
ชาวบ้านมีเชื้อสายอีสาน (ลาวอีสาน) และบางส่วนมีเชื้อสายกูยหรือเขมร ยังรักษา ประเพณีฮีตสิบสอง คองสิบสี่, การทำบุญบั้งไฟ, บุญเข้าพรรษา ประเพณีท้องถิ่นอื่น ๆ และมีสถานธรรมเป็นศูนย์รวมจิตใจ
ชาวบ้านมีเชื้อสายอีสาน (ลาวอีสาน) และบางส่วนมีเชื้อสายกูยหรือเขมร ยังรักษา ประเพณีฮีตสิบสอง คองสิบสี่, การทำบุญบั้งไฟ, บุญเข้าพรรษา ประเพณีท้องถิ่นอื่น ๆ และมีสถานธรรมเป็นศูนย์รวมจิตใจ
ก่อน พ.ศ. 2300 บริเวณนี้เคยเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของกลุ่มชาติพันธุ์ “กูย (ส่วย)” ซึ่งมีวิถีชีวิตแบบกึ่งเร่ร่อนและเชี่ยวชาญการเลี้ยงช้าง
พ.ศ. 2310 – 2350 ยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ - เริ่มมีการเคลื่อนย้ายกลุ่มคนลาวจากลุ่มน้ำโขงฝั่งลาวมาอยู่อาศัยในดินแดนฝั่งศรีสะเกษ รวมถึงในพื้นที่อำเภอห้วยทับทันปัจจุบัน
ประมาณ พ.ศ. 2430 – 2460 เริ่มมีการตั้งหมู่บ้านขนาดเล็กในพื้นที่ที่เป็น กล้วยกว้าง โนนสำโรง ในปัจจุบัน โดยผู้บุกเบิกส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนลาวผสมกูย ที่อพยพมาหาจับจองที่ดินทำกิน
พ.ศ. 2480 เขตการปกครองใหม่ในจังหวัดศรีสะเกษเริ่มชัดเจน มีการจัดตั้งอำเภอห้วยทับทันขึ้นอย่างเป็นทางการ (ต่อมาเป็นเทศบาลตำบล)
พ.ศ. 2490 – 2510 บ้านโนนสำโรงมีลักษณะเป็นหมู่บ้านเกษตรกรรมอย่างสมบูรณ์ มีการใช้วัว ควาย ในการไถนา และอาศัยลำห้วยทับทันในการทำนาปี
พ.ศ. 2515 มีการสำรวจและจัดตั้ง อบต. กล้วยกว้าง อย่างเป็นทางการ ครอบคลุมบ้านโนนสำโรงเป็นหนึ่งในหมู่บ้านหลักของตำบล
พ.ศ. 2530 – 2540 เริ่มมีโครงการพัฒนาหมู่บ้านจากรัฐ เช่น “หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง” และโครงการขุดลอกลำห้วย / สร้างฝาย
พ.ศ. 2545 หมู่บ้านเริ่มรวมกลุ่มทำวิสาหกิจชุมชน เช่น กลุ่มเลี้ยงไก่บ้าน เพื่อสร้างรายได้จากอาชีพเสริม
พ.ศ. 2560 ชุมชนเข้าร่วมในกิจกรรม “หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP)” โดยบางกลุ่มผลิตสินค้าจำหน่ายในงานระดับจังหวัด
พ.ศ. 2568 จัดงานบุญบั้งไฟ ตำบลกล้วยกว้างอย่างยิ่งใหญ่ ที่หมู่บ้านขามใหญ่ (ใกล้กับโนนสำโรง) ชาวบ้านโนนสำโรงมีส่วนร่วมทุกปี
ปัจจุบัน (พ.ศ. 2568 – 2569) หมู่บ้านโนนสำโรงเน้นการพัฒนาเกษตรผสมผสาน และกลุ่มอาชีพ สร้างรายได้จากภายในชุมชนอย่างยั่งยืน
