ชุมชนในวัฒนธรรมเขมรและเป็นชุมชนค้าเร่ ยาสมุนไพร เฟอร์นิเจอร์
มาจากคำว่า “เปร็ยคละ” คำว่า “เปร็ย” แปลว่า ป่าดงหรือป่าไพร, คำว่า “คละ” หรือ “ขลา” แปลว่า เสือ ที่เป็นภาษาเขมรอันมีความหมายว่า “ป่าดงเสือ” จนกระทั่งในปัจจุบันคำว่า “เปร็ยคละ” ได้เพี้ยนและแปรเปลี่ยนมาเป็น “ไพรขลา”
ชุมชนในวัฒนธรรมเขมรและเป็นชุมชนค้าเร่ ยาสมุนไพร เฟอร์นิเจอร์
การอพยพเพื่อตั้งถิ่นฐานของผู้คนในชุมชนไพรขลาเริ่มขึ้นเมื่อประมาณมากกว่า 100 ปี หรือระหว่างปี พ.ศ. 2398-2429 กลุ่มคนที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานในระยะแรกคือคนเขมร มาจากบ้านขาม บ้านยางกระจับ เห็นว่าพื้นที่บริเวณนี้เป็นโนนสูงน้ำท้วมไม่ถึงและมีความสมบูรณ์ แรกเริ่มอพยพมาตั้งบ้าน 7 ครัวเรือน แต่อยู่ได้ไม่นานจึงย้ายหนีกลับไปบ้านเก่า เพราะมีเสือตัวใหญ่ออกมาก่อกวนวัว-ควายกับสัตว์เลี้ยงอื่นๆของชาวบ้าน หลังจากอพยพกลับภูมิลำเนาเดิมของกลุ่มคนเขมร จึงกล่าวถึงพื้นที่อันรกร้างว่างเปล่าที่เคยอพยพไปอยู่อาศัยในเวลาอันสั้นว่า “เปร็ยคละ” ที่เป็นภาษาเขมรอันมีความหมายว่า “ป่าดงเสือ” จนกระทั่งในปัจจุบันคำว่า “เปร็ยคละ” ได้เพี้ยนและแปรเปลี่ยนมาเป็น “ไพรขลา” เรื่องเล่าเกี่ยวกับป่าดงเสือดังกล่าวได้ขยายวงกว้างออกไปและสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คนในละแวกนั้น ทำให้ไม่มีกลุ่มคนกล้าที่จะอพยพเข้าไปอาศัยในบริเวณนั้นเป็นระยะเวลานานหลายปี ต่อมาเมื่อมีกลุ่มคนจากอำเภอพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด อพยพมาตั้งถิ่นฐานซ้อนทับชุมชนเดิม หลังจากการตั้งถิ่นฐานซ้อนทับชุมชนเดิมของกลุ่มหลวงพิบูลย์ที่มาจากบ้านเมืองลีง อำเภอพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด ระยะแรกชาวบ้านได้ลงมือหักร้างถางป่าบริเวณใกล้กับโนนสูงที่ตั้งชุมชนเพื่อจับจองที่ดินทำกิน
การประกอบอาชีพของผู้คนในในช่วงเวลานี้คือ การเกษตรกรรมเพื่อเลี้ยงตนเอง ครอบครัวและเครือญาติเป็นหลัก สามารถผลิตปัจจัย 4 ได้เอง เช่นเครื่องนุ่งห่ม ปลูกฝ้าย ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมที่นำมาทอผ้าและเย็บผ้าใช้เองได้ อาหารและยารักษาโรคสามารถเก็บหาได้ตามธรรมชาติโดยเฉพาะบริเวณป่าโคก การทำนามักทำบริเวณริมฝั่งหนองน้ำที่มีพื้นที่เพียง 1-2 งานเท่านั้น ข้อจำกัดของการทำนาในช่วงเวลานี้คือ เครื่องมือที่ ไม่ทันสมัยและอาศัยแรงงานคนและควายเป็นหลัก กอปรกับการมีศัตรูพืชที่ทำลายผลผลิตของชาวนาตลอดฤดูกาล ยกตัวอย่างเช่น ปูนา นก หนู เป็นต้น จึงเป็นความยากลำบากในการทำนาแต่ละปี แม้การทำนาจะไม่ได้ผลเท่าที่ควร ทว่าความอุดมสมบูรณ์ของนิเวศวิทยาเศรษฐกิจในช่วงเวลานี้มีความอุดมสมบูรณ์ เช่น พืชพรรณธรรมชาติทั้งบนบกและในลำน้ำ ปลา กบ เขียด นก หนู เต่า ฯลฯ สามารถนำมาประกอบอาหารเพื่อเลี้ยงชีพทดแทนได้ รวมทั้งการนำปลาจ่อม ปลาร้า ไปแลกข้าวกับชุมชนใกล้เคียง
