
บ้านทุ่งงิ้วเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ในอำเภอเชียงของจังหวัดเชียงราย ตั้งอยู่ใกล้ด่านพรมแดนไทย-ลาว แห่งที่ 4 และเส้นทางโลจิสติกส์หลัก เหมาะแก่การพัฒนาเป็นศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าและนิคมอุตสาหกรรมชายแดน ด้วยพื้นที่สาธารณประโยชน์กว่า 500 ไร่ โครงสร้างพื้นฐานพร้อมใช้ และศักยภาพด้านเศรษฐกิจที่เติบโต ทำให้เป็นจุดเด่นด้านการค้า การลงทุน และการเชื่อมโยงภูมิภาคลุ่มน้ำโขง
ตั้งชื่อว่า "บ้านทุ่งงิ้ว" เนื่องจากในหมู่บ้านมีต้นงิ้วสูงใหญ่
บ้านทุ่งงิ้วเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ในอำเภอเชียงของจังหวัดเชียงราย ตั้งอยู่ใกล้ด่านพรมแดนไทย-ลาว แห่งที่ 4 และเส้นทางโลจิสติกส์หลัก เหมาะแก่การพัฒนาเป็นศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าและนิคมอุตสาหกรรมชายแดน ด้วยพื้นที่สาธารณประโยชน์กว่า 500 ไร่ โครงสร้างพื้นฐานพร้อมใช้ และศักยภาพด้านเศรษฐกิจที่เติบโต ทำให้เป็นจุดเด่นด้านการค้า การลงทุน และการเชื่อมโยงภูมิภาคลุ่มน้ำโขง
บ้านทุ่งงิ้ว มีประชากรที่เป็นคนบ้านสถานเนื่องจากอพยพกันมาตามครอบครัว โดยจากประวัติบ้านทุ่งงิ้วตามที่บรรพบุรุษเล่าต่อกันมา เก๊าเป็นคนเมืองน่าน (แม่อุ้ยเป็ง) มาแต่งงานกับคนที่บ้านสถาน จากนั้นน้องชายของแม่อุ้ยเป็ง (พ่ออุ้ยม่อน นายแสนใจ จิริยะ) ที่กำลังบวชอยู่ในขณะนั้น ได้เดินทางมาเที่ยวหาพี่สาวที่บ้านทุ่ง หลังจากนั้นก็สึกและได้แต่งงานที่บ้านทุ่งงิ้ว ต่อมาพ่ออุ้ยม่อนได้เป็นผู้ใหญ่บ้าน คาดว่าเป็นผู้ใหญ่บ้านคนที่ 2-3 เนื่องจากไม่มีประวัติเขียนไว้จึงไม่ทราบว่าผู้ใหญ่บ้านคนแรกเป็นใคร ต่อมาบ้านทุ่งงิ้วก็ได้มีการพัฒนาเจริญขึ้นตามลำดับ คนต่างถิ่นได้เห็นทรัพยากร ที่นา ความเจริญต่าง ๆ ของหมู่บ้านจึงมีคนย้ายถิ่นฐานมาอาศัยเพิ่มขึ้น จากเดิมที่มีเพียง 7 หลังคาเรือน จึงเสนอให้ตั้งชื่อหมู่บ้านว่า "บ้านทุ่งงิ้ว"
ชุมชนบ้านทุ่งงิ้ว ตั้งอยู่ในเทศบาลตำบลสถาน อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย มีอาณาเขตติดต่อดังนี้
- ทิศเหนือ ติดกับ หมู่ 12 บ้านสถานใต้
- ทิศตะวันออก ติดกับ หมู่ 4 บ้านเชียงคาน
- ทิศใต้ ติดกับ หมู่ 9 บ้านศรีดอนมูล
- ทิศตะวันตก ติดกับ หมู่ 11 บ้านทุ่งงิ้วเหนือ
ลักษณะภูมิอากาศ ลักษณะภูมิอากาศจัดอยู่ในเขตภูมิอากาศแบบทุ่งหญ้าเมืองร้อน ซึ่งเป็นลักษณะอากาศ ดังนี้
- ฤดูร้อน ประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์-กลางเดือนพฤษภาคม
- ฤดูฝน ประมาณกลางเดือนพฤษภาคม-กลางเดือนตุลาคม
- ฤดูหนาว ประมาณกลางเดือนตุลาคม-กลางเดือนกุมภาพันธ์
ข้อมูลทะเบียนราษฎร์ระบุจำนวนประชากรบ้านทุ่งงิ้ว มีประชากรชาย จำนวน 407 คน ประชากรหญิง 429 คน รวม 836 คน จำนวนครัวเรือน 398 ครัวเรือน
