
ชุมชนบะขาม ชุมชนที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 80-90 ปี และยังคงรักษาประเพณีและวัฒนธรรมดั้งเดิมไว้อย่างเหนียวแน่น เช่น บุญมหาชาติ สงกรานต์ และบุญเบิกบ้าน
จารุณี สุตะชา (2560, น.35) กล่าวไว้ว่า คําว่า "บะขาม" น่าจะเพี้ยนมาจาก "ป่าขาม" เพราะเดิมทีพื้นที่บริเวณนี้เป็นป่าละเมาะซึ่งมีต้นไผ่โจดเต็งจิกและมะขามขึ้นอยู่มาก จึงอาจกล่าวได้ว่าชุมชนบะขามเป็นชุมชนดั้งเดิมที่มีลักษณะเป็นชุมชนชนบทของจังหวัดขอนแก่น เชื่อว่ามีอายุการตั้งชุมชนมาไม่น้อยกว่า 80-90 ปี
ชุมชนบะขาม ชุมชนที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 80-90 ปี และยังคงรักษาประเพณีและวัฒนธรรมดั้งเดิมไว้อย่างเหนียวแน่น เช่น บุญมหาชาติ สงกรานต์ และบุญเบิกบ้าน
การตั้งถิ่นฐานของบ้านบะขามไม่มีหลักฐานเอกสารชัดเจน แต่จากการสัมภาษณ์ชาวบ้านที่มีอายุ 60-90 ปี คาดว่า ตระกูล "ภูธร" จากอําเภอจตุรพักตร์พิมาน จังหวัดร้อยเอ็ด ได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานระหว่างปี 2464-2470 โดยมีนายจันดาและนายพลอย ภูธร เป็นผู้นํา ในปี 2482 คนจากขอนแก่นและจังหวัดใกล้เคียงเริ่มเข้ามาจับจองที่ดินในบ้านบะขามมากขึ้น และในปี 2484 บ้านบะขามได้รับการยกฐานะเป็นหมู่บ้านอย่างเป็นทางการภายใต้ตําบลพระลับ อําเภอเมืองขอนแก่น โดยมีนายจันดา ภูธร เป็นผู้ใหญ่บ้านคนแรก
การขยายตัวของชุมชนบะขามได้รับความสนใจจากนักธุรกิจและนายทุนในช่วงปี 2520-2540 ทำให้ที่ดินในชุมชนมีมูลค่าเพิ่มขึ้นและมีการซื้อขายที่ดินมากขึ้น คนที่อยู่ดั้งเดิมบางครัวเรือนไม่ได้ดำเนินการเรื่องเอกสารสิทธิ์ที่ดิน ทำให้กลายเป็นผู้บุกรุกที่ดินของรัฐ การฟ้องร้องดำเนินคดีเริ่มตั้งแต่ปี 2525 จนถึงปี 2551 รัฐจึงออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินให้และชุมชนบะขามกลายเป็นตัวอย่างที่สำเร็จในการต่อสู้เรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดิน
ในช่วงปี 2541-2550 ชุมชนบะขามได้พัฒนาประสบการณ์การบริหารจัดการชุมชนที่มีส่วนร่วม โดยได้รับรางวัลชุมชนตัวอย่างด้านศิลปวัฒนธรรมและคุณภาพชีวิตจากหน่วยงานต่าง ๆ และกลายเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับองค์กรปกครองท้องถิ่น
จากแผนที่เดินดินชุมชนบะขาม จะเห็นได้ว่าชุมชนบะขามจะมีการแบ่งโซน เป็น 4 โซนหลัก ๆ
- โซนที่ 1 คือ โซนสีเขียว
- โซนที่ 2 คือ โซนสีเหลือง
- โซนที่ 3 คือ โซนสีชมพู
- โซนที่ 4 คือ โซนสีฟ้า
โดยแต่ละโซนจะมี อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ประจําอยู่เพื่อดูแลและให้ความช่วยเหลือกับประชาชนในโซนนั้น ๆ บริเวณกลางชุมชนมีทางแยกที่มีการแบ่งเป็นห้าแยก ซึ่งถือเป็นจุดศูนย์กลางที่ใช้ในการทํากิจกรรมร่วมกันของชุมชน โดยรอบ ๆ ชุมชนประกอบด้วยอาคารพาณิชย์สถานประกอบการ หอพัก และสถานศึกษาที่ตั้งเรียงรายตามแนวถนนและตรอกซอย และมีกลุ่มบ้านเรือนในชุมชนได้สร้างขึ้นตามแนวยาวของถนนและตามตรอกซอย
ชุมชนบะขามมีประชากรทั้งหมด 1235 คน แบ่งเป็นชาย 557 คน หญิง 678 คน มีจำนวน 517 หลังคาเรือน
