
ชุมชนบ้านทีจอชี มีจุดเด่นในการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืนโดยพึ่งพาธรรมชาติ และยังคงรักษาวัฒนธรรมปกาเกอะญอดั้งเดิมไว้ได้อย่างเข้มแข็ง ชุมชนมีความสามัคคีสูง มีผู้นำท้องถิ่นที่ได้รับการยอมรับ และใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นในการดำเนินชีวิต
บ้านทีจอชี ตั้งอยู่หมู่ที่ 11 ตำบลแม่จัน อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก คำว่า "ทีจอชี" เป็นภาษาปกาเกอะญอ หมายถึง "ห้วยน้ำใสหรือน้ำที่ใสสะอาด" ซึ่งสะท้อนลักษณะภูมิประเทศที่มีลำห้วยไหลผ่านหมู่บ้าน
ชุมชนบ้านทีจอชี มีจุดเด่นในการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืนโดยพึ่งพาธรรมชาติ และยังคงรักษาวัฒนธรรมปกาเกอะญอดั้งเดิมไว้ได้อย่างเข้มแข็ง ชุมชนมีความสามัคคีสูง มีผู้นำท้องถิ่นที่ได้รับการยอมรับ และใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นในการดำเนินชีวิต
บ้านทีจอชี หมู่ที่ 11 ตำบลแม่จัน อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก หมู่บ้านที่จอซี "ทีจอซี" หมายถึง คำแปลของปกาเกอะญอ คือ ห้วยน้ำใสหรือน้ำที่ใสสะอาด หมู่บ้านทีจอซีก่อตั้งขึ้นได้ประมาณ 100 ปีแล้ว โดยคนที่ก่อตั้งคือ นายแต๊วโซบอ ซึ่งไม่ปรากฏข้อมูลที่แน่ชัดว่านายแต๊วโซบอได้ย้ายถิ่นฐานมาจากที่ไหน เหตุการณ์สำคัญจากอดีตคือรุกรานของคอมมิวนิสต์ซึ่งทำให้ครอบครัวต้องแตกแยกและพรากจากกัน ต้องหนีเข้าไปในป่าดอยสามหมื่นและพื้นที่ต้นน้ำของห้วยทีจอชีและห้วยกล้อทอเพราะอยู่ในการสู้รบระหว่างคอมมิวนิสต์กับรัฐบาลไทยในขณะนั้น คนในชุมชนต้องทำมาหากินอย่างลำบาก ทั้งการทำไร่ ทำนา ทำสวน เพราะเกรงกลัวพรรคคอมมิวนิสต์ เป็นเหตุให้ต้องเข้าร่วมกับพรรคอมมิวนิสต์เพื่อความอยู่รอด หลังจากพรรคคอมมิวนิสต์ได้มอบตัวกับรัฐบาล ชาวบ้านก็ได้กลับเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านทีจอชีทำมาหากินกันอย่างปกติตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ในอดีตชาวบ้านทีจอชีไม่มีเส้นทางในการคมนาคม เวลาออกซื้อของที่อื่นต้องเดินออกจากหมู่บ้านไปซื้อของที่หมู่บ้านกล้อทอ ตำบลแม่จัน ต้องใช้เวลาเดินประมาณ 4 ชั่วโมงกว่าจะถึง เวลาเจ็บป่วยต้องเดินทางไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลอุ้มผาง ถ้าอาการหนักมาก ๆ ก็อาจทำให้เสียชีวิตระหว่างการเดินทางได้ แต่ในปัจจุบันเส้นทางการคมนาคมค่อนข้างดีขึ้นแต่ยังคงต้องการให้ปรับปรุงให้สะดวกมากกว่านี้ บ้านทีจอชีมียังมีประเพณีดั้งเดิมที่สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ได้แก่ ประเพณีมาบู๊โค๊ะ (ทำบุญเจดีทราย) ประเพณีกี้จือลาคุ (ผูกข้อเรียกขวัญ) ประเพณีเรียกขวัญข้าว ประเพณีผูกข้อมือช้าง ประเพณีสงกรานต์ ประเพณีอ้อบือซอโค๊ะ (กินข้าวใหม่)
