
ชุมชนพหุวัฒนธรรม เศรษฐกิจเชิงวัฒนธรรมจากหลาดสร้างสุขท่าข้าม ภูมิปัญญาการปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลง และมีการจัดการทรัพยากรทางวัฒนธรรมโดยชุมชน
จากคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ถึงที่มาของคำว่า “ท่าข้าม” ซึ่งเป็นชื่อของตำบลก็ได้รับคำบอกเล่ามาว่า แต่ก่อนชื่อเดิม คือ “ท่านางข้าม” ซึ่งมีเรื่องเล่าถึงท่านางข้ามอยู่ว่า เมื่อก่อนที่ภูเขาหลง (ปัจจุบันตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของหมู่ 5 บ้านหนองบัว ซึ่งเป็นเขตพื้นที่ของตำบลทุ่งหวัง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา) และที่เขาหลงนั้นได้มีถ้ำอยู่ถ้ำหนึ่ง ในถ้ำแห่งนั้นได้มีนางผู้ศักดิ์สิทธิ์อาศัยอยู่ ภายในถ้ำมีข้าวของเครื่องใช้มากมาย โดยเฉพาะของใช้ที่ใช้สำหรับงานจัดเลี้ยงต่าง ๆ (ถ้วย ชาม ช้อน ฯลฯ) ชาวบ้านที่อยู่ในละแวกนั้น เมื่อมีการจัดเลี้ยงงานบุญขึ้นที่บ้าน ก็จะไปปากถ้ำ โดยนำดอกไม้ ธูป เทียนเพื่อบูชา นั่งลงพนมมือแล้วอธิษฐานขอยืมเครื่องใช้ต่าง ๆ จากนางผู้ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อพูดจบข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่ต้องการปรากฏอยู่ตรงหน้า เมื่อมีการจัดงานเสร็จสิ้น ชาวบ้านก็จะนำเครื่องใช้เหล่านั้นไปคืนที่ปากถ้ำ นานวันเข้าชาวบ้านที่ยืมของไปใช้แล้วไม่นำส่งคืน หลายครั้งเข้านางนั้นเกิดความเสียใจ โกรธเคืองเลยได้ปิดปากถ้ำและได้เหาะหนีไปอยู่ที่อื่นโดยได้เหาะผ่านไปทางท่าข้าม ชาวบ้านจึงเรียกว่า “ท่านางข้าม” ต่อมาได้ตัดคำว่านางออกไป เหลือแต่ ”ท่าข้าม” จนถึงปัจจุบัน เมื่อก่อนตั้งเป็นตำบลท่าข้าม มีแค่ 5 หมู่บ้านเท่านั้น คือบ้านแม่เตย บ้านท่าข้าม บ้านหินเกลี้ยง บ้านเขากลอยและบ้านหนองบัว ส่วนบ้านคลองจิกและบ้านปีก (เกาะปลัก) นั้น เพิ่งตั้งขึ้นใหม่ภายหลัง บ้านเขากลอยเพิ่งแยกออกเป็น 2 หมู่บ้าน คือ เขากลอยออก และเขากลอยตก
ชุมชนพหุวัฒนธรรม เศรษฐกิจเชิงวัฒนธรรมจากหลาดสร้างสุขท่าข้าม ภูมิปัญญาการปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลง และมีการจัดการทรัพยากรทางวัฒนธรรมโดยชุมชน
คำว่า “ท่าข้าม” มีที่มาจากตำนานพื้นบ้าน โดยเล่าสืบต่อกันมาว่า เดิมพื้นที่นี้มีชื่อว่า “ท่านางข้าม” ซึ่งเกี่ยวข้องกับตำนานนางผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่อาศัยอยู่ในถ้ำบริเวณเขาหลง (ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของบ้านหนองบัว ตำบลทุ่งหวัง อำเภอเมืองสงขลา) ภายในถ้ำมีเครื่องใช้ต่าง ๆ โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่ใช้ในงานบุญ เช่น ถ้วย ชาม และช้อน ชาวบ้านในอดีตเมื่อมีงานบุญที่บ้าน จะนำดอกไม้ ธูป เทียนไปบูชาและอธิษฐานเพื่อยืมสิ่งของจากนางผู้ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งก็จะปรากฏสิ่งของตามที่ขอ และเมื่อใช้งานเสร็จก็นำกลับไปคืนที่ปากถ้ำ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ชาวบ้านบางส่วนไม่นำของที่ยืมไปส่งคืน นางผู้ศักดิ์สิทธิ์จึงเกิดความโกรธและเสียใจ จึงปิดปากถ้ำและเหาะหนีไปอยู่ที่อื่น โดยเส้นทางที่นางเหาะผ่านนั้น คือพื้นที่ที่ชาวบ้านเรียกว่า “ท่านางข้าม” ต่อมาได้มีการตัดคำว่า “นาง” ออก เหลือเพียง “ท่าข้าม” จนถึงปัจจุบัน
ในช่วงเริ่มแรก ตำบลท่าข้ามมีหมู่บ้านเพียง 5 หมู่บ้าน ได้แก่ 1. บ้านแม่เตย 2. บ้านท่าข้าม 3. บ้านหินเกลี้ยง 4. บ้านเขากลอย 5. บ้านหนองบัว ต่อมามีการตั้งบ้านใหม่ ได้แก่ บ้านคลองจิก และบ้านปีก (หรือเกาะปลัก) ส่วนบ้านเขากลอยได้แยกออกเป็น 2 หมู่บ้าน คือ บ้านเขากลอยออก และ บ้านเขากลอยตก รวมเป็น 8 หมู่บ้านในปัจจุบัน ชุมชนดั้งเดิมของท่าข้ามเป็นกลุ่มบ้านเรือนขนาดเล็กที่พึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติ เช่น การทำนา การปลูกหมากพลู และการเก็บพืชผัก ต่อมาเมื่อมีการตัดถนนสายต่าง ๆ ผ่านพื้นที่ ทำให้เกิดการขยายตัวของบ้านเรือนและการประกอบอาชีพสวนยางพารา ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจหลักในปัจจุบัน
ตำบลท่าข้ามได้รับการยกระดับเป็นองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2538 และได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นชุมชนที่เข้มแข็งทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมในปัจจุบัน
ตำบลท่าข้าม อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของอำเภอหาดใหญ่ ห่างจากที่ว่าการอำเภอประมาณ 21 กม. มีพื้นที่ทั้งหมด 33.92 ตารางกิโลเมตร (ประมาณ 21,674 ไร่) โดนแบ่งออกเป็น 8 หมู่บ้าน คือ หมู่ที่ 1 บ้านแม่เตย หมู่ที่ 2 บ้านคลองจิก หมู่ที่ 3 บ้านท่าข้าม หมู่ที่ 4 บ้านปีก หมู่ที่ 5 บ้านหนองบัว หมู่ที่ 6 บ้านหินเกลี้ยง หมู่ที่ 7 บ้านเขากรอยออก และหมู่ที่ 8 บ้านเขากลอยตก
มีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้
- ทิศเหนือ ติดกับ ตำบลพะวง อำเภอเมืองสงขลา
- ทิศใต้ ติดกับ ตำบลเนินพิจิตร อำเภอนาหม่อม
- ทิศตะวันออก ติดกับ ตำบลทุ่งหวัง อำเภอเมืองสงขลา
- ทิศตะวันตก ติดกับ ตำบลทุ่งใหญ่ และตำบลน้ำน้อย อำเภอหาดใหญ่
ภูมิประเทศ
- ทิศตะวันออกและทิศใต้ เป็นพื้นที่ลาดเชิงเขา (ม.5–8)
- ทิศเหนือและตะวันตก เป็นพื้นที่ราบ (ม.1–4) ดินร่วนปนทราย เหมาะแก่การเกษตร
มีคลองสำคัญ เช่น คลองเขากลอย, คลองแม่เตย, คลองวังนายสาม
ลักษณะภูมิอากาศ : เป็นแบบร้อนชื้น ได้รับอิทธิพลมรสุม ทำให้ฝนตกชุก โดยเฉพาะเดือนตุลาคม–พฤศจิกายน
