
ชุมชนที่มีความโดดเด่นในเรื่องของการผลิตผ้าไหมแบบครบวงจร เริ่มตั้งแต่การเลี้ยง จนถึงกระบวนการทอเป็นผ้าไหม
ชุมชนที่มีความโดดเด่นในเรื่องของการผลิตผ้าไหมแบบครบวงจร เริ่มตั้งแต่การเลี้ยง จนถึงกระบวนการทอเป็นผ้าไหม
เมื่อปีพ.ศ. 2429 มีราษฎรชาวบ้านเสี้ยวใหญ่ซึ่งอยู่ติดกับหมู่บ้านเสี้ยวน้อยทางด้านทิศใต้และอยู่ห่างกันประมาณ 2 กิโลเมตรได้อพยพมาอยู่ตามหัวไร่ปลายนาที่บริเวณบ้านเสี้ยวน้อยปัจจุบัน โดยการนำของพ่อขุนสะท้าน พ่อชื่น พ่อเทาะ แม่วันดี มาทำนา ทำสวน ทำไร่และเลี้ยงสัตว์และมีที่ไว้สำหรับพักสัตว์ที่นำมาเลี้ยงเวลากลางคืนเรียกว่า”คอกวัว” ปัจจุบันคือที่สาธารณะคอกวัว ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของหมู่บ้าน สาเหตุที่ราษฎรบ้านเสี้ยวใหญ่อพยพอยู่ตามหัวไร่ปลายนาเนื่องจากมาทำนา ทำสวน ทำไร่ เลี้ยงสัตว์ การคมนาคมไม่สะดวกเดินทางไป-กลับลำบาก ถึงฤดูฝนน้ำท่วมทางสัญจรไป-มา ต่อมาราษฎรบ้านเสี้ยวใหญ่ได้มีการอพยพเข้ามาอยู่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆจึงได้ตั้งเป็นหมู่บ้านและมีผู้ใหญ่บ้านปกครองและมีการตั้งชื่อหมู่บ้านใหม่เลียนแบบชื่อหมู่บ้านเดิม(หมู่บ้านเสี้ยวใหญ่) “บ้านเสี้ยวน้อย” มาจนถึงปัจจุบัน
บ้านเสี้ยวน้อย ตำบลบ้านเล่า อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ สภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นที่ลุ่ม ประชากรส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพในภาคเกษตรกรรม เป็นอาชีพหลัก รองลงมา คือ การทำไร่ การประมง เลี้ยงสัตว์ มีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้
- ทิศเหนือ ติดต่อกับ ตำบลนาเสียว อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ และ ตำบลนาฝาย อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ
- ทิศใต้ ติดต่อกับ ตำบลโพนทอง อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ และ ตำบลรอบเมือง อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับ ตำบลโพนทอง อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับ ตำบลนาฝาย อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ
พื้นที่สาธารณะ และสาธารณูปโภคในชุมชน
- วัดสมศรี บ้านเสี้ยวน้อย เป็นศูนย์กลางทางศาสนาและกิจกรรมชุมชน
- ศูนย์วิจัยชุมชน "ท่องเที่ยวไหมโบราณ บ้านเสี้ยวน้อย" ให้บริการด้านการวิจัย พัฒนาผลิตภัณฑ์ ผ้าไหม และการอบรมชุมชนโดยร่วมกับหน่วยงานราชการและมหาวิทยาลัยต่าง ๆ
สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ พื้นที่เกษตรกรรมปลูกหม่อนและสวนมัลเบอร์รี่ ซึ่งชาวบ้านรวมกลุ่มทำสวนเกษตรและเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร เช่น “อุโมงค์มัลเบอร์รี่” เกิดจากแนวคิดผสมผสานระหว่างเศรษฐกิจพอเพียงและวิถีชีวิตท้องถิ่น
