Advance search

ศูนย์การเรียนรู้ภูมิปัญญาฟ้อนเมืองบ้านครูเอจิดาภา มีกิจกรรมการเรียนรู้ที่สำคัญคือการถ่ายทอดความรู้ด้านการฟ้อนเมือง หรือ การฟ้อนพื้นเมือง และมีกิจกรรมการเรียนรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่น่าสนใจ ได้แก่ การทำเครื่องสักการะล้านนา 5 ประการ การตัดตุงไส้หมู ตุงรูปคน และอาหารพื้นเมืองเพื่อสุขภาพ นอกจากนี้ยังมีเครือข่ายครูภูมิปัญญาในพื้นที่ที่สามารถถ่ายทอดความรู้ให้กับคนในชุมชน ได้แก่ ครูภูมิปัญญาด้านงานหัตถกรรม การจักสาน การทำสวยดอก พับดอกไม้จากใบเตย ครูภูมิปัญญาด้านเครื่องปั้นดินเผา ครูภูมิปัญญาด้านลวดลายประดับตกแต่งภายในวัด ครูภูมิปัญญาด้านศาสนา พิธีกรรม การเขียนตัวเมือง และครูภูมิปัญญาด้านปูนปั้น

37 หมู่ที่ 5
บ้านไร่
หารแก้ว
หางดง
เชียงใหม่
ศูนย์การเรียนรู้ภูมิปัญญาฟ้อนเมืองบ้านครูเอจิดาภา โทร. 08 3568 3454
จิดาภา นามศรีแก้ว
29 ส.ค. 2025
รชพรรณ ฆารพันธ์
29 ส.ค. 2025
รชพรรณ ฆารพันธ์
29 ส.ค. 2025
บ้านไร่

บ้านไร่ มีที่มาจากการประกอบอาชีพทำไร่และทำสวนเป็นจำนวนมาก จึงเรียกขานตามลักษณะวิถีชีวิตว่า "บ้านไร่"


ศูนย์การเรียนรู้ภูมิปัญญาฟ้อนเมืองบ้านครูเอจิดาภา มีกิจกรรมการเรียนรู้ที่สำคัญคือการถ่ายทอดความรู้ด้านการฟ้อนเมือง หรือ การฟ้อนพื้นเมือง และมีกิจกรรมการเรียนรู้เกี่ยวกับภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่น่าสนใจ ได้แก่ การทำเครื่องสักการะล้านนา 5 ประการ การตัดตุงไส้หมู ตุงรูปคน และอาหารพื้นเมืองเพื่อสุขภาพ นอกจากนี้ยังมีเครือข่ายครูภูมิปัญญาในพื้นที่ที่สามารถถ่ายทอดความรู้ให้กับคนในชุมชน ได้แก่ ครูภูมิปัญญาด้านงานหัตถกรรม การจักสาน การทำสวยดอก พับดอกไม้จากใบเตย ครูภูมิปัญญาด้านเครื่องปั้นดินเผา ครูภูมิปัญญาด้านลวดลายประดับตกแต่งภายในวัด ครูภูมิปัญญาด้านศาสนา พิธีกรรม การเขียนตัวเมือง และครูภูมิปัญญาด้านปูนปั้น

บ้านไร่
37 หมู่ที่ 5
หารแก้ว
หางดง
เชียงใหม่
50230
18.6415591597189
98.92841890303812
เทศบาลตำบลหารแก้ว

ตำบลหารแก้ว เดิมสังกัดอำเภอสันป่าตอง โดยมีนายจันทร์แก้ว พุทธวงศ์ เป็นกำนันคนแรก ต่อมาเมื่อกิ่งอำเภอหางดงได้รับการยกฐานะเป็นอำเภอเมื่อปลายปี พ.ศ. 2489 ตำบลหารแก้วจึงได้รับการโอนสังกัดให้อยู่ในเขตการปกครองของอำเภอหางดง แบ่งการปกครองเป็น 7 หมู่บ้าน ในช่วงเวลาดังกล่าวมีนายอริยะ อินเสาร์ ดำรงตำแหน่งกำนัน ปัจจุบันตำบลหารแก้วได้ขยายเขตการปกครองออกเป็น 9 หมู่บ้าน โดยมีการแยกเพิ่มเติมอีก 2 หมู่บ้านเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2545 ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวพื้นเมืองที่ตั้งถิ่นฐานอยู่มาเป็นเวลานาน โดยไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่ามีการอพยพมาจากถิ่นฐานอื่น โดยบ้านไร่ หมู่ที่ 5 มีนายทรงวุฒิ พิมสาร เป็นผู้ใหญ่บ้าน

ด้านศิลปวัฒนธรรม ตำบลหารแก้วมีความโดดเด่นด้านการทำเครื่องปั้นดินเผา ซึ่งสืบทอดเป็นอาชีพเสริมมาจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีโบราณสถานสำคัญคือพระวิหารโบราณวัดทุ่งอ้อ ซึ่งเป็นหนึ่งในโบราณสถานเก่าแก่ของจังหวัดเชียงใหม่ แม้ไม่ปรากฏศิลาจารึกหรือหลักฐานการสร้างอย่างแน่ชัด แต่จากการสันนิษฐานของกรมศิลปากรเชื่อว่าสร้างขึ้นในช่วงต้นสมัยการก่อสร้างเมืองเชียงใหม่ มีอายุประมาณ 500–600 ปี หลักฐานที่ใช้ประกอบการสันนิษฐานคือรูปแบบบันไดทางขึ้นพระวิหารซึ่งแตกต่างจากวิหารโบราณทั่วไป ลักษณะดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงร่องรอยการตั้งถิ่นฐานของชุมชน นอกจากนี้ยังมีการสันนิษฐานจากหลักฐานทางโบราณคดีในพื้นที่ใกล้เคียงว่า ตำบลหารแก้วเป็นพื้นที่เหมาะสมต่อการทำการเกษตรและการเลี้ยงสัตว์มาตั้งแต่อดีต โดยคาดว่าน่าจะมีการตั้งถิ่นฐานตั้งแต่สมัยอาณาจักรหริภุญไชยในรัชสมัยพระนางจามเทวี ประมาณพุทธศักราช 1224

ศูนย์การเรียนรู้ภูมิปัญญาฟ้อนเมืองบ้านครูเอ จิดาภา

ศูนย์การเรียนรู้ภูมิปัญญาฟ้อนเมืองบ้านครูเอ จิดาภา ตั้งอยู่ ณ บ้านไร่ หมู่ที่ 5 ตำบลหารแก้ว อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนางจิดาภา นามศรีแก้ว หรือที่รู้จักกันในนาม "ครูเอ" ดำรงตำแหน่งหัวหน้าศูนย์ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ในนามเลขานุการภาคีเชียงใหม่เพื่อการปฏิรูปการศึกษาเมื่อปี พ.ศ. 2561 ศูนย์แห่งนี้มุ่งเน้นการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านศิลปะการแสดงพื้นบ้านล้านนา และงานหัตถกรรมพื้นถิ่นแก่เด็ก เยาวชน นักท่องเที่ยว รวมถึงผู้ที่สนใจทั่วไป อีกทั้งยังมีบทบาทในกิจกรรมจิตอาสาของจังหวัดเชียงใหม่ โดยทำหน้าที่เป็นเครือข่ายสำคัญในการสืบสานและเผยแพร่ภูมิปัญญาท้องถิ่น เช่น การสอนฟ้อนเล็บและฟ้อนเมือง โดยดำเนินงานร่วมกับเครือข่ายชุมชนเมืองรักษ์เชียงใหม่มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 จนถึงปัจจุบัน

พื้นที่ชุมชนหมู่ที่ 5 หมู่ที่ 6 และหมู่ที่ 7 มีลักษณะการเชื่อมโยงทางด้านศิลปะ วัฒนธรรม และประเพณีอย่างใกล้ชิด ทั้งสามหมู่บ้านมีสถานที่สำคัญร่วมกัน ได้แก่ วัดศรีสว่าง (วัวลาย) และโรงเรียนวัดศรีสว่าง (ชื่อเดิมโรงเรียนบ้านกวน) ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของศาสนาและการศึกษาในท้องถิ่น โดยประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวพื้นเมือง (คนเมือง) ที่ยังคงสืบทอดวิถีชีวิตดั้งเดิม

ในอดีต อาชีพหลักของชุมชน ได้แก่ การปั้นหม้อโบราณ การสร้างสรรค์ลวดลายประดับแบบ "ลายเมือง" การทำสวนลำไย การเลี้ยงไก่พื้นเมือง และการเลี้ยงวัว ปัจจุบันแม้ยังคงมีการประกอบอาชีพเหล่านี้ แต่การปั้นหม้อได้ลดจำนวนลง เหลือเพียงไม่กี่ครัวเรือนที่ยังสืบสานภูมิปัญญานี้อยู่ ด้วยเหตุนี้ พระครูโสภณบุณโญภาส เจ้าอาวาสวัดศรีสว่าง ได้ริเริ่มจัดตั้ง "ศูนย์ปั้นหม้อประจำหมู่บ้าน" ซึ่งต่อมาได้พัฒนาเป็น "วิสาหกิจชุมชนปั้นหม้อตำบลหารแก้ว" และยังคงดำเนินงานมาจนถึงปัจจุบัน ขณะที่คนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ได้เปลี่ยนไปประกอบอาชีพในเขตเมืองหรือภายนอกชุมชน

ความหมายของชื่อหมู่บ้าน

  • บ้านไร่ (หมู่ที่ 5) : มีที่มาจากการประกอบอาชีพทำไร่และทำสวนเป็นจำนวนมาก จึงเรียกขานตามลักษณะวิถีชีวิตว่า "บ้านไร่"
  • บ้านกวน (หมู่ที่ 6) : เดิมเรียกว่า "บ้านควัน" เนื่องจากการปั้นหม้อและเผาหม้อในเวลากลางวันก่อให้เกิดควันหนาแน่น ต่อมาคำว่า "ควัน" เพี้ยนเสียงกลายเป็น "กวน" จึงกลายเป็นชื่อที่ใช้เรียกหมู่บ้าน
  • บ้านวัวลาย (หมู่ที่ 7) : มาจากการเลี้ยงวัวเป็นอาชีพหลักของชุมชน โดยลูกวัวที่เกิดใหม่มักมีลวดลายที่สวยงาม ชาวบ้านจึงตั้งชื่อหมู่บ้านว่า "วัวลาย"