จำนวนประชากรทั้งหมดรวม 9,019 คน เป็นเพศชาย จำนวน 4,212 คน เพศหญิงจำนวน 4,807 คน มีจำนวนครัวเรือนทั้งหมด 3,601 ครัวเรือน
ศาสนา
- ร้อยละ 90 นับถือศาสนาพุทธ
- ร้อยละ 10 นับถือศาสนาอิสลาม
ชาติพันธุ์ : ส่วนใหญ่เป็นคนไทยเชื้อสายพุทธและมุสลิม
ระบบเครือญาติของชุมชนตำบลท่าข้าม
ตระกูลดั้งเดิมของตำบลท่าข้าม
ตระกูลดั้งเดิมที่เป็นรากฐานของชุมชน ประกอบด้วยตระกูลที่มีถิ่นฐานเดิมและสืบเชื้อสายกันมาเป็นรุ่นต่อรุ่น ตระกูลเหล่านี้มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด และมีการสืบทอดนามสกุลและบทบาทในชุมชนต่อเนื่องมาหลายชั่วอายุคนได้แก่
- ตระกูลไชยชนะ
- ตระกูลเจียรบุตร
- ตระกูลศรีขวัญ
- ตระกูลจันทชูโต (มีความเชื่อมโยงกับ ตระกูลผลชนะ)
- ตระกูลวงวอน
- ตระกูลแก้วสัตยา
- ตระกูลผดุงศักดิ์
- ตระกูลแก้วชนะ
- ตระกูลผ่องสะอาด
- ตระกูลถาวรวรรณ
- ตระกูลกาญจนรัตน์
- ตระกูลอินทรัตน์
- ตระกูลเฉลิมศรี
- ตระกูลพวงชาติ
- ตระกูลเพ็ชรขาว
- ตระกูลบุญศรีรัตน์
- ตระกูลเฉลิมวงศ์
ตระกูลที่เกี่ยวข้องกับศิลปะโนรา
ตำบลท่าข้ามมีชื่อเสียงด้านการสืบทอดวัฒนธรรมพื้นบ้าน โดยเฉพาะ ศิลปะการแสดงโนรา ซึ่งถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญของภาคใต้ มีตระกูลที่มีบทบาทในการเป็นครูโนรา ศิลปินพื้นบ้าน และผู้อนุรักษ์ศิลปะโนราสืบทอดมาหลายรุ่น ตระกูลเหล่านี้มีส่วนสำคัญในการถ่ายทอดทักษะและภูมิปัญญาด้านโนราให้แก่คนรุ่นหลัง และจัดแสดงศิลปะโนราในงานบุญประเพณีของชุมชนอย่างต่อเนื่องได้แก่
- ตระกูลแก้วสัตยา
- ตระกูลทองสมสี
- ตระกูลรัตนะนุพงศ์
- ตระกูลไชยภักดี
การแต่งงานระหว่างตระกูล
การแต่งงานในอดีตถือเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างตระกูล เป็นการสานสายใยเครือญาติและสร้างความกลมเกลียวในชุมชน ซึ่งในตำบลท่าข้ามมีตัวอย่างของตระกูลที่มีการแต่งงานข้ามสายกัน การแต่งงานเหล่านี้เป็นกลไกหนึ่งที่ช่วยหล่อหลอมให้ชุมชนมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และเสริมสร้างความเข้มแข็งทางสังคม ดังนี้:
- อุไรรัตน์ แต่งงานกับ ปาติปาเลต
- บุญสร้าง แต่งงานกับ กาญจนรัตน์
- บุญทอง แต่งงานกับ แก้วฉิมพลี
- บุญศรีรัตน์ แต่งงานกับ เจริญศรี
- สุขคะโต แต่งงานกับ ชุมศักดิ์
- สุริยงค์ประดิษฐ์ แต่งงานกับ มะลิวัลย์
- อินทวงศ์ แต่งงานกับ รัตนวรรณ
- อินทรัตน์ แต่งงานกับ ผ่องสะอาด
- พุทธวาศรี แต่งงานกับ น้อยผา / ผ่องผุด
- เทพกูล แต่งงานกับ เหล่าแก้ว
- วงศ์วอน แต่งงานกับ อิสะโร
- ขุททะกะพันธ์ แต่งงานกับ พวงชาติ
การเปลี่ยนแปลงนามสกุลในช่วงเวลาต่าง ๆ ได้มีการเปลี่ยนนามสกุลของตระกูลบางสาย เพื่อให้เหมาะสมกับบริบททางสังคมหรือการจดทะเบียนราชการ ตัวอย่างได้แก่:
- จินาวงศ์ เปลี่ยนเป็น จินดาวงศ์
- แช่ห่าน เปลี่ยนเป็น ศรีปุศยานนท์
- ศรีขวัญ เปลี่ยนเป็น สุริยงค์ประดิษฐ์
- แซ่ตัน เปลี่ยนเป็น ขุททะกะพันธ์
- เฉลืมศรี เปลี่ยนเป็น เจริญศรี
- สุวรรณชาตรี เปลี่ยนเป็น สุวรรณทอง
นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่นามสกุลเพี้ยนไปจากเดิม อันเนื่องมาจากการบันทึกในเอกสารราชการ เช่น พุทธาศรี เพี้ยนเป็น พุทธวาศรี
ภาพรวมของตระกูลในตำบลท่าข้ามสะท้อนให้เห็นถึงความเข้มแข็งของโครงสร้างครอบครัวและชุมชน วิถีชีวิตที่เชื่อมโยงกันผ่านเครือญาติและการแต่งงานข้ามตระกูล ส่งผลให้เกิดความสามัคคีและความต่อเนื่องทางวัฒนธรรมในพื้นที่ ตระกูลดั้งเดิมยังคงรักษาบทบาทสำคัญในสังคมท้องถิ่น ทั้งในด้านศิลปะ ขนบธรรมเนียม และการเป็นผู้นำชุมชน ซึ่งควรค่าแก่การศึกษาและอนุรักษ์ไว้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของท้องถิ่นต่อไป
องค์กรชุมชน / กลุ่มออมทรัพย์ – กองทุน
- กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านแม่เตย (ม.1)
- กลุ่มออมทรัพย์เคหะชุมชนท่าข้าม (ม.1)
- ธนาคารหมู่บ้าน บ้านคลองจิก (ม.2)
- สถาบันการเงินชุมชนตำบลท่าข้าม (ม.3)
- กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตเยาวชนบ้านท่าข้าม (ม.3)
- กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านท่าข้าม (ม.3)
- กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านปีก (ม.4)
- กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านหนองบัว (ม.5)
- กลุ่มออมทรัพย์มุสลิมบ้านหนองบัว (ม.5)
- กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านนาหลา (ม.5)
- กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านหินเกลี้ยง (ม.6)
- กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านเขากลอยออก (ม.7)
- กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านเขากลอยตก (ม.8)
- กองทุนสัจจะลดรายจ่ายวันละ 1 บาท ตำบลท่าข้าม
- กองทุนระบบหลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่น อบต.ท่าข้าม
- ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบต.ท่าข้าม
- ศูนย์สงเคราะห์ราษฎรประจำตำบลท่าข้าม
กลุ่มอาชีพ / วิสาหกิจชุมชน
- วิสาหกิจชุมชนกลุ่มสุรากลั่นชุมชนบ้านคลองจิก (ม.2)
- วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรคลองจิก (ม.2)
- วิสาหกิจชุมชนบ้านขนมท่าข้าม (ม.3)
- วิสาหกิจชุมชนแปรรูปน้ำยาง ยางแก้ว (ม.3)
- วิสาหกิจชุมชนกลุ่มปุ๋ยชีวภาพตำบลท่าข้าม (ม.4)
- วิสาหกิจชุมชนร้านธงฟ้ารักษ์สิ่งแวดล้อม (ม.4)
- วิสาหกิจชุมชนโรงสีข้าวตำบลท่าข้าม บ้านโคกพยอม (ม.4)
- วิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกสมุนไพรทางเลือกตำบลท่าข้าม (ม.5)
- วิสาหกิจชุมชนแม่บ้านเกษตรกรบ้านหนองบัว (ม.5)