สถานที่สำคัญทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม
- กลุ่มสตรีทอผ้าไหมบ้านเสี้ยวน้อย เป็นแหล่งผลิตผ้าไหมหมักโคลนและผ้าไหมย้อมสีธรรมชาติที่ได้รับรองมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม (Green Production) และเป็นหมู่บ้านอนุรักษ์ไหมไทยในโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ
- ประเพณีแห่ผีสุ่ม (บุญเดือนสิบ) จัดขึ้นทุกปีในช่วงต้นเดือนกันยายน/กลางเดือนสิบของไทย ซึ่งหมู่บ้านเสี้ยวน้อยถือเป็นต้นกำเนิดของประเพณีหนึ่งเดียวในโลก มีขบวนแห่กว่า 15 หมู่บ้านในตำบล พร้อมพิธีอุทิศส่วนกุศล และการกุศลร่วมกันของชุมชนและผู้มาร่วมงาน
ทรัพยากรทางธรรมชาติ
- แหล่งน้ำในหมู่บ้าน ลำห้วย2 แห่ง (ลำห้วยลำปะทาว และ ลำห้วยกุดแคน)
- หนองน้ำสาธารณประโยชน์ 1 แห่ง (หนองแสง)
บ้านเสี้ยวน้อย โดยสถิติประชากรทางการทะเบียนราษฎร (รายเดือน) สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง รายงานจำนวนประชากร หมู่ที่ 1 บ้านเสี้ยวน้อย ตำบลบ้านเล่า อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 353 คน โดยแยกเป็นประชากรชาย 164 คน ประชากรหญิง 189 คน จำนวนหลังคาเรือนทั้งสิ้น 150 หลังคาเรือน (ข้อมูลเดือนมกราคม 2568)
ผ้าไหมหมักโคลน บ้านเสี้ยวน้อย ตำบลบ้านเล่า ผ้าไหมบ้านเสี้ยวน้อย ตำบลบ้านเล่า อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ เป็นผ้าไหมที่บรรพบุรุษทอผ้าไหมมัดหมี่มานานนับร้อยปี ที่ผ่านมาเป็นการทอเพื่อสวมใส่ ปัจจุบันชาวบ้านรวมกลุ่มพัฒนาผ้าไหมด้วยการหมักโคลน และ ย้อมสีธรรมชาติ ได้ผ้าไหมที่มีความนุ่มสวมใส่สบายผ้าไหมมัดหมี่ลายโบราณ ทอสลับกับลายประยุกต์ที่ทอเป็นผีเสื้อและดอกกระเจียว ดอกไม้ประจำจังหวัดชัยภูมิ ย้อมด้วยสีธรรมชาติจากครั่งและเปลือกไม้ คือตัวอย่างผ้าไหมที่กลุ่มสตรีทอผ้าไหม บ้านเสี้ยวน้อย ตำบลบ้านเล่า อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ ใช้ความประณีต ความคิดสร้างสรรค์ และเวลาในการผลิต ผ้าไหมมัดหมี่ของกลุ่มสตรีทอผ้าไหมบ้านเสี้ยวน้อยโดดเด่นในเรื่องของลายผ้า ที่ละเอียด เป็นลายโบราณ ลวดลายผ้าที่งดงาม สีผ้าไหมที่ได้จากการย้อมสีธรรมชาติ ยิ่งทำให้ผ้าไหมของกลุ่มสตรีทอผ้าไหมบ้านเสี้ยวน้อยได้รับความนิยม ทางกลุ่มใช้เปลือกไม้และใบไม้ที่มีในท้องถิ่นย้อมเส้นไหม เช่น สีม่วงจากครั่ง, สีน้ำตาลจากเปลือกประดู่, สีกากีจากใบยูคาลิปตัส และยังใช้เทคนิคการแช่น้ำสนิม แช่โคลนเพื่อให้ได้สีที่หลากหลายขึ้น ผ้าไหมของกลุ่มนี้สีสวยและสีไม่ตกทางกลุ่มพัฒนาต่อยอดภูมิปัญญาการทอผ้าด้วยการนำผ้าไหมไปหมักโคลนธรรมชาติ ได้ผ้าไหมเนื้อนุ่ม สวมใส่สบายดูแลรักษาง่าย สมาชิกในกลุ่มสตรีทอผ้าไหมบ้านเสี้ยวน้อย ส่วนใหญ่ปลูกหม่อน เลี้ยงไหมเอง ทอผ้าไหมเป็นอาชีพเสริม ปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 80 คน นอกจากทอผ้า ทางกลุ่มยังนำส่วนต่างๆ ของไหมมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สร้างมูลค่า เช่น สบู่, โลชั่นบำรุงผิว ซึ่งล้วนได้รับควานนิยมจากผู้บริโภค
