Advance search

บ้านซอแขระกลา ตำบลแม่วะหลวง อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ท่ามกลางขุนเขาและธรรมชาติอันบริสุทธิ์ ที่ยังคงรักษาเสน่ห์ของวิถีชีวิตดั้งเดิมไว้อย่างกลมกลืน

หมู่ที่ 1
ซอแขระกลา
แม่วะหลวง
ท่าสองยาง
ตาก
อบต.แม่วะหลวง โทร. 06 4421 7000
ญาณิศา ลาภลิขิต
20 มิ.ย. 2025
ปัญญา ไวยบุญญา
24 ก.ค. 2025
วิทยาลัยโพธิวิชชาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
26 มิ.ย. 2025
ซอแขระกลา


บ้านซอแขระกลา ตำบลแม่วะหลวง อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ท่ามกลางขุนเขาและธรรมชาติอันบริสุทธิ์ ที่ยังคงรักษาเสน่ห์ของวิถีชีวิตดั้งเดิมไว้อย่างกลมกลืน

ซอแขระกลา
หมู่ที่ 1
แม่วะหลวง
ท่าสองยาง
ตาก
63130
17.690462877204297
97.93056611082116
องค์การบริหารส่วนตำบลแม่วะหลวง

บ้านซอแขระกลาเป็นชุมชนทำการเกษตรแบบระบบรายย่อย เช่น ปลูกข้าวไร่ พืชผักสวนครัว ผลไม้ท้องถิ่น เสริมด้วยการเลี้ยงสัตว์ โดยทั่วไปมีวิถีชีวิตเรียบง่าย พึ่งพาธรรมชาติและเส้นทางท้องถิ่น ยังไม่มีแหล่งข้อมูลออนไลน์เชิงลึกเฉพาะหมู่บ้านชื่อ "บ้านซอแขระกลา" แต่บริเวณโดยรอบมักสร้างเป็นศูนย์พัฒนาอาชีพและมีโครงการส่งเสริมจากหน่วยงานราชการ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลด้านประวัติศาสตร์ชุมชนอย่างเป็นทางการ เช่น ปีที่เริ่มก่อตั้งหมู่บ้าน หรือเรื่องราวสำคัญในอดีตที่มีการบันทึกไว้โดยตรง การเก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้อาวุโสในพื้นที่และเอกสารท้องถิ่นจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น เพื่อให้สามารถจัดทำประวัติศาสตร์ชุมชนได้อย่างครบถ้วนในอนาคต

บ้านซอแขระกลา หมู่ที่ 1 ตำบลแม่วะหลวง อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก พื้นที่ส่วนใหญ่ยังคงเป็นป่าไม้ธรรมชาติ มีความอุดมสมบูรณ์ อยู่ในตำบลแม่วะหลวง และมีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้

  • ทิศเหนือ ติดต่อกับ อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน
  • ทิศใต้ ติดต่อกับ ตำบลแม่สอง อำเภอท่าสองยาง
  • ทิศตะวันออก ติดต่อกับ อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน และ อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่
  • ทิศตะวันตก ติดต่อกับ ตำบลท่าสองยาง อำเภอท่าสองยาง 

บ้านซอแขระกลา โดยสถิติประชากรทางการทะเบียนราษฎร (รายเดือน) สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง รายงานจำนวนประชากร หมู่ที่ 1 บ้านซอแขระกลา ตำบลแม่วะหลวง อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 525 คน โดยแยกเป็นประชากรชาย 279 คน ประชากรหญิง 246 คน จำนวนหลังคาเรือนทั้งสิ้น 184 หลังคาเรือน (ข้อมูลเดือนมกราคม 2568)

ปกาเกอะญอ
กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

ปฏิทินวัฒนธรรม 12 เดือน

ช่วงเดือน พิธีกรรม/ประเพณี ความหมาย วัตถุประสงค์ อุปกรณ์ วิธีการ ข้อห้าม
มกราคม-กุมภาพันธ์ พิธีกรรมก่าดูคี  เป็นพิธีกรรมทำนายเสี่ยงทายพื้นที่สำหรับทำไร่หมุนเวียน

เป็นการขออนุญาตเจ้าที่และขับไล่เจ้าที่สำหรับการทำไร่หมุนเวียน

กระดูกไก่ 2 คู่

  1. หัวหน้าครอบครัวจะกี้จือด้วยไก่ 1 ตัว
  2. ทำการเสี่ยงท้ายอธิษฐานขออนุญาตและขอขมาเจ้าที่สำหรับการทำไร่หมุนเวียน ทำนายโดยใช้กระดูกไก่ (ถ้ากระดูกไก่มี 2 รู ใน 1 ท่อน แสดงว่าพื้นที่นี้เหมาะกับการทำไร่หมุนเวียน/ถ้ากระดูกไก่มี 1 ท่อน มี 2 รู แสดงว่าพื้นที่นี้ไม่เหมาะสมกับการทำไร่หมุนเวียน)
  3. เมื่อทำนายและรู้ผลเสร็จแล้ว จะถางไร่นิดหนึ่งจากนั้นก็จะกลับบ้าน เช้าวันต่อมาเจ้าของไร่จะไปบอกในสิ่งที่ตนได้ฝันถึงให้กับผู้เฒ่าผู้แก่ฟัง (ถ้าฝันถึงแม่น้ำแสดงว่าดี ถ้าฝันถึงพระอาทิตย์และพระจันทร์แสดงว่าไม่ดี) ถ้าฝันร้ายแสดงว่าพื้นที่ตรงนั้นไม่สามารถทำกินได้ต้องขยายออกไปอีก 1 วา