- วิสาหกิจชุมชนบ้านขนมหินเกลี้ยง (ม.6)
- วิสาหกิจชุมชนเกษตรกรผู้เลี้ยงผึ้งโพรงไทยตำบลท่าข้าม (ม.6)
- วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้เพาะเลี้ยงเห็ดแครงตำบลท่าข้าม (ม.6)
- วิสาหกิจชุมชนไบโอธรรมเกษตรอินทรีย์เขากลอย (ม.7)
- วิสาหกิจชุมชนบ้านเขากลอย (ม.7)
องค์กรด้านวัฒนธรรมและสังคม
- สภาวัฒนธรรมตำบลท่าข้าม → อนุรักษ์และฟื้นฟูประเพณีวัฒนธรรมดั้งเดิม
- ศูนย์ฝึกอบรมศีลธรรมและวัฒนธรรมเยาวชนตำบลท่าข้าม
- ภูมิปัญญาท้องถิ่น เช่น นายอรุณ แก้วสัตยา (ศิลปินดีเด่น จ.สงขลา สาขาช่างฝีมือเครื่องโลหะ พ.ศ. 2544)
- ชมรมรักษ์โนราท่าข้าม
- ชมรมโนราบิก
ตำบลท่าข้าม อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทั้งด้านศาสนาและวัฒนธรรม โดยประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม และยังคงสืบสานขนบธรรมเนียมประเพณีที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ กิจกรรมต่าง ๆ ไม่เพียงแต่เป็นพิธีกรรมทางศาสนา หากยังเป็นเวทีที่เชื่อมความสัมพันธ์ของคนในชุมชนให้มีความสมัครสมาน สามัคคี และร่วมแรงร่วมใจกันพัฒนาท้องถิ่น เพื่อติดตามและอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณี ตำบลท่าข้ามได้จัดทำ ปฏิทินประเพณีและกิจกรรมประจำปี โดยแบ่งเป็น 4 ไตรมาส ตามลำดับเดือน พร้อมทั้งกิจกรรมที่จัดขึ้นตลอดทั้งปี
กิจกรรมและประเพณีตามไตรมาส
ไตรมาสที่ 1 (มกราคม – กุมภาพันธ์ – มีนาคม)
- กิจกรรมวันปีใหม่ (1 มกราคม) : จัดกิจกรรมพบปะสังสรรค์ การทำบุญตักบาตรเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ครัวเรือนและชุมชน
- กิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ (เสาร์ที่สอง มกราคม) : จัดกิจกรรมสำหรับเด็กและเยาวชน เช่น การแสดง การแข่งขันกีฬา และการมอบรางวัล
- วันมาฆบูชา (ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3) : ประชาชนร่วมทำบุญตักบาตร ฟังธรรม และเวียนเทียนเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญทางพระพุทธศาสนา
- เทศกาลตรุษจีน (ประมาณปลายมกราคม – กุมภาพันธ์) : ครอบครัวเชื้อสายจีนประกอบพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษ สะท้อนการผสมผสานทางวัฒนธรรมในพื้นที่
- วันวาเลนไทน์ และวันมาฆบูชา มีการรณรงค์สร้างค่านิยมการครองคู่ที่ถูกต้องในกลุ่มเยาวชน
ไตรมาสที่ 2 (เมษายน – พฤษภาคม – มิถุนายน)
- เทศกาลสงกรานต์ (13 – 15 เมษายน) : เป็นประเพณีสำคัญที่คนในชุมชนทำบุญตักบาตร รดน้ำดำหัวผู้สูงอายุ และจัดกิจกรรมสาดน้ำเพื่อความสนุกสนาน
- วันผู้สูงอายุและวันครอบครัว (เมษายน) : จัดเวทีเชิดชูบทบาทผู้สูงอายุ ส่งเสริมความกตัญญู และการอบรมการอยู่ร่วมกันในครอบครัว
- วันพืชมงคล และการบูชาแม่โพสพ (พฤษภาคม) : เกี่ยวข้องกับการประกอบอาชีพเกษตรกรรม เป็นการแสดงความกตัญญูต่อผืนดินและข้าว
- วันวิสาขบูชา (ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6) : ประชาชนเข้าวัดทำบุญ ฟังธรรม และเวียนเทียน ถือเป็นวันสำคัญยิ่งในพระพุทธศาสนา
- วันงดสูบบุหรี่โลก (31 พฤษภาคม) มีการรณรงค์ด้านสุขภาพในชุมชน
ไตรมาสที่ 3 (กรกฎาคม – สิงหาคม – กันยายน)
- วันอาสาฬหบูชา (ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8) : จัดกิจกรรมเวียนเทียน ฟังธรรม และบวชเนกขัมมะ เพื่อระลึกถึงการแสดงธรรมครั้งแรกของพระพุทธเจ้า
- วันเข้าพรรษา (แรม 1 ค่ำ เดือน 8) : ประชาชนถวายเทียนพรรษาและปัจจัยต่าง ๆ แก่วัดในพื้นที่ เพื่อใช้ตลอดพรรษา
- วันแม่แห่งชาติ (12 สิงหาคม) : มีกิจกรรมเชิดชูคุณแม่ และการแสดงออกถึงความรักความกตัญญูของบุตรต่อมารดา
- เทศกาลสารทเดือนสิบ (แรม 1 ค่ำ เดือน 10) : เป็นประเพณีสำคัญของภาคใต้ในการทำบุญอุทิศส่วนกุศลแก่บรรพบุรุษ ถือเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัวและชุมชน
ไตรมาสที่ 4 (ตุลาคม – พฤศจิกายน – ธันวาคม)
- วันออกพรรษา (ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11) : ประชาชนร่วมทำบุญตักบาตรเทโว และฟังธรรมเทศนาในวัด
- เทศกาลลอยกระทง (ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12) : จัดกิจกรรมลอยกระทงในแหล่งน้ำของชุมชน เพื่อบูชาพระแม่คงคาและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
- วันพ่อแห่งชาติ (5 ธันวาคม) : จัดกิจกรรมรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช และรณรงค์เรื่องความกตัญญู
- วันคริสต์มาส (25 ธันวาคม) : สะท้อนถึงการอยู่ร่วมกันของคนต่างศาสนาและวัฒนธรรมในพื้นที่
- วันปีใหม่ (31 ธันวาคม – 1 มกราคม) : จัดงานรื่นเริงและทำบุญตักบาตรเพื่อความเป็นสิริมงคล
กิจกรรมที่จัดตลอดทั้งปี
นอกจากประเพณีตามฤดูกาลแล้ว ยังมีกิจกรรมที่ดำเนินการต่อเนื่อง ได้แก่
- งานประเพณีการละเล่นต่าง ๆ เช่น หนังตะลุง มโนราห์
- การปลูกสุขภาพ เช่น กิจกรรมออกกำลังกาย และการรณรงค์สุขภาพในหมู่บ้าน
- การปลูกจิตสำนึกอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เช่น โครงการปลูกต้นไม้ ปลูกผักสวนครัว ลดการใช้ถุงพลาสติก
- การส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น เช่น การจักสาน การทำขนมพื้นบ้าน การจัดตลาดชุมชน
กิจกรรมและประเพณีของตำบลท่าข้ามเป็นรากฐานสำคัญของวิถีชีวิตชุมชน ซึ่งไม่เพียงแต่สะท้อนอัตลักษณ์ทางศาสนาและวัฒนธรรม แต่ยังมีบทบาทในการสร้างความสัมพันธ์ภายในครอบครัวและชุมชน การดำเนินงานอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ทำให้เกิดความเข้มแข็งและความภาคภูมิใจร่วมกัน ตลอดจนเป็นแนวทางในการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และการส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนอย่างยั่งยืน
