
สัมผัสวิถีชีวิตเรียบง่ายท่ามกลางขุนเขาที่ บ้านแม่กลองคี จังหวัดตาก หมู่บ้านเล็ก ๆ ของชาวปกาเกอะญอ ที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติบริสุทธิ์ วัฒนธรรมเข้มแข็ง และมิตรภาพอบอุ่น
แม่กลองคี เพี้ยนมาจากคำว่า "แหมะกลองค" (ภาษากะเหรี่ยง) หมายความว่า บ้านหาดทรายต้นน้ำที่เป็นสนามรบ ("แหมะ" คือ หาดทราย "กลอง" คือ การต่อสู้ "คี" คือ ต้นน้ำ) เหตุที่มาของชื่อ เนื่องมาจากบริเวณหมู่บ้านเมื่อก่อน มีหาดทรายกว้างซึ่งเป็นสนามต่อสู้ของชาวบ้านกับโจร และคนต่างชาติพันธ์ุที่รุกราน
สัมผัสวิถีชีวิตเรียบง่ายท่ามกลางขุนเขาที่ บ้านแม่กลองคี จังหวัดตาก หมู่บ้านเล็ก ๆ ของชาวปกาเกอะญอ ที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติบริสุทธิ์ วัฒนธรรมเข้มแข็ง และมิตรภาพอบอุ่น
แม่กลองคี เพี้ยนมาจากคำว่าแหมะกลองคี ในภาษาปกาเกอะญอ ซึ่งมีความหมายว่า บ้านหาดทรายต้นน้ำที่เป็นสนามรบ (แหมะ คือ หาดทราย, กลอง คือ การต่อสู้, คี คือต้นน้ำ) สาเหตุของชื่อ เนื่องมาจากบริเวณหมู่บ้านเมื่อก่อนมีหาดทรายกว้างซึ่งเป็นสนามต่อสู้ของชาวบ้านกับโจรและคนต่างเผ่าที่มารุกราน ทำให้เกิดการล้มตายเป็นจำนวนมากจึงเรียกสถานที่นี้ว่าแหมะกลองคี และต่อมาเพี้ยนเป็นแม่กลองคี พร้อมทั้งเรียกเป็นชื่อหัวยอีกด้วย หมู่บ้านนี้มีอายุประมาณหนึ่งร้อยปีเศษ ผู้ก่อตั้งหมู่บ้านได้เลือกพื้นที่นี้เนื่องจากเป็นพื้นที่สงบ ไม่มีความวุ่นวาย สามารถใช้ชีวิตได้อิสระ อยู่กับป่า จึงได้ตั้งหมู่บ้านตรงนี้ขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ที่มีแม่น้ำไหลผ่านตลอดปี ในอดีตหมู่บ้านต้องประสบภัยจากการสู้รบของคอมมิวนิสต์กับทางราชการ หลังจากคอมมิวนิสต์ได้มอบตัวกับทางการ จึงทำให้ชาวบ้านที่ได้กระจายแยกย้ายถิ่นฐานตั้งบ้านเรือนตามชายแดนหรืออยู่ตามป่าเขาได้กลับมาตั้งหมู่บ้านแม่กลองคีอีกครั้ง
สภาพพื้นที่ทั่วไปเป็นที่ราบสูงเชิงเขา สลับกับที่ราบลุ่มและมีภูเขาสูงล้อมรอบหมู่บ้านมีพื้นที่ โดยมีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้
- ทิศเหนือ ติดต่อกับ บ้านแม่กลองใหญ่ หมู่ 5 ตำบลโมโกร
- ทิศใต้ ติดต่อกับ บ้านตะเปอพู หมู่ 2 จังหวัดกำแพงเพชร
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับ อำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียมา
บ้านแม่กลองคี โดยสถิติประชากรทางการทะเบียนราษฎร (รายเดือน) สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง รายงานจำนวนประชากร หมู่ที่ 3 บ้านแม่กลองคี ตำบลโมโกร อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 2,234 คน โดยแยกเป็นประชากรชาย 1,246 คน ประชากรหญิง 988 คน จำนวนหลังคาเรือนทั้งสิ้น 521 หลังคาเรือน (ข้อมูลเดือนมกราคม 2568)