เจ้าของไร่ห้ามกลับมานอนกลางวันและห้ามกินข้าวที่ค้างคืน ถ้าจะกินข้าวจะต้องหุงข้าวใหม่

หลังจากที่ก่าต่าเสร็จ 1 วัน

พิธีโอ้ย่อ 1 วัน   เพื่อปล่อยให้สิ่งชั่วร้ายออกไปจากไร่ -

ทุกคนในหมู่บ้านจะพัก  1 วันโดยที่ไม่ทำงานอะไร

-
กุมภาพันธ์ พิธีกรรมมัดมือควาย (กี้ปะหน่าจือ) เป็นพิธีกรรมสำหรับมัดมือหมายเพื่อเรียกขวัญควาย เพื่อเป็นการทำให้จำนวนควายเพิ่มขึ้น และปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ น้ำส้มป่อย เงิน เหล้า 2 ขวด ไก่ 2 ตัว
  1. เสี่ยงท้าย (กาต่า) เพื่อทำนายว่าใครจะต้องเป็นผู้นำในการมัดมือควาย)
  2. เมื่อรู้ว่าใครจะเป็นผู้นำในการมัดมือควายแล้ว จากนั้นจึงจะต้องต้มเหล้า
  3. ตกเย็นของวันที่มีการต้มเหล้า จะต้องเตรียมอุปกรณ์สำหรับพิธีมัดมือควาย เช่น ข้าวต้มมัด ข้าวปุ๊ (แมโต้ปิ)
  4. เช้ารุ่งขึ้น ต้มไก่บ้าน 2 ตัว จากนั้นจึงจะไปจูงควายกลับมาที่บ้าน แล้วมัดไว้บริเวณหัวบันไดบ้าน
  5. จากนั้นจึงประกอบพิธีเรียกขวัญควายและมัดมือควายตามลำดับ (มัดตรงเขาควาย)
  6. เจ้าของควายจะดื่มเหล้าขวดแรกและกินข้าวก้อนแรกก่อน
  7. ทุกคนร่วมกันรับประทานอาหาร
ห้ามแขกร่วมรับประทานอาหาร ถ้าแขกรับประทานจะต้องนอนค้าง 1 คืน ห้ามกลับบ้านเพราะมีความเชื่อว่าควายจะไม่เพิ่มขึ้น
 มีนาคม พิธีกรรมกี้จือฮี้ซอโค้ เป็นพิธีกรรมมัดมือสำหรับเปลี่ยนฤดูกาล หลังจากที่มีการถางไร่ได้ ทุกคนในหมู่บ้านจะทำพิธีมัดมือเพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับชีวิตในการเริ่มต้นฤดูกาลการทำงาน ข้าวต้มมัด (แมต่อ) ข้าวปุ๊ (แม่โต้ปิ) ไก่ ด้าย เหล้า 1 ขวด
  1. ตอนเย็นผู้เฒ่าผู้แก่จะไปส่งเครื่องสะตวง 2 ถาด ไปไว้ที่ทิศเหนือของหมู่บ้าน 1 จุด ทิศใต้ของหมู่บ้าน 1 จุด
  2. เชิญผู้เฒ่าผู้แก่มาที่บ้าน เมื่อมาถึงบ้านเจ้าของบ้านจะต้องฆ่าไก่แล้วนำไก่ไปต้ม จากนั้นผู้เฒ่าผู้แก่จะไปเคาะ (ตะโกล) ที่จอดอเพอ (กระบุง) และไปเคาะตะบิ (จานไม้) เพื่อเรียกขวัญเจ้าของบ้านและครอบครัวให้กลับมาอยู่กับบ้าน
  3. เจ้าของบ้านรินเหล้าแก้วแรกให้กับผู้เฒ่าผู้แก่เพื่ออธิษฐานขอพรให้กับครอบครัวนี้มีสุขภาพที่แข็งแรง จากนั้นเหล้าขวดแรกสมาชิกทุกคนจะต้องช่วยกันดื่มเหล้าให้หมดขวด
  4. มัดมือเรียกขวัญ โดยมัดมือจากคนที่อายุน้อยไปหาคนที่อายุมาก
  5. มัดตะกี่เตอ อุปกรณ์ที่ใช้ในการหุงหาอาหารจากนั้นร่วมกันรับประทานอาหาร
-
 มีนาคม ประเพณีการตากผ้า เป็นการตากผ้า เพื่อให้ใบไม้กรอบเผาได้ดี -
  1. แม่บ้านจะนำเสื้อ ผ้าถุงใหม่ ที่เก็บไว้ในตู้ออกมาตากแดด ซึ่งเป็นวันเดียวกับการเผาไร่