บุคคลต้นแบบ : นายสินธพ อินทรัตน์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้าม
นายสินธพ อินทรัตน์ เกิดเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2503 ที่บ้านทุ่งในทรา เขากลอยออก หมู่ที่ 7 ตำบลท่าข้าม อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เป็นบุตรของนายสาย อินทรัตน์ และนางรุ่น อินทรัตน์ (สายสกุลเดียวกัน)
การศึกษา
- จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนวัดหินเกลี้ยง ตำบลท่าข้าม อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
- จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 7 จากโรงเรียนวัดเขาราม จังหวัดสงขลา
- จบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จากโรงเรียนมหาวชิราวุธ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา
- สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี นิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง
- จบหลักสูตรการบริหารการจัดการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รุ่นที่ 2 จากวิทยาลัยการปกครองส่วนท้องถิ่น สถาบันพระปกเกล้า
- สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการปกครองท้องถิ่น จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น
ประวัติการทำงานและประสบการณ์
หลังจากสำเร็จการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต ได้เริ่มทำงานด้านกฎหมายกับนายคำนึง อุไรรัตน์ (อดีตผู้พิพากษา) และต่อมาได้ร่วมงานกับ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ ซึ่งมีรากเหง้ามาจากชาวตำบลท่าข้ามและจังหวัดสงขลา ต่อมา นายสินธพสมรสกับนางสาวจุฑามาศ แก้วฉิมพลี บุตรสาวของนางสว่างจิตร แก้วฉิมพลี (ตระกูลเดิม อุไรรัตน์) และนายรักษ์ แก้วฉิมพลี อดีตครูใหญ่โรงเรียนวัดหินเกลี้ยง จากนั้นกลับมาปักหลักที่จังหวัดสงขลา และร่วมงานกับทนายความวิรัตน์ กัลยาศิริ นักกฎหมายและนักการเมือง ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในพรรคประชาธิปัตย์ นายสินธพเองก็เป็นยุวประชาธิปัตย์ตั้งแต่สมัยศึกษาอยู่มหาวิทยาลัยรามคำแหง
เส้นทางการเมือง
- ปี 2538 ลงสมัครเป็นสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้าม หมู่ที่ 7 และทำหน้าที่เลขานุการประธานคณะกรรมการบริหารองค์การบริหารส่วนตำบล
- ปี 2542 ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้าม
- ปี 2546 เสนอตัวเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้าม แข่งขันกับนายประยูร สุวลักษณ์ และได้รับการสนับสนุนจนได้ดำรงตำแหน่งนายก อบต. ท่าข้าม สมัยแรก
- ปี 2550 ได้รับการสนับสนุนจากที่ประชุมสมาชิก อบต. ท่าข้าม ให้ดำรงตำแหน่งนายกสมัยที่ 2
- ปี 2554 ลงสมัครเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้าม และได้รับความไว้วางใจจากประชาชนทั้งตำบลให้ดำรงตำแหน่งนายกสมัยที่ 3
- ต่อมาได้รับเลือกเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้ามอีกหลายสมัย และยังคงดำรงตำแหน่งจนถึงปัจจุบัน
บทบาทในองค์กรและเครือข่าย
- ประธานกลุ่มออมทรัพย์ หมู่ที่ 7 ตำบลท่าข้าม
- เลขาสมาพันธ์กลุ่มออมทรัพย์ตำบลท่าข้าม
- ประธานกองทุนสวัสดิการภาคประชาชนตำบลท่าข้าม (สัจจะลดรายจ่ายวันละ 1 บาท)
- ที่ปรึกษาสมาคมสวัสดิการภาคประชาชนจังหวัดสงขลา
- รองนายกสมาคมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดสงขลา
- ประธานคณะทำงานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สังคมจังหวัดสงขลา
- ประธานสภาวัฒนธรรมตำบลท่าข้าม
- ประธานกรรมการสุขภาพระดับพื้นที่ 3 ตำบล (ท่าข้าม – ทุ่งใหญ่ – น้ำน้อย)
- ประธานชมรมนายกองค์การบริหารส่วนตำบลจังหวัดสงขลา
ผลงานและรางวัล
- รางวัลชนะเลิศ “ตำบลดีเด่น” ประจำปี 2543 จากกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย
- รางวัลธรรมาภิบาล ปี 2547 และ 2548 จากกระทรวงมหาดไทย
- รางวัลตำบลพัฒนาดีเด่นด้านการศึกษา ประจำปี 2558 จากกระทรวงศึกษาธิการรางวัลการบริหารจัดการที่ดี (รางวัลธรรมาภิบาล) ประจำปี 2551 ด้วยผลงานนวัตกรรม ได้แก่ การจัดการความรู้ท้องถิ่น
- โครงการชีวิตพอเพียงด้วยพลังงานเพียงพอ
- กองทุนสุขภาพระดับท้องถิ่น
- ผู้จัดการโครงการพัฒนาศูนย์การเรียนรู้การจัดการสุขภาวะชุมชนตำบลท่าข้าม และขยายผลสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (โครงการ พศส. 23+47 เพื่อนเกลอ)
เกียรติคุณ
ได้รับปริญญาศิลปศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาการพัฒนาท้องถิ่นแบบบูรณาการ จากมหาวิทยาลัยชีวิต หรือสถาบันการเรียนรู้เพื่อปวงชน เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2562
ทุนทางธรรมชาติ : พื้นที่เกษตรกรรมกว่า 75% ของพื้นที่ทั้งหมด, แหล่งน้ำธรรมชาติ (คลองเขากลอย, คลองแม่เตย, คลองวังนายสาม)
ทุนทางสังคม
- สถาบันการศึกษา (โรงเรียนประถม 4 แห่ง, ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 4 แห่ง)
- ศาสนสถาน (วัด 6 แห่ง, สำนักสงฆ์ 1 แห่ง, มัสยิด 1 แห่ง)
ทุนทางเศรษฐกิจ
- กลุ่มอาชีพและวิสาหกิจชุมชน เช่น วิสาหกิจแปรรูปน้ำยาง, กลุ่มเพาะเห็ดแครง, วิสาหกิจขนมพื้นบ้าน
- แหล่งเงินทุน: กลุ่มออมทรัพย์, ธนาคารหมู่บ้าน, สถาบันการเงินชุมชน
- บริษัทเอกชน/โรงงานขนาดใหญ่หลายแห่ง เช่น บริษัทคราวน์ ฟู๊ด แพ็คเกจจิ้ง, ไทยเซ็นทรัลเคมี