ทุนภูมิปัญญา
ผ้าไหมหมักโคลน บ้านเสี้ยวน้อย ตำบลบ้านเล่า ผ้าไหมบ้านเสี้ยวน้อย ตำบลบ้านเล่า อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ เป็นผ้าไหมที่บรรพบุรุษทอผ้าไหมมัดหมี่มานานนับร้อยปี ที่ผ่านมาเป็นการทอเพื่อสวมใส่ ปัจจุบันชาวบ้านรวมกลุ่มพัฒนาผ้าไหมด้วยการหมักโคลน และ ย้อมสีธรรมชาติ ได้ผ้าไหมที่มีความนุ่มสวมใส่สบายผ้าไหมมัดหมี่ลายโบราณ ทอสลับกับลายประยุกต์ที่ทอเป็นผีเสื้อและดอกกระเจียว ดอกไม้ประจำจังหวัดชัยภูมิ ย้อมด้วยสีธรรมชาติจากครั่งและเปลือกไม้ คือตัวอย่างผ้าไหมที่กลุ่มสตรีทอผ้าไหม บ้านเสี้ยวน้อย ตำบลบ้านเล่า อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ ใช้ความประณีต ความคิดสร้างสรรค์ และเวลาในการผลิต ผ้าไหมมัดหมี่ของกลุ่มสตรีทอผ้าไหมบ้านเสี้ยวน้อยโดดเด่นในเรื่องของลายผ้า ที่ละเอียด เป็นลายโบราณ ลวดลายผ้าที่งดงาม สีผ้าไหมที่ได้จากการย้อมสีธรรมชาติ ยิ่งทำให้ผ้าไหมของกลุ่มสตรีทอผ้าไหมบ้านเสี้ยวน้อยได้รับความนิยม ทางกลุ่มใช้เปลือกไม้และใบไม้ที่มีในท้องถิ่นย้อมเส้นไหม เช่น สีม่วงจากครั่ง, สีน้ำตาลจากเปลือกประดู่, สีกากีจากใบยูคาลิปตัส และยังใช้เทคนิคการแช่น้ำสนิม แช่โคลนเพื่อให้ได้สีที่หลากหลายขึ้น ผ้าไหมของกลุ่มนี้สีสวยและสีไม่ตกทางกลุ่มพัฒนาต่อยอดภูมิปัญญาการทอผ้าด้วยการนำผ้าไหมไปหมักโคลนธรรมชาติ ได้ผ้าไหมเนื้อนุ่ม สวมใส่สบายดูแลรักษาง่าย สมาชิกในกลุ่มสตรีทอผ้าไหมบ้านเสี้ยวน้อย ส่วนใหญ่ปลูกหม่อน เลี้ยงไหมเอง ทอผ้าไหมเป็นอาชีพเสริม ปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 80 คน นอกจากทอผ้า ทางกลุ่มยังนำส่วนต่างๆ ของไหมมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สร้างมูลค่า เช่น สบู่, โลชั่นบำรุงผิว ซึ่งล้วนได้รับควานนิยมจากผู้บริโภค
ภูมิปัญญาระหัดวิดน้ำใช้ในการบริหารจัดการน้ำเพื่อนำน้ำจากที่ต่ำขึ้นสู่ที่สูงเพื่อใช้ในการเกษตร ภูมิปัญญานี้ตั้งอยู่บริเวณลำปะทาวตอนกลาง มีความยาวของลำน้ำประมาณ 15 กิโลเมตร
ทุนเศรษฐกิจ
กองทุนเพื่อนช่วยเพื่อนเป็นการตั้งสัจจะออมเงินร่วมกันทุกเดือน มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการรวมกลุ่มองค์กรภาคประชาชนในการสร้างกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันและพัฒนาให้เข้มแข็ง สมาชิกมีส่วนร่วมในกิจกรรมเพื่อการพึ่งตนเอง ส่งเสริมการออมเงินและการเรียนรู้การบริหารจัดการเงินทุนชุมชน ส่งเสริมให้เกิดความสามัคคีภายในกลุ่ม ภายใต้หลักคุณธรรม 5 ประการ ได้แก่ ความซื่อสัตย์ เสียสละ รับผิดชอบ เห็นอกเห็นใจ และไว้วางใจกัน