  2. เมื่อเห็นควันไฟแล้ว ทุกบ้านจะเก็บเสื้อผ้าเก็บไว้ในตู้
-
เมษายน รดน้ำดำหัว รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ เพื่อขอขมาและขอพรผู้เฒ่าผู้แก่ น้ำส้มป่อย ชู ขนม เทียน ธูป น้ำส้ม
  1. ต้มน้ำส้มป่อยกับชู ทิ้งให้เย็น
  2. นำน้ำส้มป่อยไปรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่
  3. ของที่จะมอบให้แก่ผู้ใหญ่ใส่ในถาดแล้วนำไปให้ผู้ใหญ่ จากนั้นผู้ใหญ่จะอธิษฐานและให้พรกับลูกหลาน
ผู้หญิงที่เป็นประจำเดือนห้ามไปรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ เชื่อว่าจะนำสิ่งที่ไม่ดีมอบให้แก่ผู้ใหญ่และนำโรคภัยให้แก่ผู้ใหญ่
เมษายน ประเพณีหม่าบุ๊โค้ เป็นการทำบุญพระเจดีย์ ขอพรให้หมู่บ้านมีความสงบร่มเย็น มีฝนตกต้องตามฤดูกาล ธูปเทียน ดอกไม้ อาหาร
  1. เมื่อพระจันทร์เต็มดวงทั้งหมู่บ้านจะไปพร้อมกันที่วัด
  2. ทุกคนช่วยกันทำอาหาร
  3. จากนั้นทุกคนไปขึ้นพระเจดีย์พร้อมกับมีดนตรีพื้นบ้านบรรเลงประกอบการขึ้นเจดีย์
  4. กลับมารับประทานอาหารร่วมกัน
  5. สวดภาวนาพร้อมกัน
 -
พฤษภาคม ประเพณีการย้อมด้าย (ลื้องอโขะ) การย้อมด้ายแบบดั้งเดิมโดยการนำรากไม้มาย้อมด้าย เป็นการย้อมด้ายแบบดั้งเดิม ด้าย รากไม้ (โขะ)
  1. ก่อนที่จะมีการไปขุดรากไม้ผู้เฒ่าในหมู่บ้านจะต้องทำการก่าต่า (ทำนาย) ว่าช่วงเวลาไหนที่เหมาะสมกับการไปขุดรากไม้มาย้อมด้าย
  2. เมื่อได้วันเวลาที่จะขุด ชาวบ้านทั้งหมู่บ้านจะรวมตัวกันไปขุด จากนั้นกลับมาหั่น และตำให้ละเอียด
  3. นำโขะไปต้มและนำด้ายลงไปย้อม
  4. เมื่อทุกคนในหมู่บ้านย้อมผ้าเสร็จ ผู้เฒ่าไปนำโขะกลับไปในป่าบริเวณที่ไปขุด ด้ายทั้งหมดที่ย้อมเสร็จก็จะต้องนำออกไปทิ้งไว้ในปี 1 คืน จากนั้นเช้ารุ่งขึ้นถึงจะเอากลับไปตากแดด
-
พฤษภาคม พิธีกรรมลือทีบอ ทำบุญขุนน้ำ เป็นการขออนุญาตใช้น้ำจากเจ้าที่ ไก่ 2 ตัว เหล้า 1 ขวด จาน 1 ใบ
  1. ทุกคนที่ใช้น้ำในการทำการเกษตรไปรวมตัวกันบริเวณฝาย
  2. สร้างศาลเจ้า สถานที่สำหรับไหว้ขุนน้ำ
  3. เชือดคอไก่จากนั้นนำเลือดไก่ไปทาศาลเจ้า
  4. ทุกคนช่วยกันประกอบอาหาร
  5. เมื่อประกอบอาหาร ผู้นำพิธีกรรมจะนำข้าวก้อนแรกไปไว้ที่ศาลเจ้า
  6. ผู้ที่ใช้น้ำจะต้องนำไปไว้ที่ศาลเจ้า จากนั้นผู้นำจะอธิษฐานขออนุญาตใช้น้ำ
  7. ผู้นำจะรินเหล้าใส่ในแก้ว 1 ใบแล้วนำไปไว้ที่ศาลเจ้า
  8. ร่วมกันรับประทานอาหาร
-
พฤษภาคม พิธีกรรมลื้อก้อ (หม่าอ้อต่าโดะต่าล่า) เป็นพิธีกรรมสำหรับทำบุญดินและขอขมาพระแม่โพสพ เป็นการทำบุญดินเพื่อให้ดินดีขึ้น ผลผลิตก็จะดีตาม ควาย 1 ตัว