บทบาททางวัฒนธรรม

ศูนย์การเรียนรู้ภูมิปัญญาฟ้อนเมืองบ้านครูเอ จิดาภา นับเป็นแหล่งเรียนรู้ที่เชื่อมโยงกับรากฐานทางศิลปะและวัฒนธรรมของชุมชนอย่างลึกซึ้ง เนื่องจากชุมชนมีบรรพบุรุษที่เป็นพ่อครูแม่ครูด้านประเพณีและศิลปะการแสดงพื้นเมือง ทั้งการฟ้อนเมือง ฟ้อนเจิง และการบรรเลงกลองล้านนา ปัจจุบันครูเอ จิดาภาได้สืบทอดสายตรงจากบรรพบุรุษ ทำให้ศูนย์แห่งนี้เป็นพื้นที่กลางในการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านศิลปะ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตล้านนา ทั้งในรูปแบบการฟ้อนพื้นเมือง การทำอาหารและขนมพื้นเมือง ตลอดจนกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับประเพณีท้องถิ่น

ผลการระดมความคิดในประเด็น "ของดีบ้านฉัน"

จากการระดมความคิดเห็นของสมาชิกศูนย์การเรียนรู้ภูมิปัญญาการฟ้อนเมืองบ้านครูเอ จิดาภา ร่วมกับผู้นำชุมชน สมาชิกในชุมชน และเครือข่ายภูมิปัญญาในท้องถิ่น พบว่า "ของดีบ้านฉัน" ซึ่งสะท้อนถึงอัตลักษณ์และภูมิปัญญาท้องถิ่นของตำบลหารแก้ว มีดังต่อไปนี้

  • ศิลปะการปั้นปูน ได้แก่ การสร้างรูปเหมือน รูปคน รูปสัตว์ ตลอดจนการทำลวดลายดอกไม้ประดับซุ้ม ประตู หน้าต่าง รวมทั้งลายยอดซุ้มและลวดลายต่าง ๆ ที่ใช้ประดับตกแต่งภายในวัด ผู้สืบสานภูมิปัญญา ได้แก่ นายลือ ทองดอกแดง
  • เครื่องปั้นดินเผาบ้านกวน ผลิตภัณฑ์ประกอบด้วย หม้อน้ำ หม้อแกง หม้องวง หม้อต้ม หม้อหมูจุ่ม แจกัน ตะเกียง โคมไฟ กระดิ่งมือ เช็คเกอร์ ที่ปักธูป เชิงเทียน ภาชนะกรวดน้ำ และผลิตภัณฑ์ตามสั่ง ผู้สืบสานภูมิปัญญา ได้แก่ นางดารุณี นันโท
  • การผลิตเสื้อผ้าและการตัดเย็บ ครอบคลุมการตัดเย็บเสื้อยืด (ทีเชิ้ต) และผ้าชนิดต่าง ๆ ผู้สืบสานภูมิปัญญา ได้แก่ นางดุษณี แก้รากมุข
  • การทำขนมและเบเกอรี่ ผู้สืบสานภูมิปัญญา ได้แก่ นางสาวอรพิน อินต๊ะรักษา
  • พิธีกรรมและศาสนพิธี อาทิ การอนุรักษ์วัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่น การประกอบพิธีสืบสานศาสนพิธี ฮ้องขวัญ–บวงสรวง รวมถึงการทำหน้าที่พิธีกรในงานประเพณีต่าง ๆ ผู้สืบสานภูมิปัญญา ได้แก่ นายภีรเดช ศรีบุญเรือง
  • งานประดิษฐ์เครื่องสักการะ เช่น การทำกุหลาบใบเตย การมัดช่อบายศรี และการตัดตุง ผู้สืบสานภูมิปัญญา ได้แก่ นางวิไล ตมป่า
  • อาหารและขนมพื้นเมืองล้านนา รวมถึงการทำตุงไส้หมู ดอกกระดาษ สวยกาบล้านนา ควักล้านนา (งานใบตอง) บายศรีล้านนา และเครื่องสักการะล้านนา ผู้สืบสานภูมิปัญญา ได้แก่ นางบุญสืบ ตมป่า
  • งานจักสาน ผลิตภัณฑ์ได้แก่ ขวดน้ำหยาด คนโท และน้ำโต้นที่ทำตามรูปแบบขวด ผู้สืบสานภูมิปัญญา ได้แก่ นายประยูร คำเขียว
  • ศิลปะการแต่งกายพื้นเมือง เช่น การนุ่งซิ่นบ้วง การเกล้าผม และการแต่งหน้า ผู้สืบสานภูมิปัญญา ได้แก่ นายสุทิน เฉนะ
  • งานหัตถกรรมจากวัสดุธรรมชาติ ได้แก่ โคมแขวน หมวกใบมะพร้าว และไม้กวาดก้านมะพร้าว ผู้สืบสานภูมิปัญญา ได้แก่ นายองอาจ เพิ่มพูน
  • งานประดับตกแต่งภายในวัด เช่น ตัวป้านลมลายหางพญานาค ผู้สืบสานภูมิปัญญา ได้แก่ นายทรงวุฒิ พิมสาร
  • ศิลปะการแสดงฟ้อนเมืองล้านนา ครอบคลุมการฟ้อนหลายรูปแบบ ได้แก่ ฟ้อนเมือง ฟ้อนเล็บ ฟ้อนเทียน ฟ้อนเจิง ฟ้อนก๋ายลาย ฟ้อนขันดอก ฟ้อนจ้อง ฟ้อนผาง ฟ้อนไต ฟ้อนสวยดอก และการฟ้อนประกอบเพลงล้านนา ตลอดจนงานหัตถกรรมที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ นางจิดาภา นามศรีแก้ว

ประวัติวัดศรีสว่าง (วัวลาย)

ที่ตั้ง : บ้านกวน หมู่ที่ 6 ตำบลหารแก้ว อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ วัดศรีสว่าง (วัวลาย) สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ปัจจุบันมี พระครูโสภณบุญโญภาส ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสและเจ้าคณะตำบลหารแก้ว ตามประวัติที่เล่าสืบต่อกันมา วัดแห่งนี้มีชื่อเดิมว่า "วัดวัวลาย" เดิมตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของพื้นที่ปัจจุบัน โดยมี ครูบาก๋า เป็นเจ้าอาวาสรูปแรก ภายหลังครูบาก๋ามรณภาพ พระนันติ๊ นันทิโก รองเจ้าอาวาสในขณะนั้น ได้นำพระภิกษุ สามเณร และคณะศรัทธาชาวบ้านทำการถางพื้นที่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และได้ย้ายวัดมาตั้งถาวร ณ ที่ตั้งปัจจุบันตั้งแต่ปี พ.ศ. 2310 โดยพระนันติ๊ นันทิโก ได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดใหม่ ต่อมาในปี พ.ศ. 2484 กรมศาสนาได้ออกประกาศเปลี่ยนชื่อวัดที่มีคำสัตว์ปรากฏในชื่อ เพื่อให้เป็นมงคล วัดวัวลายจึงได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็น "วัดศรีสว่าง" แต่ยังคงวงเล็บคำว่า "วัวลาย" ต่อท้ายไว้ เพื่ออนุรักษ์ชื่อดั้งเดิมไม่ให้สูญหาย

พระเถระสำคัญและการพัฒนา

วัดศรีสว่างมีพระเถระผู้มีบทบาทสำคัญคือ หลวงปู่ครูบาจันทร์แก้ว คันธสีโล อดีตเจ้าอาวาสวัดศรีสว่าง (วัวลาย) อดีตเจ้าคณะตำบล และที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบลหารแก้ว ท่านได้ดำเนินการขยายอาณาเขตวัดให้กว้างขวางกว่าเดิม และบูรณปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุหลายประการ เช่น การสร้างพระเจดีย์ครอบองค์เดิม สร้างวิหาร กำแพงวัด และศาลาการเปรียญ อีกทั้งยังได้จัดตั้ง มูลนิธิวัดศรีสว่าง เพื่อใช้เป็นกองทุนสนับสนุนกิจกรรมสาธารณประโยชน์และค่าใช้จ่ายในการทำนุบำรุงวัด

ในด้านวัตรปฏิบัติ หลวงปู่ครูบาจันทร์แก้วถือปฏิบัติแบบ คัณทาธุระปฏิบัติ เน้นการศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย ควบคู่กับการปฏิบัติสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน อันเป็นแนวทางที่ยังคงสืบทอดมาถึงปัจจุบัน

เสนาสนะและถาวรวัตถุ

ปัจจุบันวัดศรีสว่าง (วัวลาย) มีพื้นที่ดินวัดจำนวน 13 ไร่ 1 งาน 68 ตารางวา โดยมีเอกสารสิทธิ์รับรองตามโฉนดเลขที่ 11612 (ลงวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2535) และเลขที่ 38248 (ลงวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2544) ได้รับวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2533

สิ่งก่อสร้างและถาวรวัตถุภายในวัดประกอบด้วย

  • พระวิหาร
  • พระอุโบสถ
  • ศาลาการเปรียญ
  • ศาลาบาตร
  • หอพระไตรปิฎก
  • กุฏิสงฆ์และกุฏิรับรองสงฆ์
  • ศาลาพิพิธภัณฑ์ครูบาจันทร์แก้ว
  • โรงครัว
  • หอระฆัง

ส่วนปูชนียวัตถุที่สำคัญ ได้แก่ พระพุทธรูปในปางต่าง ๆ หีบพระไตรปิฎก ธรรมาสน์ อาสนะ และสัตตภัณฑ์ ซึ่งสะท้อนถึงบทบาทของวัดในฐานะ ศูนย์กลางศาสนา ศิลปวัฒนธรรม และการเรียนรู้ของชุมชน

แผนที่และสภาพแวดล้อมชุมชน

ที่ตั้งและอาณาเขต บ้านไร่ หมู่ที่ 5 ตั้งอยู่ในเขตตำบลหารแก้ว อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีพื้นที่ติดต่อกับชุมชนข้างเคียงดังนี้

  • ทิศเหนือ ติดต่อกับ บ้านขันแก้ว หมู่ที่ 2
  • ทิศใต้ ติดต่อกับ บ้านกวน หมู่ที่ 6
  • ทิศตะวันตก ติดต่อกับ บ้านทุ่งอ้อ หมู่ที่ 3
  • ทิศตะวันออก ติดต่อกับ บ้านร้องแหย่ง ตำบลหนองแก๋ว

