
บ้านโนนกาหลง ตำบลโนนกาหลง อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี เป็นชุมชนที่มีจุดเด่นด้านวิถีชีวิตเรียบง่ายผสานกับภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยเฉพาะในด้านการแปรรูปอาหารพื้นบ้าน เช่น การทำปลาส้ม ที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน และได้พัฒนาให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ
บ้านโนนกาหลง ตำบลโนนกาหลง อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี เป็นชุมชนที่มีจุดเด่นด้านวิถีชีวิตเรียบง่ายผสานกับภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยเฉพาะในด้านการแปรรูปอาหารพื้นบ้าน เช่น การทำปลาส้ม ที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน และได้พัฒนาให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ
ปัจจุบันยังไม่ปรากฏข้อมูลอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับประวัติศาสตร์หรือความเป็นมาของชุมชนบ้านโนนกาหลงในเอกสารหรือแหล่งข้อมูลสาธารณะ
บ้านโนนกาหลง จังหวัดอุบลราชธานี มีสภาพพื้นที่เป็นที่ราบ สลับที่สูง มีสภาพดินร่วนปนทราย มีแหล่งน้ำ ธรรมชาติไหลผ่าน ประชากรอาศัยอยู่ตามแนวเขื่อนสิรินธร และบ้านบ้านโนนกาหลงตั้งอยู่ในพื้นที่ ตำบลโนนกาหลงโดย มีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้
- ทิศเหนือ ติดต่อกับ ตำบลโนนกลาง
- ทิศใต้ ติดต่อกับ ตำบลบ้านแมด และตำบลนาโพธิ์
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับ เขื่อนสิรินธร
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับ ตำบลอ่างศิลา
บ้านโนนกาหลง โดยสถิติประชากรทางการทะเบียนราษฎร (รายเดือน) สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง รายงานจำนวนประชากร หมู่ที่ 1 บ้านโนนกาหลง ตำบลโนนกาหลง อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 644 คน โดยแยกเป็นประชากรชาย 330 คน ประชากรหญิง 314 คน จำนวนหลังคาเรือนทั้งสิ้น 186 หลังคาเรือน (ข้อมูลเดือนมกราคม 2568)
วิสาหกิจชุมชนปลาส้มโนนกาหลง การผลิตปลาส้มที่มีการถ่ายทอดภูมิปัญญาวิธีการผลิตปลาส้มสืบต่อกันมา โดยอาศัยกระบวนการทางธรรมชาติที่ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่า
ทุนภูมิปัญญา
การทำปลาส้ม วิสาหกิจชุมชนปลาส้มโนนกาหลง
การทำปลาส้มเป็นวิธีการถนอมอาหารชนิดหนึ่ง โดยใช้การหมักปลาทั้งตัวผ่านกระบวนการของเชื้อจุลินทรีย์ที่สร้างกรดแลคติก ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่มีอยู่ตามธรรมชาติ กระบวนการนี้จะทำให้โปรตีนในเนื้อปลาบางส่วนถูกย่อยสลายกลายเป็นกรดอะมิโน จากนั้นกรดอะมิโนจะเปลี่ยนไปเป็นเอมีน ก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ แอมโมเนีย และคาร์บอนไดออกไซด์ ส่วนไขมันบางส่วนของปลาจะย่อยสลายกลายเป็นกรดไขมันและกลีเซอรอล ซึ่งเป็นกระบวนการที่ทำให้เกิดกลิ่นรสเฉพาะของปลาส้ม ปลาส้มยังคงให้สารอาหาร เช่น โปรตีน ไขมัน วิตามิน และเกลือแร่ เช่นเดียวกับปลาสดทั่วไป
สูตรการแปรรูปปลาส้มแบบดั้งเดิม ประกอบด้วย เนื้อปลาสด 1 กิโลกรัม กระเทียมสับ 0.5 กรัมต่อขีด (โดยคิดจากสัดส่วนปลาสด 4 กิโลกรัมต่อกระเทียม 2 กรัมต่อขีด) เกลือ 1 กรัมต่อขีด ข้าวแห้ง 1 กรัมต่อขีด และเครื่องปรุงอื่น ๆ เช่น ผงชูรส ดินประสิว น้ำตาล และรสดี ในปริมาณที่เหมาะสม โดยไม่ใส่มากจนเสียรสชาติ
ขั้นตอนการผลิตเริ่มจากการขอดเกล็ดและชำแหละปลาให้สะอาด แล้วล้างปลาด้วยน้ำ 4–5 ครั้ง จนแน่ใจว่าสะอาดดี จากนั้นชั่งน้ำหนักปลาเพื่อเตรียมอัตราส่วนวัตถุดิบอื่น ๆ พักปลาทิ้งไว้ประมาณ 10–15 นาที ระหว่างนี้ให้โขลกกระเทียมให้ละเอียด และแช่ข้าวแห้งในน้ำจนนิ่ม สะเด็ดน้ำให้แห้ง แล้วเริ่มบั้งปลาตามแนวหลังเพื่อให้เครื่องปรุงซึมเข้าไปได้ง่าย จากนั้นบีบตัวปลาเพื่อรีดน้ำในตัวปลาออก โดยคั้นประมาณ 3 ครั้งต่อตัว เมื่อล้างและคั้นเรียบร้อยแล้ว ให้นำปลามาคลุกเคล้ากับเครื่องปรุงทั้งหมด ได้แก่ กระเทียม ข้าวแห้งที่แช่น้ำแล้ว เกลือ น้ำตาล รสดี และผงชูรส ให้เข้ากันจนทั่ว
