
บ้านแม่อุสุ คือความงดงามของธรรมชาติ เช่น ถ้ำแม่อุสุและทะเลหมอกม่อนกิ่วลม ควบคู่กับวิถีชีวิตชาวปกาเกอะญอที่ยังคงรักษาวัฒนธรรมดั้งเดิม
บ้านแม่อุสุ คือความงดงามของธรรมชาติ เช่น ถ้ำแม่อุสุและทะเลหมอกม่อนกิ่วลม ควบคู่กับวิถีชีวิตชาวปกาเกอะญอที่ยังคงรักษาวัฒนธรรมดั้งเดิม
บ้านแม่อุสุ หมู่ 3 ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลแม่อุสุ อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก เป็นชุมชนของกลุ่มชาติพันธุ์ปกาเกอะญอ ที่ตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณหุบเขาใกล้ชายแดนไทย-เมียนมา เดิมทีมีการตั้งถิ่นฐานแบบกระจายตัวตามแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ลำห้วย ป่าไม้ และพื้นที่ทำไร่ โดยใช้วิถีชีวิตแบบไร่หมุนเวียน และเคลื่อนย้ายเมื่อพื้นที่เดิมเริ่มเสื่อมโทรม ชาวบ้านรุ่นแรกเริ่มตั้งบ้านเรือนใกล้ห้วยแม่จวางหรือที่เรียกว่า "สบจวาง" (กรมส่งเสริมวัฒนธรรม, มป.ป.) ต่อมาจึงค่อย ๆ มีผู้คนจากภายนอกอพยพเข้ามา
ในด้านเหตุการณ์สำคัญ ชุมชนเคยมีบทบาทในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเป็นเส้นทางเดินทัพของกองทัพญี่ปุ่นที่ข้ามจากไทยไปยังพม่า และในปี พ.ศ. 2554 เคยเกิดเหตุลูกระเบิดข้ามแดนจากฝั่งเมียนมาหลังเหตุสู้รบในพื้นที่ชายแดน ซึ่งตกใกล้บ้านแม่อุสุแต่ไม่เกิดการระเบิด (Thairath, 2561) นอกจากนี้ ในปี พ.ศ. 2561 มีการปิดถ้ำแม่อุสุชั่วคราวเพื่อความปลอดภัยจากภัยธรรมชาติในช่วงที่ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอนเกิดเหตุการณ์ช่วยเหลือเยาวชน ทำให้หน่วยงานรัฐเฝ้าระวังและให้ความสนใจเพิ่มขึ้น (กรมอุทยานแห่งชาติ, 2561)
ชุมชนแม่อุสุมีพัฒนาการทางเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกับการเกษตรเป็นหลัก โดยเฉพาะการทำนาและปลูกพืชไร่ตามฤดูกาล เช่น ข้าวโพด ยาสูบ และพืชสมุนไพรบางชนิด (สำนักพัฒนาท้องถิ่นจังหวัดตาก, มป.ป.) ด้านสังคมและวัฒนธรรม ชาวบ้านยังคงรักษาภาษา การแต่งกาย และการทอผ้าด้วยกี่เอวแบบดั้งเดิมไว้ได้อย่างเข้มแข็ง ในขณะที่ด้านสาธารณสุขก็มีการจัดตั้งสถานีอนามัยขึ้นตั้งแต่ช่วงประมาณปี พ.ศ. 2509-2533 เพื่อให้บริการพื้นฐานแก่ประชาชนในพื้นที่ทุรกันดาร (สำนักงานตำรวจภูธรอำเภอท่าสองยาง, มป.ป.)