สภาพชุมชนและที่อยู่อาศัย

ปัจจุบันบ้านเรือนในชุมชนมีลักษณะมั่นคง แข็งแรง และเป็นอาคารถาวร โดยที่ดินส่วนใหญ่มีเอกสารสิทธิ์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย แสดงให้เห็นถึงความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัยและการถือครองที่ดินของประชาชนในพื้นที่

ระบบคมนาคม

การเดินทางมายังชุมชนสะดวกสบาย โดยมีทั้งถนนลาดยางมะตอยและถนนคอนกรีต สามารถใช้การสัญจรได้ทั้งรถยนต์ส่วนบุคคลและรถโดยสารประจำทาง

ข้อมูลจากเทศบาลตำบลหารแก้ว (พ.ศ. 2568) ตำบลหารแก้วมีพื้นที่รวมทั้งสิ้น 10.40 ตารางกิโลเมตร (ประมาณ 6,500 ไร่) พื้นที่ดังกล่าวมีทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108 (เชียงใหม่-ฮอด) ตัดผ่าน และมีจำนวนประชากรรวมทั้งหมด 5,960 คน ครอบคลุมพื้นที่การปกครอง 9 หมู่บ้าน

หมู่ที่ ชื่อหมู่บ้าน จำนวนประชากรชาย จำนวนประชากรหญิง รวมประชากรทั้งหมด จำนวนครัวเรือนทั้งหมด
5 บ้านไร่ 322 343 665 286
6 บ้านกวน 230 290 522 184
7 บ้านวัวลาย 334 398 732 312

จากข้อมูลดังกล่าว ประชากรในสามหมู่บ้าน (บ้านไร่ บ้านกวน และบ้านวัวลาย) มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 1,919 คน โดยแบ่งเป็นเพศชาย 886 คน และเพศหญิง 1,031 คน รวมจำนวนครัวเรือนทั้งหมด 782 ครัวเรือน

ระบบเครือญาติและชาติพันธุ์

ประชาชนในพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นชาวพื้นเมืองล้านนา (คนเมือง) ที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในพื้นที่มาเป็นเวลายาวนาน โดยมีลักษณะระบบเครือญาติแบบเครือข่ายครอบครัวขยาย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ทางสังคมที่แน่นแฟ้นและการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และการดำเนินชีวิตประจำวัน การดำรงอยู่ของประชากรที่มีความเป็นเนื้อเดียวกันทางชาติพันธุ์และวัฒนธรรม ส่งผลให้พื้นที่ดังกล่าวมีความเข้มแข็งในการสืบทอดขนบธรรมเนียม ประเพณี และภูมิปัญญาท้องถิ่น ทั้งในด้านการแสดงศิลปวัฒนธรรมล้านนา งานหัตถกรรมพื้นบ้าน และพิธีกรรมทางศาสนา (จากการสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้อง และการสำรวจ การจัดเก็บโดยสำนักงานเทศบาลตำบลหารแก้ว อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่)

ประชากรในเขตบ้านไร่ หมู่ที่ 5 บ้านกวน หมู่ที่ 6 และบ้านวัวลาย หมู่ที่ 7 มี วัดศรีสว่าง (วัวลาย) เป็นศูนย์กลางทางศาสนาและวัฒนธรรมร่วมกันของทั้งสามหมู่บ้าน ชุมชนมีการรวมกลุ่มและจัดตั้งองค์กรในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งที่เป็นกลุ่มอาชีพแบบไม่เป็นทางการและกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นระบบ ดังนี้

1.กลุ่มอาชีพแบบไม่เป็นทางการ

กลุ่มเหล่านี้เกิดจากการรวมตัวกันของประชาชนในชุมชนเพื่อทำกิจกรรมและสร้างรายได้เสริม โดยยังไม่เป็นองค์กรที่มีโครงสร้างทางกฎหมายชัดเจน ตัวอย่างได้แก่

  • กลุ่มทำ จิ้นส้ม (แหนมใบตอง)
  • กลุ่มทำ ไม้กวาดทางมะพร้าว และการทำโคม
  • กลุ่มออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ
  • กลุ่มช่างฟ้อนหัววัด

2.กลุ่มอาชีพและองค์กรที่มีความยั่งยืน

กลุ่มเหล่านี้มีการรวมตัวที่มั่นคง มีเครือข่ายการสนับสนุน และได้รับการส่งเสริมจากหน่วยงานภาครัฐหรือท้องถิ่น ได้แก่

  • กลุ่มวิสาหกิจชุมชนปั้นหม้อตำบลหารแก้ว
  • กลุ่มเลี้ยงปูนา
  • กลุ่มปลูกลำไย
  • กลุ่มผู้ทำนา

3.บุคคลต้นแบบด้านอาชีพ

มีบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์และพัฒนาอาชีพในชุมชน ได้แก่

  • วันดีหม้อฮ่อม (ผู้สืบสานภูมิปัญญาหม้อฮ่อม)
  • กาแฟสล่าณาย์ (ผู้ประกอบการกาแฟท้องถิ่น)

4.องค์กรและสถาบันเพื่อการพัฒนาสังคม

นอกจากกลุ่มอาชีพแล้ว ยังมีองค์กรและสถาบันในชุมชนที่ส่งเสริมคุณภาพชีวิตและความเข้มแข็งทางสังคม ได้แก่

  • อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)
  • โรงเรียนพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ เทศบาลตำบลหารแก้ว
  • กลุ่มฌาปนกิจสงเคราะห์
  • กลุ่มกองทุนวันละบาท
  • ชมรมผู้สูงอายุ
  • สภาเด็กและเยาวชนตำบลหารแก้ว
  • กลุ่มประเพณีวัฒนธรรมตำบลหารแก้ว
  • ศูนย์การเรียนรู้ภูมิปัญญาฟ้อนเมืองบ้านครูเอ จิดาภา

โครงสร้างทางสังคมของบ้านไร่ บ้านกวน และบ้านวัวลาย แสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งของชุมชนในมิติที่หลากหลาย ทั้งในเชิง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และสังคม การมีทั้งกลุ่มอาชีพแบบไม่เป็นทางการและวิสาหกิจที่ยั่งยืน บวกกับองค์กรสังคมที่ครอบคลุมทุกช่วงวัย (เด็ก เยาวชน ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ) สะท้อนถึง พลวัตทางสังคมที่สมดุล และศักยภาพของชุมชนในการพัฒนาไปสู่ความยั่งยืนทั้งด้านเศรษฐกิจและการอนุรักษ์วัฒนธรรม

จากการเก็บรวบรวมข้อมูลปฏิทินชุมชนและข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์ จะเห็นได้ว่า วิถีชีวิตด้านเศรษฐกิจ ของบ้านไร่ บ้านกวน และบ้านวัวลาย มีรากฐานจากเกษตรกรรมและปศุสัตว์ ควบคู่กับการแปรรูปภูมิปัญญาเป็นหัตถกรรมและการประกอบอาชีพเสริม ส่วน วิถีชีวิตด้านประเพณีและวัฒนธรรม มีความเข้มแข็งทั้งในมิติพุทธศาสนาและความเชื่อผีบรรพบุรุษ ตลอดจนการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมล้านนา ซึ่งสิ่งเหล่านี้สะท้อนความสัมพันธ์แบบองค์รวมของชุมชน ที่ผูกโยง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม เข้าด้วยกัน และยังเป็นฐานทุนสำคัญที่สามารถพัฒนาได้อย่างยั่งยืน ดังรายละเอียดต่อไปนี้

ด้านเศรษฐกิจ จากปฏิทินชุมชนพบโครงสร้างเศรษฐกิจครัวเรือน ที่สะท้อนให้เห็นว่าชาวบ้านประกอบอาชีพเกษตรกรรมและปศุสัตว์เป็นหลัก ได้แก่

การปลูกพืช ข้าว ลำไย และพืชผักสวนครัว ซึ่งสอดคล้องกับวิถีเกษตรพื้นเมืองล้านนาที่ผูกพันกับฤดูกาล

การเก็บหาและใช้ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น การหาหน่อไม้ในฤดูฝน สะท้อนถึงเศรษฐกิจพึ่งพิงป่าและการบริโภคอาหารพื้นถิ่น

การเลี้ยงสัตว์ วัว หมู ไก่ และปูนา แสดงถึงการดำรงชีพแบบผสมผสาน ใช้ทั้งเพื่อการบริโภคและการขาย

การประกอบอาชีพเสริม ขายของที่บ้าน รับจ้างทำงานเกษตร และทำงานนอกพื้นที่ เป็นกลไกสำคัญในการเพิ่มรายได้ให้ครัวเรือน

ด้านระบบเศรษฐกิจชุมชน พบว่า ชุมชนมี วิสาหกิจชุมชนปั้นหม้อ ที่เป็นจุดแข็งด้านหัตถกรรม สะท้อนถึงการแปรรูปภูมิปัญญาท้องถิ่นให้กลายเป็นสินค้า มีการรวมกลุ่ม เช่น กลุ่มเลี้ยงปูนา กลุ่มปลูกลำไย และกลุ่มผู้ทำนา ทำให้เกิดระบบความร่วมมือแบบชุมชน ลดความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ ดังนั้นเศรษฐกิจครัวเรือนจึงมีลักษณะ ผสมผสานระหว่างเศรษฐกิจพอเพียง เศรษฐกิจตลาด และมีแนวโน้มพัฒนาเป็นเศรษฐกิจสร้างสรรค์ หากต่อยอดภูมิปัญญาสู่การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและผลิตภัณฑ์ OTOP

ด้านประเพณีและวัฒนธรรม จากปฏิทินพบว่าชาวบ้านร่วมสืบสานงานบุญและเทศกาลตลอดทั้งปี เช่น

งานบุญทางพุทธศาสนา สงกรานต์ เข้าพรรษา ออกพรรษา กฐิน ผ้าป่า ยี่เป็ง และตานก๋วยสลาก

งานบุญชุมชน ปอยหลวง สรงน้ำพระธาตุ และพิธีทำบุญสิ้นปี

พิธีกรรมครอบครัว งานแต่งงานและพิธีศพ

ภูมิปัญญาและศิลปวัฒนธรรม ชุมชนยังคงสืบทอด ภูมิปัญญาการฟ้อนเมือง และ งานหัตถกรรมปั้นหม้อ เป็นทุนทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้ (Tangible Cultural Heritage) และทุนทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (Intangible Cultural Heritage) กิจกรรมเหล่านี้ทำหน้าที่เชื่อมโยงรุ่นสู่รุ่น ทั้งผู้สูงอายุที่ถ่ายทอดความรู้ และเยาวชนที่เข้ามามีบทบาทในการเรียนรู้และสืบทอด