ตำบลท่าข้าม อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา มีสถานะเป็น องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ซึ่งจัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2538 เพื่อรองรับการพัฒนาท้องถิ่นและการกระจายอำนาจการบริหารสู่ชุมชนท้องถิ่น โดยมีพื้นที่การปกครองทั้งหมด 8 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านแม่เตย บ้านคลองจิก บ้านท่าข้าม บ้านปีก บ้านหนองบัว บ้านหินเกลี้ยง บ้านเขากลอยออก และบ้านเขากลอยตก
การบริหารงานปกครอง แบ่งเป็น 2 ระดับ ได้แก่
- ระดับท้องถิ่น: องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) มีโครงสร้างผู้บริหารประกอบด้วย นายก อบต., รองนายก อบต., เลขานุการนายก และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ซึ่งมาจากการเลือกตั้งของประชาชนในแต่ละหมู่บ้าน
- ระดับชุมชน: กำนันและผู้ใหญ่บ้าน ทำหน้าที่ดูแลทุกหมู่บ้าน เชื่อมโยงนโยบาย อบต.กับประชาชน
อบต.ท่าข้ามยังได้บูรณาการทำงานร่วมกับ สภาองค์กรชุมชน กำนัน–ผู้ใหญ่บ้าน และหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาท้องถิ่นอย่างมีส่วนร่วม
การเปลี่ยนแปลงที่ผ่านมา
ก่อนการจัดตั้ง อบต.การปกครองท้องถิ่นดำเนินการโดยกำนันและผู้ใหญ่บ้านเป็นหลัก บ้านเรือนกระจายตัวเป็นกลุ่มเล็ก ๆ และยังไม่มีโครงสร้างพื้นฐานด้านถนน ไฟฟ้า และน้ำประปาเพียงพอ หลังการจัดตั้ง อบต. (พ.ศ. 2538 เป็นต้นมา) ตำบลท่าข้ามได้รับงบประมาณจากรัฐ ทำให้สามารถวาง แผนพัฒนาท้องถิ่น และบริหารงานด้านการศึกษา การเกษตร การคมนาคม และการสาธารณสุขได้เป็นระบบมากขึ้น มีการพัฒนาระบบ ผังเมืองและการจัดเก็บรายได้ท้องถิ่น เพื่อรองรับการขยายตัวของเมืองและโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ ภายหลังการมีส่วนร่วมของชุมชนเพิ่มมากขึ้น ผ่านกระบวนการประชาคมและเวทีประชุมในระดับตำบล
ความท้าทาย
การบริหารจัดการพื้นที่ : ตำบลท่าข้ามตั้งอยู่ระหว่างเมืองใหญ่คือ อำเภอหาดใหญ่และจังหวัดสงขลา ทำให้เกิดการขยายตัวของที่อยู่อาศัยและโรงงานอุตสาหกรรม จำเป็นต้องบริหารจัดการผังเมืองและพื้นที่เกษตรกรรมอย่างสมดุล
ความหลากหลายทางสังคมและวัฒนธรรม : ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ (ประมาณ 90%) และอิสลาม (ประมาณ 10%) การสร้างความสามัคคีและการอยู่ร่วมกันอย่างสันติระหว่างคนต่างศาสนาเป็นสิ่งสำคัญ
ข้อจำกัดด้านงบประมาณท้องถิ่น : การพัฒนาขึ้นอยู่กับรายได้จากภาษีท้องถิ่นและการสนับสนุนจากภาครัฐกลาง ทำให้บางโครงการไม่สามารถดำเนินการได้เต็มที่
การมีส่วนร่วมของประชาชน : แม้ว่าจะมีเวทีประชาคมและสภาองค์กรชุมชน แต่การมีส่วนร่วมของเยาวชนและผู้สูงอายุยังมีข้อจำกัด จำเป็นต้องสร้างกระบวนการที่หลากหลายเพื่อดึงทุกกลุ่มเข้ามามีบทบาท
การมีส่วนร่วม
- ประชาชน มีส่วนร่วมผ่านกระบวนการประชาคมตำบล การเลือกตั้งท้องถิ่น และการเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาชุมชน
- สภาองค์กรชุมชน เป็นกลไกสำคัญในการนำเสนอความต้องการและติดตามการทำงานของ อบต.
- กำนัน–ผู้ใหญ่บ้าน ทำหน้าที่ประสานระหว่างประชาชนกับหน่วยงานท้องถิ่น
- องค์กรในพื้นที่ เช่น กลุ่มออมทรัพย์ วิสาหกิจชุมชน และสภาวัฒนธรรมตำบล ช่วยเสริมสร้างการมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม
ด้านการเมืองการปกครองของตำบลท่าข้ามมีพัฒนาการจากการบริหารในรูปแบบกำนัน–ผู้ใหญ่บ้าน มาสู่การจัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลที่เน้นการกระจายอำนาจและการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยปัจจุบันชุมชนมีความเข้มแข็งมากขึ้น แต่ยังเผชิญความท้าทายด้านการบริหารจัดการพื้นที่ ความสมดุลของเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม รวมถึงข้อจำกัดด้านงบประมาณและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ดังนั้นการสร้างความร่วมมือจากทุกฝ่ายจึงเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาตำบลท่าข้ามอย่างยั่งยืน
เศรษฐกิจของตำบลท่าข้ามมีพื้นฐานจากภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม โดยมีลักษณะสำคัญดังนี้
อาชีพหลักของประชากร
- การทำสวนยางพารา
- การทำนา
- การปลูกพืชตามฤดูกาล เช่น พริก ข้าวโพด ถั่วลิสง
- การทำสวนสมรม (ปลูกพืชหลายชนิดผสมในพื้นที่เดียว)
รายได้ครัวเรือน
- รายได้จากการเกษตร: ร้อยละ 48.94
- รายได้จากงานประจำ: ร้อยละ 27.68
- รายได้จากการรับจ้างทั่วไป: ร้อยละ 13.51
- รายได้จากบุตรหลานที่ส่งกลับมา: ร้อยละ 21
กลุ่มอาชีพและผลิตภัณฑ์ชุมชน
- ผลิตภัณฑ์อาหาร เช่น ขนมเปี๊ยะ เค้กกล้วยหอม ข้าวหมาก ถั่วคั่วทราย
- ผลิตภัณฑ์การเกษตร เช่น เห็ดแครงสด ยางพารา
- หัตถกรรม เช่น ลูกปัดมโนราห์
วิสาหกิจชุมชนและกลุ่มอาชีพ มีมากกว่า 10 กลุ่ม ครอบคลุมการแปรรูปอาหาร การเกษตรอินทรีย์ การเพาะเห็ด และการผลิตสมุนไพร
ภาคธุรกิจเอกชน/โรงงานมีบริษัทและโรงงานขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในพื้นที่ เช่น
- บริษัทคราวน์ ฟู้ด แพ็คเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน)
- บริษัทไทยเซ็นทรัลเคมี จำกัด (มหาชน)
- บริษัทเอส แพ็ค แอนด์ พริ้นท์ จำกัด (มหาชน)
- บริษัทนิสซุย (ประเทศไทย) จำกัด
- โรงงานผลิตปูนซีแพค
การเปลี่ยนแปลงที่ผ่านมา
- อดีต (ก่อน พ.ศ. 2500)ประชาชนทำเกษตรแบบดั้งเดิม เช่น ทำนาข้าว ปลูกหมากพลู พืชผัก และการถากถางป่าเพื่อทำกิน
- หลัง พ.ศ. 2500 มีการนำปุ๋ยมูลค้างคาว รถไถ และพันธุ์ข้าวส่งเสริมเข้ามา ทำให้การผลิตเพิ่มขึ้น แต่เกิดปัญหาดินเสื่อมโทรมและหนี้สินจากการพึ่งพาสารเคมี