หมู่บ้านทีจอชี เป็นชุมชนชาติพันธุ์ปกาเกอะญอ ตั้งอยู่หมู่ที่ 11 ตำบลแม่จัน อำเภออุ้มผาง จังหวัดตากพื้นที่ส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นที่ราบสูงมีเขาสลับซับซ้อน ผืนป่ามีความอุดมสมบูรณ์ตลอดปี มีแม่น้ำห้วยแม่จันและ ห้วยทีจอชี มีพื้นที่ทั้งหมด 30 ตารางกิโลเมตร ที่ตั้งและอาณาเขตหมู่บ้านทีจอชี ตั้งอยู่ในตำบลแม่จัน อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก อยู่ในเขตการปกครองขององค์การบริหารส่วนตำบลแม่จัน ห่างจากที่ว่าการอำเภออุ้มผาง ประมาณ 55 กิโลเมตร โดยมีอาณาเขตติดต่อดังนี้
- ทิศเหนือ ติดต่อกับ หมู่บ้านคอโซทะ
- ทิศใต้ ติดต่อกับ หมู่บ้านนุโพ
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับ ถนนสายอุ้มผาง เปิ้งเคลิ่ง
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับ ประเทศเมียนมา
บ้านทีจอชี โดยสถิติประชากรทางการทะเบียนราษฎร (รายเดือน) สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง รายงานจำนวนประชากร หมู่ที่ 11 บ้านทีจอชี ตำบลแม่จัน อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 519 คน โดยแยกเป็นประชากรชาย 457 คน ประชากรหญิง 976 คน จำนวนหลังคาเรือนทั้งสิ้น 207 หลังคาเรือน (ข้อมูลเดือนมกราคม 2568)
ปกาเกอะญอกลุ่มแม่บ้าน สนับสนุนให้สตรีเกษตรได้รวมตัวกันเป็นกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร และใช้กระบวนการกลุ่มแก้ไขปัญหาและปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวและการประกอบอาชีพให้กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรที่จัดตั้งขึ้น สามารถเป็นแกนกลางและเป็นกำลังสำคัญในการกระจายความรู้ด้านการเกษตรและเคหะกิจเกษตรไปสู่ครอบครัวอื่น อันจะส่งผลถึงการเกษตรโดยส่วนรวมต่อไปให้สตรีเกษตรสามารถค้นหาปัญหาที่แท้จริงของตนเองและของชุมชน
กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต การพัฒนาชุมชนดำเนินการส่งเสริมสนับสนุนการจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต ดำเนินภายใต้ปรัชญา "ใช้หลักการออมทรัพย์เป็นเครื่องมือในการพัฒนาคน" ทำให้มีคุณธรรม 5 ประการคือ 1) ความซื่อสัตย์ 2) ความเสียสละ 3) ความรับผิดชอบ 4) ความเห็นอกเห็นใจ 5) ความไว้วางใจในหมู่สมาชิกเงินทุนของกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตนำมาดำเนินกิจกรรม 4 ด้าน 1) แหล่งเงินทุนประกอบอาชีพ 2) ดำเนินธุรกิจแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชุมชน 3) การสงเคราะห์และสวัสดิการ 4) พัฒนาศักยภาพกรรมการและสมาชิก
1.นางมะเหน่อุ๊ ชัยนทีนาวิน ผู้รู้ด้านการผลิตน้ำมันมะพร้าว
ทุนวัฒนธรรมหรือภูมิปัญญาท้องถิ่น
ประเพณีอ้อบือซอโต๊ะ (กินข้าวใหม่) ของชาวปกาเกอะญอในหมู่บ้านแม่จัน ตำบลแม่จัน อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก เป็นประเพณีที่สะท้อนถึงทุนชุมชนในหลายด้านอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะด้านวัฒนธรรมที่สะท้อนผ่านพิธีกรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน ทั้งการผูกมือ การบูชาโต๊ะบิดา และการขับร้องบทธา