
ชุมชนชาวประมงที่ยังคงวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม รวมถึงมีหาดทรายสวยงามธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสประสบการณ์การทำประมง การทานอาหารทะเลสด ๆ และพักผ่อนในบรรยากาศเงียบสงบ
ชื่อของเกาะที่เรียกกันมาจนเป็นเกาะปอมาจนถึงปัจจุบันนั้น มีที่มาจากคำของภาษาอูรักลาโว้ย และคำของภาษามลายู ดังนี้
ภาษาอูรักลาโว้ย คือคำว่า "ปุเลา ดาเปอ" ซึ่งคำว่า "ปุเลา" แปลว่า เกาะ ส่วนคำว่า "ดาเปอ" แปลว่า ครัว หรือ ห้องครัว ซึ่งความหมายของ ปุเลาดาเปอ คือ สถานที่ที่เปรียบเสมือนห้องครัวเป็นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรในการใช้อยู่กิน เพรียบพร้อมในการอยู่อาศัยและประกอบอาหาร
ส่วนคำภาษามลายูนั้นคือคำว่า "ปุเลาดาเปาะ" หรือ "ปุเลาดาปอ" ซึ่งคำว่า "เดอเปาะ" และ "ดาปอ" นั้น สามารถแปลและให้ความหมายเช่นเดียวกับคำว่า "ดาเปอ" ของภาษาอูรักลาโว้ย นั่นคือ ครัวหรือห้องครัว และแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์เช่นเดียวกัน
โดยที่มาของการตั้งชื่อจะมีความแตกต่างกันของภาษาที่มีทั้งภาษาอูรักลาโว้ย และภาษามลายู แต่ถึงกระนั้นแล้วคำที่มาจากทั้งสองภาษาก็มีความเชื่อมโยงกันและให้ความหมายออกมาเหมือนกันนั่นคือ สถานที่ที่อุดมสมบูรณ์ในการอยู่กินอยู่อาศัย เปรียบเสมือนห้องครัวของบ้านที่เป็นที่ที่ทุกคนในครอบครัวจะสามารถเข้ามาทําอาหาร หาของกินของใช้เป็นสถานที่สําคัญของคนในครอบครัว
ชุมชนชาวประมงที่ยังคงวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม รวมถึงมีหาดทรายสวยงามธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสประสบการณ์การทำประมง การทานอาหารทะเลสด ๆ และพักผ่อนในบรรยากาศเงียบสงบ
เกาะปอตามชนพื้นเมืองดั้งเดิม
ตามคำบอกเล่าของคนในพื้นที่ทำให้ทราบว่า ชื่อของเกาะที่เรียกกันมาจนถึงเป็นเกาะปอมาจนถึงปัจจุบัน มีทั้งมาจากคำของภาษาอูรักลาโว้ย และคำของภาษามลายู ดังนี้
ภาษาอูรักลาโว้ย คือคำว่า "ปุเลา ดาเปอ" ซึ่งคำว่า "ปุเลา" แปลว่า เกาะ ส่วนคำว่า "ดาเปอ" นั้นแปลว่า ครัว หรือ ห้องครัว ซึ่งความหมายของปุเลาดาเปอคือ สถานที่ที่เปรียบเสมือนห้องครัวเป็นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรในการใช้อยู่กิน เพียบพร้อมในการอยู่อาศัยและประกอบอาหาร
ภาษามลายู คือคำว่า "ปุเลาดาเปาะ" หรือ "ปุเลาดาปอ" ซึ่งคำว่า "เดอะเปาะ" และ "ดาปอ" นั้นสามารถแปลและใช้ความหมายเช่นเดียวกันคำว่า "ดาเปอ" ของภาษาอูรักลาโว้ย นั่นคือ ครัวหรือห้องครัว และแสดงถึงความอุดมสมบูรณ์เช่นเดียวกัน
เกาะปอตามการตั้งชื่อตามตำนาน โดยเป็นตำนานของสำเภาเภตรา