- หลัง พ.ศ. 2540 การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและถนนสายใหม่ ทำให้เกิดการลงทุนด้านโรงงานอุตสาหกรรม และมีการขยายตัวของชุมชนเมือง ทำให้ประชาชนบางส่วนหันไปทำงานรับจ้างและงานในภาคบริการมากขึ้น
ความท้าทาย
- ราคาพืชผลเกษตรไม่แน่นอนโดยเฉพาะราคายางพาราและข้าว ซึ่งขึ้นอยู่กับตลาดโลก ส่งผลต่อรายได้เกษตรกร
- ผลกระทบจากอุตสาหกรรมการขยายตัวของโรงงานสร้างรายได้และการจ้างงาน แต่ก็เสี่ยงต่อปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น มลพิษทางอากาศและน้ำ
- โครงสร้างรายได้ไม่สมดุลครัวเรือนจำนวนมากยังพึ่งพาการเกษตรเป็นหลัก ทำให้เสี่ยงต่อความผันผวนด้านเศรษฐกิจ
- หนี้ครัวเรือนและความมั่นคงทางการเงินเกษตรกรบางส่วนต้องกู้ยืมเงินเพื่อซื้อปุ๋ย สารเคมี และเครื่องมือการเกษตร
การมีส่วนร่วม
- กลุ่มออมทรัพย์และสถาบันการเงินชุมชน เป็นกลไกสำคัญในการสร้างทุนหมุนเวียน ลดการพึ่งพาหนี้นอกระบบ
- วิสาหกิจชุมชน ทำหน้าที่รวมกลุ่มเกษตรกรและแม่บ้านเพื่อผลิตสินค้าและสร้างรายได้เสริม
- การสนับสนุนของ อบต. และหน่วยงานรัฐ เช่น การจัดตั้งกองทุนสุขภาพ กองทุนสัจจะวันละ 1 บาท และการอบรมอาชีพ
- การตลาดชุมชนและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เช่น เส้นทางท่องเที่ยวบ้านสวนบัว, หลาต้นโด, โพธิ์หินงาม ช่วยเพิ่มรายได้จากภาคบริการ
เศรษฐกิจของตำบลท่าข้ามมีรากฐานจากภาคเกษตรกรรม และค่อย ๆ พัฒนาสู่ความหลากหลายมากขึ้น ทั้งภาคอุตสาหกรรม การค้าขาย และการท่องเที่ยว โดยมีองค์กรชุมชนและวิสาหกิจชุมชนเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อน อย่างไรก็ตาม ยังเผชิญปัญหาความไม่แน่นอนของราคาพืชผล หนี้สินครัวเรือน และผลกระทบจากการขยายตัวของอุตสาหกรรม ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่ายในการพัฒนาอย่างสมดุลและยั่งยืน
จำนวนประชากร รวม 9,019 คน เป็นเพศชาย 4,212 คน เพศหญิง 4,807 คน มีจำนวนครัวเรือน 3,601 ครัวเรือน
ศาสนา
- ร้อยละ 90 นับถือศาสนาพุทธ
- ร้อยละ 10 นับถือศาสนาอิสลาม
การศึกษา
- โรงเรียนประถมศึกษา 4 แห่ง (วัดแม่เตย, วัดท่าข้าม, วัดหินเกลี้ยง, วัดเขากลอย)
- ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 4 แห่ง
สถาบันศาสนา
- วัดและสำนักสงฆ์ 6 แห่ง
- มัสยิด 1 แห่ง
บริการสาธารณสุข
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 1 แห่ง
- ศูนย์แพทย์ชุมชน 3 ตำบล (ท่าข้าม – ทุ่งใหญ่ – น้ำน้อย)
สวัสดิการสังคม
- ผู้สูงอายุที่ได้รับเบี้ยยังชีพ: 1,705 คน
- ผู้พิการที่ได้รับเบี้ยความพิการ: 243 คน
การเปลี่ยนแปลงที่ผ่านมา
- การขยายตัวของประชากรเดิมชุมชนเล็ก ๆ อาศัยแบบเกษตรกรรมเป็นหลัก แต่หลังปี 2540 เป็นต้นมา การขยายตัวของถนนและโรงงานอุตสาหกรรมทำให้มีผู้ย้ายเข้ามาอาศัยเพิ่มขึ้น
- การศึกษาจากอดีตที่มีโรงเรียนวัดเพียงไม่กี่แห่ง ปัจจุบันขยายเป็นโรงเรียนและศูนย์พัฒนาเด็กเล็กหลายแห่ง ทำให้การเข้าถึงการศึกษาเพิ่มขึ้น
- โครงสร้างประชากรมีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่สังคมสูงวัยของตำบล
- วิถีชีวิตชุมชนจากเดิมที่พึ่งพาธรรมชาติและทำเกษตรแบบดั้งเดิม → สู่สังคมกึ่งเมืองกึ่งชนบท มีอาชีพหลากหลายและการปฏิสัมพันธ์กับภาคอุตสาหกรรม
ความท้าทาย
- โครงสร้างประชากรสูงวัยผู้สูงอายุจำนวนมาก (เกิน 1,700 คน) ต้องการระบบดูแลระยะยาวและสวัสดิการที่เพียงพอ
- การอยู่ร่วมกันของคนต่างศาสนาต้องสร้างความสมานฉันท์ระหว่างพุทธและมุสลิมเพื่อความสงบสุขของชุมชน
- การเข้าถึงการศึกษาและโอกาสของเยาวชนแม้จะมีโรงเรียนและศูนย์เด็กเล็ก แต่เยาวชนบางส่วนยังขาดโอกาสทางการศึกษาและการพัฒนาทักษะอาชีพ
- ปัญหาสังคมสมัยใหม่เช่น การย้ายถิ่นของแรงงาน การทำงานนอกพื้นที่ และความสัมพันธ์ในครอบครัวที่เปลี่ยนไป
การมีส่วนร่วม
- ประชาคมชุมชน ทำหน้าที่เป็นเวทีรับฟังและสะท้อนปัญหาของประชาชน
- สภาองค์กรชุมชน สนับสนุนให้ประชาชนเข้ามามีบทบาทในการกำหนดแผนพัฒนาสังคมและการแก้ปัญหา
- กลุ่มออมทรัพย์และวิสาหกิจชุมชน สร้างเครือข่ายช่วยเหลือกันด้านเศรษฐกิจและสังคม
- องค์กรทางศาสนาและวัฒนธรรม เช่น วัด มัสยิด สภาวัฒนธรรมตำบล ทำหน้าที่เชื่อมความสัมพันธ์และสร้างความสามัคคี
- การสนับสนุนจาก อบต. เช่น กองทุนสุขภาพ กองทุนสวัสดิการชุมชน และการช่วยเหลือผู้สูงอายุ ผู้พิการ
ด้านสังคมและประชากรของตำบลท่าข้ามมีความเข้มแข็งจากเครือข่ายชุมชน ศาสนา และครอบครัวที่เชื่อมโยงกัน แต่ยังต้องเผชิญกับความท้าทายเรื่องการเข้าสู่สังคมสูงวัย
สิทธิพลเมืองพื้นฐาน
- ประชาชนตำบลท่าข้ามส่วนใหญ่มีสถานะเป็น พลเมืองไทยโดยสมบูรณ์ ได้รับสิทธิในการเลือกตั้งท้องถิ่นและระดับประเทศ รวมถึงสิทธิในการเข้าถึงการศึกษา การสาธารณสุข และสวัสดิการสังคมต่าง ๆ
- ประชาชนในพื้นที่มีการใช้สิทธิเลือกตั้งท้องถิ่น (นายก อบต. และสมาชิกสภา อบต.) อย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการแสดงออกถึงการมีส่วนร่วมทางการเมืองของคนในชุมชน
สถานะบุคคล
- ประชากรส่วนใหญ่มีเลขประจำตัวประชาชนและทะเบียนบ้านครบถ้วน
- มีประชากรบางส่วนที่ย้ายถิ่นเข้ามาทำงานในโรงงานและภาคบริการ ซึ่งอาจยังไม่ได้ย้ายทะเบียนบ้านเข้ามาในพื้นที่ แต่สามารถใช้สิทธิสาธารณูปโภคและบริการท้องถิ่นได้
สิทธิด้านสวัสดิการสังคม
- ผู้สูงอายุได้รับเบี้ยยังชีพตามสิทธิของรัฐ
- ผู้พิการและผู้ด้อยโอกาสได้รับการดูแลผ่านเบี้ยความพิการและโครงการสนับสนุนจากภาครัฐและอบต.