ชาวไทลื้อในบ้านทุ่งงิ้ว อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีรากเหง้ามาจากสิบสองปันนาในจีนตอนใต้ อพยพมาตั้งถิ่นฐานตั้งแต่ปลายพุทธศตวรรษที่ 24 และยังคงรักษาภาษาไทลื้อ ประเพณี และภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยเฉพาะการทอผ้าลายน้ำไหลที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ทั้งยังมีบทบาทสำคัญในการสร้างอัตลักษณ์วัฒนธรรมและเศรษฐกิจชุมชนในพื้นที่
ชาวม้งในบ้านทุ่งงิ้ว อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ดั้งเดิมที่อพยพจากประเทศจีน ผ่านลาว เข้ามาตั้งถิ่นฐานบนพื้นที่สูงของภาคเหนือในช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ 25 โดยมีวิถีชีวิตที่ผูกพันกับการเกษตรแบบไร่หมุนเวียน ความเชื่อในวิญญาณบรรพบุรุษ และการแต่งกายประจำเผ่าที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ ปัจจุบันชาวม้งในพื้นที่มีส่วนร่วมในกลุ่มอาชีพ ผลิตสินค้าหัตถกรรม และส่งเสริมการท่องเที่ยววัฒนธรรมในชุมชน
ไทลื้อ, ม้งองค์กรชุมชน
- ผู้นำชุมชน ได้แก่ กำนัน และผู้ใหญ่บ้านในหมู่บ้านต่าง ๆ ของตำบลงิ้ว รวมทั้งหมู่บ้านบ้านทุ่งงิ้วเอง เป็นตัวแทนในการประสานงานกับเทศบาลและภาครัฐในการพัฒนาชุมชน
- อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ทำหน้าที่ดูแลสุขภาพชาวบ้านให้เข้าถึงบริการพื้นฐานด้านสุขภาพในระดับชุมชน
- ชมรมผู้สูงอายุ สนับสนุนกิจกรรมสังคมและการมีส่วนร่วมในชุมชนของผู้สูงวัย
- กลุ่มแม่บ้าน (ประธานกลุ่มแม่บ้าน) รับผิดชอบงานด้านสังคม การทำกิจกรรมฝึกอบรม ผลิตภัณฑ์ชุมชน และช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจครัวเรือน
การปลูกข้าวนาปี จะเริ่มปลูกในช่วงเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงฤดูฝน ประชาชนที่ทำการเกษตรจะสามารถทำได้ทุกพื้นที่ แต่ในช่วงเดือนอื่นที่ฝนไม่ตกจะไม่สามารถทำนาได้และบางครั้งยังคงเผชิญกับความแห้งแล้ง เก็บเกี่ยวผลผลิตในช่วงเดือนกุมภาพันธ์
การปลูกข้าวนาปรัง สามารถปลูกได้ทั้งปี แต่จะเฉพาะพื้นที่นาของประชาชนที่มี ห้วยน้ำช้างไหลผ่านเท่านั้น พื้นที่อื่นในหมู่บ้านที่ห้วยน้ำช้างไม่ได้ไหลผ่านจะไม่สามารถทำได้เนื่องจากน้ำไม่เพียงพอ
ประเพณีทอดกฐิน จะถือปฏิบัติกันทุกปีภายหลังจากการออกพรรษา โดยประชาชนจะร่วมกันจัดงานในวัดทุ่งงิ้ว เพื่อระดมเงินในการนำมาพัฒนาวัดทุ่งงิ้ว
พิธีเลี้ยงปางสักการะผีปู่ย่า รุกขเทวดา ผีสางนางไม้ เป็นพิธีที่จัดขึ้นในทุกวันที่ 7 เดือน 7 ของทุกปี ซึ่งถือเป็นฤกษ์ดี จัดขึ้น ณ ป่าปางควายที่เป็นป่าของชุมชน
ปฏิทินชีวิตประจำวัน การประชุมประจำเดือนหมู่บ้าน ในทุก ๆ ต้นเดือน เวลา 07.00-09.00 น. ประชาชนมักจะออกไปทำนา ทำไร่ ในช่วงสายของวัน ประมาณ 09.00 น. และจะกลับมาบ้านช่วงเวลาประมาณ 18.00 น. ช่วงเวลาเลิกเรียนของเด็กในหมู่บ้าน เวลา 15.30 น. เด็กในหมู่บ้านจะมารวมตัวเล่นทำกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยกัน
ทุนมนุษย์ พบว่า หมู่บ้านทุ่งงิ้ว มีทุนมนุษย์ประกอบด้วย ผู้นำชุมชน คือผู้ใหญ่บ้านคณะกรรมการหมู่บ้าน กองร้อยน้ำส้ม ที่ทำหน้าที่ในการดูแล พัฒนาหมู่บ้าน รวมทั้งส่งเสริมด้านความปลอดภัยและสิทธิของสตรีในหมู่บ้าน มีปราชญ์ชุมชนในการทำอาชีพจักสาน ทอผ้า และการแปรรูปอาหารจากผลผลิตทางการเกษตร รวมทั้งมีมูลนิธิศูนย์เพื่อน้องหญิงในการเข้ามาช่วยเหลือดูแลการทำงานด้านการคุ้มครองเด็กให้ปลอดภัยจากความรุนแรงทุกรูปแบบ โดยการจัดตั้งคณะกรรมการคุ้มครองเด็กในหมู่บ้าน มีผู้ใหญ่บ้านเป็นประธานคณะกรรมการ และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้รับแจ้งแจ้งเหตุ
ทุนสังคม พบว่า หมู่บ้านทุ่งงิ้ว มีวิถีชีวิตแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย คนในหมู่บ้านรู้จักและสนิทสนมกันเป็นอย่างดี มีการเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ ช่วยกันสอดส่องดูแลความเป็นอยู่ของคนในหมู่บ้านมีลักษณะเป็นเครือญาติและคนในหมู่บ้านมักเป็นคนพื้นพื้นที่เดิม ทำให้รู้จักกันรุ่นต่อรุ่น
ทุนกายภาพ พบว่า หมู่บ้านทุ่งงิ้ว ได้รับการพัฒนาจากภาครัฐโดยมีถนนคอนกรีตเสริมเหล็กในทุกซอย มีถนนสายหลักเส้น 1020 มุ่งหน้าเข้าสู่อำเภอต่าง ๆ และเป็นเส้นทางหลักในการขนส่งสินค้าระหว่างไทย-ลาว ทำให้เกิดความเจริญต่าง ๆ และมีหน่วยงานของรัฐในการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน ได้แก่ โรงเรียนบ้านทุ่งงิ้ว โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านทุ่งงิ้ว วัดทุ่งงิ้วซึ่งเป็นหนึ่งในทุนทางกายภาพที่ช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตของคนในหมู่บ้าน
ทุนธรรมชาติ พบว่า มีทุนธรรมชาติที่สำคัญคือ ห้วยน้ำข้างไหลผ่านหมู่บ้านให้ประชาชนที่ทำการเกษตรสามารถมีน้ำในการเพาะปลูก มีป่าชุมชน คือ ป่าปางควายที่มีพื้นที่กว่า 500 ไร่ ในการเป็นแหล่งธรรมชาติที่สำคัญและเลี้ยงควายจำนวน 50 ตัว โดยมีสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิตเป็นผู้ให้การสนับสนุน
ทุนการเงิน พบว่า มีกองทุนหมู่บ้าน เป็นแหล่งเงินหมุนเวียน สำหรับลงทุนเพื่อพัฒนาอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ให้กับคนในหมู่บ้าน มีกลุ่มปุ้ย โดยได้รับการสนับสนุนจาก SML เป็นระยะเวลา 30 ปี ให้เกษตรกรสามารถนำไปใช้ในการทำการเกษตรก่อน และนำมาใช้คืนหรือจ่ายเงินในภายหลัง โดยมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ มีกลุ่มพลังสามัคคี ที่ทำการกู้เงินจากธนาคารออมสิน มีดอกเบี้ยต่ำให้สมาชิกในกลุ่มได้กู้ยืมเงินไปประกอบชีพ มีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3
ทุนวัฒนธรรม พบว่า ในหมู่บ้านทุ่งงิ้ว แม้จะได้รับการพัฒนาจนกลายเป็นชุมชนกึ่งเมืองกึ่งชนบท แต่ยังคงมีความเป็นวัฒนธรรมของชุมชนเหลืออยู่ ได้แก่ พิธีเลี้ยงปางสักการะผีปู่ย่ารุกขเทวดาผีสางนางไม้ ที่จัดขึ้น ณ ป่าปางควายในวันที่ 7 เดือน 7 ของทุกปี พิธีทำบุญกฐิน การเข้าวัดทำบุญของผู้คน การฟ้อนรำในงานสำคัญต่าง ๆ