ประเพณีเลี้ยงผีตระกูล วิถีชีวิตของสามหมู่บ้าน คือ บ้านไร่ (หมู่ 5) บ้านกวน (หมู่ 6) และบ้านวัวลาย (หมู่ 7) ในตำบลหารแก้ว อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ มีความเกี่ยวโยงเชื่อมร้อยกัน โดยมีประเพณีเลี้ยงผีตระกูลใน เดือน 9 เหนือหรือ เดือน 9 เมือง อันเป็นจังหวะเวลาสำคัญของปีตามจารีตล้านนา ทั้งในมิติความเชื่อเรื่องผีบรรพบุรุษ (ผีปู่ย่า) และรูปแบบพิธีกรรมที่สืบทอดในระดับตระกูล ตลอดจนความสัมพันธ์ของพิธีกรรมกับวงจรการทำมาหากินในชีวิตประจำวันของชุมชนล้านนา (เช่น ช่วงว่างงานเกษตรหลังเพาะปลูก) ซึ่งมักเป็นเหตุผลรองรับการกำหนดฤกษ์งานบุญและงานผีในหลายพื้นที่ภาคเหนือของไทยด้วยเช่นกัน

ในระบบเดือนของล้านนา เดือน 9 เหนือ โดยทั่วไปตรงกับช่วงกลางปีตามสุริยคติไทย (มักราวเดือนมิถุนายน) และถูกนับเป็นฤดูของงานผีปู่ย่า/งานตระกูลในหลายชุมชนล้านนา ซึ่งเป็นกาละที่ญาติพี่น้องกลับมาพบปะ ทำพิธี "เลี้ยงผี" และ "ฟ้อนผี" เพื่อรำลึกและขอพรจากบรรพบุรุษ ทั้งยังสัมพันธ์กับภาวะ "ว่างจากงานหลัก" ชั่วระยะหนึ่งในรอบปีเกษตร ทำให้สามารถระดมเครือญาติและชุมชนมาร่วมพิธีได้สะดวกยิ่งขึ้น ในมิติของความเชื่อ วงศ์ตระกูลล้านนามักจัดพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับผีบรรพบุรุษ เช่น หิ้ง/หอผี วางเหนือหัวนอนด้านตะวันออกในเรือน หรือสร้างศาล/เรือนจำลองไว้ในบริเวณบ้าน เพื่อใช้เป็นจุดวางเครื่องเซ่นและบอกกล่าวกิจธุระสำคัญของตระกูล (แต่งงาน เจ็บป่วย เดินทางไกล ฯลฯ) ซึ่งถือเป็นโครงสร้างเชิงสัญลักษณ์ที่สะท้อนความต่อเนื่องของสายญาติและความคุ้มครองของผีปู่ย่าในวิถีชีวิตประจำวัน

องค์ความรู้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงใหม่อธิบายว่า "ผีปู่ย่า" คือผีบรรพบุรุษที่เครือญาติยำเกรงและเซ่นสังเวยสืบต่อกันมา ขนานอยู่กับผีระดับบ้าน-เมืองอื่น ๆ และผสานเข้ากับพุทธศาสนาในล้านนาอย่างลึกซึ้ง ในเชิงชาติพันธุ์วรรณนา งานศึกษาหลายชิ้นจำแนกผีตระกูลในล้านนาเป็น "ผีมด-ผีเม็ง" (รวมถึง "ผีมดซอนเม็ง") โดย "ผีมด" มักอธิบายว่าเป็นผีบรรพชนสามัญชนสืบสายมารดา ส่วน "ผีเม็ง" ผูกโยงกับกลุ่มชนชั้นเจ้า/นาย และประวัติศาสตร์มอญในดินแดนลุ่มน้ำปิง-หริภุญไชย กระบวนพิธีฟ้อนผีจึงมีระเบียบแบบแผนและสัญลักษณ์เฉพาะ (เช่น เครื่องดนตรี เครื่องเซ่น การทำ “ผาม/โรงพิธี”) อันเป็นองค์ความรู้ร่วมในล้านนา

สำหรับสามหมู่บ้านในตำบลหารแก้ว ผู้ให้ข้อมูลชุมชนระบุว่ามี สามสายผีตระกูล ที่ยังประกอบพิธี ได้แก่

1.ผีไต มีการเลี้ยงผีตามประเพณี และเลี้ยงในวาระสมรส ใช้เครื่องคาวหวานตาม "ผีดง" (หรืองานบูชาผีป่า) ผีดงกินอะไร ให้เลี้ยงตามผีดง ปีหนึ่งอาจเลือกหมูหรือไก่เป็นหลัก นอกจากนี้มี แกงอ๋อม ลาบ ขนมข้าวต้ม ข้าวตอกดอกไม้ และใช้ “ไก่คู่”ลาบหมู แกงอ๋อมหมู ในพิธีแต่งงาน (ข้อมูลภาคสนามโดย นางบุญสืบ ตมป่า อายุ 72 ปี)

2.ผีมด มีพิธี "ฟ้อนผีมด" ทุก 5 ปี (ไปฟ้อน ณ จุดกำเนิดตระกูลที่เรียกว่า "ตั้งข้าว") แต่ยังเลี้ยงผีประจำปีในเดือน 9 ด้วยเครื่องเซ่นตามผีดง (เลี้ยงอาหารตามผีดง) ปีไหนผีดงกินหมูก็เลี้ยงหมู ปีไหนผีดงกินไก่ก็เลี้ยงไก่ (ข้อมูลภาคสนามโดย นางอำพร ต๋าคำ อายุ 74 ปี)

3.ผีลัวะ ไม่เลี้ยงในเดือน 9 แต่เลี้ยงเมื่อมีพิธีแต่งงาน (ใช้ทั้งไก่และหมู) (ข้อมูลภาคสนามโดย นางหน่อย อินทะราชา อายุ 82 ปี)

ข้อสังเกต ระหว่างข้อมูลภาคสนามกับวรรณกรรมคือ "ผีมด" พบสอดคล้องกับนิยามในงานมานุษยวิทยาที่อธิบายว่าเป็นผีบรรพชนสายสามัญชนและสัมพันธ์กับการ "ฟ้อนผี" ในระดับเครือญาติ/ตระกูล ขณะที่ "ผีลัวะ" ชี้ร่องรอยสายสัมพันธ์กับกลุ่มชาติพันธุ์ ลัวะ/ละเวือะ (Lawa) ซึ่งมีธรรมเนียมผีเด่นชัดและยังคงปฏิบัติพิธีกรรมเฉพาะกลุ่มในภาคเหนือ การกล่าวถึง "ผีดง" ในฐานะผีป่า/เจ้าป่า และ "เลี้ยงดง" สัมพันธ์กับประเพณีบูชาป่า (เช่น ปู่แสะ–ย่าแสะ) ในคติล้านนา

พิธีเลี้ยงผีเดือน 9 ในสามหมู่บ้านระบุเครื่องคาวหวานสำคัญ ได้แก่ หมู/ไก่ (บางกรณีเป็น "ไก่คู่"), ลาบ, แกงอ๋อม, ข้าวต้ม, ข้าวตอกดอกไม้ และสุรา ซึ่งสอดคล้องกับภาพรวมของงานผีปู่ย่าในล้านนาที่นิยมทำตูบ/ผาม ตั้งเครื่องสังเวย และประกอบพิธีฟ้อนโดยเครือญาติในตระกูลเดียวกัน ณ หอผี/ศาลผีของบ้านต้นตระกูล (เก๊าผี) ทั้งนี้ แหล่งความรู้เชิงทุติยภูมิระบุช่วงเวลาจัดงานอยู่ในช่วงเดือน 4-6 (เม.ย.-มิ.ย.) หรือเดือน 9 เหนือตามจารีต ขึ้นกับความสะดวกของเครือญาติที่กลับบ้านมารวมตัว ในกรณี ฟ้อนผีมด/ผีเม็ง การเตรียม "ผาม" (โรงพิธี) เครื่องดนตรีพื้นเมือง และการกำหนดผู้เข้าฟ้อนเฉพาะสมาชิกในตระกูล เป็นหัวใจของพิธี โดยผีเม็งในบางถิ่นมีเครื่องหมาย/เครื่องสังเวยเฉพาะ (เช่น กระบอกปลาร้า) ขณะเดียวกัน "ช่วงเดือน 9" มักถูกเลือกเพราะเป็นระยะว่างจากงานเกษตร จึงเอื้อต่อการรวมญาติและการประกอบพิธี

นอกจากนี้ การกล่าวถึง "เลี้ยงดง/ผีดง" เชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์–ธรรมชาติในแบบล้านนา (การบวงสรวงผีป่า ปู่แสะ-ย่าแสะ) สะท้อนฐานคิดเรื่องการอยู่ร่วมกับป่าต้นน้ำและทรัพยากร ซึ่งยังถูกตีความและนำเสนอใหม่ในมิติร่วมสมัยของงานวัฒนธรรมท้องถิ่น/ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในเชียงใหม่

ปฏิทินชุมชนและชีวิตประจำวันของบ้านไร่–บ้านกวน–บ้านวัวลายในตำบลหารแก้ว แสดงให้เห็นโครงสร้างวัฒนธรรมล้านนาที่ผสาน งานผี กับ วิถีพุทธ และ จังหวะเกษตร เข้าด้วยกันอย่างแนบแน่น ประเพณีเลี้ยงผีเดือน 9 ทำหน้าที่มากกว่าการบวงสรวงบรรพชน แต่เป็นกลไกผลิตซ้ำเครือญาติ ความทรงจำร่วม และทุนทางสังคมของชุมชน สืบเนื่องจากอดีตสู่ปัจจุบัน ทั้งยังเป็นฐานต่อยอดสู่การสื่อความหมายอัตลักษณ์และพัฒนานวัตกรรมวัฒนธรรมร่วมสมัยในพื้นที่ล้านนาต่อไป