1) จูงควายไปนอกหมู่บ้าน  จากนั้นฆ่าควายที่แม่น้ำ

          2) นำไปประกอบอาหาร แจกจ่ายให้ทุกคนในหมู่บ้าน

1เดือนจากนั้น ห้ามขายข้าว หมู ไก่ เพราะมีความเชื่อว่าจะทำมาหากินไม่ขึ้น

กรกฎาคม

แซขือ เป็นพิธีกรรมสำหรับทำบุญดี เมื่อข้าวเริ่มเขียวจะมีการทำพิธีกรรมบอขือเพื่อทำให้ดินมีคุณภาพที่เหมาะสมสำหรับข้าว พืช ที่ปลูกในไร่หมุนเวียน ไม้ข้าวหลาม ไผ่หก (วะกลึ) ไผ่ตงลืมแล้ง (วะซึ) ไก่ 1 ตัว เหล้า 1 ขวด
  1. ตัดไม้ไผ่เตรียมไว้
  2. เช้ารุ่งขึ้นไปปักไว้ที่ไร่ 3 จุด คือ จุดแรกเพื่อทำให้ร่มเย็น จุดที่สองเพื่อผลผลิตที่งอกงาม จุดที่สามเพื่อเจ้าของไร่
  3. จากนั้นจะทำพิธีกรรมลือต่า (เซ่นไหว้) โดยใช้ไก่ 1 ตัว เหล้า 1 ขวด เพื่อขับไล่ศัตรูพืชให้ออกไปจากไร่
  4. เจ้าของไร่จะไปทำอาหาร จากนั้นนำอาหารไปบริเวณที่ปักไม้ไผ่ไว้ ผู้เฒ่าจะอธิษฐานขอให้แมลงศัตรูพืชอย่ามารบกวนพืชที่ปลูกในไร่ ขอให้ดินดีมีคุณภาพที่เหมาะสมสำหรับข้าว พืช ที่ปลูกในไร่หมุนเวียน
  5. เมื่ออธิษฐานเสร็จจะนำข้าวก่อนแรก (แมโค้ทีโค้) ไปไว้บริเวณที่ปักไผ่ไว้ จากนั้นดื่มเหล้าแก้วแรก
  6. ทุกคนร่วมกันรับประทานอาหาร
  7. ตกเย็นเจ้าของไร่จะทำพิธีกรรมขะแกขืออีกรอบเพื่อไม่ให้ศัตรูพืชหรือใครเข้าไปในไร่
  8. เช้ารุ่งขึ้นเจ้าของไร่จะต้องไปที่ไร่ก่อนที่คนอื่นจะเข้าไปเพื่อเอาต่าขะแกออก ไม่เช่นนั้นบุคคลอื่นจะไม่สามารถเข้าไปหรือผ่านเข้าไปในไร่ได้
-
สิงหาคม กี้จือลาคุ เป็นพิธีกรรมสำหรับมัดมือเรียกขวัญ เพื่อเป็นการมัดมือเรียกขวัญ ช่วงครึ่งปี ข้าวต้มมัด (แมต่อ) ข้าวปุ๊ (แมโต้ปิ) ด้าย เทียน
  1. เตรียมอุปกรณ์
  2. เช้ารุ่งขึ้นผู้นำครอบครัวจะไปเชิญผู้เฒ่ามาที่บ้านเพื่อทำพิธีกรรมเรียกขวัญ เมื่อผู้เฒ่ามาถึงจะทำการเคาะ (ตะโกร) ที่หัวบันไดบ้านเพื่อเรียกขวัญคนในบ้านให้กลับมา จากนั้นเจ้าของบ้านจะรินเหล้า 1 แก้วให้ผู้เฒ่าดื่ม
  3. เจ้าของบ้านจะลงมือฆ่าไก่เพื่อประกอบอาหาร
  4. เมื่อประกอบอาหารเสร็จผู้เฒ่าจะกลับมาเขาะตะบิอีกครั้ง
  5. จากนั้นเริ่มมัดมือโดยเริ่มจากคนที่มีอายุน้อยที่สุดของบ้านและไล่ลำดับขึ้นมา
  6. เมื่อมัดมือเสร็จทุกคนร่วมกันรับประทานอาหาร
-
ขะแกบือ พิธีกรรมขะแกบือ ทำให้ข้าวมีผลผลิตที่ดีขึ้น เพื่อให้ข้าวออกรวงแล้วไม่ร่วงและขับไล่ศัตรูพืช ไผ่ ข้าว เกลือ พริก บุหรี่ 1 ม้วน หมาก 1 คำ

1) ตกเย็นเจ้าของไร่นำอุปกรณ์ที่เตรียมไว้ไปทำพิธีกรรมขะแกบือ

          2) จากนั้นจะทำเรื่องหมายสัญลักษณ์เพื่อไม่ให้คนอื่นเข้าไป เวลาหกโมงเย็นเจ้าของไร่จะนำเครื่องสะตวงที่เตรียมไว้ มาอธิษฐาน ของให้คนหรือสัตว์อย่าเข้ามารบกวนข้าวและขับไล่ศัตรูพืชออกจากไร่

          3) รุ่งขึ้นเจ้าของไร่จะไปเอาเครื่องหมายสัญลักษณ์ที่ทำไว้ออก จากนั้นคนอื่นถึงจะเข้าไปในไร่ได้

ข้อห้าม เมื่อทำพิธีกรรมขะแกบือ ห้ามคนอื่นเข้าไปในไร่

-
ตุลาคม พิธีกรรมแกวท่อบือเกอลา (กรณีที่ผลผลิตไม่ดี) เป็นการเรียกขวัญข้าว เพื่อให้มีผลผลิตที่ดี/ข้าวงาม และเพียงพอสำหรับบริโภคตลอดทั้งปี สร้อย ไผ่ แกว โฆ่ เดอ ฉาบ
  1. ตอนเช้าเตรียมอุปกรณ์ และนำไปที่ไร่
  2. เจ้าของไร่จะทำพิธีลือต่า
  3. เมื่อทำการลือต่าเสร็จจะฆ่าไก่เพื่อประกอบอาหารจากนั้นจะนำใบข้าวมัดเป็น 3 ขา จำนวน 3 อัน จากนั้นเอาข้าวก้อนแรกนำไปไว้ที่บนใบข้าว เพื่อเรียกขวัญข้าว
  4. รับประทานอาหารเที่ยงร่วมกัน
  5. เช้ารุ่งขึ้นเจ้าของไร่จะต้องไปแก้มัดใบข้าว 3อัน
ไม่สามารถเก็บผลผลิตในไร่ได้
พฤศจิกายน เซอท่อโท้ เลี้ยงส่งเจ้าที่กลับ เพื่อขอบคุณและเลี้ยงส่งโท้บีฆ่า (เจ้าที่กลับ) ข้าวหลาม อาหาร ดอกไม้
  1. ทำอาหาร ที่เป็นผลผลิตจากไร่ เช่น มัน เผือก แตง
  2. เผาข้าวหลาม
  3. เซอท่อโท้บีฆ่า โดยนำเครื่องสะตวงไปไว้บนยุ้งข้าว จากนั้นอธิษฐาน "อัญเชิญเจ้าที่กลับระหว่างทางห้ามแวะเมื่อถึงเวลาที่ตอไม้ดำให้กลับมาอีกครั้ง"
  4. ทุกคนร่วมกันรับประทานอาหาร
  5. กลับมาบ้าน ตกเย็นผู้ใหญ่จะมัดมือเด็กเพื่อเรียกขวัญเด็กให้กลับมา
  6. เช้ารุ่งขึ้นไปหาของป่า เช่น ปลา ปู ผัก และนำกลับมาประกอบอาหาร
  7. ก่อนกินข้าว ผู้นำครอบครัวจะทำการมัดมือเรียกขวัญ ครกตำข้าว ตะกี่เต้อ หม้อ ตะกร้า ของเหล่านี้เป็นของใช้ที่ใช้มาตลอดทั้งปี
  8. นำผลผลิตอย่างละนิดมามัดรวมกัน จากนั้นกัดและนำไปโรยบนเตา 3 ขา อธิษฐาน “ขอบคุณตลอด 1 ปีที่ได้ใช้”