อย่างไรก็ตาม แม้ชุมชนจะมีประวัติศาสตร์ร่วมในหลายมิติ ทั้งการตั้งถิ่นฐาน การอพยพ และเหตุการณ์สำคัญ แต่ในปัจจุบันยังไม่มีการจัดทำข้อมูลประวัติศาสตร์ชุมชนอย่างเป็นระบบ
บ้านแม่อุสุ หมู่ที่ 3 ตำบลแม่อุสุ อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก รายล้อมด้วยป่าไม้เบญจพรรณและป่าเต็งรัง ซึ่งยังคงความอุดมสมบูรณ์และเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติสำคัญของชุมชน โดยบ้านแม่อุสุ อยู่ในตำบลแม่อุสุ มีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้
- ทิศเหนือ ติดต่อกับ ตำบลแม่สอง
- ทิศใต้ ติดต่อกับ ตำบลแม่ต้าน
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับ อำเภอออก๋อย จังหวัดเชียงใหม่
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับ แม่น้ำเมย กั้นพรมแดน
บ้านแม่อุสุ โดยสถิติประชากรทางการทะเบียนราษฎร (รายเดือน) สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง รายงานจำนวนประชากร หมู่ที่ 3 บ้านแม่อุสุ ตำบลแม่อุสุ อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 2,409 คน โดยแยกเป็นประชากรชาย 1,224 คน ประชากรหญิง 1,185 คน จำนวนหลังคาเรือนทั้งสิ้น 804 หลังคาเรือน (ข้อมูลเดือนมกราคม 2568)
ปกาเกอะญอทุนกายภาพ
บ้านแม่อุสุตั้งอยู่ในพื้นที่ภูเขาสลับซับซ้อนของเทือกเขาถนนธงชัย ติดชายแดนประเทศเมียนมา มีภูมิประเทศที่อุดมสมบูรณ์และเหมาะแก่การอยู่อาศัยและท่องเที่ยว แหล่งน้ำสำคัญ เช่น แม่น้ำแม่อุสุและแม่น้ำเมย มีบทบาทสำคัญต่อการดำรงชีวิตของชาวบ้าน รวมถึงการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ จุดเด่นด้านกายภาพของพื้นที่ ได้แก่ "ถ้ำแม่อุสุ" ซึ่งเป็นถ้ำหินปูนที่มีน้ำไหลลอดภายใน และหินงอกหินย้อยที่สวยงาม รวมถึงสถานที่ชมวิวชื่อดัง เช่น ม่อนกิ่วลม ม่อนปุยหมอก และน้ำตกชาวดอย ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศ
พันธุ์ข้าวพื้นเมืองที่ใช้ปลูกในพื้นที่
ข้าวภาษาปากะญอใช้คำว่า "บือ" พันธุ์ที่ปลูกเป็นพันธุ์พื้นเมืองดั้งเดิมที่ผ่านการคัดเลือก โดยภูมิปัญญาของบรรพบุรุษเป็นมรดกสืบทอดกันมา ค่อนข้างมีความหลากหลายทางชีวภาพ การตัดสินใจในการเลือกใช้พันธุ์แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลและท้องถิ่น ขึ้นอยู่กับปัจจัยบางอย่าง เช่น คุณภาพการหุงต้ม ผลผลิต ลักษณะและรูปร่างเมล็ด ทรงต้นข้าว สภาพนิเวศของพื้นที่นา สภาพแวดล้อม รวมทั้งความเชื่อต่าง ๆ ส่วนใหญ่บริโภคข้าวเจ้าเป็นอาหารหลักได้แก่ บือโช บือวาเบ๊ะ บือหง่อละ บือโม๊ะโล๊ะ บือเก้คี บือวาโพ บือวาโช บือนอซู่คะ บือคอแกะ บือยะแม บือหนุดแก บืออีติ่วา