รวมถึงการใช้ภาษาถิ่นซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์ นอกจากนี้ยังมีทุนด้านศาสนาและจริยธรรมที่แสดงออกถึงหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา เช่น ความกตัญญูกตเวที ความสามัคคี และการบูชาอย่างมีสติ โดยผสมผสานความเชื่อดั้งเดิมกับแนวทางทางศาสนาอย่างกลมกลืน ทุนด้านสังคมก็ปรากฏชัดผ่านความร่วมมือร่วมใจของครอบครัวและชุมชนที่ต่างช่วยกันจัดเตรียมและประกอบพิธี ส่งผลให้เกิดความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นและความสมัครสมานสามัคคี ส่วนด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประเพณีนี้ยังแฝงแนวคิดการอนุรักษ์ โดยตระหนักถึงคุณค่าของธรรมชาติทั้งการขอขมาธรรมชาติ และการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า พร้อมกับการส่งเสริมให้คนในชุมชนพึ่งพาทรัพยากรจากป่าอย่างสมดุล ด้านความรู้ก็มีการถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นจากรุ่นสู่รุ่นทั้งในรูปแบบของพิธีกรรมและการปฏิบัติจริง ขณะเดียวกันในมิติของเศรษฐกิจ แม้ประเพณีนี้จะไม่ได้มุ่งเน้นเชิงพาณิชย์ แต่ก็มีการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นอย่างคุ้มค่าและสร้างแรงจูงใจเล็ก ๆ เช่น เงินรางวัลในการละเล่นประเพณี ซึ่งล้วนเป็นทุนที่ส่งเสริมความเข้มแข็งให้กับชุมชนโดยรวม ดังนั้น ประเพณีอ้อบือซอโค๊ะ จึงถือเป็นแหล่งรวมทุนชุมชนที่ทรงคุณค่า และควรค่าแก่การสืบสานเพื่อความยั่งยืนของวิถีชีวิตและวัฒนธรรมปกาเกอะญอ
การทอผ้าของปกาเกอกะญอมี 2 ชนิด คือ การทอธรรมดาและการทอลวดลาย การทอปกาเกอะญอจะใช้ด้ายซึ่งทำจากใยฝ้ายเท่านั้น ผ้าที่ได้จากการทอแบบปกาเกอะญอ ดังนั้นเครื่องนุ่งห่มจึงมีลักษณะคงที่คือนำผ้าทั้งผืนเย็บประกอบกันโดยพยายามหลีกเลี่ยงตัด สีที่ใช้ย้อมจะมี 2 ชนิด ได้แก่ สีวิทยาศาสตร์ และสีธรรมชาติซึ่งได้จากพันธุ์ไม้ต่าง ๆ เช่น เปลือกไม้สัก ยอดต้นสัก เปลือกปอแดง ขมิ้น ต้นคราม เป็นดัน การประดิษฐ์ลวดลายในอมี 5 วิธี คือ ลายเส้นในเนื้อผ้า ลายสลับสี ลายจก ลายขีดและการทอลายโดยการแทรกประกอบ นอกจากนี้การประดับลวดลายในลายผ้าสามารถบอกถึงสถานะทางสังคมของผู้สวมใส่ได้อีกด้วย เช่น เสื้อของหญิงในหมู่บ้านทีจอชี ที่แต่งงานแล้วจะมี 2 แบบ แบบแรกทอลายทั้งตัว และแบบที่สองทอเป็นผ้าพื้นทั้งผืน มักจะมีพื้นเป็นสีดำหรือสีน้ำเงิน แล้วทอดอกหรือปกลวดลายด้วยด้ายหรือไหมพรมสีชมพูเข้มหรือสีแดงเป็นหลัก ส่วนซิ่นก็จะมี 2 แบบ คือ ลายขวางตลอดทั้งตัวส่วนแบบที่สอง เป็นลายขวางและใช้ผ้าที่ทอจากที่ทอเข็มขัดคาดหลังสามชิ้นมาเย็บต่อกันเช่นกันแต่ต่างกันที่ส่วนหัวซิ่นจะทอเป็นผ้าพื้นแดงช่วงกว้าง ๆ เป็นต้น แต่ปัจจุบันเด็กส่วนใหญ่นิยมใส่เสื้อและกางเกงสำเร็จรูปที่หาซื้อได้จากพ่อค้าในตลาด
การผลิตน้ำมันมะพร้าว น้ำมันงา ทอผ้า และอื่น ๆ