กองทุนหมู่บ้านสนับสนุนการดำเนินชีวิตของชาวบ้าน โดยยึดหลักความไว้วางใจ ความสุจริต และความเสียสละ ร่วมกันออมเงินเพื่อสร้างระบบการออมและการจัดการเงินทุน มีนโยบายเพื่อเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย บรรเทาเหตุฉุกเฉิน และเป็นแนวทางในการจัดตั้งกองทุนสวัสดิการที่ดีของชุมชน เสริมสร้างกระบวนการพึ่งพาตนเองของหมู่บ้าน
กลุ่มฌาปนกิจสงเคราะห์มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ลดค่าใช้จ่ายในงานศพ สนับสนุนงบประมาณในการทำบุญตามประเพณี และบรรเทาเหตุฉุกเฉินให้แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต โดยเก็บเงินศพละ 20 บาท
ทุนสังคม
ชุมชนบ้านเสี้ยวน้อยมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นทั้งภายในและภายนอก สะท้อนผ่านการช่วยเหลือเกื้อกูลในวิถีชีวิตพื้นบ้าน เช่น ประเพณีผีสุ่ม การดูแลรักษาภูมิปัญญาเกี่ยวกับระหัดวิดน้ำ การเลี้ยงหม่อนไหม การทอผ้าไหม และผ้าฝ้าย คนในชุมชนรู้หน้าที่ของตนในการช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่ต้องบอกกล่าว ชาวบ้านใช้ภาษาถิ่นอีสานในการสื่อสาร ทำให้เกิดความผูกพันกันในชุมชน โครงสร้างทางสังคมเป็นแบบแนวราบ มีความเคารพซึ่งกันและกัน ส่งผลให้การดำเนินกิจกรรมของชุมชนได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ความสัมพันธ์ภายนอกครอบคลุมถึงชุมชนใกล้เคียง และหน่วยงานภาครัฐและเอกชน
ชุมชนมีการรวมกลุ่มเพื่อทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้แก่
-
กลุ่มสตรีทอผ้าไหมบ้านเสี้ยวน้อย ร่วมกันผลิตผ้าไหมทอมือ โดยมีการเรียนรู้การปลูกหม่อน เลี้ยงไหมพื้นบ้านและไหมอีรี่ สาวไหม ฟอกสี ย้อมสีธรรมชาติ โดยเฉพาะผ้าไหมหมักโคลน ซึ่งสามารถนำออกสู่ตลาดและสร้างรายได้ให้กับชาวบ้าน
-
ภูมิปัญญาระหัดวิดน้ำ เป็นองค์ความรู้ที่ถ่ายทอดต่อกันมา ใช้ในการจัดการน้ำเพื่อการเกษตร
บ้านเสี้ยวน้อยใช้ภาษาถิ่นอีสานและภาษาไทยในการสื่อสารภายในชุมชน โดยภาษาถิ่นอีสานเป็นภาษาหลักที่ชาวบ้านใช้พูดคุยในชีวิตประจำวัน ซึ่งสะท้อนถึงอัตลักษณ์และวิถีวัฒนธรรมของชุมชน ส่วนภาษาไทยใช้ในการติดต่อกับหน่วยงานภายนอก รวมถึงในการศึกษาและงานราชการ
มีการจัดระเบียบการปกครองตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงมหาดไทย เช่นเดียวกับชุมชนอื่น ๆ โดยผู้ใหญ่บ้านจะปฏิบัติหน้าที่จนครบวาระที่อายุ 60 ปี มีคณะกรรมการหมู่บ้าน (ก.ม.) แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่
-
คณะกรรมการโดยตำแหน่ง: ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สมาชิก อบต.