ปกาเกอะญอ- ชุมชนท่องเที่ยว OTOP บ้านแม่กลองคี ที่บ้านแม่กลองคีมีศูนย์ OTOP นวัตวิถี เป็นแหล่งผลิตและจัดจำหน่ายผ้าทอปกาเกอะญอ โดยใช้สีจากธรรมชาติ ผ้าทอมือที่ประดิษฐ์ลวดลายเฉพาะถิ่น ฝีมือของชาวบ้านช่วยสร้างรายได้และส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน
- อาชีพและการรวมกลุ่มประกอบอาชีพในชุมชน ในการประกอบอาชีพหลักของชาวปกาเกอะญอ คือ การปลูกข้าวในนาและทำไร่ข้าวปลูกข้าวแบบไร่หมุนเวียน ซึ่งมีรอบในการหมุนเวียนจำนวน 5 ปี เพื่อพักฟื้นผืนดิน และเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติป่า ให้อยู่กับพวกเขาอีกนานเท่านาน
ทุนวัฒนธรรม (พิธีกรรมความเชื่อ)
พิธีกรรมและความเชื่อของชาวปกาเกอะญอเกี่ยวกับความตาย เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตที่สะท้อนถึงความผูกพันระหว่างคนเป็นกับผู้ล่วงลับ และการเตรียมดวงวิญญาณให้เดินทางไปสู่ภพหน้าอย่างสงบสุข โดยเชื่อว่าวิญญาณของผู้ตายยังคงต้องการการดูแลและความช่วยเหลือจากคนในครอบครัวผ่านพิธีกรรมต่าง ๆ เมื่อมีผู้เสียชีวิต ชาวบ้านจะจุดเทียนเพื่อแทนธาตุไฟที่ดับไป เป็นการให้แสงสว่างนำทางวิญญาณไม่ให้หลงทาง และเป็นสัญลักษณ์ของการส่งดวงจิตไปยังอีกภพหนึ่งอย่างสงบ ตามด้วยการอาบน้ำศพ โดยใช้น้ำมะพร้าวซึ่งถือว่าเป็นน้ำที่สะอาด บริสุทธิ์ และมีกลิ่นหอม เชื่อกันว่าช่วยชำระร่างกายของผู้ตายให้บริสุทธิ์ ก่อนจะไปสู่ภพหน้าอย่างผุดผ่อง ในระหว่างการจัดพิธี จะมีการวางเหรียญไว้ข้างศพ เพราะชาวบ้านเชื่อว่าแสงสะท้อนจากเหรียญจะช่วยให้วิญญาณมองเห็นเส้นทาง และไม่หลงในความมืด
ถัดจากนั้นจะมีการนำด้ายมาเกี่ยวนิ้วโป้งผู้ตาย พร้อมกับวางสิ่งของที่สื่อถึงบทบาทในชาติหน้า หากเป็นผู้ชายจะใช้ "ดอ" หรือมีดปลายแหลม ซึ่งสื่อถึงอาชีพการล่าสัตว์หรือสร้างบ้านเรือน ส่วนผู้หญิงจะใช้ "ตะบี" หรือเครื่องมือทอผ้า เพื่อให้มีความสามารถด้านเย็บปักถักร้อยในภพใหม่ การคลุมศพจะใช้ผ้าทอพื้นเมืองแทนผ้านวม เพื่อให้ผู้ตายเกิดใหม่เป็นคนร่างเล็ก หุ่นบาง และไม่อ้วน อีกทั้งยังเป็นการสื่อสารถึงผู้เป็นให้ละวางความยึดติดกับรูปลักษณ์ เพราะร่างกายที่ไร้วิญญาณก็ไม่ต่างจากท่อนไม้ที่ไร้ค่าการตั้ง "ดากะจื้อ" ซึ่งเป็นไม้ไผ่ตั้งหน้าศพ เปรียบเสมือนร่มเงาให้วิญญาณพักพิง เชื่อว่ายิ่งตั้งใหญ่เท่าไหร่ ก็ยิ่งให้ความร่มเย็นและความปลอดภัยในระหว่างเดินทางกลับภพหน้า ชาวบ้านยังมีการจุดไฟหรือ "เลเม่" เพื่อให้แสงนำทางวิญญาณ โดยรวมแล้วเป็นการแสดงออกถึงความห่วงใยของคนเป็นต่อผู้ตายการขับลำนำหรือที่เรียกว่า "ธา" มีไว้เพื่อสื่อสารกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือผีที่ควบคุมการพรากจากกัน และเป็นการส่งวิญญาณกลับสู่โลกหน้าอย่างเป็นทางการ ขณะเดียวกัน ชาวบ้านยังเชื่อว่าหากชายหนุ่มเข้าร่วมพิธีศพหลายครั้ง (เช่น 3 หรือ 5 ครั้ง) จะต้องกลับไปเวียนรอบเมรุหรือสถานที่เผาศพ เพื่อปัดเป่าผลกระทบทางวิญญาณก่อนเผาศพ จะมีพิธีย่อปี ซึ่งเป็นการทำให้วิญญาณจดจำบ้านของตน และเป็นการเตือนให้คนเป็นระลึกถึงความไม่แน่นอนของชีวิต พร้อมกับพิธีหักกิ่งไม้และกรวดน้ำ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการตัดขาดระหว่างคนเป็นกับผู้ตาย และการแผ่ส่วนบุญไปให้วิญญาณได้รับหลังจากเผาศพแล้ว จะมีการกลับมายังบ้านเจ้าภาพเพื่อล้างมือ ล้างเท้า ด้วยน้ำสัมป้อย ซึ่งเชื่อว่าเป็นการล้างสิ่งชั่วร้ายไม่ให้ติดตัวกลับมา และจะมีการมัดมือเพื่อเรียกขวัญให้กลับเข้าร่าง หากขวัญตกจากเหตุการณ์สะเทือนใจชาวบ้านยังมีความเชื่อเกี่ยวกับการสร้างบ้านหลังเล็กและทำขนมหวานให้ผู้ตาย โดยเชื่อว่าดวงวิญญาณจะได้มีที่อยู่อาศัย มีข้าวของเครื่องใช้ไม่ต้องเร่ร่อน และขนมหวานก็เป็นสัญลักษณ์ของการบรรเทาความทุกข์
หลังจากผ่านช่วงเวลาที่โศกเศร้ามาเมื่อสร้างบ้านเล็กเสร็จ จะมีพิธีส่งวิญญาณขึ้นบ้านใหม่ และแนะนำบ้านให้ผู้ตาย เพื่อให้ดวงวิญญาณสามารถเข้าไปอยู่ในบ้านในฐานะเจ้าของอย่างสงบ ไม่ต้องเร่ร่อนอยู่ภายนอก ต่อจากนั้นจะมีการ "แหวะเป้โป้" หรือการขั้วข้าวเม่าฟ่าง ซึ่งเปรียบเหมือนการเตรียมทรัพย์สินในโลกหน้า เปลือกข้าวฟ่างเปรียบเหมือนทอง เงิน และอาหารที่สามารถใช้ได้จริงในภพหน้า เป็นบทเรียนให้คนเป็นไม่ยึดติดกับสิ่งของที่กินไม่ได้ พิธี "ป้าเถอะแพวะ" หรือการหาปลา ร่วมกับหมา เป็นการจำลองกิจกรรมหากินแบบวิถีชีวิตจริง เพื่อให้ผู้ตายรู้สึกเหมือนไม่ได้เดินทางลำพัง และมีเพื่อนร่วมทางเหมือนในชีวิตจริง การ "จี้กลี้" หรือรำกระทบไม้ เป็นการแสดงพื้นบ้านที่เสียงกระทบไม้คล้ายเสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่า เป็นการเร่งให้วิญญาณรีบเดินทาง และเตือนคนเป็นถึงความไม่เที่ยงของชีวิต โดยเชื่อว่าหากขวัญตกจากเสียงที่ตกใจ จะต้องมีการเรียกขวัญกลับมา "ท่อกะแน" หรือการเก็บรังผึ้ง เป็นพิธีที่สื่อถึงการมีสิ่งดีรออยู่หลังอุปสรรค เหมือนกับวิญญาณที่ต้องเดินทางไกล แต่สุดท้ายก็มีที่พักพิง เป็นการสอนคนเป็นให้รู้จักขยันทำมาหากิน "พระนาโด้" หรือการตัดภพ รวมถึงการล้างบ้าน เป็นพิธีที่ทำเพื่อป้องกันไม่ให้วิญญาณร้ายกลับมา เพราะเชื่อว่าหากไม่ทำให้เรียบร้อย กลิ่นคาวจากงานศพจะทำให้วิญญาณที่ไม่ดีไม่ยอมจากไปสุดท้ายคือพิธี "อะปะโล" หรือการส่งสัมภาระให้ผู้ตาย เพื่อให้วิญญาณมีข้าวของใช้ในภพหน้า ผู้ที่ไปส่งสัมภาระต้องกลับบ้านเจ้าภาพก่อนเพื่อคืนความร่มเย็น หากกลับบ้านตัวเองก่อนอาจเกิดสิ่งไม่ดีอีกหนึ่งพิธีสำคัญคือ "ก่ออ้อปลื้อแหม่" หรือการเรียกให้วิญญาณมารับประทานอาหาร เป็นการแสดงความเคารพและเป็นการส่งวิญญาณครั้งสุดท้ายด้วยความอาลัย