ลักษระพื้นที่ราบสูงและราบลุ่ม ดินเป็นดินร่วนและดินเหนียวเหมาะแก่การเพาะปลูก
อาณาเขต
- ทิศเหนือ ติดต่อกับตำบลเมืองหลวง อำเภอห้วยทับทัน, ศรีสะเกษ
- ทิศใต้ ติดต่อกับตำบลสำโรงปราสาท และตำบลตูม อำเภอปรางค์กู่, ศรีสะเกษ
- ทิศตะวันตก ติพดต่อกับเทศบาลตำบลโคกจาน / ตำบลสวาย อำเภออุทุมพรพิสัย / ปรางค์กู่, ศรีสะเกษ
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับตำบลจานแสนไชย อำเภอห้วยทับทัน, ศรีสะเกษ
บ้านโนนสำโรง หมู่ที่ 7 ตำบลกล้วยกว้าง อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ มีประชากรชาย 263 คน หญิง 220 คน รวม 483 คน มีชาวไทยลาว (อีสาน) เป็นกลุ่มชาติพันธุ์หลักของคนในพื้นที่
กูยครัวเรือนส่วนใหญ่ในพื้นที่เน้นการทำไร่และทำนาเป็นหลัก โดยพื้นที่ราบลุ่มของตำบลเอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูก โดยเฉพาะข้าวนาปี ส่วนใหญ่มีกลุ่มชุมชนที่รวมตัวเพื่อสร้างรายได้ เช่น กลุ่มแม่บ้านแปรรูปผลผลิตเกษตร เช่น แปรรูปกล้วยเป็นสินค้าชุมชน โดยมีการสร้างมูลค่าเพิ่มและจำหน่ายภายในจังหวัดหรือข้ามจังหวัด กลุ่มหัตถกรรมท้องถิ่น เช่น ผ้าทอเสื้อไหมลวดลายลูกแก้วย้อมมะเกลือ หรือการปักผ้าพื้นเมือง
ป่าชุมชนโนนสำโรง หมู่ 7 มีพื้นที่ป่าประมาณ 300 ไร่ เป็นชุมชนที่ขนาดใหญ่และอุดมสมบูรณ์ที่สุดในตำบลกล้วยกว้าง ป่าชุมชนแห่งนี้มีลำห้วยวะไหลผ่าน ชาวตำบลกล้วยกว้างหลายหมู่บ้านและตำบลข้างเคียง ได้ใช้ประโยชน์จากป่าชุมชนโนนสำโรงแห่งนี้ เพราะเป็นแหล่งอาหาร ยาสมุนไพร เช่น เห็ดป่า หน่อไม้ ผลไม้ป่า ส่วนสมุนไพร เช่น ย่านางแดง เครือเอ็นอ่อน ครอบจักรวาล อ้อยดำ ครั่ง สาบเสือ ก้างปลาเครือ หนามเล็บแมว โด่ไม่รู้ล้ม เป็นต้น และยังมีไม้เศรษฐกิจ คือ ไม้มะดัน ที่ใช้ย่างไก่ เพราะไม้มะดันมีรสเปรี้ยวเวลาย่างยางในไม้มะดันจะซึมออกใส่ตัวไก่ที่ย่าง ทำให้มีรสชาติกลมกล่อมขึ้น ต่อมามีการจัดตั้งกลุ่มขึ้นมา โดยเกิดจาการรวมตัวกันของคนในหมู่บ้านเพื่ออนุรักษ์ป่าไม้ในเขตชุมชนเพื่อเป็นแหล่งอนุรักษ์ต้นไม้ สัตว์ต่างๆ แหล่งอาหาร แหล่งสมุนไพร เพื่อประโยชน์แก่หมู่บ้าน และหมู่บ้านข้างเคียงเพราะแต่ก่อนไม่มีการอนุรักษ์และมีคนบุกรุกทำลายป่า ไม่มีการฟื้นฟูเพราะเป็นแหล่งป่าชุมชนชาวบ้านหรือบุคคลที่เข้ามามักจะไม่ใส่ในการอนุรักษ์ต่อมาในปี พ.