
บ้านท่าอู่ อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรป่าไม้ รายล้อมไปด้วยธรรมชาติและบึงขุนทะเล
“บ้านท่าอู่” ในอดีตชาวบ้านทำอาชีพตัดไม้ซุงเพราะไม้เยอะไม้สมบูรณ์ และนำไม้มาขึ้นเรือที่บริเวณท่าเรือบึงขุนทะเล (ปัจจุบันอยู่หน้าวัดท่าอู่) จึงมีการเรียกต่อๆ กันมาว่า บ้านท่าอู่
บ้านท่าอู่ อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรป่าไม้ รายล้อมไปด้วยธรรมชาติและบึงขุนทะเล
ชุมชนบ้านท่าอู่ หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ชุมชนท่าไม้เหลี่ยม เป็นชุมชนที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาอย่างยาวนาน เล่ากันว่า เมื่อก่อนชุมชนชนท่าอู่ เป็นที่ตั้งของท่าเรือเมล์จากบ้านดอน(ตัวเมืองสุราษฎร์)มายังขุนทะเล และเป็นที่ตั้งของอู่ซ่อมเรือ เพราะในยุคนั้นจะไม่มีถนน ต้องเดินลุยป่าเพื่อไปขึ้นเรือที่บริเวณท่าอู่ และที่มาของคำว่า ท่าไม้เหลี่ยม คือ สมัยก่อนบริเวณนั้นมีความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ ชาวบ้านมีการค้าขายไม้ซุงจำนวนมาก มีการแปรรูปไม้เป็นไม้เหลี่ยม "เสาเหลี่ยม" โดยเมื่อเวลาผ่านไปก็ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็นชุมชนบ้านท่าอู่ และมีการนำไม้ซุงจากการค้าขายมาลงเรือที่บริเวณท่าอู่ (ปัจจุบันตั้งอยู่บริเวณท่าน้ำวัดท่าอู่) ชุมชนท่าอู่มีความสัมพันธ์กับบึงขุนทะเล เป็นที่ทำมาหากิน เป็นแหล่งน้ำที่ใช้สัญจรทางเรือ และเป็นแหล่งประกอบอาชีพประมงของคนในชุมชนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
บ้านท่าอู่ หมู่ที่ 2 ตำบลขุนทะเล อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีพื้นที่จำนวน 5,945 ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของ อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี มีระยะทางจากตัวเมืองสุราษฎร์ธานีประมาณ 18 กิโลเมตร
มีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้
- ทิศเหนือ ติดกับ หมู่ที่ 1 บ้านนิคม
- ทิศใต้ ติดกับ หมู่ที่ 6 บ้านใหม่พัฒนา
- ทิศตะวันตก ติดกับ หมู่ที่ 3 บ้านดอนเกลี้ยง
- ทิศตะวันตก ติดกับ บึงขุนทะเล และตำบลวัดประดู่
สภาพแวดล้อมในชุมชนจะเปลี่ยนแปลงไปจากอดีต เช่น พื้นที่ชุ่มน้ำลดลง ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติลดลง และที่ดินมีราคาสูงขึ้น แต่ชุมชนบ้านท่าอู่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ วิถีชีวิต และภูมิปัญญาท้องถิ่นเอาไว้ได้อย่างมั่นคง และกำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่องบนพื้นฐานของความร่วมมือจากคนในชุมชน
ความสัมพันธ์ในครอบครัวและในชุมชนบ้านท่าอู่มีความอบอุ่นเนื่องจากยังคงมีการอยู่อาศัยในลักษณะของครอบครัวใหญ่ ในหลายครัวเรือนยังคงมีผู้สูงวัยและลูกหลานอยู่บ้านเดียวกัน ช่วยกันเลี้ยงลูกหลาน ดูแลคนเฒ่าคนแก่ไปด้วยกัน นอกจากบ้านแล้ว คนในชุมชนกะช่วยเหลือกันหลาย เช่น กลุ่มแม่บ้าน กลุ่มอสม. หรือกลุ่มอาชีพที่รวมกันทำงาน พอมีใครลำบากสมาชิกในชุมชนสามารถยืมข้าว ยืมน้ำมัน หรือฝากดูแลลูกหลานให้ได้ ดังนั้น ความสัมพันธ์ในลักษณะนี้ทำให้ชุมชนเข้มแข็งอยู่ได้
