1) อยู่ทาง "ตอนล่าง" ของพื้นที่ตำบล จึงได้ชื่อว่า "บ้านใต้" เดิมชุมชนไม่มีไฟฟ้า ถนน หรือ สาธารณูปโภคใด ๆ ชาวบ้านใช้คบเพลิงและเดินเท้าระยะไกลเข้าสู่ตัวเมืองบ้านไร่

ยุคพัฒนาชุมชน-การเปลี่ยนผ่าน ราวปี 2500-2520 เริ่มมีการสำรวจพื้นที่ของราชการ (กรมป่าไม้ ทบวงมหาวิทยาลัย ป่าไม้จังหวัด ฯลฯ) และเริ่มรับรู้ว่าเป็นพื้นที่มีความสำคัญด้านต้นน้ำและระบบนิเวศ

พ.ศ. 2535 พื้นที่รอบชุมชนได้รับการประกาศเป็นส่วนหนึ่งของ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ส่งผลให้ชาวบ้านบางส่วนประสบปัญหาการทำไร่หมุนเวียนต้องเปลี่ยนวิถีการผลิต 

ยุควิกฤตทรัพยากร และ ความเปลี่ยนแปลง (ตั้งแต่ พ.ศ. 2540 เป็นต้นมา) การเข้ามาของแนวคิด "พืชเศรษฐกิจ" ทำให้หลายครัวเรือนเริ่มปลูกข้าวโพด มันสำปะหลัง ยางพารา ส่งผลให้ระบบนิเวศเสื่อม ที่ดินเสื่อมโทรม หนี้สินเพิ่มขึ้น เกิดความขัดแย้งในบางกรณีเกี่ยวกับเขตพื้นที่ป่า

ยุคฟื้นตัว-สู่การจัดการชุมชนโดยชาวบ้าน (พ.ศ. 2547-ปัจจุบัน) ชุมชนร่วมมือกับองค์กรภายนอก เช่น มูลนิธิสืบนาคะเสถียร สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) กรมป่าไม้ ฯลฯ เริ่มจัดทำ แนวเขตพื้นที่ป่าชุมชน วางผังการใช้พื้นที่ ฟื้นฟูไร่หมุนเวียน เกษตรผสมผสาน และกิจกรรมอนุรักษ์ ก่อตั้ง ศูนย์เรียนรู้ท้องถิ่น กลุ่มเยาวชนกะเหรี่ยง และ โฮมสเตย์การท่องเที่ยว ชุมชนสามารถรวมกลุ่มได้อย่างเข้มแข็ง ใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน ส่งเสริมวัฒนธรรมกะเหรี่ยง เช่น ภาษา อาหาร ผ้าทอ กลายเป็นพื้นที่ต้นแบบของ "ชุมชนอนุรักษ์ควบคู่เศรษฐกิจพอเพียง" ระดับภูมิภาค

ตั้งอยู่บน พื้นที่สูงระดับ 600-1,400 ม. เหนือระดับน้ำทะเล ล้อมรอบด้วยขุนเขาและป่าธรรมชาติ จึงมีอากาศเย็นสบายตลอดปี เป็นชุมชนอยู่ในพื้นที่กันชนของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง (มรดกโลก) ที่ยังมีป่าอุดมสมบูรณ์ ปกคลุมด้วยไม้ใหญ่หลายชนิด ป่าในพื้นที่เป็นส่วนหนึ่งของป่าต้นน้ำลำธาร "แม่ดี-คลองอังวะ" ซึ่งเป็นต้นกำเนิดน้ำที่สำคัญหล่อเลี้ยงระบบนิเวศทั้งโซน ด้านตะวันตกติดกับผืนป่าห้วยขาแข้ง เป็นพื้นที่ป่าอุดมสมบูรณ์และมีการจัดตั้งเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเพื่อปกป้องผืนป่า 

อาณาเขตติดต่อ

  • ทิศเหนือ ติดต่อกับ ตำบลแม่เล่ย์ อำเภอแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์
  • ทิศตะวันออก ติดต่อกับ ตำบลระบำ อำเภอลานสัก ตำบลคอกควาย ตำบลเจ้าวัด และตำบลบ้านไร่ อำเภอบ้านไร่
  • ทิศใต้ ติดต่อกับ ตำบลวังยาว จังหวัดสุพรรณบุรี ตำบลเขาโจด จังหวัดกาญจนบุรี
  • ทิศตะวันตก ติดต่อกับ ตำบลชะแล จังหวัดกาญจนบุรี ตำบลแม่ละมุ้ง จังหวัดตาก

ประชากรในพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นชาวกะเหรี่ยงโพล่ง ตามข้อมูลสถิติจำนวนประชากรทางทะเบียนราษฎรในเดือนธันวาคม 2567 บ้านใต้ หมู่ที่ 1 ตำบลแก่นมะกรูด อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี มีประชากรชาย 264 คน หญิง 228 คน รวม 492 คน

โพล่ง

อาชีพหลักของคนในชุมชน คือ เกษตรกร ซึ่งเป็นอาชีพดั้งเดิมของคนในพื้นที่โดยชาวกะเหรี่ยงในพื้นที่มักทำการเกษตรแบบไร่หมุนเวียน ปลูกข้าวพื้นบ้าน เช่น ข้าวเหนียวดำ, ข้าวแดง และข้าวเหนียวขาว ทำในช่วงฤดูฝนโดยไม่ใช้ปุ๋ยเคมี และเคารพวิถีธรรมชาติ เป็นแหล่งอาหารหลักของครอบครัว ไม่เน้นขาย นอกจากนี้ยังมีการเลี้ยงสัตว์ การทอผ้าและหัตถกรรมพื้นบ้าน มีการรวมกลุ่มสตรีทอผ้ากะเหรี่ยง เช่น ผ้าซิ่น เสื้อยาว เครื่องแต่งกายแบบดั้งเดิม ใช้เส้นฝ้ายและสีธรรมชาติ เช่น คราม และเปลือกไม้ ผลิตเพื่อจำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยวในเทศกาล "หนาวสุดกลางสยาม"

  • มกราคม : ท่องเที่ยวฤดูหนาว - งาน "หนาวสุดกลางสยาม" ช่วงคนมาเที่ยวสวนดอกไม้ โฮมสเตย์
  • กุมภาพันธ์ : เตรียมแปลงเพาะกล้า - เริ่มเก็บพืชเมืองหนาวรอบสุดท้ายเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อน
  • มีนาคม : เคลียร์พื้นที่ไร่หมุนเวียน ไถพรวน พิธีขอขมาเจ้าที่ มีพิธีกรรมในไร่ เช่น "ขอไร่" "ล้างไร่"
  • เมษายน : เตรียมหว่านข้าวไร่ สรงน้ำผู้สูงอายุ งานสงกรานต์วิถีกะเหรี่ยงแบบเรียบง่าย
  • พฤษภาคม : ลงกล้าข้าวไร่ ปลูกพืชผสมผสาน เริ่มฤดูฝน ปลูกข้าว ปลูกพริก ฟักทอง ฯลฯ
  • มิถุนายน : ดูแลไร่ - ทำคันนา, กำจัดวัชพืช ฝนตกต่อเนื่อง ชาวบ้านไม่ค่อยเดินทางออก
  • กรกฎาคม : ทำไร่  เทศกาลเข้าพรรษา วัดและชุมชนจัดกิจกรรมธรรมะ
  • สิงหาคม : ฟื้นฟูผืนป่า เก็บผักพื้นบ้าน เก็บเห็ด หน่อไม้ ฯลฯ
  • กันยายน : ข้าวเริ่มออกรวง - ดูแลฟื้นฟูพื้นที่ไร่เก่า เริ่มซ่อมบ้าน เตรียมแปรรูปผลผลิต
  • ตุลาคม : เก็บเกี่ยวข้าวไร่ - ทำบุญขอบคุณแผ่นดิน "พิธีขอบคุณผีไร่" และเลี้ยงหมู่บ้าน
  • พฤศจิกายน : เตรียมพื้นที่สวนท่องเที่ยว เก็บเมล็ดพันธุ์ ปลูกต้นไม้สมุนไพร ไม้ดอก
  • ธันวาคม : เปิดฤดูท่องเที่ยว ปลูกดอกไม้เมืองหนาว เตรียมเทศกาลท่องเที่ยวของชุมชน

1.นายโง่ย สุขหล่อ ปราชญ์ด้านไร่หมุนเวียน ถ่ายทอดความรู้เรื่องการขอขมาเจ้าที่ การฟื้นเมล็ดพันธุ์พื้นบ้าน และการทำไร่แบบไม่ทำลายป่า

2.นางตู๊น อุ่นเรือน ปราชญ์ด้านการทอผ้ากะเหรี่ยงและการย้อมสีธรรมชาติ เช่น คราม เปลือกไม้ ใบหูกวาง