 

 ห้ามใช้เตา 3 ขา 1 คืน

 

ปฏิทินพิธีกรรมตามวัฏจักรชีวิต

การเกิด

ช่วงเวลา พิธีกรรม/ประเพณี ความหมาย วัตถุประสงค์ อุปกรณ์ วิธีการ ข้อห้าม
เด็กคลอด พิธีกรรมเดป่อทู ต้นไม้แห่งการเกิด เพื่อนำสายสะดือไปผูกติดไว้กับต้นไม้ กระบอกไม้ไผ่  ต้นไม้
  1. เมื่อคลอดแล้ว หมอตำแยจะตัดสายสะดือของเด็กโดยใช้ไม้ไผ่ตัด
  2. ผู้เป็นพ่อจะนำสายสะดือเด็กใส่ในกระบอกไม้ไผ่แล้วนำไปผูกไว้ที่ต้นไม้ (ต้นไม้ต้นนั้นจะต้องมีดอกมีผล เช่น เชอ พอตะแม เป่อ เซหย่าอื้อ)
  3. เมื่อนำไปผูกเสร็จแล้วถ้าเป็นเด็กผู้หญิงให้เด็ดดอกไม้กลับมา 1 ดอก แล้วทัดหูเอาไว้เพื่อเป็นการประกาศให้ผู้อื่นได้รับรู้ว่าเด็กที่คลอดใหม่เป็นเด็กผู้หญิง
วันที่เด็กเกิดทุกคนในหมู่บ้านจะพร้อมใจกันหยุดงาน 1 วัน ห้ามมีการทอผ้าและจักสาน
ช่วงเวลา 1 สัปดาห์หลังจากคลอด กี้เบล เป็นการมัดมือเด็ก เพื่อให้เด็กมีสุขภาพที่แข็งแรง อุดมสมบูรณ์ มีอนาคตที่สดใส ด้าย ไก่ 1 ตัว
  1. ตกเย็นผู้เป็นพ่อจะฆ่าไก่และนำไปประกอบอาหาร
  2. พ่อแม่ของเด็กมัดมือเรียกขวัญให้กับเด็กเพื่อให้เด็กมีสุขภาพที่แข็งแรง อุดมสมบูรณ์
แกงไก่นั้นจะกินได้เฉพาะพ่อแม่ของเด็ก ในแกงจะไม่ใส่ของเปรี้ยว และขมิ้น

 

การแต่งงาน (มี 2 รูปแบบ)

ช่วงเดือน พิธีกรรม/ประเพณี ความหมาย วัตถุประสงค์ อุปกรณ์ วิธีการ ข้อห้าม
  อ้อมู      
  1. เลือกจ่อโล่โมและจ่อโล่ปา ต้องเป็นคนที่มีครอบครัวสมบูรณ์ไม่หย่าร้าง
  2. จ่อโล่ปาฝั่งหญิงไปสู่ขอเจ้าบ่าว เพื่อนัดหมายวันเวลา
  3. ฝั่งเจ้าสาวเมื่อทราบวันเวลา ที่ชัดเจนจะทำการแช่หัวเชื้อสำหรับต้มเหล้า จากนั้นก็จะต้มเหล้า
  4. สร้างตะนาหรือศาลาสำหรับรับแขก
  5. เมื่อถึงเวลากำหนดจ่อโล่โม/จ่อโล่ปา จะรินเหล้าและดื่ม จากนั้นถึงจะฆ่าหมูเพื่อเลี้ยงฉลองกันในหมู่บ้าน
  6. เข้ารุ่งขึ้นเมื่อเจ้าบ่าวมาถึง ก่อนจะขึ้นตะนาเจ้าภาพจะทำการพรมเท้าเจ้าบ่าวและแขกที่มาร่วมงานด้วยน้ำส้มป่อย จากนั้นถึงมอบสินสอดให้กับจ่อโล่โม ซึ่งสินสอดประกอบด้วย เสียม 1 ด้าม มีด 1 ด้าม เงิน เสื้อ 1 ตัว ผ้าถุง 1 ผืน กือ ผ้าโผกหัวสีขาว แพวา 1 เส้น
  7. เมื่อมอบสินสอดเสร็จแล้วเจ้าภาพจะทำการฆ่าหมูเพื่อประกอบอาหารเลี้ยงแขก
  8. ตอนเที่ยง จ่อโล่ปา/จ่อโลโม เจ้าบ่าว เจ้าสาว พ่อแม่ของเจ้าสาว-เจ้าบ่าว ลงไปนั่งที่ตะนา ถวายเข้าให้กับเจ้าที่ก่อน ซึ่งจะต้องถวาย 2 จุด คือ ทิศเหนือและทิศใต้ ของตะนา เมื่อถวายข้าวเสร็จแล้วจะทำการรินและดื่มเหล้า 2 ขวดก่อน จากนั้นถึงจะเชิญแขกร่วมกันรับประทานอาหาร
  9. ตกเย็นจะส่งเจ้าสาว เจ้าบ่าว เข้าหอ
  10. เช้ารุ่งขึ้นพ่อแม่ของเจ้าสาวจะมัดมือให้คู่บ่าวสาว หลังจากนั้น 1 วัน บ่าว-สาว และญาติพี่น้องจะไปหาของป่าแต่ก่อนที่จะไปหาของป่าเจ้าบ่าวจะต้องจักสานกือ 2 ตัว ส่วนเจ้าสาวจะต้องทอย่าม 1 ใบ จากนั้นพาวาถึงจะกลับ
  11. คู่บ่าว-สาว ไปหาของป่า ต้องหาให้เต็มตะกร้า 2 ใบ และกลับมาประกอบอาหาร
  12. จากนั้นเจ้าสาวจะต้องไปเยี่ยมญาติของฝ่ายเจ้าบ่าว และจะต้องนอนค้าง 3 คืน โดยจะต้องพาญาติไปด้วย
  13. เมื่อกลับมาถึงบ้านเจ้าสาว เจ้าบ่าวจะต้องอยู่อาศัยบ้านของฝ่ายหญิงอย่างน้อย 1 ปี
 