ชื่อพันธุ์ข้าวอาจมีสำเนียงภาษาที่แตกต่างกันแล้วแต่พื้นที่ ซึ่งเมื่อนำมาเขียนเป็นภาษาไทยอาจมีการเขียนและออกเสียงแตกต่างกัน พันธุ์ข้าวข้าวต้นในหมู่บ้านทีโน๊ะโค๊ะได้นำมาปลูก บางชนิดนำมาจากฝั่งประเทศพม่า บางชนิดมาจากบรรพบุรุษรุ่นสู่รุ่น ซึ่งจากการสัมภาษณ์ไม่สามารถระบุแหล่งที่มาได้ว่านำมาจากที่ใด ส่วนใหญ่แล้วเป็นพันธุ์ข้าวพื้นเมืองที่เป็นข้าวเจ้า
พิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับข้าว
พิธีกรรมจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ
1.ความเชื่อตามหลักศาสนาคริสต์ เรียกว่า บาโก้ จะแบ่งเป็น 2 แบบ
1.1 ทำพิธี 1 ครั้งต่อปี ทำก่อนปลูกข้าว ซึ่งจะใช้ขนมประกอบพิธี มีการร้องเพลงสรรเสริญ เมื่อเสร็จแล้วจะร่วมกันกินขนมให้หมด ไม่สามารถนำกลับไปที่บ้านได้
1.2 ทำพิธี 2 ครั้งต่อปี ครั้งที่ 1 จะประกอบพิธีก่อนปลูกข้าวเหมือน แบบข้อ 1.1 ครั้งที่ 2 จะประกอบพิธีหลังทำนาเสร็จ เมื่อเก็บเกี่ยวข้าวเรียบร้อยแล้ว ก็จะประกอบพิธีโดยใช้ขนม มีการร้องเพลงสรรเสริญ เสร็จแล้วร่วมกินขนมให้หมด
การทำพิธีกรรมนี้ คนที่นับถือศาสนาคริสต์เชื่อว่า พระเจ้าจะช่วยคุ้มครองเรา รอดพ้นจากปัญหาต่าง ๆ ระหว่างทำนา และการปลูกข้าวให้ได้ข้าวที่มีผลผลิตมากขึ้น
2.ความเชื่อตามหลักพระพุทธศาสนา ตามวิถีความเชื่อของชาวปกาเกอะญอ จะแบ่งเป็น 3 แบบ
2.1 ลื่อทีบอ เป็นการเลี้ยงน้ำเหมือง จะประกอบพิธีตอนไถนาเสร็จ เพื่อมีน้ำใช้ในการปลูกข้าว
2.2 แสะเจะ เป็นการเลี้ยงแม่ธรณี ประกอบพิธีหลังปลูกข้าวเสร็จ ให้ดินดี ข้าวเจริญงอกงาม
2.3 เกาะเท๊าะโท้ะ เป็นการเลี้ยงขอบคุณนก แมลงที่ไม่มากัดกินข้าวที่ปลูก
ทั้ง 3 พิธีกรรมนี้จะใช้วัตถุดิบในการประกอบพิธี เหมือนเดียวกัน คือ ขนมหวาน ไก่ หมู เหล้า
- หมู ต้องใช้หมูตัวเมีย 1 ตัว
- ไก่ ใช้ 5 ตัว ผู้ 1 เมีย 1 อีก 3 ตัวจะใช้เพศอะไรก็ได้
- ขนมหวาน เช่น บัวลอย สาคู เป็นต้น แต่ต้องทำเอง ไม่ให้ซื้อจากตลาด
- เหล้า จะเป็นเหล้าพื้นบ้านที่ทำเอง
- ไก่ จะนำมาประกอบพิธีทุกปี/ครั้ง ส่วนหมูจะนำมาประกอบพิธีใช้ 3 ปี/ครั้งหากเสร็จพิธีแล้วก็จะร่วมกันรับประทานของที่ประกอบพิธีร่วมกันจะรับประทานหมดเลยหรือนำกลับไปที่บ้านก็ได้แล้วแต่ความเชื่อของบุคคล
ตามหลักพระพุทธศาสนา เชื่อว่าเป็นความเชื่อมาแต่บรรพบุรุษที่ทำต่อ ๆ กันมารุ่นต่อรุ่น เป็นความเชื่อของชาวปกาเกอะญอที่จะต้องทำเพื่อเป็นการเลี้ยงเจ้าที่ ที่คอยดูแลรักษาพื้นนา ดูแลข้าว ทำให้ได้ข้าวที่ผลผลิตที่ดี ตามความเชื่อนี้ถ้าหากไม่ทำเชื่อว่าจะเป็นอันตรายต่อคนในครอบครัว อาจทำให้ไม่สบาย เจ็บป่วย และทำให้ข้าวได้ผลผลิตน้อย
บ้านแม่อุสุ หมู่ 3 ตำบลแม่อุสุ อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก ประชาชนในเขตตำบลแม่วะหลวง มีการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นอันหลากหลายผ่านการพูด ภาษาถิ่นหรือคำเมือง และใช้ภาษาไทยกลาง ใช้เป็นภาษาราชการในการสื่อสารทั่วไป