เมื่อคลุกเคล้าเสร็จ ให้นำปลาที่ผสมแล้วบรรจุลงในถังพลาสติก (ในอดีตใช้ไหดินหรืออ่างดิน) โดยรองก้นถังด้วยน้ำสะอาดที่กรองแล้ว แล้วเรียงปลาให้เป็นระเบียบจนเต็มถัง จากนั้นปิดปากถังด้วยถุงพลาสติกและหนังยาง แล้วคลุมด้วยกระสอบเปล่าหรือวัสดุอื่นเพื่อป้องกันแมลง เก็บถังไว้ในที่ร่ม อากาศถ่ายเทดี ไม่ร้อนหรือชื้นจนเกินไป หมักไว้ประมาณ 4–7 วัน ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ หากหมักจนได้ที่แล้วสามารถนำมาบริโภคหรือบรรจุจำหน่ายได้ตามต้องการ โดยมักใส่ถุงพลาสติกหรือภาชนะที่เหมาะสมเพื่อจำหน่ายในครัวเรือนหรือตามตลาดทั่วไป
ภาษาไทยถิ่นอีสาน (ลาวอีสาน) เป็นภาษาพูดหลักในชีวิตประจำวันของชาวบ้านในพื้นที่ โดยมีลักษณะเป็นภาษาถิ่นตระกูลเดียวกับภาษาลาว ใช้สื่อสารทั่วไปภายในชุมชน เช่น ในครอบครัว การค้าขาย และวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น ภาษาไทยกลาง ใช้ในสถานการณ์ทางราชการ การศึกษา และเอกสารทางราชการ เช่น ในโรงเรียน วัด หรือหน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะในรูปแบบภาษาเขียนหรือการสื่อสารกับบุคคลภายนอกชุมชน
การพัฒนาออกแบบบรรจุภัณฑ์สำหรับปลาส้มเริ่มต้นจากวิถีชีวิตชาวบ้านในอดีต ซึ่งยังไม่เน้นการหีบห่อที่สวยงามหรือทันสมัย โดยมักหมักปลาส้มไว้ในไหหรือโอ่ง และเมื่อจะนำไปรับประทานหรือแจกจ่ายให้ญาติพี่น้อง จะใช้วัสดุธรรมชาติที่หาได้ง่าย เช่น ใบตองหรือใบตาล ในการห่อปลา แต่เมื่อชุมชนเริ่มมีความเจริญมากขึ้น ประกอบกับการแปรรูปปลาส้มสามารถสร้างรายได้ให้กับกลุ่มในชุมชน จึงเริ่มมีการใช้ถุงพลาสติกที่ทันสมัยมากขึ้นในการบรรจุเพื่อความสะอาดและสะดวกต่อการจำหน่าย
จากการศึกษาพบว่าการออกแบบบรรจุภัณฑ์ควรมีลักษณะเรียบง่าย ใช้งานได้จริง และต้นทุนไม่สูง โดยในกระบวนการพัฒนานี้มี คณะจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เข้ามาร่วมพัฒนาการออกแบบบรรจุภัณฑ์และตราสัญลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ปลาส้มให้แก่กลุ่มวิสาหกิจชุมชน เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐานและเป็นที่ยอมรับในตลาด โดยได้มีการออกแบบตราสัญลักษณ์สินค้า 2 แบบ และกล่องบรรจุภัณฑ์อีก 1 แบบ เพื่อเป็นต้นแบบในการพัฒนาฉลากสินค้า และสามารถนำไปต่อยอดเป็นฉลากทะเบียนสินค้า OTOP ได้ในอนาคต ตราสัญลักษณ์ที่ออกแบบมีความโดดเด่น สวยงาม เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของกลุ่ม กะทัดรัด จดจำได้ง่าย และสามารถบ่งบอกคุณสมบัติที่สำคัญของผลิตภัณฑ์ได้อย่างชัดเจน ช่วยประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์และเพิ่มการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้มากขึ้น
พระมหาสุริยัน อุตตโร และคณะ (2564). กการพัฒนาเทคนิคและกระบวนการถนอมอาหารตามภูมิปัญญาท้องถิ่นของวิสาหกิจชุมชนบ้านโนนกาหลง อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี วารสาร มจร.อุบลปริทรรศน์ ปีที่ 6 ฉบับที่ 1 (2021): วารสาร มจร อุบลปริทรรศน์ (มกราคม-เมษายน 2564). สืบค้นจาก https://so06.tci-thaijo.org
องค์การบริหารส่วนตำบลโนนกาหลง. (ม.ป.ป). สภาพทั่วไป. สืบค้นเมือ 30 กรกฎาคม 2568. http://nonkalong.webthailocal.com
กรมการปกครอง. (2568). รายงานทะเบียนราษฎรและประชากร. กระทรวงมหาดไทย. สืบค้นเมือ 30 กรกฎาคม 2568. https://stat.bora.dopa.go.th
เพจ Facebook วิสาหกิจชุมชนปลาส้มโนนกาหลง. (2566). วิสาหกิจชุมชนปลาส้มโนนกาหลง. สืบค้นเมือ 30 กรกฎาคม 2568. https://www.facebook.com