  หม่าเง่ต่า (กรณีผิดผี)      
  1. ญาติผู้ใหญ่จะมัดมือให้กับบ่าว-สาว โดยใช้ไก่ 2 ตัว เหล้า 1 ขวด
  2. เช้ารุ่งขึ้นผู้ชายจะต้องฆ่าหมูและนำเนื้อหมูไปประกอบอาหาร
  3. จากนั้นก็จะเชิญฮี้โค่ไปถวายข้าวให้กับเจ้าที่
  4. เมื่อถวายเสร็จแล้วก่อนที่ทุกคนจะร่วมกันรับประทานอาหาร จะต้องอ้อจุก่อน จากนั้นทุกคนถึงจะกินได้โดยจะต้องกินให้หมดภายในวันนั้นและกินใต้ถุนบ้านจะไม่ขึ้นไปกินบนบ้าน
แขกและคู่บ่าว-สาว จะกินไม่ได้

 

การตาย (การเจ็บป่วย)

ช่วงเดือน พิธีกรรม/ประเพณี ความหมาย วัตถุประสงค์ อุปกรณ์ วิธีการ ข้อห้าม
  ก่าต่า (ทำนาย) กรณีที่ผู้ป่วย ป่วยโดยไม่รู้สาเหตุหรือป่วยมาหลายวัน ญาติของผู้ป่วยจะเชิญผู้เฒ่าผู้แก่หรือหมอเป่ามนต์ จับเส้นก่อน จากนั้นถึงจะพิธีก่าต่า โดยใช้ข้าวเปลือกในการทำนายว่าผู้ป่วยคนนี้ป่วยด้วยสาเหตุอะไร เมื่อรู้สาเหตุแล้วถึงจะไปทำการสะเดาะห์เคราะห์หรือขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้ป่วยได้ไปกระทำไม่ดีเอาไว้        
  การตาย      
  1. เมื่อมีคนตายในหมู่บ้าน ทุกบ้านจะไปเด็ด กะยือสะโจ๋ มาปักไว้บนหัวบันไดบ้านจากนั้นจะนำโซกัวะคอบที่หัวบันไดบ้านเพื่อปกป้องกันสิ่งที่ไม่ดีเข้าบ้าน
  2. ญาติผู้ตายจะรดน้ำดำหัวให้ผู้ตายโดยใช้ พอตะแมโจ๋
  3. จากนั้นมัดแขน ขา มือ ของผู้ตาย และบรรจุเข้าโลง จากนั้นวางเหรียญ 1 บาทไว้บนร่างกายผู้ตาย จำนวน 7 จุด คือ ตา 2 ข้าง ปาก ฝ่ามือ 2 ข้าง หัวใจ ก้น
  4. ตกเย็นจะมีการขับลำนำและเก็บศพไว้ 3 คืน
  5. เผาศพ
  6. ทุกคนที่ไปเผาศพต้องกลับมาอาบน้ำระหว่างทาง
  7. ลูกหลานของผู้ตายจะทำการมัดมือเพื่อเรียกขวัญ (กี้ฆุกี้เพาะ) ให้สุขภาพคนที่อยู่ข้างหลังมีสุขภาพที่แข็งแรง
 
กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

ทุนวัฒนธรรมหรือภูมิปัญญาท้องถิ่น

ชาวบ้านสืบทอดการดำเนินชีวิตตามปกาเกอะญอ เช่น พิธีกรรมไร่หมุนเวียน และประเพณีกินข้าวใหม่ (อ้อบือซอโค๊ะ) วัฒนธรรมเหล่านี้ยังแสดงผ่านผ้านุ่ง ผ้าทอด้ายธรรมชาติลายต้นไม้ แมลง และเครื่องแต่งกายที่ยังถูกใช้อยู่ในพิธีและกิจกรรมประจำปี

การละเล่นกีฬาพื้นบ้าน

1.ต่ายุโก กีฬาต่ายุโกมีการละเล่นกันนานแล้วถึงแม้ปัจจุบันจะไม่นิยมเล่นกันแต่บรรพบุรุษสมัยก่อนเล่นกันเพื่อความสนุกสนานและที่สำคัญที่สุดของกีฬาชนิดคือเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงข้อมือและกล้ามเนื้อได้อย่างดีบ่งบอกถึงบุคคลใดข้อมือแข็งแรงก็เป็นผู้ได้รับชัยชนะ