ภายในบ้านท่าอู่มีตระกูล สุทธิรักษ์ เป็นตระกูลใหญ่และเก่าแก่ในชุมชนบ้านท่าอู่ โดยมีรายละเอียดตามแผนผังเครือญาติตามที่ปรากฏ
- กลุ่มสตรีบ้านท่าอู่
รวมตัวกันทำผลิตภัณฑ์ชุมชน โดยเน้นของที่ทำจากสมุนไพร เช่น สบู่เหลวมะขาม สบู่ขมิ้น สบู่บัวบก แชมพูอัญชัน แชมพูบอระเพ็ด ซึ่งเป็นของที่สะท้อนภูมิปัญญาท้องถิ่นมีพื้นที่ที่ได้จากการแบ่งมรดก เพื่อให้ลูกหลานทำมาหากินในพื้นที่ของตนเอง โดยการปลูกผัก พืช ไร่ บริโภคตามความเหมาะสม
- ศูนย์การเรียนรู้บึงขุนทะเล
เป็นส่วนสำคัญของการจัดการชุมชนบ้านท่าอู่ ที่ช่วยส่งเสริมให้หมู่บ้านพัฒนาไปอย่างยั่งยืน ศูนย์แห่งนี้เกิดจากความร่วมมือของชาวบ้านกับมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ตั้งใจให้เป็นที่เรียนรู้ที่เอาความรู้พื้นบ้านกับศาสตร์พระราชามาผสมกับเทคโนโลยีใหม่ เพื่อส่งเสริมการเกษตรผสมผสานให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของหมู่บ้าน และยังเน้นอนุรักษ์ธรรมชาติ เช่น ฟื้นฟูบึง ฟื้นฟูป่าชายเลน จัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ และส่งเสริมความหลากหลายทางธรรมชาติในพื้นที่ ที่ศูนย์นี้มีการจัดอบรมสอนเรื่องปลูกผักอินทรีย์ การใช้พลังงานทดแทน และการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากชุมชน เพื่อเสริมสร้างรายได้และเศรษฐกิจของชาวบ้าน ยังเป็นที่ประชุมของชาวบ้านวางแผนทำกิจกรรมพัฒนาหมู่บ้านอย่างเป็นระบบศูนย์การเรียนรู้บึงขุนทะเลเลยเป็นตัวอย่างที่ดีของการเอาทุนสังคมและภูมิปัญญาบ้านเฮามารวมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อสร้างหมู่บ้านที่เข้มแข็ง พึ่งพาตัวเองได้ และรักษ์ธรรมชาติไปพร้อมกัน
ทั้งนี้ ภายในบ้านท่าอู่ยังมีองค์กรชุมชนอีกหลายองค์กร โดยมีรายละเอียดตามภาพปรากฏ
วิถีชีวิตของชุมชนบ้านท่าอู่ เป็นการทำการเกษตรกรรมและประมงพื้นบ้าน โดยเฉพาะการปลูกยางพารา ปาล์มน้ำมัน มะพร้าว และพืชผักสวนครัว ซึ่งมีการปลูกทั้งในระบบเกษตรเชิงเดี่ยวและเกษตรผสมผสาน โดยเฉพาะในกลุ่มเกษตรกรรุ่นใหม่ที่เริ่มนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการทำเกษตรแบบอินทรีย์ และมีการเพาะเห็ด เลี้ยงปลา เลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่เสริมเพื่อกระจายความเสี่ยง
การทำประมงพื้นบ้าน ก็ถือเป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญไม่น้อย โดยเฉพาะการจับปลาในบึงขุนทะเลและคลองธรรมชาติ ซึ่งชาวบ้านนิยมใช้ลอบ อวน แห และเครื่องมือพื้นบ้านในการหาปลา ซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน นอกจากใช้เพื่อบริโภคในครัวเรือนแล้ว ยังสามารถนำไปขายเพื่อเป็นรายได้เสริมในครัวเรือนได้อีกด้วย ทั้งนี้ การประกอบอาชีพด้านประมงยังช่วยให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองในด้านอาหาร (food security) ได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม ภายในบ้านท่าอู่ยังคงมีกิจกรรม ประเพณี วัฒนธรรมและเทศกาลต่าง ๆ ปรากฏตามภาพ ดังนี้