ชุมชนไพรขลา ตำบลไพรขลา อำเภอชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์ ตั้งอยู่บริเวณชายขอบด้านทิศใต้ของอาณาบริเวณทุ่งกุลาร้องไห้ เมื่อเดินทางถึงอำเภอชุมพลบุรีไปตามเส้นทางสาย 2081 (ชุมพลบุรี-ท่าตูม) ประมาณหลักกิโลเมตรที่ 20 จะถึงจุดที่ตั้งชุมชนไพรขลา ลักษณะสำคัญของชุมชนแห่งนี้คือ ในอดีตเคยเป็นชุมชนโบราณในวัฒนธรรมทวารวดี โดยปรากฏหลักฐานสำคัญได้แก่ คูน้ำคันดินล้อมรอบชุมชนและพบหินศิลาแลงที่สร้างกู่ขนาดเล็กที่เรียกว่าสิมมาน้อย สิมมาใหญ่ภายในชุมชน นอกจากนี้ยังพบเศษเครื่องปั้นดินเผากระจายอยู่ทั่วไป
ประชากรของชุมชนบ้านไพรขลาค่อนข้างมีความหลากหลายและอยู่ร่วมกันอย่างราบรื่น กลุ่มชาติพันธุ์ส่วนหนึ่งเป็นกลุ่มวัฒนธรรมเขมรที่ใช้ภาษาเขมรในการสื่อสารอีกกลุ่มคือกลุ่มลาวที่ใช้ภาษาอีสานในการสื่อสาร ซึ่งทั้งสองกลุ่มอยู่อาศัยด้วยกันอย่างเป็นสุข
มีกลุ่มพ่อค้าเร่ที่ติดต่อประสานงานในการเร่ขายสิ่งของตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เช่น กลุ่มค้าเฟอร์นิเจอร์ในปัจจุบัน
เดือนตุลาคม ประเพณีแซนโฏนตาของชุมชนจะมีผู้คนกลับมาไหว้ผีบรรพบุรุษของชาวเขมร ซึ่งเป็นประเพณีใหญ่ของชาวบ้านไพรขลาที่คนทุกคนต้องกลับบ้านเพื่อร่วมประเพณี
- เป็นชุมชนค้าเร่ที่มีรูปแบบการค้าในลักษณะของการเร่ขายหรือนายฮ้อยจนกระทั่งส่งต่อมายังคนรุนหลังในการรู้จักค้าขายและเป็นพ่อค้าเร่
- เป็นชุมชนโบราณที่พบคูน้ำคันดินรอบชุมชนซึ่งอยู่ในยุคโลหะตอนปลายหรือวัฒนธรรมทุ่งกุลาร้องไห้ สามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ได้เป็นชุมชนโบราณที่พบคูน้ำคันดินรอบชุมชนซึ่งอยู่ในยุคโลหะตอนปลายหรือวัฒนธรรมทุ่งกุลาร้องไห้ สามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ได้
มีทั้งกลุ่มคนที่ใช้ภาษาลาวอีสานอีสานและกลุ่มคนที่ใช้ภาษาเขมร
การเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจในชุมชน
พ.ศ. 2527 การปฏิรูปที่ดินมาถึงการพัฒนาพัฒนาเส้นทางคมนาคมของรัฐ ได้เอื้อประโยชน์ต่อชุมชนไพรขลาเป็นยิ่งนัก โดยเฉพาะการปรับตัวเพื่อหารายได้นอกภาคเกษตรกรรมหลังฤดูกาลทำนาและเก็บเกี่ยวผลผลิต ที่ทำให้ชุมชนไพรขลาเดินทางข้ามชุมชน ข้ามพื้นที่ด้วยเกวียนและการเดินเท้าที่สะดวกสบายขึ้น กิจกรรมทางเศรษฐกิจนอกภาคเกษตรกรรมของชุมชนไพรขลาหลังจากการมีเส้นทางคมนาคมที่สะดวกสบายขึ้นคือการค้าขายยาสมุนไพร ๓๒ ชนิดที่ไปรับมาจากร้านใต้อันตึงในตัวจังหวัดสุรินทร์ โดยการซื้อยกห่อขนาดใหญ่จากนั้นนำมาจัดแบ่งเป็นห่อเล็กที่มีสรรพคุณในการรักษาโรคแตกต่างกันไป การค้ายาสมุนไพรเริ่มกระจายตัวมากขึ้น ชุมชนไพรขลาจึงปรับตัวและปรับเปลี่ยนสินค้าให้ทันสมัย กับความต้องการเสมอ โดยเฉพาะการค้ายาสมุนไพรที่มีการบรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัยขึ้น ดังนั้น “สมุนไพรนก อีแอ่น” ในอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น จึงเป็นทางเลือกใหม่ของพ่อค้าเร่ไพรขลาในระยะเวลาต่อมา กิจกรรมการค้าขาย