บะขามเป็นชุมชนที่มีลักษณะเป็นชุมชนเมืองที่มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น ประชากรในชุมชนประกอบหลากหลายอาชีพ ตั้งแต่ทํางานประจํา ประกอบอาชีพส่วนตัว รับราชการ รัฐวิสาหกิจ รับจ้างเอกชน เจ้าของบ้านเช่าหรือคอนโดมีเนียม ไปจนถึงค้าขาย ไม่ว่าจะเป็นร้านขายของชํา ร้านอาหาร ร้านขายยา เนื่องจากชุมชนบะขามเป็นพื้นที่ที่อยู่ใกล้เคียงกับสถานศึกษา และหน่วยงานต่าง ๆ การเข้ามาของประชากรแฝงจึงทําให้ภายในชุมชนจะมีร้านที่ครอบคลุมต่อการดํารงชีวิต เช่น ร้านซักรีด ร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์หรือรถยนต์ คลินิก ร้านตัดผม เป็นต้น
ปฏิทินชุมชนของชุมชนบะขามปรากฏดังภาพ
บุคคลสำคัญคือ "ตระกูลภูธร" ที่ได้เริ่มเข้ามาตั้งถิ่นฐานในตำบล
- ทุนมนุษย์ ผู้นำชุมชนมีความสามารถ และทักษะที่สามารถนํามาประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนสังคมและส่วนรวม มีทัศนคติที่ดีในการปฏิบัติงาน
- ทุนสถาบัน ได้แก่ สถาบันครอบครัว สถาบันการศึกษา ศาสนา การเมือง รวมไปถึงองค์กรที่ตั้งขึ้นมา เพื่อเป็นการรวมกลุ่มของคนที่มีความมุ่งมั่นเพื่อพัฒนาชุมชนให้มีความเข้มแข็ง
- ทุนภูมิปัญญาและวัฒนธรรม ชุมชนบะขามยังคงปฏิบัติตามประเพณี รักษาวัฒนธรรมที่อยู่ในชุมชนอย่างเหนียวแน่น
- ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เนื่องจากชุมชนบะขามมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่า 80-90 ปี ทำให้มีความมั่นคงในฐานะชุมชนดั้งเดิม ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างความเชื่อมั่นและความภาคภูมิใจให้กับชาวบ้าน นอกจากนี้ชุมชนยังคงรักษาประเพณีและวัฒนธรรมดั้งเดิมไว้ได้อย่างเหนียวแน่น เช่น บุญมหาชาติ สงกรานต์ และบุญเบิกบ้าน ซึ่งทำให้ชุมชนมีเอกลักษณ์ เป็นการส่งเสริมและรักษาความเชื่อและขนบธรรมเนียมประเพณีที่มีมาตั้งแต่อดีต
- ชาวบ้านมีส่วนร่วมในกิจกรรมชุมชน โดยชาวบ้านได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งเข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจเกี่ยวกับกิจกรรมและโครงการต่าง ๆ ภายในชุมชน เช่น การวางแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหรือการจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรม ซึ่งทำให้การตัดสินใจสะท้อนถึงความต้องการและความคิดเห็นของประชาชน โดยการมีส่วนร่วมของชาวบ้านในการตัดสินใจเกี่ยวกับกิจกรรมและโครงการต่าง ๆ ทำให้ชุมชนบะขามมีความเข้มแข็งและความสามารถในการจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้การพัฒนาชุมชนเป็นไปอย่างยั่งยืนและตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในชุมชน
- ผู้นําเข้มแข็ง ประธานชุมชนชุมชนบะขามมีความเข้มแข็งและมีทักษะในการบริหารจัดการและการนําทีมนอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการประสานงานระหว่างสมาชิกในชุมชนและหน่วยงานภายนอก ทำให้การตัดสินใจและการดําเนินการต่าง ๆ เป็นไปอย่างมีระเบียบและตรงตามความต้องการของชุมชน และประธานชุมชนยังสามารถส่งเสริม รวมถึงสนับสนุนโครงการและกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชน เช่น โครงการจัดการขยะภายในชุมชน ซึ่งช่วยให้การพัฒนาชุมชนเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
- การมีอาสาสมัครสาธารณสุขมูลฐานที่เข้มแข็ง อสม. ของชุมชนบะขามมีบทบาทสำคัญในการดูแลสุขภาพของสมาชิกในชุมชน ซึ่งจะมีการจัดเวร อสม. ให้การดูแลสุขภาพของคนในชุมชนทุกวันอังคาร วันพุธ วันพฤหัส และวันศุกร์ เวลา 09.00-12.00 น. และแบ่งโซนชุมชนเป็นสี่โซนในการให้ อสม. ดูแลให้ทั่วถึง โดย อสม. ได้มีการให้คําแนะนําและการตรวจสุขภาพเบื้องต้นกับคนในชุมชน นอกจากนี้ยังมีบทบาทในการให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ การป้องกันโรค และการส่งเสริมสุขภาพที่ดีให้กับชุมชน ทำให้ชุมชนมีความตระหนักและมีสุขภาพที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนในกรณีฉุกเฉิน เช่น การจัดการกับโรคระบาดหรือเหตุการณ์ภัยพิบัติ ซึ่งช่วยให้ชุมชนมีความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ โดย อสม.ของชุมชนบะขามมักจะมีการประสานงานกับสำนักสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลนครขอนแก่น ในการดําเนินโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการลงพื้นที่เยี่ยมหญิงตั้งครรภ์ เพื่อพูดคุยดูแลหญิงตั้งครรภ์ในชุมชน แสดงให้เห็นถึงการประสานงานและการทำหน้าที่ของ อสม. ที่มีความเข้มแข็งเป็นอย่างมาก
ส่วนใหญ่ใช้ภาษาไทย-อีสาน ในการสื่อสารภายในชุมชน
- การเติบโตของเทคโนโลยีทําให้กลุ่มมิจฉาชีพเข้าถึงข้อมูลของคนในชุมชน เนื่องจากการเติบโตของเทคโนโลยีและการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่กว้างขวางมากขึ้นทําให้มิจฉาชีพสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและทรัพย์สินของผู้คนได้ง่ายขึ้น โดยมิจฉาชีพไซเบอร์ใช้กลยุทธ์หลากหลายรูปแบบ เช่น การโจมตีด้วยไวรัสหรือมัลแวร์ และการหลอกลวงผ่านโซเชียลมีเดีย เพื่อหลอกลวงและขโมยข้อมูลสําคัญหรือเงินจากผู้ใช้ โดยผู้ที่โดนหลวกลวงส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ
- ประชากรแฝงที่เพิ่มขึ้น การมีประชากรแฝงที่มีสถานภาพเป็นเพียง "ผู้พักอาศัยชั่วคราว" อาจทําให้ความร่วมมือร่วมใจในการพัฒนาชุมชนลดลง เนื่องจากคนกลุ่มนี้อาจไม่มีความผูกพันหรือความสนใจในการร่วมมือพัฒนาชุมชนเหมือนกับสมาชิกดั้งเดิม
- การมีพื้นที่สาธารณะที่ไม่เพียงพอ ในขณะที่ชุมชนมีพื้นที่ที่กว้างมาก มีบ้านหลายหลังคาเรือน แต่พื้นที่สาธารณะสําหรับให้คนในชุมชนมาทํากิจกรรมร่วมกันกลับไม่เพียงพอ ทําให้การจัดสรรทรัพยากรเพื่อกิจกรรมสาธารณะและการบริการต่าง ๆ เป็นไปอย่างยากลําบากในบางครั้ง ทําให้เกิดความแออัดในพื้นที่ที่มีอยู่ ส่งผลให้ไม่สามารถจัดกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ และเป็นอุปสรรคในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติม เช่น สวนสาธารณะ สนามกีฬา หรือสถานที่สําหรับการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งจําเป็นสําหรับการขยายตัวและการพัฒนาชุมชน
- การขยายตัวของชุมชนอย่างรวดเร็วทําให้เกิดปัญหาขยะและสิ่งแวดล้อมในชุมชน การขยายตัวของชุมชนอย่างรวดเร็วส่งผลให้จํานวนประชากรเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทําให้ปริมาณขยะที่เกิดขึ้นในชุมชนเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย การเพิ่มขึ้นของปริมาณขยะนี้อาจทําให้ระบบการจัดการขยะที่มีอยู่ไม่เพียงพอในการรองรับและจัดการขยะได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. (2566). รายงานการฝึกภาคปฏิบัติ 2 (ชุมชน) ปีการศึกษา 2566. คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.