การถ่ายทอดองค์ความรู้ในการถ่ายทอดองค์ความรู้ จะเริ่มจากการฝึกสอนในระดับง่ายก่อน ได้แก่ การเลือกสีจากเปลือกไม้ตามท้องถิ่นที่อาศัย ในการย้อมสีผ้าจะมีการไปหาเปลือกไม้ตามท้องถิ่นของเปลือกไม้ที่เลือกมานั้นก็จะสุ่มเลือกตามความต้องการเท่านั้น จะไม่ระบุว่าต้องเอาเฉพาะเปลือกไม้ชนิดเดียวแต่จะมีการลองผิดลองถูกไปเรื่อย ๆ และสีที่ออกมาก็ถูกใจบ้างไม่ถูกใจบ้าง เมื่อมีครั้งหน้าก็จะใช้เปลือกใช้ชนิดนี้ต่อ ซึ่งถือว่าเป็นการเรียนรู้ในเรื่องของการเลือกสีเบื้องต้นจากการลองผิดลองถูกของตัวเอง
องค์ความรู้ด้านจักสาน
การจักสาน เป็นงานหัตถกรรมอย่างหนึ่ง และนับเป็นงานศิลปะประเภททัศนศิลป์ การจักสานเป็นการนำวัสดุขนาดเล็กและยาว มาขัด หรือสาน กันจนเป็นชิ้นงานหรือภาชนะอื่น ๆ เช่น ตะกร้า เข่ง หรือของใช้อื่น ๆ เช่น ลูกตะกร้อ เป็นต้น
1.การจัก คือการนำวัสดุมาทำให้เป็นเส้น เป็นแฉกแฉก หรือเป็นริ้วเพื่อความสะดวกในการสาน ลักษณะของการจักโดยทั่วไปนั้นขึ้นอยู่กับลักษณะของวัสดุแต่ละชนิด ซึ่งจะมีวิธีการเฉพาะที่แตกต่างกันไป หรือบางครั้งการจักไม้ไผ่หรือหวายมักจะเรียกว่า "ดอก" ซึ่งการจักถือได้ว่าเป็นขั้นตอนของการเตรียมวัสดุในการทำเครื่องจักสานขั้นแรก
2.การสาน เป็นกระบวนการทางความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ที่นำวัสดุธรรมชาติมาทำประโยชน์โดยใช้ความคิดและฝีมือมนุษย์เป็นหลัก การสานลวดลายจะสานลายใดนั้น ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในการใช้สอย ซึ่งมีด้วยกัน 3 วิธี คือ
- การสานด้วยวิธีสอดขัด
- การสานด้วยวิธีการสอดขัดด้วยเส้นทแยง
- การสานด้วยวิธีขดเป็นวง
วัสดุที่ใช้ทำเครื่องจักสาน
1.ไม้ไผ่ เป็นไม้ที่ใช้ทำเครื่องจักสานมากมายหลายชนิด มีลักษณะเป็นไม้ปล้อง เป็นข้อ มีหนาม และแขนงมาก เมื่อแก่จะมีสีเหลือง โดยจะนำส่วนลำต้นมาใช้จักเป็นดอกสำหรับสานเป็น
2.หวาย จะขึ้นในป่าเป็นกอ ๆ ส่วนมากจะใช้ประกอบเครื่องจักสานอื่น ๆ แต่ก็มีการนำหวายมาทำเครื่องจักสานโดยตรงหลายอย่าง เช่น ตะกร้าหิ้ว ถาดผลไม้ เป็นต้น
3.ชิบอโบ มีลักษณะเป็นลำเรียวยาวผิวเรียบเนียนสีเขียวเข้มไม่มีข้อเหมาะสำหรับการสานแบบขดเป็นวง
การถ่ายทอดองค์ความรู้
ได้รับการถ่ายทอดมาจากบิดาของตนส่วนมากชาวปกาเกอะญอได้รับการปลูกฝังการถ่ายทอดภูมิปัญญาจากบรรพบุรุษทั้งสิ้น การจักสานก็เป็นอีกภูมิปัญญาของชาวปกาเกอะญอซึ่งถ่ายทอดกันมาเป็นทอด ๆ จากรุ่นสู่รุ่นจากพ่อสู่รุ่นจากพ่อสู่ลูกด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น ถ่ายทอดโดยการปฏิบัติให้ดู ถ่ายทอดโดยการคอยพูดคอยบอก ถ่ายทอดโดยการให้ดูแบบ
หากลูกหลานของคนมีการเรียนรู้ได้รวดเร็วก็จะสอนง่ายและจะมีความคิดสร้างสรรค์หลักในการวัดว่าลูกหลานของตนจะผ่านการเรียนรู้ภูมิปัญญานั้นดูว่าลูกหลานของตนดูแบบแล้วสามารถทำตามได้ มีการจำลวดลายจากการพบเห็นจากที่อื่นแล้วมานำสานได้สุดท้ายของความภาคภูมิใจของตนคือการที่เห็นลูกหลานของตนสามารถนำความรู้ทางภูมิปัญญานั้นไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้และละสามารถสืบทอดต่อไปได้
การใช้ประโยชน์สำหรับงานจักสานมีประโยชน์ในหลาย ๆ ด้านขึ้นอยู่กับประเภทการใช้งาน เช่น