จากตำนานสำเภาเภตรา เริ่มต้นจาก ในสมัยก่อนมีครอบครัวหนึ่ง ซึ่งเป็นครอบครัว ที่ประกอบไปด้วยพ่อแม่และลูกชาย ซึ่งครอบครัวนี้ก็เป็นครอบครัวที่ค่อนข้างยากจน แต่ตัวพ่อและแม่นั้นพยายามหาเงินเพื่อส่งลูกชายได้เล่าเรียนสูง ๆ ต่อมาเมื่อลูกชายได้ออกไปเรียนเพื่อหาวิชาความรู้ เมื่อเรียนจบก็ได้การทำงานที่ดีเนื่องจากตนเองเป็นคนเก่งมีความสามารถ และเมื่อครอบครัวเศรษฐีได้เห็นความสามารถของชายคนนี้จึงยกลูกสาวให้ และให้เข้ามาทำงานด้วย ในเวลาต่อมาก็เริ่มร่ำรวยมากขึ้นเพราะมีการส่งสินค้าไปหลายพื้นที่ จนถึงวันหนึ่งตัวลูกชายเริ่มคิดถึงพ่อแม่ของตนเองขึ้นมา และตัวภรรยานั้นยังไม่เคยเจอพ่อแม่ของสามี ดังนั้นทั้งสองจึงตัดสินใจขึ้นเรือสำเภาที่มีชื่อว่าเภตรา ออกเดินเรือมาเพื่อกลับไปที่บ้านเกิดตัวเอง เมื่อพ่อแม่ได้ยินข่าว ตัวลูกชายจะกลับมาหาจึงได้เตรียมหุงหาอาหารและทำของที่ลูกชายโปรดปรานเพื่อนำมาต้อนรับลูกชาย เมื่อเรือสำเภาเภตราเดินทางมาถึง ลูกชายได้พบพ่อกับแม่ แต่ก็มีความรู้สึกอับอายแก่ภรรยาของตัวเองที่พอแม่ยากจน จึงทำเป็นไม่รู้จักพ่อกับแม่ และเดินขึ้นเรือเดินทางกลับบ้านไปพร้อมกับภรรยา เมื่อพ่อและแม่เป็นดังนั้น ตัวแม่เองรู้สึกเสียใจที่ลูกไม่ห่วงใยในตัวแม่ ส่วนพ่อโกรธและเสียใจ จึงสาปแช่งให้คลื่นสัตว์เรือสำเภาให้ล่มจมกลางทะเล มีคลื่นลูกใหญ่สัตว์เข้าใส่เรือสำเภาเภตรา จนทำให้เรืออับปางลง และสิ่งของต่าง ๆ ภายในเรือกระจัดกระจายจนกลายเป็นเกาะต่าง ๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะเภตรา ก็เป็นเช่นเดียวกับเกาะปอซึ่งในส่วนที่อยู่ถัดมานั่นคือเป็นส่วนของห้องครัว
ประวัติที่มาของเกาะตามการตั้งชื่อตามสภาพพื้นที่
โดยจากสภาพพื้นที่ของเกาะปอในอดีต เป็นเกาะที่มีต้นไม้ปอป่า หรือ ต้น ปอดอกเหลืองขึ้นอยู่มากมาย ซึ่งความสำคัญของต้นปอคือการนำมาแปรรูปเป็นเชือกที่ใช้ในการผูกกล้ามเนื้อ
ชุมชนบ้านเกาะปอมีผู้อาศัยทั้งหมด 137 ครัวเรือน ประกอบด้วย บ้านที่มีผู้อาศัยอยู่ 95 หลังคาเรือน, ไม่มีผู้อาศัยอยู่ 39 หลังคาเรือน, ประกอบธุรกิจโฮมสเตย์ 3 แห่ง
ชุมชนบ้านเกาะปอ มีประชากรทั้งหมด 387 คน แบ่งได้ดังนี้
เพศชาย (คน) | เพศหญิง (คน) |
186 | 201 |
จากจำนวนประชากรทั้งหมดสามารถแบ่งได้ตามช่วงอายุดังนี้
ช่วงอายุ | จำนวน (คน) |
อายุ 1-20 ปี | 101 |
อายุ 21-40 ปี | 119 |
อายุ 41-60 ปี | 114 |
อายุ 61-80 ปี | 49 |
อายุ 81-100 ปี | 4 |
การประกอบอาชีพ ชุมชนบ้านเกาะปอมีอาชีพทั้งหมดดังนี้
- กำลังศึกษา คิดเป็นร้อยละ 24.65
- ไม่มีอาชีพ คิดเป็นร้อยละ 7.30
- เกษตรทำสวน คิดเป็นร้อยละ 9.63
- ประมง คิดเป็นร้อยละ 5.61
- รับราชการ คิดเป็นร้อยละ 1.99
- รัฐวิสาหกิจคิดเป็นร้อยละ 0.20
- พนักงานบริษัท คิดเป็นร้อยละ 1.22
- รับจ้างทั่วไป คิดเป็นร้อยละ 36.09
- ค้าขาย คิดเป็นร้อยละ 5.04
- ธุรกิจส่วนตัว คิดเป็นร้อยละ 5.99