3.คุณหมี ศิริชัย แกนนำกลุ่มครัวกะเหรี่ยงเชอยิเก่อ และโครงการเล่าเรื่องไร่หมุนเวียน

ชุมชนมีพื้นที่ป่าสงวนรอบชุมชน เป็นป่าต้นน้ำของห้วยแม่ดี และคลองอังวะ มีพันธุ์ไม้หลากหลาย เช่น ไม้สัก ไม้ประดู่ สมุนไพร ฯลฯ อยู่ในเขตภูเขา อากาศเย็นตลอดปี เหมาะแก่การปลูกพืชเมืองหนาว อยู่ในเขตกันชนของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง มีสัตว์หายาก

วิถีชีวิตกะเหรี่ยงโพล่ง เช่น พิธีกรรมในไร่หมุนเวียน การทอผ้า อาหารพื้นถิ่น (เช่น น้ำพริกกะเหรี่ยง แกงยอดไม้) ภาษาและความเชื่อ เช่น การเคารพป่า การขอขมาผีไร่ การฝังศพแบบกะเหรี่ยง ประเพณีท้องถิ่น: เช่น พิธีรำตง สงกรานต์พื้นบ้าน งานขอบคุณแผ่นดิน

ความสามัคคีของชุมชนในการอนุรักษ์ป่า เครือข่าย "ป่าชุมชนตำบลแก่นมะกรูด" ทำงานร่วมกับมูลนิธิสืบนาคะเสถียร องค์กรพัฒนาเอกชนและหน่วยงานรัฐ มีผู้นำท้องถิ่นเข้มแข็ง เช่น คณะกรรมการหมู่บ้าน กลุ่มเยาวชน กลุ่มแม่บ้าน ฯลฯ

ภูมิปัญญาการทำไร่หมุนเวียน การใช้พืชสมุนไพรพื้นบ้าน การทอผ้า การเลี้ยงสัตว์พื้นเมือง เช่น หมูดำ ไก่พันธุ์พื้นถิ่น การใช้พลังงานทดแทนพื้นบ้าน เช่น เตาชีวมวล เตาอบพลังแสงอาทิตย์

มีพืชเศรษฐกิจหลัก : สตรอว์เบอร์รี่ ข้าวไร่ พืชผักเมืองหนาว โฮมสเตย์-ท่องเที่ยวชุมชน เช่น "บ้านปิล็อกลึก" "เนินสวนดอกไม้" กลุ่มอาชีพ เช่น กลุ่มจักสาน กลุ่มผลิตภัณฑ์จากผ้าทอ กลุ่มแม่บ้านแปรรูปอาหาร

เทศกาล : "หนาวสุดกลางสยาม" สร้างรายได้หลักประจำปีให้กับหมู่บ้าน

ชาวบ้านในพื้นที่บ้านใต้ หมู่ที่ 1 ใช้ภาษาไทยในการติดต่อราชการ และใช้ภาษากะเหรี่ยงโพล่งในการพูดคุยกันในพื้นที่


กลุ่มชาติพันธุ์หลัก คือ กะเหรี่ยงโพร่ง เป็นประชากรส่วนใหญ่ของหมู่บ้าน โครงสร้างครอบครัว ส่วนใหญ่เป็นครอบครัวขยายแบบดั้งเดิม ปัจจุบันเริ่มแยกเป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้นเยาวชนบางส่วนย้ายถิ่น ไปเรียนหรือทำงานในตัวเมือง แต่บางส่วนกลับมาทำงานในโครงการชุมชน มีการจัดตั้ง กลุ่มเยาวชนกะเหรี่ยง ที่เข้ามามีบทบาทในการสืบสานวัฒนธรรม สร้างสรรค์กิจกรรม เช่น “ครัวกะเหรี่ยง”, “เล่าเรื่องไร่” มีการจัดตั้งกลุ่มต่าง ๆ เช่น กลุ่มทอผ้า กลุ่มแม่บ้าน กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ชุมชนสามารถเข้าถึงการศึกษา ทั้งในโรงเรียนระดับประถมและมัธยมต้นในตำบล ชุมชนก็ยังคงเผชิญกับความท้าทายในเรื่องของคนรุ่นใหม่บางส่วนเริ่มไม่พูดภาษากะเหรี่ยงทำให้วัฒนธรรมและภาษาท้องถิ่นเสี่ยงสูญหาย เยาวชนที่ออกไปเรียนในเมืองอาจไม่กลับถิ่น ขาดแรงงานรุ่นใหม่ในบางฤดูกาล และอิทธิพลของเทคโนโลยีทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นอ่อนลง