ประวัติชีวิตของนางลัดดา สุทธิรักษ์ เป็นบุคคลตัวอย่างในชุมชนที่มีความขยันขันแข็ง และเป็นอดีตผู้นำแห่งชุมชนบ้านท่าอู่
- ด้านวัฒนธรรม
ชุมชนยังคงรักษา ประเพณีสำคัญ เช่น ประเพณีเดือนสิบ การชักพระ รดน้ำพระ และรดน้ำผู้สูงอายุในวันสงกรานต์ ซึ่งสะท้อนความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างคนในชุมชนและการให้ความเคารพต่อผู้สูงอายุ ในอดีตชุมชนยังมี หมอบ้านผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรรักษาผู้ถูกงูกัด ซึ่งต่อมาได้เสียชีวิตไปโดยไม่มีผู้สืบทอด ปัจจุบันมี “ตาวี” ทำหน้าที่เป็น หมอกวาดซาง หรือหมอพื้นบ้านที่ใช้สมุนไพร เช่น หมาก พลู ปูน ร่วมกับบทคาถาในการรักษาโรคพื้นบ้าน เช่น งูสวัดและเริม โดยใช้เวลารักษาประมาณ 3 วันก็จะเริ่มเห็นผล ซึ่งเป็นการถ่ายทอดองค์ความรู้จากรุ่นสู่รุ่นผ่านการบวชเรียนและการเรียนรู้จากครอบครัว
- ด้านทรัพยากรธรรมชาติ
ชุมชนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ซึ่งอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติหลากหลายประเภท ทั้งทรัพยากรน้ำ ป่าไม้ สัตว์น้ำ รวมถึงทรัพยากรทางการเกษตรที่ยังคงเป็นรากฐานสำคัญของวิถีชีวิตชาวบ้านในชุมชนนี้ ในด้านทรัพยากรน้ำ บ้านท่าอู่ตั้งอยู่ใกล้กับแหล่งน้ำธรรมชาติที่สำคัญ เช่น ลำคลองสาขาและแม่น้ำตาปี ซึ่งเป็นแหล่งน้ำหลักที่ชาวบ้านใช้ในการอุปโภคบริโภคในพื้นที่ชุมชนบ้านท่าอู่เป็นชุมชนที่มีความอุดมสมบูรณ์ทั้งทางน้ำ ทางดิน ทางอากาศ และยังรวมไปถึงสิ่งแวดล้อมที่อยู่ใกล้ตัวและทรัพยากรที่ผูกพันกับคนในชุมชน ชุมชนบ้านท่าอู่เป็นชุมชนต้นแบบที่สามารถนำมาเป็นแนวทางในการประกอบอาชีพ บึงขุนทะเลเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ที่มีความสำคัญทั้งในเชิงนิเวศวิทยาและเศรษฐกิจสังคมของจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ และปลาน้ำจืดชุกชุม ชาวบ้านในชุมชนใช้ประโยชน์จากบึงนี้ในการอุปโภคบริโภค บึงขุนทะเลเป็นแหล่งน้ำจืดที่คล้ายทะเลสาบขนาดใหญ่ที่สุดของจังหวัดสุราษฎร์ธานี
พงศ์เทพ แก้วเสถียร, 2563. แนวทางการพัฒนาศักยภาพของกลุ่มประมงพื้นบ้านสู่การสร้างเครือข่ายชุมชนการจัดการทรัพยากรบึงขุนทะเล ตำบลขุนทะเล อำเภอเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี. มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี
เทศบาลตำบลขุนทะเล, ข้อมูลชุมชนตำบลขุนทะเล, สืบค้นเมื่อ 10 เมษายน 2568, จาก https://www.khuntalae.go.th/frontpage
นายสุรินทร์ รักษ์เมือง, สัมภาษณ์, 10 เมษายน 2568
นางลัดดา สุทธิรักษ์, สัมภาษณ์, 10 เมษายน 2568
นายอุทัย สุทธิรักษ์, สัมภาษณ์, 15 เมษายน 2568
นางสิริมา สุทธิรักษ์, สัมภาษณ์, 21 พฤษภาคม 2568
นางลักขณา สุทธิรักษ์, สัมภาษณ์, 9 มิถุนายน 2568
นายประจวบ จันทร์เกตุ, สัมภาษณ์, 9 มิถุนายน 2568