- มีกองทุนสวัสดิการชุมชนและกองทุนสัจจะวันละ 1 บาท ช่วยเสริมสิทธิด้านความมั่นคงในชีวิต
การเปลี่ยนแปลงที่ผ่านมา
- ด้านการเมืองท้องถิ่นเดิมทีประชาชนมีส่วนร่วมผ่านกำนัน–ผู้ใหญ่บ้านเท่านั้น แต่หลังการจัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบล (พ.ศ. 2538) ประชาชนสามารถใช้สิทธิเลือกตั้งท้องถิ่นและมีส่วนร่วมโดยตรงมากขึ้น
- ด้านการเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานการพัฒนาสาธารณูปโภค เช่น ไฟฟ้า น้ำประปา โรงเรียน และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ทำให้สิทธิด้านการศึกษาและสุขภาพของประชาชนได้รับการคุ้มครองมากขึ้น
- ด้านเอกสารสิทธิและทะเบียนราษฎรในอดีตมีปัญหาบางครอบครัวที่ขาดเอกสารสิทธิในที่ดินและทะเบียนราษฎร ปัจจุบันได้รับการแก้ไขโดยหน่วยงานปกครองและอบต. ทำให้ประชาชนเข้าถึงสิทธิได้สะดวกขึ้น
ความท้าทาย
- ประชากรย้ายถิ่นและแรงงานนอกพื้นที่ : มีแรงงานจากพื้นที่ใกล้เคียงเข้ามาทำงานในโรงงานและอุตสาหกรรม หากไม่มีทะเบียนบ้านในพื้นที่อาจทำให้เข้าถึงสิทธิบางประการได้ไม่เต็มที่
- การเข้าถึงสิทธิของกลุ่มเปราะบาง
- ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และครอบครัวยากจนบางส่วนยังไม่สามารถเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานได้อย่างทั่วถึง
- การรู้เท่าทันสิทธิและกระบวนการยื่นขอสิทธิยังเป็นข้อจำกัด
- การมีส่วนร่วมทางการเมืองของเยาวชน : เยาวชนรุ่นใหม่บางส่วนขาดความสนใจในการใช้สิทธิเลือกตั้งหรือเข้าร่วมเวทีประชาคม ซึ่งอาจส่งผลต่อการพัฒนาท้องถิ่นในอนาคต
- ปัญหาความเข้าใจเรื่องสิทธิพลเมือง : ประชาชนบางกลุ่มยังไม่เข้าใจสิทธิของตนเองอย่างชัดเจน เช่น สิทธิด้านสวัสดิการ สิทธิด้านการคุ้มครองแรงงาน และสิทธิในการมีส่วนร่วมทางสังคม
การมีส่วนร่วม
- การเลือกตั้งท้องถิ่น: ประชาชนใช้สิทธิเลือกตั้งนายกและสมาชิกสภา อบต. อย่างต่อเนื่อง
- เวทีประชาคมและสภาองค์กรชุมชน: เปิดโอกาสให้ประชาชนสะท้อนความคิดเห็นและเสนอปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสิทธิขั้นพื้นฐาน
- โครงการของรัฐและอบต.: เช่น กองทุนสวัสดิการชุมชน กองทุนสุขภาพตำบล และการช่วยเหลือผู้สูงอายุและผู้พิการ
- องค์กรเครือข่ายชุมชน: เช่น กลุ่มออมทรัพย์ วิสาหกิจชุมชน และสภาวัฒนธรรมตำบล สนับสนุนการคุ้มครองสิทธิด้านเศรษฐกิจและสังคม
ด้านสิทธิพลเมืองและสถานะบุคคลของตำบลท่าข้ามมีพัฒนาการที่ชัดเจนจากการปกครองท้องถิ่นแบบเดิม สู่การกระจายอำนาจผ่านองค์การบริหารส่วนตำบลที่เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากขึ้น ประชาชนส่วนใหญ่มีสถานะบุคคลที่ชัดเจน สามารถเข้าถึงสิทธิด้านการศึกษา สุขภาพ และสวัสดิการสังคมได้ แต่ยังมีความท้าทายในกลุ่มแรงงานย้ายถิ่น กลุ่มเปราะบาง และเยาวชนที่ยังขาดความเข้าใจในสิทธิของตนเอง ดังนั้นการสร้างความรู้ความเข้าใจและการมีส่วนร่วมอย่างทั่วถึงจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อการคุ้มครองสิทธิพลเมืองและสถานะบุคคลของประชาชนในตำบลท่าข้ามอย่างยั่งยืน
ในปัจจุบันตำบลท่าข้ามมีระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ค่อนข้างพร้อม โดยเฉพาะด้านการคมนาคม มีถนนสายหลักและถนนภายในหมู่บ้านที่เชื่อมโยงกันอย่างทั่วถึง ถนนสายสำคัญเป็นถนนลาดยางทั้งหมด ส่งผลให้ประชาชนสามารถเดินทางติดต่อกับพื้นที่อำเภอหาดใหญ่และจังหวัดสงขลาได้สะดวก นอกจากนี้ยังมีระบบไฟฟ้าที่ครอบคลุมครบทุกหมู่บ้าน อย่างไรก็ตาม ระบบประปายังไม่ครอบคลุมทุกครัวเรือน ทำให้บางพื้นที่ยังคงต้องพึ่งพาแหล่งน้ำธรรมชาติและบ่อน้ำตื้น
การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดคือ จากเดิมที่ประชาชนอาศัยน้ำจากคลองและบ่อน้ำเป็นหลัก ปัจจุบันมีการก่อสร้างฝายและระบบประปาเพิ่มเติม รวมถึงการขยายตัวของถนนและชุมชนใหม่ตามแนวถนนสายต่าง ๆ
ความท้าทายที่ตำบลต้องเผชิญ ได้แก่ การจัดการน้ำประปาให้เพียงพอกับจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น การจัดการขยะมูลฝอย และการบำรุงรักษาถนนที่มีการใช้งานหนาแน่นขึ้น
การมีส่วนร่วมของประชาชนและท้องถิ่นจึงเป็นปัจจัยสำคัญ โดยองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ได้ร่วมมือกับชุมชนผลักดันโครงการน้ำประปาและการจัดการทรัพยากรน้ำ รวมถึงการมีส่วนร่วมของกลุ่มชุมชนในการดูแลแหล่งน้ำธรรมชาติ
ตำบลท่าข้ามมีสถานบริการด้านสุขภาพที่สำคัญ ได้แก่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพชุมชน และศูนย์แพทย์ชุมชนที่ดูแลร่วมกัน 3 ตำบล นอกจากนี้ยังมีระบบสวัสดิการสำหรับผู้สูงอายุและผู้พิการ โดยในปีงบประมาณ 2565 มีผู้สูงอายุได้รับเบี้ยยังชีพกว่า 1,700 คน และผู้พิการกว่า 200 คน แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจด้านการดูแลสังคม
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นคือ จากเดิมที่ชุมชนพึ่งพาหมอพื้นบ้านและสมุนไพร ปัจจุบันได้มีการผสมผสานระหว่างการแพทย์แผนใหม่กับภูมิปัญญาการแพทย์พื้นบ้าน ซึ่งช่วยให้ประชาชนมีทางเลือกในการดูแลสุขภาพมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่สำคัญคือ การดูแลสุขภาพผู้สูงอายุและผู้พิการที่เพิ่มจำนวนขึ้น ปัญหาโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวานและความดัน รวมถึงข้อจำกัดด้านบุคลากรทางการแพทย์ที่ยังไม่เพียงพอ
ชุมชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา โดยการจัดตั้งกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่น ตลอดจนการใช้ภูมิปัญญาเรื่องสมุนไพรและการแพทย์พื้นบ้าน เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบสุขภาพชุมชน
ด้านการศึกษาของตำบลท่าข้าม มีโรงเรียนระดับประถมศึกษา 4 แห่งกระจายอยู่ในหลายหมู่บ้าน รวมถึงศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่รองรับการศึกษาปฐมวัยและโรงเรียนตาดีกาที่สอนด้านศาสนา
การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือ จากเดิมที่การศึกษาในชุมชนมุ่งเน้นเพียงโรงเรียนวัด ปัจจุบันมีการขยายศูนย์พัฒนาเด็กเล็กมากขึ้น ทำให้เด็กได้รับการศึกษาตั้งแต่วัยอนุบาล
ความท้าทายของชุมชนคือ คุณภาพการศึกษาที่ต้องพัฒนาให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ รวมถึงการเสริมทักษะด้านอาชีพให้แก่เด็กและเยาวชน อีกทั้งยังพบปัญหานักเรียนบางส่วนย้ายไปเรียนในเมืองใหญ่ ทำให้โรงเรียนในพื้นที่มีจำนวนนักเรียนลดลง
ชุมชนและผู้ปกครองมีส่วนร่วมสนับสนุนกิจกรรมทางการศึกษาอย่างต่อเนื่อง อบต. และองค์กรวัฒนธรรมยังได้เข้ามามีบทบาทในการปลูกฝังคุณธรรมและค่านิยมที่ดีให้กับเยาวชน
ประชาชนส่วนใหญ่ของตำบลท่าข้ามนับถือศาสนาพุทธ รองลงมาคือศาสนาอิสลาม ส่งผลให้เกิดความหลากหลายทางวัฒนธรรมและประเพณี เช่น ประเพณีลากพระ สารทเดือนสิบ ลอยกระทง รดน้ำดำหัวผู้สูงอายุ และการถือศีลอดของชาวมุสลิม เมื่อเวลาผ่านไป วัฒนธรรมดั้งเดิมยังคงถูกสืบสานอย่างต่อเนื่อง แต่ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดงานให้เหมาะสมกับสภาพสังคมปัจจุบัน ขณะเดียวกันยังมีการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น เช่น งานช่างฝีมือโลหะที่เป็นเอกลักษณ์ของชุมชน
ความท้าทาย คือ เยาวชนรุ่นใหม่บางส่วนอาจให้ความสำคัญต่อวัฒนธรรมลดลง อันเนื่องมาจากอิทธิพลของสังคมสมัยใหม่และการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต
การมีส่วนร่วมของชุมชนเห็นได้จากการจัดตั้งสภาวัฒนธรรมตำบล ศูนย์วัฒนธรรมเยาวชน และการจัดงานประเพณีทุกปี โดยมีประชาชนเข้าร่วมอย่างกว้างขวาง ทำให้วัฒนธรรมยังคงมีชีวิตชีวาในชุมชน
พื้นที่ตำบลท่าข้ามส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เกษตรกรรม โดยมีสวนยางพารา นาข้าว และสวนผลไม้เป็นหลัก อีกทั้งยังมีลำคลองสำคัญหลายสายที่เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติของชุมชน
การเปลี่ยนแปลงที่ผ่านมา จากเดิมที่ทรัพยากรธรรมชาติมีความอุดมสมบูรณ์ การใช้สารเคมีทางการเกษตรและการขยายพื้นที่เพาะปลูกทำให้ดินเสื่อมคุณภาพ ส่งผลให้ชุมชนหันมาให้ความสำคัญกับการทำเกษตรอินทรีย์และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ความท้าทายที่ต้องรับมือคือปัญหามลพิษทางน้ำจากโรงงานในพื้นที่ การใช้สารเคมีที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทำให้เกิดฝนตกชุกหรือน้ำท่วมบางช่วง
ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมอย่างจริงจัง โดยการรวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชน เช่น กลุ่มเกษตรอินทรีย์ กลุ่มเพาะเลี้ยงเห็ด และกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังมีการร่วมมือดูแลป่าท้องถิ่นและแหล่งน้ำ เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน
ความโดดเด่นของชุมชนท่าข้าม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
- ชุมชนพหุวัฒนธรรม เป็นการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมไทยพุทธ และมุสลิม ที่อยู่ร่วมกันมาหลายชั่วอายุคน ดังนั้น จะมีวัดวาอาราม (วัดท่าข้าม วัดแม่เตย วัดโคกสูง วัดหินเกลี้ยง วัดเขากลอย), มัสยิด (มัสยิดบ้านหนองบัว) ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมในช่วงงานประเพณีสำคัญ ๆ เช่น งานวัฒนธรรมเดือน 5 เป็นต้น
- เศรษฐกิจเชิงวัฒนธรรมจากหลาดสร้างสุขท่าข้าม เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจชุมชนที่สะท้อนอัตลักษณ์ท้องถิ่น มีอาหารพื้นถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น ทองม้วนเห็ดแครง, แกงสมรมเห็ดแครง, ขนมจีนน้ำยาหม้อดิน, ข้าวหลามชักพรุด เป็นต้น
- ภูมิปัญญาการปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลง ชุมชนพัฒนาจากจุดพักรถสู่ชุมชนเศรษฐกิจที่รักษาความเป็นอัตลักษณ์ ด้วยการสร้าง "จุดขาย" ทางวัฒนธรรมจากการเป็นชุมชนผ่านทาง (transit community) สู่ชุมชนจุดหมายปลายทาง (destination) ด้วยกลยุทธ์การสร้างอาชีพมันฉาบข้างทางท่าข้าม รวมถึงการใช้ประโยชน์จากที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ซึ่งอยู่กึ่งกลางระหว่างเมือง (อำเภอหาดใหญ่ อำเภอเมืองสงขลา และอำเภอนาหม่อม) แต่ยังรักษารากเหง้าของวิถีชุมชนไว้ได้
- การจัดการทรัพยากรทางวัฒนธรรมโดยชุมชน การฟื้นฟูและอนุรักษ์สถาปัตยกรรมเก่า (โรงครัว วัดท่าข้าม, อาคารศูนย์ข้อมูลอนุรักษ์พันธุกรรมพืช สำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้าม) การสร้างเส้นทางท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงสถานที่สำคัญ วิถีชีวิต รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนจากอาหารท้องถิ่นที่มีเรื่องราว การพัฒนาลูกปัดโนราสู่ผลิตภัณฑ์ของชุมชน
จรูญ หยูทอง. (2564). รากเหง้าและเบ้าหลอม ท่าข้าม: ชุมชนร่วมสมัยอยุธยาตอนปลาย. สงขลา: นำศิลป์โฆษณา จำกัด
องค์การบริหารส่วนตำบลท่าข้าม. สภาพทั่วไป. เข้าถึงได้จาก https://thakham.go.th/frontpage