ภาษาที่ใช้ในหมู่บ้านใช้ภาษาปกาเกอะญอเป็นหลัก ใช้ภาษาไทยในการเรียนหนังสือ การติดต่อกับบุคคลภายนอกชุมชน
คณะกรรมการหมู่บ้านและได้แบ่งความรับผิดชอบให้กับคณะกรรมการหมู่บ้าน ผู้อาวุโสหรือหัวหน้ากลุ่มต่าง ๆ เช่น อพป. อปพร. สมาชิกสภา อบต. และ ชรบ. เป็นหัวหน้าคุ้ม ซึ่งมีทั้งหมด 4 คุ้ม ดังนี้ 1.คุ้มบ้านเหนือ 2.คุ้มบ้านกลาง 3.คุ้มไหล่ห้วย 4.คุ้มผู้ถือบัตรสีฟ้าและสีเขียวขอบแดง
เป็นหมู่บ้านที่มีความรับผิดชอบของสถานบริการสาธารณสุขชุมชนบ้านแม่กลองคี โดยในช่วงฤดูฝนจะมีการรณรงค์ป้องกันและกำจัดลูกน้ำยุงลาย การหยอดวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ การวางแผนครอบครัวโดยส่งเสริมให้มีการคุมกำเนิด ตลอดจนชาวบ้านจะเข้ารับการรักษาพยาบาลขั้นต้นที่สถานบริการสาธารณสุขชุมชนแห่งนี้ ผู้ที่ป่วย ส่วนใหญ่จะพบมากที่สุดคือ ไข้มาลาเรีย โรคเท้าช้าง ไข้เลือดออก ไข้หวัด เป็นต้น
มีโรงเรียนระดับประถมศึกษาชื่อ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านแม่กลองคี ทำการสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ส่วนการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและระดับที่สูงขึ้น จะเข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนอุ้มผางวิทยาคม อำเภออุ้มผาง และโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ตาก บางส่วนศึกษาต่อที่ศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนอำเภออุ้มผาง โดยสถานศึกษาตั้งอยู่ที่ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนตำบลโมโกร องค์กรบริหารส่วนตำบลโมโกร บ้านตะเปอพู หมู่ที่ 2 ตำบลโมโกร อำเภออุ้มผาง
พิธีกรรมงานศพเป็นพิธีกรรมที่ก่อให้เกิดการรวมกลุ่มและช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับเครือญาติ ระดับชุมชน และความสัมพันธ์ระหว่างคนในชุมชนกับคนนอกชุมชน เป็นพื้นที่แห่งความรัก ความเข้าใจ การเอื้ออาทร และความเห็นอกเห็นใจ ซึ่งเห็นได้จากขั้นตอนของการทำพิธีกรรม นับตั้งแต่มีผู้เสียชีวิตลง เช่น
- การนุ่งผ้า
- การเอาด้ายเกี่ยวนิ้วโป้งเท้า
- การขับลำนำ
- การตั้งดากะจื้อ
- การนำศพไปเผา
- การย่อปีด้า
- การมัดมือหลังเผาศพและการมัดมือเรียกขวัญคนในบ้าน
- การสร้างบ้านหลังเล็กและการทำขนม
- การรำกระทบไม้ (การจี้กลี้)
- การขึ้นเก็บน้ำผึ้ง (การท่อกะแน)
- การส่งสัมภาระศพ (การอะปะโล) เป็นต้น