ศ.2553 พระครูบุญสถิตย์ ปัญญาวโร (หลวงตาบุญยัง) ได้ก่อตั้งสำนักสงฆ์พุทธอุทยานสถานธรรมดอนแก้ว ห้วยวะ เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมที่ถูกสร้างขึ้นใช้ในป่าชุมชนโนนสำโรง กลายเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชนในตำบลกล้วยกว้างและอำเภอห้วยทับทัน และคนในจังหวัดศรีสะเกษ ด้วยที่พระครูบุญสถิต เป็นพระนักปฏิบัติเป็นพระสุปฏิปันโน ทำให้ป่าชุมชนโนนสำโรงเต็มไปด้วยนักแสวงบุญในวันศีล วันพระ กลุ่มวัยรุ่นที่มีปัญหาทางสังคมสำนักสงฆ์ฯ สามารถดึงเด็กวัยรุ่นกลุ่มดังกล่าวเข้าร่วมกิจกรรมของวัด และด้วยกุศโลบายของท่านพระครูที่มาอยู่ ณ ป่าชุมชนโนนสำโรงที่ต้องการดูแลป่าร่วมกับชุมชน มีการกระจายพระลูกวัดออกไปตามขอบเขตของป่าชุมชนสร้างกุฏิหลังเล็กๆที่พอจำวัดได้ไม่ทำลายธรรมชาติเพื่อเป็นการเฝ้าระวังป้องกันการบุกรุกของที่ข้างเคียง (ท่านพระครูว่าเป็นการสร้างทหารชายแดนด้วยศีล)มีการออกกฎระเบียบข้อบังคับของ
บ้านโนนสำโรง หมู่ที่ 7 ตำบลกล้วยกว้าง อำเภอห้วยทับทัน ศรีสะเกษคนในพื้นที่ส่วนใหญ่ใช้ ภาษาไทย ในชีวิตประจำวัน และยังมีการใช้ ภาษาอีสาน (ภาษาลาวสำเนียงศรีสะเกษ) เป็นภาษาพูดในชุมชน
ป่าชุมชนโนนสำโรง หมู่ 7 มีพื้นที่ป่าประมาณ 300 ไร่ เป็นชุมชนที่ขนาดใหญ่และอุดมสมบูรณ์ที่สุดในตำบลกล้วยกว้าง ป่าชุมชนแห่งนี้มีลำห้วยวะไหลผ่าน ชาวตำบลกล้วยกว้างหลายหมู่บ้านและตำบลข้างเคียง ได้ใช้ประโยชน์จากป่าชุมชนโนนสำโรงแห่งนี้ เพราะเป็นแหล่งอาหาร ยาสมุนไพร เช่น เห็ดป่า หน่อไม้ ผลไม้ป่า ส่วนสมุนไพร เช่น ย่านางแดง เครือเอ็นอ่อน ครอบจักรวาล อ้อยดำ ครั่ง สาบเสือ ก้างปลาเครือ หนามเล็บแมว โด่ไม่รู้ล้ม เป็นต้น และยังมีไม้เศรษฐกิจ คือ ไม้มะดัน ที่ใช้ย่างไก่ เพราะไม้มะดันมีรสเปรี้ยวเวลาย่างยางในไม้มะดันจะซึมออกใส่ตัวไก่ที่ย่าง ทำให้มีรสชาติกลมกล่อมขึ้น
ป่าชุมชนบ้านโนนสำโรง
กรมการปกครอง. (2567). สถิติจำนวนประชากรทางการทะเบียนราษฎร. สืบค้นจาก https://stat.bora.dopa.go.th
องค์การบริหารส่วนตำบลกล้วยกว้าง. (ม.ป.ป.). ข้อมูลแหล่งเรียนรู้. สืบค้นจาก https://kluaykwang.go.th
องค์การบริหารส่วนตำบลกล้วยกว้าง. (2567). แผนพัฒนาท้องถิ่น (พ.ศ.2566-2570) เพิ่มเติม ครั้งที่ 1/22567. สืบค้นจาก https://www.kluaykwang.go.th