- อาชีพอื่น ๆ คิดเป็นร้อยละ 2.10
ทุนทางมนุษย์
- ความสามัคคีช่วยเหลือเกื้อกูล
- คนในชุมชนมักเป็นเครือญาติกันและมีความรู้กันเป็นอย่างดี ทำให้มีการช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน
- คนในชุมชนมีอัธยาศัยดีและยินดีต้อนรับคนจากภายนอก เสมือนเป็นเพื่อนพี่น้องกันหรือจนกระทั่ง เหมือนญาติพี่น้องและลูกหลานของตัวเอง
ทุนสังคม
พลังชุมชนเข้มแข็ง คนในชุมชนมีความสัมพันธ์ สามัคคี และช่วยเหลือเกื้อกูลเป็นอย่างดีทั้งในการทำกิจกรรมและในยามเผชิญหน้ากับปัญหา
ข้อบังคับชุมชน ชุมชนมีกฎและข้อบังคับที่มีความเชื่อมโยงกับความเชื่อวัฒนธรรมทางศาสนาอิสลามที่คนในชุมชนนับถือ โดยเป็นทั้งหลักปฏิบัติที่ถูกต้องตามจารีตประเพณีและการเอื้อประโยชน์ในการทำกินของชุมชน ตัวอย่างเช่น หากมีบุคคลภายนอกเข้ามาใช้ประโยชน์ของพื้นที่ในชุมชน คนในชุมชนต้องสามารถใช้ประโยชน์ได้เช่นเดียวกัน
ทุนเศรษฐกิจ
ร้านค้าชุมชน ในชุมชนมีร้านค้าของคนในชุมชนที่หมุนเวียนเศรษฐกิจของคนในชุมชน
ท่องเที่ยวชุมชน ในชุมชนมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการท่องเที่ยวตามวิถีชีวิตคนในชุมชน ที่สามารถจัดทำเป็นการท่องเที่ยวได้และยังเคยมีการจัดการท่องเที่ยวในชุมชนโดยมีการพักอาศัยกับคนในชุมชน
ผลิตภัณฑ์ชุมชน ในชุมชนเคยมีวิสาหกิจชุมชนในการทำงานผลิตภัณฑ์ของชุมชนทั้งการทำเครื่องแกง กล้วยฉาบ และน้ำมันสปาที่ส่งให้ตามโรงแรมต่าง ๆ
ทุนธรรมชาติ
ระบบนิเวศ ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่อุดมสมบูรณ์ หลากหลายทั้งบนพื้นที่ดินและในทะเล ซึ่งเอื้อประโยชน์ให้กับคนในชุมชนทั้งการประกอบอาชีพและการหาเลี้ยงด้วยตนเอง
ส่วนใหญ่พูดภาษาไทย (ภาคใต้) นอกจากนี้ยังมีการใช้ภาษามลายูท้องถิ่น
เนื่องจากชุมชนบ้านเกาะปอมีพื้นที่อยู่บนเกาะที่ห่างจากเขตเกาะลันตา การที่จะมีสายไฟที่ทอดยาวถึงเกาะจึงเป็นสิ่งที่เป็นข้อจำกัด ทางเกาะจึงต้องใช้ไฟฟ้าที่มาจากเครื่องปั่นไฟแทนโดยการที่ทุกบ้านต้องจ่ายค่าน้ำมันของเครื่องปั่นไฟวันละ 15 บาท และใช้เพียงแค่ 4 ชั่วโมงต่อวัน ในช่วงเวลา 18.30-22.30 ของทุกวันเพียงเท่านั้น
น้ำประปาที่ใช้อุปโภคบริโภคบนเกาะนั้นเป็นน้ำที่มาจากบ่อบาดาล ซึ่งเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าน้ำจากบ่อบาดาลมักมีตะกอนและในบางพื้นที่อาจมีความชำรุดของท่อน้ำใต้ดินจึงทำให้มีตะกอนสนิมปะปนกับน้ำที่ใช้ อุปโภคด้วย ซึ่งมีเพียงบางส่วนที่เลือกอุปโภคบริโภคน้ำฝนแทนน้ำบาดาล
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. (2566). รายงานการฝึกภาคปฏิบัติ 2 (ชุมชน) ปีการศึกษา 2566. คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะลันตาใหญ่. (ม.ป.ป.). แหล่งท่องเที่ยว : เกาะปอ. https://kohlantayai.go.th/travel/