- กือ ใช้ประโยชน์ในด้านการใส่ของต่าง ๆ เวลาชาวปกาเกอะญอเข้าไร่ไปนากลับจากไร่ นา ตอนเย็นก็จะนำ ผัก ฟักทอง แดง พริก ไม้ผล ฯลฯ กลับบ้านด้วยเพื่อเป็นอาหาร
- กระดัง ใช้ตากพริก ฝาดข้าว เป็นต้น
- ตะกร้า ใช้ใส่สิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ
- ไม้พัดข้าวใช้ในการพัดสิ่งของเศษหญ้าที่ปนอยู่กับข้าวที่ดีแล้วเพื่อคัดเมล็ดขัดข้าวที่ดี
สำหรับการจำหน่ายจะไม่มีการจำหน่ายจะเป็นการใช้สอยภายในครัวเรือนและมีการแลกเปลี่ยนบ้าง เช่น เวลาญาติมาเยี่ยมไม่มีสิ่งของให้ก็จะเอางานจักสานเป็นสินเป็นน้ำใจ เพราะหากมีการจำหน่ายมีเท่าไหร่ก็จะไม่พอ ผู้สนับสนุน ได้แก่ ตนเองและชุมชนเป็นหลัก
ทุนเศรษฐกิจ
ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพการเกษตร ได้แก่ ไร่ข้าวหรือไร่หมุนเวียน ข้าว ถั่วลิสง ถั่วเหลือง พริก และปลูกผลไม้ชนิดต่าง ๆ อีกทั้งยังมีการทำไร่นาสวนผสมที่เป็นแบบอย่างการ ดำรงชีวิตตามแนวพระราชดำรัสเศรษฐกิจพอเพียง ส่วนอาชีพหลักส่วนใหญ่ของคนในหมู่บ้านคือ ทำการเกษตร ทำ 1 ครั้ง/ปีนั่นคือพืชเชิงเดี่ยวหรือข้าวโพดนั้นเองรายรับโดยเฉลี่ย 40,933 บาท/คน/ปีส่วนอาชีพเสริมเพิ่มรายได้นอกเหนือจากอาชีพหลักได้แก่ การค้าขายเลี้ยงสัตว์ ได้แก่ วัว แพะ สุกรรับจ้างทั่วไปและประชาชนส่วนใหญ่ใช้ทรัพยากรจากธรรมชาติที่มีอยู่ในชุมชนใช้ให้เกิดประโยชน์และเพิ่มรายได้ให้กับชุมชนอีกด้วย เช่น การแปรรูปผลิตภัณฑ์ ได้แก่ จักสาน โต๊ะ เก้าอี้และกระด้ง
- การจักสาน สำหรับวัสดุที่ใช้ในการจักสานนั้นหาได้จากป่าชุมชน เช่น ไผ่ หวาย ปอสา
- โต๊ะ วัสดุที่ใช้ได้แก่ ไม้สัก ไม้แดง รวมไปถึงไผ่ด้วย
- เก้าอี้ วัสดุที่ใช้ได้แก่ ไผ่ ไม้สัก ไม้แดง
- กระด้ง วัสดุที่ใช้ได้แก่ ไผ่ หวาย
พื้นที่ป่า ป่าชุมชนอยู่เหนือหมู่บ้านฝั่งตะวันตกเป็นป่าชุมชน ป่าชุมชนชาวบ้านสามารถนำมาใช้สอยได้ เช่น ไผ่ หวาย ปอสา ใช้ในการจักสาน ส่วนกฎระเบียบนั้น ชาวบ้านเป็นคนดูแลกันเอง แต่ทุกปี ห้ามเผาไฟในพื้นที่ป่าชุมชนเพื่อเก็บไว้ในการใช้สอย และฟื้นฟูสภาพป่า
บ้านทีจอชี หมู่ 11 ตำบลแม่จัน อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ใช้ภาษาปกาเกอะญอในการสื่อสารในชุมชน และใช้ภาษาไทยกลาง เป็นภาษาราชการในการสื่อสารทั่วไป
ภายในชุมชนมีกองทุนหมู่บ้าน เป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการลงทุนเพื่อพัฒนาอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ และบรรเทาเหตุจำเป็นเร่งด่วนของชุมชนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
อุ้มผาง
มานพ ดำรงวงศ์ชาติไทย. (2557). วิเคราะห์คุณค่าของประเพณี อ้อบือซอโค๊ะ (กินข้าวใหม่) ตำบลเเม่จัน อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก. ภาคนิพนธ์. วิทยาลัยโพธิวิชชาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
กรมการปกครอง. (2567). ระบบสถิติทางการทะเบียน กรมการปกครอง. สืบค้นเมื่อ 20 มิถุนายน 2568. จาก https://stat.bora.dopa.go.th