อุปกรณ์

  • มีด
  • ขวด
  • เชือก
  • ว่าเด

ขั้นตอน

  • นำขวดมาใส่น้ำและนำมาหมัดมือกับเชือกรวมถึงว่าเด และต้องนำว่าเดมาวัดกับข้อมือ

วิธีการเล่น

  • มีผู้เข้าร่วมแข่งขันละ 1 ท่าน เอามาแข่งกันและต้องจับว่าเดหนึ่งกำมือจากนั้นทำการยกขวดน้ำที่น้ำหนักประมาณ 1 กิโล มือต้องแข็งหย่อนไม่ได้ บุคคลใดยกขวดขึ้นได้จะเป็นผู้ชนะ

ความสอดคล้องกับวิถีชีวิต

  • สมัยก่อนนิยมเล่นกันซึ่งสะท้อนถึงความสนุกสนาน คลายเครียดยามเวลาว่างได้และที่มีกีฬาชนิดนี้ขึ้นเพื่อมาวัดกันว่าใครข้อมือแข็งที่สุด

ประโยชน์

  • สร้างความแข็งแรงของข้อมือ
  • เสริมสร้างระบบร่างกายให้แข็งแรง
  • ช่วยผ่อนคลายสมองได้ ความเครียดได้
  • กีฬาสร้างสัมพันธ์ที่ดีต่อกันได้

2.เด้มึบอ เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ทำเพื่อทำให้เกิดฝนตก ต้องดึงเสียงให้เหมือนกบร้อง เป็นสิ่งที่สืบทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษ

อุปกรณ์

  • มีด
  • น้ำมันพืช
  • ใบจัก
  • มีดแหลม
  • ไม้ไผ่

ความเชื่อและข้อห้าม

  • เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการขอฝนให้ฝนตก

ความสอดคล้องกับวิถีชีวิต

  • เป็นสิ่งที่ขอฝน เพราะบางครั้งฝนตกไม่ตามที่ต้องกัน

ประโยชน์

  • เวลาปลูกข้าวฝนไม่ตกเลยดึงสายเด้มึบอเพื่อขอฝนให้ฝนตก

3.วิ่งขาเดียว เป็นการละเล่นที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษเป็นการละเล่นชนิดที่ออกกำลังของคนสมัยก่อนที่บรรพบุรุษออกกำลังกาย

วิธีการเล่น

  • วิ่งแข่งกัน

ความสอดคล้องกับวิถีชีวิต

  • เป็นการผ่อนคลาย และออกกำลังกาย

ประโยชน์

  • ทำให้ขารับน้ำหนักของตัวเองได้ดีในเวลาเกิดอุบัติเหตุ ถึงจะวิ่งขาเดียวก็ยังสามารถไปได้

4.ลี่ก่าต่า เป็นอุปกรณ์การเล่นที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษมาตั้งแต่อดีต

วิธีการเล่น

  • หมุนรอบตัว

ความสอดคล้องกับวิถีชีวิต

  • เป็นการละเล่นที่สร้างความอดทนของคนแต่ละคน

ประโยชน์

  • ทำให้เราได้รู้จักว่าใครคือคนที่อดทนได้ดีที่สุด

5.อี้แอะ เป็นการละเล่นที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษในอดีต เป็นการละเล่นที่ทดสอบความแข็งแรงของคนแต่ละคน

อุปกรณ์

  • ไม้
  • ไม้ไผ่
  • มีด
  • พื้นดินที่เรียบ

วิธีการเล่น

  • นั่งข้างละคนหมุนแข่งใครเมาก่อนแข่งยึดตัวใครหนักกว่ากัน

ความสอดคล้องกับวิถีชีวิต

  • เป็นของเล่นที่คนปกาเกอะญอเล่นมาตั้งแต่บรรพบุรุษ

ประโยชน์

  • ใช้เล่นยามที่ว่าง ๆ มาเล่นเพื่อนแข่งกัน

6.อูแกว 

อุปกรณ์

  • ไม้
  • เขาควาย
  • ปลายแหลมเศษเหล็กบาง
  • ขี้ผึ้ง

วิธีการเล่น

  • ใช้ปากเป่า และดูด
  • ใช้มือที่ข้างที่แต่ละคนถนัด ปิด-ปล่อย ตรงปลายของแกว่

ความสอดคล้องกับวิถีชีวิต

  • บรรพบุรุษเมื่อก่อนตอนเช้าก่อนไปไร่ จะใช้เครื่องอูแกว่ในการเป่าเพื่อปลุกคนในหมู่บ้านว่าถึงเวลาไปไร่แล้ว ผู้ชายจะเป็นคนเป่า และเป็นเครื่องอย่างหนึ่งที่ตอนเราไปนอนในไร่กลับคืนจะเป่าเพื่อให้หมูป่าที่เข้ามากินข้าวในไร่ได้ยินและไม่กล้าเข้ามากินข้าวในไร่ และอีกอย่างหนึ่งคือ เมื่ออูแกว่ แกว่เป็นกำลังใจในการไปไร่ของคนหนุ่มสาว เป็นการสร้างแรงบันดาลใจในการทำงาน

ประโยชน์

  • แกว่งเป็นกำลังใจในการไปไร่ของคนหนุ่มสาว เป็นการสร้างแรงบันดาลใจในการทำงาน

7.เกี่ยวข้าวแข่งกัน เป็นการจีบกันของหนุ่มสาวในสมัยก่อน ด้วยการที่จะเป็นฝ่ายชายเป็นคนเกี่ยวข้าวและให้ฝ่ายหญิงเป็นคนมัด ทำกันเป็นคู่ ๆ ใครเป็นแฟนก็ส่งให้คนนั้น หรือจะเริ่มจีบใครก็ส่งให้คนที่จะจีบ