นอกจากนี้ พิธีกรรมงานศพยังเป็นโอกาสให้ทุกคนได้ทบทวนความสัมพันธ์ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ เรียนรู้ระหว่างกันในระหว่างการจัดงานศพ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ ถาวร กัมพลกูล (2547) ที่กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์เป็นปัจจัยที่เอื้อให้เกิดการรวมกลุ่มและช่วยเหลือเกื้อกูลกันตามธรรมชาติ เป็นการเรียนรู้ร่วมกัน และการให้ซึ่งกันและกัน โดยมีลักษณะเด่นคือ
- การแลกเปลี่ยนแรงงาน
- การแลกเปลี่ยนฉันท์พี่น้อง
- การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ (เสวนาระหว่างทำงาน)
- การแลกเปลี่ยนเรียนรู้นิทาน สุภาษิต ลำนำ บทตอน คำพังเพย
- การแลกเปลี่ยนผลผลิต
- การร่วมพิธีกรรมร่วมกัน
จากการศึกษาพบว่า ท่ามกลางการพัฒนาของสังคมในปัจจุบัน ทำให้คนในชุมชนนำวัฒนธรรมภายนอกมาปรับใช้กับการดำเนินชีวิตของตนเอง แม้การแต่งกายในพิธีกรรมจะเปลี่ยนไป เช่น ผู้ชายสวมเสื้อยืด กางเกงยีนส์ หรือเสื้อเชิ้ต ส่วนผู้หญิงก็อาจสวมใส่ชุดที่ทันสมัยมากขึ้น เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพอากาศและยุคสมัย
แต่แม้องค์ประกอบภายนอกบางส่วนจะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ชุมชนบ้านแม่กลองดีก็ยังคงรักษาวัฒนธรรม ความเชื่อ และพิธีกรรมดั้งเดิมไว้ตั้งแต่
- ระยะหล่อ (พิธีกรรมหลังสิ้นลมหายใจ)
- ระยะหม่าปู่ป่าโจ้ (พิธีกรรมระหว่างบรรเพ็ญศพ)
- ระยะเกือป้าซีวี่ (พิธีกรรมหลังเผาศพ)
พิธีกรรมเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตของชุมชนในการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ความเชื่อในการทำบุญเพื่อให้ผู้ตายได้รับรู้ถึงความตั้งใจของญาติพี่น้องในการจัดพิธีส่งดวงวิญญาณไปสู่สุขคติ โดยเชื่อว่าหากมีการจัดพิธีกรรมครบถ้วน ย่อมทำให้ผู้ตายได้รับพรอันศักดิ์สิทธิ์
อาจกล่าวได้ว่า พิธีกรรมตามความเชื่อของชาว "ปกาเกอะญอ" ได้สร้างความเชื่อมั่น คุณค่าทางวัฒนธรรม และความเชื่อที่เป็นประโยชน์ทางด้านจิตใจ ซึ่งช่วยให้ผู้คนผ่อนคลายจากความกังวลในการดำรงชีวิต และช่วยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ในการอยู่ร่วมกัน ถ่ายทอดต่อจากรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นหนึ่งอย่างต่อเนื่อง
เกตุแก้ว ชนชีวารัตน์. (2557). ฮูธ่อปะซี พิธีกรรมศพในวัฒนธรรมปกาเกอะญอ : คุณค่า ความเชื่อในมิติความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ กรณีศึกษา บ้านแม่กลองคี ตำบลโมโกร อำเภออุ้งผาง จังหวัดตาก. ภาคนิพนธ์. วิทยาลัยโพธิวิชชาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
กรมการปกครอง. (2567). ระบบสถิติทางการทะเบียน กรมการปกครอง. สืบค้นเมื่อ 20 มิถุนายน 2568. https://stat.bora.dopa.go.th
กศน.ตำบลโมโกร. (ม.ป.ป). ชุมชนท่องเที่ยว OTOP บ้านแม่กลองคี. สืบค้นเมื่อ 20 มิถุนายน 2568. https://sites.google.com