ในเขตตำบลแม่อุสุ ส่วนใหญ่พื้นที่การปลูกข้าวของเกษตรกรเป็นพื้นที่สูงหรือพื้นที่ดอน บริเวณไหล่เขา ชาวบ้านจึงนิยมปลูกข้าวไร่ซึ่งพันธุ์ข้าวไร่เหล่านั้นเป็นพันธุ์พื้นเมืองที่เกษตรกรใช้ปลูกเพื่อบริโภคกันในท้องถิ่นมาเป็นเวลาช้านาน ผลผลิตข้าวที่ได้จึงเป็นแหล่งอาหารที่สร้างความมั่นคงทางอาหาร สำหรับคนในพื้นที่ ซึ่งข้าวไร่พื้นเมืองที่ปลูกนั้นมีทั้งพันธุ์ที่ยังคงมีความหลากหลายของพันธุกรรมที่ถูกคัดเลือกโดยธรรมชาติและชาวบ้านมาเป็นเวลาช้านาน เนื่องด้วยพันธุ์ข้าวพื้นเมืองที่ปลูกนั้นจะใช้เพื่อการบริโภคในครัวเรือนเป็นหลักและเป็นพันธุ์ข้าวหลากสายพันธุ์ พันธุ์ข้าวของกลุ่มชาติพันธุ์ปกาเกอะญอจึงเป็นพันธุ์ข้าวที่มีความหลากหลายสูงมาก เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงจากความแปรปรวนของสภาพดินฟ้าอากาศ โรค แมลง และศัตรูพืชต่าง ๆ
แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่ถูกคุกคามด้วยระบบทุนนิยมและกระแสโลกาภิวัตน์ ทำให้เกษตรกรตัดสินใจเปลี่ยนจากการปลูกข้าวไร่พื้นเมือง มาปลูกพืช เศรษฐกิจอื่นทดแทนการปลูกข้าว เนื่องจากต้องการสร้างรายได้ที่มากขึ้น ด้วยเหตุนี้อาจกระทบต่อความมั่นคงทางอาหารในพื้นที่ และส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและระบบนิเวศ อีกทั้งยังอาจนำไปสู่การสูญเสีย แหล่งพันธุกรรมข้าวพื้นเมืองได้ ดังนั้นจึงได้มีกลุ่มเยาวชนจากโรงเรียนแม่อุสุวิทยา ได้ทำโครงการการศึกษาพันธุ์ข้าวพื้นเมืองหมู่บ้านในตำบลแม่อุสุ อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก เพื่อศึกษาข้อมูลลักษณะประจำพันธุ์ของข้าวพื้นเมือง ลักษณะทางพืชไร่ การเจริญเติบโต ศักยภาพการให้ผลผลิต รวมถึงการศึกษาความสัมพันธ์ของลักษณะต่าง ๆ เพื่อเป็นฐานข้อมูลให้ผู้สนใจใช้เป็นข้อมูลต่อยอดนำไปทดลองปลูกในสภาพพื้นที่และรูปแบบการปลูกในแบบต่าง ๆ พร้อมกับการอนุรักษ์ พันธุกรรมข้าวพื้นเมืองของตำบลแม่อุสุให้คงอยู่ต่อไป
กรมการปกครอง. (2567). ระบบสถิติทางการทะเบียน กรมการปกครอง. สืบค้นเมื่อ 20 มิถุนายน 2568. จาก https://stat.bora.dopa.go.th
ทิพปภา เวียงกุมภา และคณะ (2562). ใน ปัญญา ไวยบุญญา, สุวิชาน พัฒนาไพรวัลย์, นฤมล แดนพงพี และลิขิต พิมานพนา. (2562). การเสริมสร้างศักยภาพการวิจัยให้แก่เยาวชนชาติพันธุ์ในพื้นที่อําเภอชายแดนจังหวัดตาก (รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ์). สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ฝ่ายวิจัยเพื่อท้องถิ่น.
องค์การบริหารส่วนตำบลแม่อุสุ. (ม.ป.ป.). ถ้ำแม่อุสุ. สืบค้นเมื่อ 20 มิถุนายน2568. จาก https://www.maeusu.go.th/