ภาษาไทยกลาง ใช้ในการสื่อสารทั่วไป โดยเฉพาะในราชการ การศึกษา และการติดต่อกับคนนอกพื้นที่
ภาษาไทยถิ่นเหนือ (คำเมือง) เป็นภาษาท้องถิ่นที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในครัวเรือนและชุมชน เช่น "ไปไหนมา" - "ไปไสมา"
ภาษาชาติพันธุ์ (บางกลุ่ม) ในบางพื้นที่ของอำเภอเชียงของ รวมถึงชุมชนใกล้เคียง อาจมีชาวลาวพวน ชาวไทลื้อ หรือชาวไทใหญ่ ซึ่งยังคงใช้ภาษาท้องถิ่นของตนในครัวเรือน เช่น ภาษาไทลื้อ ภาษาไทใหญ่ ภาษาอาข่า/ลาหู่ (ในบางหมู่บ้านใกล้เคียงที่เป็นชนเผ่า)
ประชากรส่วนใหญ่ในหมู่บ้านทุ่งงิ้ว ประกอบอาชีพเกษตรกรรม โดยการทำนาเป็นหลักและยังคงมีการประกอบอาชีพอื่นบ้าง ได้แก่ ข้าราชการ ค้าขาย รับจ้าง ธุรกิจส่วนตัว ทั้งนี้ ยังมีการนำภูมิปัญญาของชุมชน ได้แก่ การทอผ้า มาจัดตั้งเป็นกลุ่มทอผ้าสตรีเพื่อสร้างรายได้ มีศูนย์ OTOP ของชุมชน การนำสินค้าผ้าทอไปออกบูธ และการมีกาดอนามัยเพื่อขายสินค้าเกษตรปลอดสารพิษ
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านทุ่งงิ้ว เป็นสถานพยาบาลปฐมภูมิที่ตั้งอยู่ในเขตตำบลสถาน บ้านทุ่งงิ้ว ครอบคลุม 3 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านทุ่งงิ้ว บ้านทุ่งงิ้วเหนือ และบ้านดอนมูล ในปัจจุบันมีบุคลากรในสถานพยาบาลทั้งหมด 5 คน ได้แก่ ผู้อำนวยโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านทุ่งงิ้วพยาบาลวิชาชีพ แพทย์แผนไทย และลูกจ้างจำนวน 2 คน โดยส่วนใหญ่จะให้บริการในด้านของการรักษาโรคทั่วไปเบื้องต้น เช่น โรคเรื้อรัง เบาหวาน ความดัน ไขมัน ไข้หวัดทั่วไป เป็นต้น และให้บริการหัตถการ เช่น การทำแผล ฉีดวัคซีน อีกทั้งยังมีการปฏิบัติงานเชิงรุก เช่น การเยี่ยมบ้านผู้สูงอายุ ผู้พิการ ที่ต้องการความช่วยเหลือทางด้านสุขภาพ รวมถึงคัดกรองโรคเรื้อรังทั่วไป (เบาหวาน ความดัน) การสำรวจลูกน้ำยุงลายตามแต่ละหลังคาเรือน และการคัดแยกขยะสารพิษต่าง ๆ ที่อาจมีความเสี่ยงในการมีสารปนเปื้อนเข้าสู่ผลผลิตทางการเกษตร
คนในชุมชนได้ให้การสนับสนุนด้านการเรียนของเด็กในโรงเรียน เนื่องจากเด็กในโรงเรียนส่วนมากครอบครัวมีฐานะยากจน มีบางส่วนเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ และมีแนวโน้มไม่ได้เรียนต่อในระดับชั้นมัธยมศึกษา ทางโรงเรียนได้ใช้ชุมชนเข้ามาเป็นฐานในการเสริมสร้างการเรียนรู้ โดยใช้ทรัพยากรในชุมชน คือ บ้านทุ่งงิ้วเป็นชุมชนการเกษตร จึงได้มีการส่งเสริมทักษะอาชีพ ยกตัวอย่างเช่น ทางโรงเรียนได้มีการทำโรงเพาะชำเพื่อให้นักเรียนได้ปลูกพืชผัก และมีการนำสภานักเรียนเข้ามาช่วยเหลือดูแลเพื่อนนักเรียน เป็นผู้สอดส่องดูแล ประสานงานระหว่างครูกับนักเรียน
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. (2566). รายงานการฝึกภาคปฏิบัติ 2 (ชุมชน) ปีการศึกษา 2566. คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.