การศึกษาประวัติชีวิตของปราชญ์ชาวบ้าน ผู้นำ และบุคคลสำคัญในชุมชน ถือเป็นการทำความเข้าใจรากฐานทางสังคมและวัฒนธรรมของท้องถิ่น อันสะท้อนทั้งภูมิปัญญา ความเชื่อ และรูปแบบการดำรงชีวิตที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น บุคคลเหล่านี้ไม่เพียงมีบทบาทในฐานะผู้นำทางความคิดและการปฏิบัติ หากยังทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมจิตใจ ถ่ายทอดองค์ความรู้ และเป็นผู้ขับเคลื่อนกิจกรรมสำคัญของชุมชนทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม การบันทึกเรื่องราวชีวิตของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ–นามสกุล อายุ และภูมิลำเนา ไปจนถึงทักษะ ความชำนาญ บทบาทในชุมชน และประวัติการดำเนินชีวิตที่ผ่านมา จึงเป็นหลักฐานที่ช่วยให้เห็นภาพรวมของการก่อร่างสร้างตัวตนของชุมชน และยังเป็นแหล่งเรียนรู้ที่มีคุณค่าในการสืบสานมรดกภูมิปัญญาท้องถิ่นต่อไป ปราชญ์ชาวบ้าน ผู้นำ และบุคคลสำคัญของทั้งสามชุมชน บ้านไร่ (หมู่ 5) บ้านกวน (หมู่ 6) และบ้านวัวลาย (หมู่ 7) ในตำบลหารแก้ว อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ มีดังนี้

1.นายธนะชัย บุญศรี

ปีเกิด : 2521

ที่อยู่ปัจจุบัน : หมู่ที่ 9 ต.หารแก้ว อ.หางดง จ.เชียงใหม่

ปีที่จัดเก็บข้อมูล : 2568

ประวัติการศึกษา :

  • ปริญญาตรี การประถมศึกษา สถาบันราชภัฏเชียงใหม่
  • ปริญญาโท บริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยนเรศวร

ผลงานหรือเหตุการณ์สำคัญ

  • รางวัลผู้บริหารสถานศึกษาดีเด่น ด้านการบริหารจัดการโรงเรียนศูนย์การเรียนรู้เพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า (25 มีนาคม 2568)
  • รางวัลเกียรติยศวันครู ครูดี สอนดี ศิษย์ดี เรียนดี มีความสุข (16 มกราคม 2567)
  • รางวัลคนดีศรีแผ่นดิน (26 กุมภาพันธ์ 2566)
  • รางวัลประกาศเกียรติคุณเชิดชูเกียรติ ครูแกนนำโรงเรียนต้นแบบปลอดบุหรี่ และแอลกอฮอล์ (31 พฤษภาคม 2566)

บทบาท หน้าที่ และความสำคัญต่อชุมชน

บริหารกิจการโรงเรียนให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และนโยบาย ประสาน และระดมทรัพยากร เพื่อสนับสนุนการศึกษา รวมถึงการบริหารงบประมาณ การเงิน ทรัพย์สินของโรงเรียน เป็นผู้แทนของโรงเรียน ในกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงจัดทำนิติกรรม สัญญา และการประสานงานกับชุมชน ดูแลและพัฒนาบุคลากร ทั้งครูและเจ้าหน้าที่ เพื่อให้มีคุณภาพและสามารถส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน โดยทำงานร่วมกับผู้ปกครอง หน่วยงานท้องถิ่นและองค์กรต่าง ๆ เพื่อพัฒนาการศึกษาและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างโรงเรียนกับชุมชน

2.นายพิน เฉนะ

ปีเกิด : 2496

ที่อยู่ปัจจุบัน : หมู่ที่ 6 ต.หารแก้ว อ.หางดง จ.เชียงใหม่

ปีที่จัดเก็บข้อมูล : 2568

ประวัติการศึกษา :

  • ประถมศึกษาปีที่ 4

ผลงานหรือเหตุการณ์สำคัญ :

  • นำช่างฟ้อนวัดศรีสว่างประกวดฟ้อนเล็บ วัดเวฬุวัน ได้รางวัลชนะเลิศ (พ.ศ. 2535)
  • นำช่างฟ้อนวัดศรีสว่างประกวดฟ้อนเล็บ งานไม้ดอก ไม้ประดับ ได้รางวัลชนะเลิศ ที่หนองบวกหาด (พ.ศ. 2537)

บทบาท หน้าที่ และความสำคัญต่อชุมชน : 

  • ปราชญ์ชาวบ้านฟ้อนเมือง ตำบลหารแก้ว
  • ครูภูมิปัญญาบ้านครูเอ จิดาภา
  • ช่วยประดับ ตกแต่ง งานจิตอาสา งานมงคลต่าง ๆ งานอวมงคล งานเฉลิมฉลอง วัดศรีสว่าง

3.นางดารุณี นันโท

ปีเกิด : 2505

ปีที่จัดเก็บข้อมูล : 2568

ประวัติการศึกษา :

  • มัธยมศึกษาปีที่ 6

ผลงานหรือเหตุการณ์สำคัญ :

  • แลกเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรม ด้านการปั้นหม้อแบบโบราณ ประเทศญี่ปุ่น เมืองโอซาก้า ระยะเวลา 2 เดือน โดยสำนักงานท่องเที่ยว จังหวัดลำปาง (พ.ศ. 2539)
  • เป็นคณะกรรมการชมรมสภาล้านนา (พ.ศ. 2548-2553)
  • ครูภูมิปัญญาเชียงใหม่ โดยภาคีเชียงใหม่ เพื่อการปฏิรูปการศึกษา (พ.ศ. 2559)
  • ปราชญ์ชาวบ้าน ตำบลหารแก้ว
  • ผู้ประดิษฐ์คิดค้นผลงานสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์โดยดินปั้นแบบโบราณ ได้ระดับ 3 ดาว โอท็อป จังหวัดเชียงใหม่

บทบาท หน้าที่ และความสำคัญต่อชุมชน

  • ครูภูมิปัญญาสอนปั้นหม้อแบบโบราณ โรงเรียนวัดศรีสว่าง
  • อาสาสมัครสาธารณสุข หมู่ที่ 6 ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530-ปัจจุบัน
  • ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนปั้นหม้อ ตำบลหารแก้ว ปี พ.ศ. 2547-ปัจจุบัน

4.นางบุญสืบ ตมป่า

ปีเกิด : 2496

ที่อยู่ปัจจุบัน : หมู่ที่ 5 ต.หารแก้ว อ.หางดง จ.เชียงใหม่

ปีที่จัดเก็บข้อมูล : 2568

ประวัติการศึกษา :  

  • ประถมศึกษาปีที่ 7

ผลงานหรือเหตุการณ์สำคัญ :

  • รับรางวัลแม่ดีเด่น จากเทศบาลตำบลหารแก้ว (พ.ศ. 2562)
  • รับเกียรติบัตรปราชญ์ชาวบ้าน ตำบลหารแก้ว (พ.ศ. 2562)
  • ครูภูมิปัญญา ในศูนย์การเรียนรู้ภูมิปัญญาฟ้อนเมืองบ้านครูเอ จิดาภา ด้านหัตถกรรม

บทบาท หน้าที่ และความสำคัญต่อชุมชน :

  • จิตอาสาช่วยพิธีการ ประเพณี และวัฒนธรรม ตำบลหารแก้ว
  • สมาชิกกลุ่มฌาปนกิจสงเคราะห์กลุ่มศรีสว่าง
  • ครูภูมิปัญญา งานหัตถกรรม สอนด้านเครื่องแต่งดา เครื่องสักการะล้านนา และการตกแต่งดางาน ตามประเพณีต่าง ๆ   

5.นางอรพิน ตมป่า

ปีเกิด : 2503

ที่อยู่ปัจจุบัน : หมู่ที่ 5 ต.หารแก้ว อ.หางดง จ.เชียงใหม่

ปีที่จัดเก็บข้อมูล : 2568

ประวัติการศึกษา :

  • ประถมศึกษาปีที่ 4

ผลงานหรือเหตุการณ์สำคัญ :

  • รับรางวัลแม่บ้านดีเด่น อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ (พ.ศ. 2560)
  • รับเหรียญ อสม. ดีเด่น ตำบลหารแก้ว (พ.ศ. 2563)
  • รับเหรียญปฏิบัติหน้าที่ครบ 20 ปี

บทบาท หน้าที่ และความสำคัญต่อชุมชน :

  • ประธานแม่บ้าน หมู่ที่ 5 ตั้งแต่ พ.ศ. 2552-ปัจจุบัน
  • สมาชิก อสม. ตำบลหารแก้ว ตั้งแต่ พ.ศ. 2554-ปัจจุบัน
  • ช่วยกิจกรรม จิตอาสา ภายในหมู่บ้านและตำบลหารแก้ว
  • เป็นจิตอาสาแม่บ้าน อำเภอหางดง

6.นายภีรเดช ศรีบุญเรือง

ปีเกิด : 2505

ที่อยู่ปัจจุบัน : หมู่ที่ 2 ต.หารแก้ว อ.หางดง จ.เชียงใหม่

ปีที่จัดเก็บข้อมูล : 2568

ประวัติการศึกษา :

  • ม.ส. 5 (มัธยมศึกษาตอนปลาย)

ผลงานหรือเหตุการณ์สำคัญ :

  • สมาชิกสภา อบต.หารแก้ว (24 เมษายน 2545)
  • เลขา นายก อบต.หารแก้ว (18 เมษายน 2548)
  • สมาชิกสภาเทศบาลตำบลหารแก้ว (28 มีนาคม 2564)
  • สมาชิกสภาเทศบาลตำบลหารแก้ว (11 พฤษภาคม 2568)
  • ขับเคลื่อนสร้างความปรองดอง หมู่บ้านรักษาศีล 5 เชียงใหม่ (29 สิงหาคม 2566)
  • หลักสูตร ส.อบต. กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นและ มช. (8 สิงหาคม 2546)
  • คณะกรรมการ (เลขา) กต.ตร. สภ.หนองตอง (28 พฤษภาคม 2567)
  • โครงการพุทธเกษตรปลูกเดือนแม่เกี่ยวเดือนพ่อ แนวทางศาสตร์พระราชา (16 สิงหาคม 2566)
  • เป็นผู้นำศีลธรรมเผยแพร่พระพุทธศาสนา อ.หางดง (1 มีนาคม 2562)

บทบาท หน้าที่ และความสำคัญต่อชุมชน :

  • อาสาสมัครประชาสัมพันธ์ (อปม.) กรมประชาสัมพันธ์ (10 สิงหาคม 2555)
  • การปฐมพยาบาลและช่วยปฏิบัติการแพทย์ขั้นพื้นฐาน (สสจ.) (16 ธันวาคม 2558)
  • ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ประพฤติดี ประพฤติชอบ จ.เชียงใหม่ (21 พฤษภาคม 2567)
  • พิธีกร งานอบรม งานศึกษา งามสมโภชน์ งานจิตอาสา บรรเทาทุกข์ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม แก้ไขปัญหายาเสพติด รณรงค์ความปลอดภัยในสถานศึกษา ผู้นำศาสนพิธี รักษาวัฒนธรรม
  • ทำหน้าที่ประธานสภาวัฒนธรรม ตำบลหารแก้ว รองประธานสภาวัฒนธรรม อำเภอหางดง
  • กรรมการหน่วยอบรมประชาชน ตำบลหารแก้ว