เดิมชาวกะเหรี่ยงในพื้นที่ใช้วิถี ไร่หมุนเวียน ที่ไม่ทำลายป่า เช่น ปลูกข้าวในไร่ที่หมุนเวียนปีต่อปี ใช้ทรัพยากรป่าแบบ พึ่งพาและเคารพ เช่น เก็บเห็ด สมุนไพร ล่าสัตว์น้ำในลำห้วย ป่าไม้ น้ำ และดินมีความสมบูรณ์สูง เป็นเขตต้นน้ำของห้วยแม่ดี คลองอังวะ

ในระยะเปลี่ยนผ่าน - ความเสื่อมโทรมจากแรงกดดันภายนอก ช่วง พ.ศ. 2520–2540 มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญที่กระทบทรัพยากร ได้แก่ การส่งเสริม พืชเชิงเดี่ยว เช่น ข้าวโพด มันสำปะหลัง ทำให้มีการถางป่า การใช้สารเคมีและรถไถ ทำให้ดินเสื่อม ต้นน้ำขุ่น และ สัตว์ป่าหายไป การประกาศเขตป่าสงวน–เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ในปี พ.ศ. 2535 ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถใช้ป่าได้เหมือนเดิมและก่อให้เกิดความขัดแย้งและ "ไร้ที่ดินทำกิน" ในบางกลุ่ม

ต่อมาในยุคฟื้นฟู - ฟื้นทรัพยากรจากภายในชุมชน ตั้งแต่ พ.ศ. 2547 เป็นต้นมา ชุมชนร่วมมือกับองค์กรภายนอก เช่น มูลนิธิสืบนาคะเสถียร สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน และกรมป่าไม้ เพื่อจัดการทรัพยากรขึ้นใหม่ ด้วยการทำ "แผนที่แนวเขตป่าชุมชน" ด้วยระบบ GIS การฟื้นฟูป่าไม้กว่า 1,000 ไร่ โดยหยุดบุกรุกป่า และปลูกซ่อม การรื้อฟื้น การทำไร่หมุนเวียนอย่างสมดุล การตั้ง "กฎชุมชนเรื่องการหาของป่า" เช่น ห้ามล่าสัตว์ป่า ห้ามตัดไม้ขนาดใหญ่โดยพลการ และปัจจุบันทรัพยากรฟื้นตัว สามารถอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน ป่าชุมชนกลับมาอุดมสมบูรณ์ขึ้น มี สมุนไพร เห็ด ผึ้งป่า มากขึ้น แหล่งน้ำฟื้นคืน เช่น ห้วยแม่ดีใสสะอาดตลอดปี สัตว์ป่าเริ่มกลับมา เช่น เก้ง หมูป่า นกเงือก เยาวชนเริ่มเข้ามามีบทบาทในกิจกรรมอนุรักษ์ เช่น การเดินสำรวจป่า ทำแนวกันไฟ เก็บพันธุ์พืช ชุมชนใช้ป่าเพื่อสร้างรายได้โดยไม่ทำลาย เช่น "ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ" และ "ผลิตภัณฑ์จากป่าอย่างยั่งยืน"


ห้วยขาแข้ง
กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

กฤติกา บุตรทรัพย์. (2563). กระบวนการมีส่วนร่วมในการจัดการจัดทำนิทรรศการภาพถ่ายเมล็ดพันธุ์และผักพื้นบ้านชุมชนชาติพันธุ์กะเหรี่ยงโพล่ง ตำบลแก่นมะกรูด อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี. ภาคนิพนธ์. วิทยาลัยโพธิวิชชาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.

กรมการปกครอง. (2567). สถิติประชากรบ้านใต้ ประจำเดือนธันวาคม 2567. จาก https://stat.bora.dopa.go.th

มูลนิธิสืบนาคะเสถียร. (2564). บ้านใต้: วิถีกะเหรี่ยงในผืนป่าตะวันตก. จาก https://www.seub.or.th

มูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา. (2565). รายงานการสำรวจทุนชุมชนตำบลแก่นมะกรูด. กรุงเทพฯ: ศูนย์พัฒนาการเรียนรู้เพื่อความยั่งยืน.

Payai TV. (25 ธันวาคม 2564). บ้านใต้: เสียงกะเหรี่ยงจากป่าใหญ่. YouTube. https://www.youtube.com

อบต.แก่นมะกรูด โทร. 0 5653 9237