อุปกรณ์ 

  • เคียวเกี่ยวข้าว

วิธีการเล่น

  • ออกตัวพร้อมกันที่จุดจะเริ่มเกี่ยวข้าว
  • ใครไปถึงสุดขอบของไร่ก่อนก็เป็นฝ่ายชนะ

ความสอดคล้องกับวิถีชีวิต

  • เป็นกิจกรรมหนึ่งของการทำไร่หมุนเวียน
  • เป็นการสร้างกำลังใจให้กับหนุ่มสาวในการทำงาน

ประโยชน์

  • สร้างความสัมพันธ์ระหว่างหนุ่มสาว
  • เป็นการกำเดินชีวิตของชาวปกาเกอะญอ

8.โหนเถาวัลย์ สมัยก่อนเขาจะโหนเถาวัลย์ในช่วงหน้าหนาวถึงหน้าร้อน เพราะเป็นช่วงที่ชาวบ้านจะเก็บฝืนไว้ใช้ในหน้าฝน โดยการที่แม่ชวนลูกน้อยไปเก็บฝืน ระหว่างที่แม่ไห้เด็กน้อยรอ แม่ตัดเถาวัลย์ที่ห้อยลงมาจากต้นไม้ไห้ลูกน้อยโหนเล่นเพื่อที่จะข้ามเวลาในการรอแม่

อุปกรณ์

  • ตัดเถาวัลย์มาเพื่อที่จะเล่น
  • มัดเถาวัลย์ไห้ห้อยลงมา (ในกรณีที่จะกลับมาเล่นที่บ้าน)
  • เถาวัลย์

วิธีการเล่น

  • ปีนขึ้นเถาวัลย์
  • โหนให้เมามัน

ประโยชน์

  • เป็นการทำให้เด็กน้อยไม่เบื่อในการรอแม่

9.เก็บข้าวในมือ เป็นการละเล่นของหนุ่มสาวและเป็นสัญลักษณ์ของความซื่อสัตย์ของหนุ่มสาวตามความเชื่อ

อุปกรณ์

  • ข้าวเปลือกสำหรับไว้เล่น

วิธีการเล่น

  • เอาข้าวเปลือกไว้ในมือของหนึ่งฝ่าย
  • ให้อีกฝ่ายใช้มือทั้งสองเก็บได้ทีเดียว

ความเชื่อและข้อห้าม

  • เชื่อว่าเก็บได้มากน้อยสื่อถึงความจริงใจ

ความสอดคล้องกับวิถีชีวิต

  • เล่นในช่วงปลูกข้าวไร่

ประโยชน์

  • สร้างความสัมพันธ์ระหว่างหนุ่มสาว
  • สร้างกำลังใจในการทำงาน

10.สไลเดอร์ดอย เป็นกุศโลบายในการชวนลูกน้อยไปไร่ คือ บ้านของชาวบ้านอยู่บนดอยและไร่ของชาวบ้านอยู่ตีนดอยตอนไปไร่แม่ก็หาไม้ไผ่ท่อนหนึ่ง และให้ลูกสไลลงพอลูกได้ลองเล่นก็เกิดความสนุกวันต่อมาลูกน้อยก็ยังอยากไปไร่กับแม่ด้วยเหตุผลส่วนหนึ่งคืออยากเล่นสไลเดอร์

อุปกรณ์

  • ไม้ไผ่

วิธีการเล่น

  • อยู่บนดอย
  • นั่งบนไม้ไผ่
  • สไลด์ลงไปที่ตีนดอย

ความเชื่อและข้อห้าม

  • อันตรายถ้าเล่นกันเฉพาะเด็ก

ประโยชน์

  • ให้เด็กใกล้ชิดพ่อแม่
  • ได้ซึมซับวิถีชีวิตตัวเอง

บ้านซอแขระกลา หมู่ 1 ตำบลแม่วะหลวง อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก ภูมิปัญญาท้องถิ่น ใช้ภาษาปกาเกอะญอในการสื่อสารในชีวิตประจำวัน

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล
กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

กรมการปกครอง. (2567). ระบบสถิติทางการทะเบียน กรมการปกครอง. สืบค้นเมื่อ 20 มิถุนายน2568. จาก https://stat.bora.dopa.go.th

สร้างสรรค์โอกาส. (26 สิงหาคม 2566). เยาวชนซอแขระกลา กับการจัดการสุขภาวะชุมชน. Facebook. สืบค้นเมื่อ 20 มิถุนายน 2568. จาก https://www.facebook.com/Section6TH/videos/

วริษฐ์ ธรรมเกษตรกร. (มมป.). ข้อมูลชุมชนบ้านซอแขระกลา. โครงการพลังร่วมชุมชนชายแดนไทยเมียนมาในการจัดการศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน.

ศุภชัย เสมาคีรีกุล. (2562). การใช้กีฬาในการสร้างพลังความร่วมมือกลุ่มเยาวชน เทือกเขาเบอบาตู. ใน ปัญญา ไวยบุญญา, สุวิชาน พัฒนาไพรวัลย์, นฤมล แดนพงพี, และลิขิต พิมานพนา. (2562). การเสริมสร้างศักยภาพการวิจัยให้แก่เยาวชนชาติพันธุ์ในพื้นที่อําเภอชายแดนจังหวัดตาก. รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์. สํานักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ฝ่ายวิจัยเพื่อท้องถิ่น.

อบต.แม่วะหลวง โทร. 06 4421 7000