7.นางภัชราภรณ์ บุญเกิด

ปีเกิด : 2526

ที่อยู่ปัจจุบัน : หมู่ที่ 3 ต.หางดง อ.หางดง จ.เชียงใหม่

ปีที่จัดเก็บข้อมูล : 2568

ประวัติการศึกษา :

  • สาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ผลงานหรือเหตุการณ์สำคัญ :

  • ได้รับการรับรองคุณภาพตามเกณฑ์ รพ.สต. ติดดาว (5 ดาว) ระดับจังหวัด (20 กันยายน 2560)
  • ได้ผ่านเกณฑ์พัฒนาคุณภาพ รพ.สต. (ระดับ 5 ดาว) ระดับจังหวัด (1 ตุลาคม 2565)
  • ได้ผ่านเกณฑ์คุณภาพมาตรฐาน การให้บริการสุขภาพปฐมภูมิ ปี 2567-2570 (1 ตุลาคม 2567)
  • เป็นคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการสร้างความปลอดชีวี สมานฉันท์ โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา "หมู่บ้านรักษาศีล 5" อำเภอหางดง (29 สิงหาคม 2566)
  • เป็นคณะทำงาน งานป้องกันความรุนแรงต่อเด็กและเยาวชน (12 เมษายน 2566)
  • เป็นคณะทำงาน โครงการชุมชนบำบัดอย่างยั่งยืน ในพื้นที่แพร่ระบาดยาเสพติด ตามนโยบายของรัฐบาล หมู่ที่ 7 บ้านวัวลาย (10 มิถุนายน 2567)
  • นำทีม อสม. ตำบลหารแก้ว เข้าร่วมกิจกรรมการประกวด รำวงประยุกต์ของอำเภอหางดง (2563-2564)

บทบาท หน้าที่ และความสำคัญต่อชุมชน :

  • การบริหารจัดการองค์กร - วางแผน ควบคุม กำกับงานและบริหารบุคลากร ใน รพ.สต
  • จัดบริการด้านสุขภาพ - ให้บริการตรวจรักษาเบื้องต้น ส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค ควบคุมโรค และฟื้นฟูสมรรถภาพ การดูแลสุขภาพเชิงรุก เยี่ยมบ้าน คัดกรองกลุ่มเสี่ยง
  • การสร้างเครือข่ายและทำงานร่วมกับชุมชน - ส่งเสริมการส่วนร่วมของประชาชน ทำงานร่วมกับ อสม. ผู้นำชุมชน อปท. สนับสนุนกิจกรรมด้านสุขภาพในระดับหมู่บ้าน ตำบล
  • พัฒนาคุณภาพและมาตรฐานบริการ - ขับเคลื่อนการรับรองคุณภาพ นำเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดบริการ พัฒนาการเรียนรู้ และฝึกอบรมภายในทีม

8.นายลือ ทองดอกแดง

ปีเกิด : 2491

ที่อยู่ปัจจุบัน : หมู่ที่ 6 ต.หารแก้ว อ.หางดง จ.เชียงใหม่

ปีที่จัดเก็บข้อมูล : 2568

ประวัติการศึกษา : ประถมศึกษาปีที่ 4

ผลงานหรือเหตุการณ์สำคัญ :

  • ตำแหน่งประธานผู้สูงอายุ หมู่ที่ 6 (2563)
  • กรรมการหมู่บ้าน บ้านกวน หมู่ที่ 6 (2558)
  • ประสบการณ์ 25 ปี ที่ผ่านมา เคยปั้นรูปสัตว์ ปูนปั้น ให้ร้านดีสยาม โกดังร้านดีสยาม มีรูปสิงห์ รูปช้าง รูปม้า ลวดลายฐานเสา ผลงานปั้นรูปเหมือน ครูบาศรีวิชัย องค์ล่าสุด วัดบางร้องต้นธง จังหวัดลำปาง

บทบาท หน้าที่ และความสำคัญต่อชุมชน :

  • เป็นประธานผู้สูงอายุ หมู่ที่ 6 5 ปี
  • เป็นกรรมการหมู่บ้าน 10 ปี
  • เป็นกรรมการวัด 7 ปี
  • ครูภูมิปัญญาด้านการทำปูนปั้น

9.นางสาวอรอนงค์ ศรีวิชัย

ปีเกิด : 2517

ที่อยู่ปัจจุบัน : หมู่ที่ 9 ต.หารแก้ว อ.หางดง จ.เชียงใหม่

ปีที่จัดเก็บข้อมูล : 2568

ประวัติการศึกษา :

  • ปริญญาตรี บริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยพายัพ
  • ปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ผลงานหรือเหตุการณ์สำคัญ :

  • รับรางวัลบุคคลดีเด่น ด้านพัฒนาครอบครัว ระดับจังหวัด (2567)
  • รับรางวัลคนดีศรีเชียงใหม่ (2567)
  • รับตำแหน่งที่ปรึกษานายกกิ่งกาชาดอำเภอหางดง (2564)
  • รับตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาลตำบลหารแก้ว และรับเลือกเป็นมติแต่งตั้งเป็นประธานสภาเทศบาล (2564)
  • รับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรี ตำบลหารแก้ว (2568)

บทบาท หน้าที่ และความสำคัญต่อชุมชน :

  • เป็นผู้กำหนดทิศทางการพัฒนา กำหนดนโยบาย และแนวทางการพัฒนาท้องถิ่น
  • บริหารราชการส่วนท้องถิ่น
  • ส่งเสริมและดูแลสุขภาพชีวิตของประชาชน
  • ประสานงานกับภาคีเครือข่ายต่าง ๆ
  • รักษาความโปร่งใส และธรรมาภิบาล  

10.นายรังสรรค์ จันทร์ตา

ปีเกิด : 2520

ที่อยู่ปัจจุบัน : หมู่ที่ 5 ต.หารแก้ว อ.หางดง จ.เชียงใหม่

ปีที่จัดเก็บข้อมูล : 2568

ประวัติการศึกษา :

  • ปวช. วิทยาลัยเทคนิคลำพูน

ผลงานหรือเหตุการณ์สำคัญ :

  • อดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน บ้านไร่ เทศบาลตำบลหารแก้ว
  • ปัจจุบัน สมาชิกสภาเทศบาลตำบลหารแก้ว
  • เป็น อสม. หมู่ที่ 5 บ้านไร่ ทำงาน 10 ปีขึ้นไป
  • ร่วมทำงาน ประสานงาน อปพร. เทศบาลตำบลหารแก้ว

บทบาท หน้าที่ และความสำคัญต่อชุมชน :

  • สมาชิกสภาเทศบาลตำบลหารแก้ว
  • อสม. หมู่ที่ 5 รพ.สต.หารแก้ว
  • อปพร. เทศบาลตำบลหารแก้ว

11.พระครูประภาตกิจจาพุยุต (นคร คำฟู)

ปีเกิด : 2510

ที่อยู่ปัจจุบัน : หมู่ที่ 2 วัดขันแก้ว ต.หารแก้ว อ.หางดง จ.เชียงใหม่

ปีที่จัดเก็บข้อมูล : 2568

ประวัติการศึกษา :

  • ปริญญาตรี มหาวิทยาลัยนอร์ท-เชียงใหม่

ผลงานหรือเหตุการณ์สำคัญ :

  • ปี พ.ศ. 2566 ได้รับการคัดเลือกเป็นตัวแทน หมู่บ้านรักษาศีล 5 ระดับจังหวัด ของจังหวัดเชียงใหม่ รับโล่หมู่บ้านรักษาศีล 5 ต้นแบบ ประจำปี พ.ศ. 2566 ที่พุทธมณฑลนครปฐม

บทบาท หน้าที่ และความสำคัญต่อชุมชน :

  • ได้รับการแต่งตั้งเป็นรักษาการเจ้าอาวาส (พ.ศ. 2560)
  • ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส (พ.ศ. 2561)
  • ได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานหน่วย อปต. หน่วยอบรมประชาชนตำบลหารแก้ว เพื่อให้เกิดการพัฒนาวัดและคณะสงฆ์ในตำบลและชุมชน (พ.ศ. 2561)

12.พระครูโสภณบุญโญภาส (บุญต่อ ดวงตัน)

ปีเกิด : 2500

ที่อยู่ปัจจุบัน : หมู่ที่ 6 วัดศรีสว่าง ต.หารแก้ว อ.หางดง จ.เชียงใหม่

ปีที่จัดเก็บข้อมูล : 2568

ประวัติการศึกษา :

  • นักธรรมชั้นเอก
  • ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4

ผลงานหรือเหตุการณ์สำคัญ :

  • เป็นครูสอนพระปริยัติธรรม ประจำสำนักศาสนศึกษา วัดขันแก้ว (9 กันยายน 2525)
  • เป็นประธานหน่วยอบรมประธานตำบลหารแก้ว (29 สิงหาคม 2561)
  • เป็นเจ้าอาวาสวัดศรีสว่าง (1 กุมภาพันธ์ 2554)
  • เป็นเจ้าคณะตำบลหารแก้ว (1 ตุลาคม 2552)

บทบาท หน้าที่ และความสำคัญต่อชุมชน :

  • เป็นเจ้าอาวาสวัดศรีสว่าง ดูแลปกครอง บริหารกิจการภายในวัดศรีสว่าง
  • เป็นเจ้าคณะตำบลหารแก้ว ดูแลปกครอง บริหารจัดการดูแลคณะสงฆ์ในตำบล
  • เป็นที่ปรึกษาหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลหารแก้ว มีหน้าที่ให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษาในกิจการ อปต. 8 ด้าน ให้บรรลุวัตถุประสงค์

13.นายทรงวุฒิ พิมสาร

ปีเกิด : 2522

ที่อยู่ปัจจุบัน : หมู่ที่ 5 ต.หารแก้ว อ.หางดง จ.เชียงใหม่

ปีที่จัดเก็บข้อมูล : 2568

ประวัติการศึกษา : ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

ผลงานหรือเหตุการณ์สำคัญ :

  • ได้รับรางวัลหมู่บ้านแผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง (พ.ศ. 2565)
  • ได้รับรางวัลผู้ใหญ่บ้านดีเด่น (พ.ศ. 2567)
  • ได้รับรางวัลคนดีศรีเชียงใหม่ (พ.ศ. 2564)