-
คณะกรรมการโดยการเลือกตั้ง
การปกครองภายในชุมชนแบ่งออกเป็น "คุ้ม" เพื่อสะดวกในการดูแลและกระจายข่าวสาร โดยแต่ละคุ้มมีผู้นำที่ชาวบ้านเลือกเอง นอกจากนี้มีการจัดตั้งกลุ่มอาสาสมัคร ได้แก่
-
กลุ่ม อปพร. ดูแลความปลอดภัยในชุมชน
-
อสม. พัฒนาด้านสุขภาพของชาวบ้าน
-
ชุดรักษาความสงบ (ชรบ.) ดูแลความเรียบร้อยของชุมชน
มีผู้นำทางศาสนาที่ชุมชนให้ความเคารพ เช่น พระครูสุนทรชัยรังสี (พระอาจารย์นาวา) เป็นผู้นำพิธีกรรมทางศาสนาและให้คำแนะนำการดำเนินชีวิต
และคนในชุมชนให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งในทุกระดับ เช่น ระดับชุมชน ระดับท้องถิ่น และระดับชาติ โดยให้ความร่วมมือในการไปใช้สิทธิเลือกตั้ง มีการลงสมัครรับเลือกตั้งทั้งในตำแหน่งประธานกลุ่ม กองทุน ผู้ใหญ่บ้าน และสมาชิก อบต. การเลือกตั้งดำเนินไปภายใต้ระบอบประชาธิปไตย โดยไม่มีความขัดแย้งรุนแรง ชุมชนยอมรับผลการเลือกตั้งทุกครั้ง โดยเฉพาะผู้สูงอายุจะมีส่วนร่วมในทุกการเลือกตั้ง รวมถึงช่วยรณรงค์และประชาสัมพันธ์การเลือกตั้งภายในชุมชน
- กองทุนเพื่อนช่วยเพื่อนเป็นการตั้งสัจจะออมเงินร่วมกันทุกเดือน มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการรวมกลุ่มองค์กรภาคประชาชนในการสร้างกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันและพัฒนาให้เข้มแข็ง สมาชิกมีส่วนร่วมใกิจกรรมเพื่อการพึ่งตนเอง ส่งเสริมการออมเงินและการเรียนรู้การบริหารจัดการเงินทุนชุมชน ส่งเสริมให้เกิดความสามัคคีภายในกลุ่ม ภายใต้หลักคุณธรรม 5 ประการ ได้แก่ ความซื่อสัตย์ เสียสละ รับผิดชอบ เห็นอกเห็นใจ และไว้วางใจกัน
-
กองทุนหมู่บ้านสนับสนุนการดำเนินชีวิตของชาวบ้าน โดยยึดหลักความไว้วางใจ ความสุจริต และความเสียสละ ร่วมกันออมเงินเพื่อสร้างระบบการออมและการจัดการเงินทุน มีนโยบายเพื่อเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย บรรเทาเหตุฉุกเฉิน และเป็นแนวทางในการจัดตั้งกองทุนสวัสดิการที่ดีของชุมชน เสริมสร้างกระบวนการพึ่งพาตนเองของหมู่บ้าน
-
กลุ่มฌาปนกิจสงเคราะห์มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ลดค่าใช้จ่ายในงานศพ สนับสนุนงบประมาณในการทำบุญตามประเพณี และบรรเทาเหตุฉุกเฉินให้แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต โดยเก็บเงินศพละ 20 บาท