บทบาท หน้าที่ และความสำคัญต่อชุมชน :

  • เป็นผู้ใหญ่บ้าน ปกครองพื้นที่ หมู่ที่ 5 ตำบลหารแก้ว อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ออกตรวจตราภายในพื้นที่

14.นางจิดาภา นามศรีแก้ว

ปีเกิด 2516

ที่อยู่ปัจจุบัน หมู่ที่ 5 ต.หารแก้ว อ.หางดง จ.เชียงใหม่

ปีที่จัดเก็บข้อมูล 2568

ประวัติการศึกษา

  • ชั้นมัธยมศึกษา

ผลงานหรือเหตุการณ์สำคัญ

  • ศูนย์การเรียนรู้ภูมิปัญญาฟ้อนเมืองบ้านครูเอจิดาภาได้รับรางวัลองค์กรต้นแบบคนดีศรีเชียงใหม่ประจำปี 2565, 2566, 2567, 2568
  • จัดขบวนการแสดงประกอบรถบุปผชาติของอำเภอหางดงในงานไม้ดอกไม้ประดับประจำปี 2568 ได้รางวัลการแสดงประกอบขบวนรถบุปผชาติดีเด่นประจำปี 2568
  • ได้รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่นประจำปี 2567 ของโรงเรียนวัดศรีสว่าง
  • ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ในการประกวดสื่อสร้างสรรค์ศิลปะวัฒนธรรมพื้นบ้านล้านนาประจำปี 2566 จัดโดยสำนักศิลปะและวัฒนธรรมมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง
  • ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมประกวดดนตรีและการแสดงพื้นบ้านถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พุทธศักราช 2566 รวมศิลป์พื้นบ้านภาคเหนือ 
  • ได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติต้นแบบคนดีศรีแผ่นดินประจำปี 2565
  • ศูนย์การเรียนรู้ภูมิปัญญาฟ้อนเมืองบ้านครูเอจิดาภาได้เข้ารอบ 10 ทีมของภาคเหนือในรายการรวมสินแผ่นดินสยามชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพฯ รัตนราชสุดาประจำปี 2565
  • ได้รับเกียรติบัตรเชิดชูเกียรติเป็นผู้ทำคุณประโยชน์ต่อกระทรวงวัฒนธรรมของจังหวัดเชียงใหม่ประจำปีงบประมาณ พ.ศ 2564 ประเภทบุคคล
  • ศูนย์การเรียนรู้ภูมิปัญญาฟ้อนเมืองบ้านครูเอจิดาภาได้รับรางวัลการแสดงพื้นบ้านล้านนาที่ดีที่สุดอันควรได้รับการชื่นชมตามโครงการงานไหว้สาปารมีพระราชชายาเจ้าดารารัศมีประจำปี 2564
  • ได้รับมอบหมายจากอำเภอหางดงให้เป็นครูผู้ฝึกสอนฟ้อนเทียนในงานสวรรคตพระเจ้าอยู่หัวราชการที่ 9 ที่มหาวิทยาลัยนอร์ทเชียงใหม่

บทบาท หน้าที่ และความสำคัญต่อชุมชน

  • หัวหน้าศูนย์การเรียนรู้ภูมิปัญญาฟ้อนเมืองบ้านครูเอ จิดาภา
  • ครูสอนฟ้อนเล็บฟ้อนเมือง ในเครือข่ายชุมชนเมืองรักษ์เชียงใหม่ (โครงการส่งต่อภูมิปัญญาสู่เยาวชน) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 ถึงปัจจุบัน

ชุมชนบ้านไร่ บ้านกวน และบ้านวัวลาย ตำบลหารแก้ว อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นชุมชนที่มีทุนชุมชนหลากหลายมิติ ทั้งด้านกายภาพ มนุษย์ วัฒนธรรม เศรษฐกิจ และสังคม/การเมือง ซึ่งเป็นฐานสำคัญในการดำรงชีวิต การพัฒนาคุณภาพชีวิต และการขับเคลื่อนกิจกรรมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

ทุนกายภาพ พื้นที่ชุมชนตั้งอยู่ในเขตที่ราบเชิงเขาของอำเภอหางดง มีสภาพภูมิประเทศเหมาะสมต่อการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ อาทิ

  • ทรัพยากรเกษตรกรรม การปลูกข้าว ลำไย และผักสวนครัวเป็นกิจกรรมหลักในปฏิทินเศรษฐกิจของชุมชน
  • ทรัพยากรป่าไม้และธรรมชาติ การเก็บหาของป่า เช่น หน่อไม้ ในฤดูฝน แสดงถึงการพึ่งพิงทรัพยากรธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง
  • ปศุสัตว์ การเลี้ยงวัว หมู ไก่ และปูนา เป็นแหล่งอาหารและรายได้เสริม ทำให้ครัวเรือนมีความมั่นคงด้านอาหาร

ทุนกายภาพเหล่านี้ถูกใช้ทั้งเพื่อการยังชีพและเพื่อสร้างรายได้ โดยสะท้อนวิถีเศรษฐกิจพอเพียงที่ผสมผสานระหว่างการผลิตเพื่อบริโภคและการผลิตเพื่อจำหน่าย

ทุนมนุษย์ ชุมชนมีบุคลากรที่มีความรู้และทักษะหลากหลาย ได้แก่

  • ปราชญ์ชาวบ้านและผู้นำชุมชน เช่น ครูเอ จิดาภา ผู้สืบทอดและถ่ายทอดภูมิปัญญาการฟ้อนเมือง, ครูบาโสภณบุญโญภาส เจ้าอาวาสวัดศรีสว่าง ผู้มีบทบาทในการพัฒนาวัดและการดูแลชุมชน
  • เยาวชนและสภาเด็กและเยาวชนตำบลหารแก้ว ทำหน้าที่สืบทอดและสร้างนวัตกรรมการนำเสนอวัฒนธรรมผ่านสื่อร่วมสมัย
  • บุคคลต้นแบบด้านอาชีพ เช่น วันดีหม้อฮ่อม และ กาแฟสล่าณาย์ ที่เป็นแรงบันดาลใจด้านอาชีพและการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์

ทุนมนุษย์จึงเป็นทรัพยากรสำคัญที่ทำให้ชุมชนมีศักยภาพในการถ่ายทอดองค์ความรู้ และปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลง

ทุนวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น ชุมชนมีมรดกภูมิปัญญาและวัฒนธรรมที่สืบทอดมา ได้แก่

  • พิธีกรรมและความเชื่อ การเลี้ยงผีตระกูล (ผีไต ผีมด และผีลัวะ) ในเดือน 9 และงานฟ้อนผีมดทุก 5 ปี แสดงถึงรากฐานความเชื่อที่เชื่อมโยงกับการคงอยู่ของชุมชน
  • ศิลปะการแสดง การฟ้อนเมือง ฟ้อนเล็บ ฟ้อนเทียน และดนตรีล้านนา ซึ่งสืบทอดโดยศูนย์การเรียนรู้ภูมิปัญญาฟ้อนเมืองบ้านครูเอ จิดาภา
  • หัตถกรรมท้องถิ่น การปั้นหม้อบ้านกวนและงานจักสาน รวมถึงการประดิษฐ์เครื่องสักการะล้านนา เช่น การทำตุง การทำบายศรี และดอกไม้ไหว้พระ
  • วัดและสถานที่สำคัญ วัดศรีสว่าง (วัวลาย) ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางศาสนา ประเพณี และการศึกษา

ทุนวัฒนธรรมเหล่านี้มีบทบาททั้งในเชิงสังคม (สร้างความผูกพันและอัตลักษณ์ชุมชน) และเชิงเศรษฐกิจ (พัฒนาเป็นกิจกรรมการท่องเที่ยววัฒนธรรมและผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์)

ทุนเศรษฐกิจ เศรษฐกิจของชุมชนมีทั้งรูปแบบดั้งเดิมและสมัยใหม่ ได้แก่

  • การเงินและกองทุน มีกลุ่มกองทุนวันละบาท และกลุ่มฌาปนกิจสงเคราะห์ เป็นระบบสวัสดิการและการจัดการเงินภายในชุมชน
  • อาชีพและการผลิต มีการทำเกษตร ปศุสัตว์ งานหัตถกรรม และการค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆ ในครัวเรือน
  • วิสาหกิจชุมชน เช่น วิสาหกิจชุมชนปั้นหม้อตำบลหารแก้ว ที่เป็นตัวอย่างของการรวมกลุ่มเพื่อเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจ

ทุนเศรษฐกิจเหล่านี้ช่วยสร้างความมั่นคงทางรายได้ให้ครัวเรือน และสามารถต่อยอดเป็นเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) ที่เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวได้

ทุนสังคมและการเมือง การรวมกลุ่มและการมีส่วนร่วมในชุมชนถือเป็นทุนสำคัญ ได้แก่

  • องค์กรชุมชนและเครือข่าย เช่น อสม., ชมรมผู้สูงอายุ, โรงเรียนพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ, สภาเด็กและเยาวชนตำบลหารแก้ว และกลุ่มประเพณีวัฒนธรรม
  • ความร่วมมือระหว่างรุ่น ผู้สูงอายุทำหน้าที่ถ่ายทอดภูมิปัญญา เยาวชนเข้ามามีบทบาทในฐานะผู้สืบทอดและพัฒนานวัตกรรม
  • ภาคีเครือข่ายภายนอก การสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และเทศบาลตำบลหารแก้ว ทำให้กิจกรรมชุมชนมีความต่อเนื่องและยั่งยืน

ทุนสังคมและการเมืองนี้เป็นฐานในการสร้างความเข้มแข็งของชุมชน และเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาในทุกมิติ

สำหรับการวิเคราะห์ทุนชุมชนของบ้านไร่ บ้านกวน และบ้านวัวลาย แสดงให้เห็นว่า ชุมชนมีทุนที่หลากหลายและเกื้อหนุนกัน ทั้งด้านกายภาพ มนุษย์ วัฒนธรรม เศรษฐกิจ และสังคม/การเมือง ทุนเหล่านี้ไม่เพียงเป็นปัจจัยแห่งการดำรงชีวิต แต่ยังเป็น ศักยภาพเชิงพัฒนา ที่สามารถต่อยอดไปสู่ เศรษฐกิจสร้างสรรค์ และ การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม อันจะนำไปสู่การพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืนในอนาคต

ชุมชนมีการใช้ภาษาถิ่นหรือภาษาคำเมืองเป็นภาษาพูดหลักในการติดต่อสื่อสารภายในชุมชนมาอย่างยาวนาน เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่เป็นคนท้องถิ่นดั้งเดิม และยังไม่มีการอพยพเข้ามาของกลุ่มคนต่างถิ่นหรือต่างภาษาในสัดส่วนที่มากนัก ส่งผลให้การใช้ภาษาคำเมืองยังคงเป็นภาษาหลักของการสื่อสารในชีวิตประจำวันและสืบทอดต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน


ชุมชนบ้านไร่มีระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานครบถ้วน ได้แก่

  • ไฟฟ้า : ทุกครัวเรือนมีไฟฟ้าใช้ โดยได้รับการบริการจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จังหวัดเชียงใหม่
  • น้ำประปา : มีทั้งระบบประปาหมู่บ้านและประปาส่วนภูมิภาค ครอบคลุมทุกครัวเรือน

ชุมชนได้รับบริการด้านสาธารณสุขจาก โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหารแก้ว ตั้งอยู่หมู่ที่ 5 จำนวน 1 แห่ง ซึ่งทำหน้าที่ดูแลและให้บริการด้านสุขภาพขั้นพื้นฐานแก่ประชาชนในพื้นที่ จากข้อมูลอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (ปี พ.ศ. 2565) พบว่า บ้านไร่ หมู่ที่ 5 มีอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน จำนวน 14 คน บ้านกวน หมู่ที่ 6 จำนวน 16 คน บ้านวัวลาย หมู่ที่ 7 จำนวน 17 คน


สถานศึกษา ภายในชุมชนมีสถานศึกษาสำคัญ ได้แก่

  1. โรงเรียนวัดศรีสว่าง เปิดทำการสอนตั้งแต่ระดับเตรียมอนุบาลถึงระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เขต 4 จังหวัดเชียงใหม่
  2. ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กตำบลหารแก้ว สังกัดเทศบาลตำบลหารแก้ว
  3. โรงเรียนอนุบาลเพลินพิศ
  4. ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (ศูนย์ กศน.ตำบลหารแก้ว)
  5. ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนตำบลหารแก้ว

การฟ้อนเล็บพื้นบ้านล้านนาเป็นศิลปะการแสดงที่สะท้อนถึงอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม ความงดงาม และวิถีชีวิตของชาวล้านนา ซึ่งสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ทั้งในฐานะพิธีกรรมทางศาสนา งานประเพณี และการแสดงเพื่อความบันเทิง การฟ้อนเล็บไม่เพียงเป็นการเคลื่อนไหวร่างกายที่มีลีลางดงาม แต่ยังแฝงไปด้วยความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่สะท้อนถึงความอ่อนช้อย อ่อนน้อม และการให้เกียรติผู้ชมและผู้ร่วมพิธี

ศูนย์การเรียนรู้ภูมิปัญญาฟ้อนเมืองบ้านครูเอ จิดาภา ได้ทำหน้าที่สำคัญในการรวบรวม อนุรักษ์ และถ่ายทอดศิลปะการฟ้อนเล็บ โดยเฉพาะรูปแบบการฟ้อนเล็บ 7 ก้าว ซึ่งเป็นแบบแผนที่มีความเป็นเอกลักษณ์ ทั้งด้านท่วงท่าการฟ้อน เครื่องแต่งกาย เครื่องประดับ ตลอดจนดนตรีและเพลงประกอบที่มีความสัมพันธ์อย่างแนบแน่นกับวิถีชีวิตและความเชื่อของชุมชนล้านนา

การบันทึกและนำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับการฟ้อนเล็บ เช่น รูปแบบการแต่งกาย องค์ประกอบทางศิลป์ และเครื่องดนตรีที่ใช้ในการบรรเลง จึงไม่เพียงแต่ช่วยรักษามรดกภูมิปัญญาให้คงอยู่ หากยังเป็นการเผยแพร่คุณค่าทางวัฒนธรรมให้กับคนรุ่นใหม่และผู้สนใจในวงกว้าง อีกทั้งยังเป็นฐานข้อมูลสำคัญในการต่อยอดไปสู่การศึกษาเชิงลึกด้านนาฏศิลป์และการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน โดยมีรายละเอียดดังนี้

การแต่งกาย

เครื่องแต่งกาย

  • เสื้อ เป็นเสื้อคอกลมกระดุมปั๊ม แขนกระบอก ความยาวเท่าข้อมือตัดแบบแยกชิ้น สีของชุดช่างฟ้อนขึ้นอยู่กับกลุ่มฟ้อนและวัดกำหนด เนื้อผ้าใช้ผ้าฝ้ายหรือผ้าท้องถิ่นที่ทอเอง
  • ซิ่น เป็นซิ่นลายขวาง ต่อตีนต่อเอว ใช้ผ้าฝ้ายหรือผ้าทอเองตามท้องถิ่น
  • สไบ ใช้ผ้าฝ้ายทอหรือผ้าทอตามท้องถิ่น ใช้ความยาวไม่เกินข้อพับเข่า พาดบ่าซ้าย

เครื่องประดับ

ดอกไม้ประดับผม ทัดดอกด้านซ้าย ดอกที่ใช้ คือ ดอกเอื้องผึ้ง อุบะ ใช้ดอกรัก ส้นดอกใช้ ดอกจำปีหรือดอกจำปา นิยมใช้ อุบะ 3 เส้น หรือ 5 เส้น ความยาวของอุบะ ยาวเลยติ่งหู ไม่ถึงไหล่ วิธีการใส่ดอกเอื้องผึ้ง  อุบะ ใช้ดอกเอื้องผึ้ง วางครอบครึ่งวงกลมที่มวยผม

  • ทรงผม มี 2 แบบ คือ ทรงเจ้าดารารัศมี และรวบตึงมวยผมกลาง
  • เครื่องประดับ เข็มกลัดหน้าอก
  • เล็บฟ้อน ใช้เล็บเมืองสีทอง

ดนตรีและเพลงประกอบการฟ้อน

  • เครื่องดนตรี เครื่องดนตรีที่ใช้บรรเลงประกอบจังหวะในการฟ้อน ใช้วงกลองตึ่งนง ทำนองเพลงแหย่ง เป็นการประสมวงกลองที่มีกลองแอวเป็นหลัก เรียกว่า "วงตึ่งนง" โดยปกติการตีกลองแอวจะบรรเลงร่วมกับเครื่องตี คือ กลองตะหลดปด สว่า และฆ้อง โดยตีเป็นเครื่องประกอบจังหวะซึ่งกันและกันไปตลอด ในบางโอกาสที่ต้องการความยิ่งใหญ่อลังการ มักนิยมใช้เครื่องเป่าที่มีเสียงดัง ประกอบด้วย แน ซึ่งมีสองเลา ได้แก่ แนหน้อย (เล็ก) และแนหลวง (ใหญ่) การประสมวง อาจมีการเพิ่มเครื่องประกอบจังหวะไปตามความนิยมของแต่ละท้องถิ่น

รชพรรณ ฆารพันธ์ และคณะ. (2568). รายงานโครงการพัฒนาและเสริมศักยภาพศูนย์การเรียนรู้ภูมิปัญญาฟ้อนเมืองบ้านครูเอ จิดาภา ตำบลหารแก้ว อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ (รายงานวิจัยที่ได้รับทุนสนับสนุนจากศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร). สถาบันวิจัยพหุศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

กองจดหมายเหตุ มหาวิทยาลัยแม่โจ้. (14 มิถุนายน 2564). ประเพณีเลี้ยงผีปู่ย่า. สืบค้นเมื่อ กรกฎาคม 2568, จาก https://archives.mju.ac.th/

สำนักงานจังหวัดพะเยา. (9 มิถุนายน 2568). ประเพณีเลี้ยงผีปู่ย่า. สืบค้นเมื่อ กรกฎาคม 2568, จาก http://www.phayao.go.th/allnew/2025/06/09/

เทศบาลตำบลหารแก้ว. (28 กุมภาพันธ์ 2566). แผนพัฒนาท้องถิ่น (พ.ศ. 2566-2570) ฉบับทบทวน พ.ศ. 2566. เชียงใหม่. สืบค้นเมื่อ กรกฎาคม 2568, จาก https://harnkaew.go.th/document/

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่. (ม.ป.ป.). ผีปู่ย่า. กรมศิลปากร. สืบค้นเมื่อ กันยายน 2568, จาก https://www.finearts.go.th/chiangmaimuseum/view/

รชพรรณ ฆารพันธ์, กรวรรณ สังขกร, เผชิญวาส ศรีชัย และ สามารถ สุวรรณรัตน์. (2565). นครเชียงใหม่เมืองแห่งการเรียนรู้เศรษฐกิจสร้างสรรค์. หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.)

ศิลปวัฒนธรรม. (22 ตุลาคม 2567). ฟ้อนผีมด: พิธีไหว้ผีบรรพบุรุษในภาคเหนือ. มติชนออนไลน์. สืบค้นเมื่อ กรกฎาคม 2568, จาก https://www.silpa-mag.com/culture/

ศูนย์การเรียนรู้วัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่. (ม.ป.ป.). กลุ่มชาติพันธุ์ลัวะ/เลอเวือะ/ละเวือะ. สืบค้นเมื่อ กรกฎาคม 2568, จาก https://www.culture.cmru.ac.th/

สำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมและล้านนาสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. (ม.ป.ป.-ก). ศาสนาและความเชื่อของชาวล้านนา. สืบค้นเมื่อ กรกฎาคม 2568, จาก https://accl.cmu.ac.th/Knowledge/

สำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมและล้านนาสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. (ม.ป.ป.-ข). ประเพณีเลี้ยงดง (บวงสรวงปู่แสะ–ย่าแสะ). สืบค้นเมื่อ กรกฎาคม 2568, จาก https://accl.cmu.ac.th/Knowledge/

สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. (2566). ฟ้อนล้านนา (บ่าเก่า). กรุงเทพฯ : อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง.

ณัฐภัทร์ สุรินทร์วงศ์. (2565). พิธีกรรมฟ้อนผีมด: การสื่อสารระหว่างมิติความเชื่อและสังคม. วารสารนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ, 8(2), 45-60.

นรีภรณ์ แก้วลาย. (2560). ผีมดและงานปีผีมด: บทบาทและหน้าที่ของพิธีกรรมในสังคมล้านนา. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยศิลปากร.

ศูนย์การเรียนรู้ภูมิปัญญาฟ้อนเมืองบ้านครูเอจิดาภา โทร. 08 3568 3454