ภูมิปัญญาการเลี้ยงหม่อนไหมและการทอผ้าไหมเดิมใช้ในครัวเรือนเพื่อพิธีสำคัญและของฝาก ปัจจุบันผ้าไหมเป็นสินค้ามีราคาสูง ใช้ในงานมงคล งานประเพณี และวัฒนธรรมของท้องถิ่น มีการพัฒนาสีสันและลวดลายจากธรรมชาติ ใช้วัสดุจากธรรมชาติในหมู่บ้าน เช่น รากไม้ เปลือกไม้ แก่นไม้ ใบไม้ ดอกไม้ เปลือกผล เมล็ด สารจากสัตว์ เช่น ครั่ง และแร่ธาตุ เช่น ดินโคลน ดินลูกรัง สนิมเหล็ก สนิมทองแดง ในการย้อมสี โดยคำนึงถึงความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้
ภูมิปัญญาระหัดวิดน้ำใช้ในการบริหารจัดการน้ำเพื่อนำน้ำจากที่ต่ำขึ้นสู่ที่สูงเพื่อใช้ในการเกษตร ภูมิปัญญานี้ตั้งอยู่บริเวณลำปะทาวตอนกลาง มีความยาวของลำน้ำประมาณ 15 กิโลเมตร
และชุมชนยังคงรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีโดยเฉพาะ "บุญประเพณี" ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความรัก ความสามัคคี และการร่วมแรงร่วมใจในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาชุมชนให้เจริญก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง
กรมการปกครอง. (2567). ระบบสถิติทางการทะเบียน กรมการปกครอง. สืบค้นเมื่อ 30 กรกรฏาคม 2568. https://stat.bora.dopa.go.th
ปักหมุดเมืองไทย. (ม.ป.ป.). วัดสมศรี ตำบลบ้านเล่า อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ. สืบค้นเมื่อ 30 กรกรฏาคม 2568. https://pukmudmuangthai.com
องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านเล่า. (ม.ป.ป.). ผ้าไหมหมักโคลน บ้านเสี้ยวน้อย ตำบลบ้านเล่า. สืบค้นเมื่อ 30 กรกรฏาคม 2568. https://www.banlao-sao.go.th
องค์การบริหารส่วนตำบลบ้านเล่า. (ม.ป.ป.). ประวัติความเป็นมา. สืบค้นเมื่อ 30 กรกรฏาคม 2568. https://www.banlao-sao.go.th
กศสุดา โภคานิตย์, กีฬา หนูยศ, และปาณิสรา หาดขุนทด (2566). การเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่นชุมชนบ้านเสี้ยวน้อย อำเภอเมือง จังหวัดชัยภูมิ วาร มจร อุบลปริทรรศน์. สืบค้นเมื่อ 30 กรกรฏาคม 2568. https://so06.tci-thaijo.org
Thailand4. (2565, 14 กันยายน). วช. หนุน ม.ราชภัฏชัยภูมิ ขับเคลื่อนงานวิจัยท่องเที่ยวไหมโบราณบ้านเสี้ยวน้อย. สืบค้นเมื่อ 30 กรกรฏาคม 2568. https://www.thailand4.com
NEW18. (2565, 14 กันยายน). วช. ผนึก ม.ราชภัฏชัยภูมิ เปิดศูนย์วิจัยฯ ดึงไหมหมักโคลนเสี้ยวน้อยสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์. สืบค้นเมื่อ 30 กรกรฏาคม 2568. https://www.newtv.co.th
บุญยืน ประเสริฐกุล. (2566). การวิจัยเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ไหมหมักโคลนบ้านเสี้ยวน้อย. วารสารวิจัยและพัฒนาราชภัฏชัยภูมิ, 5(2), 89–104. สืบค้นจาก https://so10.tci-thaijo.org