นอกภาคเกษตรกรรมเริ่มเข้มข้นขึ้นตามลำดับ หลายครอบครัวเริ่มนำทุนที่ได้จากการค้าขายข้าวและยา สมุนไพรมาชื้อจักรยาน มอเตอรไซด์ เป็นพาหนะในการเดินทางเพื่อเร่ขายสินค้า การมีพาหนะดังกล่าวทำให้ พ่อค้าเร่ในชุมชนไพรขลาเดินทางข้ามชุมชนข้ามพื้นที่ไกลออกไปและเกิดความสะดวกสบายเพิ่มมากขึ้น ตามลำดับ สินค้าที่นำไปขายเริ่มมีความหลากหลายมากขึ้น เช่น ยาเส้น มุ้ง เข็มขัด ต่างหู สร้อยคอ แหวน และเครื่องมือทางการเกษตรจำพวก สบไถ มีด เคียว จอบ เสียม เป็นต้น
ระยะเวลาผ่านเข้าสู่ช่วงทศวรรษที่ 2530 รูปแบบการผลิตในภาคเกษตรกรรมเริ่มอาศัยเครื่องจักรกลทางการเกษตรเป็นหลัก ทำให้ช่วงเวลาในการทำนาของชุมชนไพรขลามีระยะเวลาสั้นลง เจ้าของที่นามักขายที่นารวมทั้งปล่อยให้เช่าที่นาขยายวงกว้างขึ้น การทำนา 25 ไร่ ใช้ระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์เหตุเพราะการทำนาในยุคนี้เข้าสู่ระบบการ “จ้าง” ตั้งแต่เริ่มต้นการผลิตจนถึงการเก็บเกี่ยวผลผลิต ผู้คนในชุมชนไพรขลาหันมาให้ความสนใจกิจกรรมการค้าและเงินตรานอกภาคเกษตรกรรมเป็นหลัก โดยเฉพาะการเป็นผู้ประกอบการค้าขายเฟอร์นิเจอร์และการเป็นแรงงานในโรงงานเฟอร์นิเจอร์
ชุมชนไพรขลากับการเร่ขายเฟอร์นิเจอร์
ชุมชนเกิดการขยายตัวจากชุมชนบทกลายเป็นชุมชนเมือง กล่าวคือการมีโรงงานเฟอร์นิเจอร์เกิดขึ้นตามเส้นทางสาย ชุมพลบุรี-ท่าตูม (สาย 2081) การเร่ขายแบบเดิมที่เดินทางเท้าขาย ถีบจักรยาน นั่งจักรยานยนต์ขายจนกระทั่งปัจจุบันกลายเป็นการใช้รถยนต์ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นถึงการปรับตัวของผู้คนในชุมชนไพรขลา ที่เริ่มผันตัวเองเข้าสู่การเป็นผู้ประกอบการเฟอร์นิเจอร์อย่างเป็นล่ำเป็นสัน แรกเริ่มพ่อใหญ่สี (เดิมเป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่4) เป็นคนนำความรู้เข้ามาในหมู่บ้านเริ่มมีการซื้อเครื่องมือมาจากสุรินทร์ และเริ่มผลิตตู้กับข้าวโลปีเนียม เริ่มชำนาญและทอดแบบจากตู้ต่างๆ ชาวบ้านเริ่มมีความสนใจมาขอเป็นลูกมือ จนมีการกระจายตัวออกไปในหมู่บ้านไพรขลา เมื่อเริ่มสะสมทุนได้จำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะการจัดซื้อเครื่องมือและวัตถุดิบในการทำเฟอร์นิเจอร์มีการแยกตัวเพื่อไปทำธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ในครอบครัวและสายตระกูลตนเอง ชุมชนไพรขลาเป็นยุคทองของการค้าขายเฟอร์นิเจอร์อย่างแท้จริง ผู้คนใน หมู่บ้านกลายเป็นผู้ประกอบการและเร่ขายเฟอร์นิเจอร์ทั้งเงินสดและเงินผ่อนทั่วภาคอีสานและกระจายตัวออกไปยังภาคอื่น ความเปลี่ยนแปลงภายในชุมชนไพรขลาหลังทศวรรษที่ 2540 ที่มีการสะสมทุนจากธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ บางครอบครัวมองเห็นหน้าต่างของโอกาสและผันตัวเองเพื่อทำการค้ารูปแบบใหม่เช่น ธุรกิจรถไถนารับจ้าง เปิดร้านขายอุปกรณ์และเครื่องมือก่อสร้าง ร้านขายของชำ เป็นต้น การขยายตัวของระบบเศรษฐกิจภายในชุมชนดังกล่าวส่งผลให้สถาบันการเงินมาเปิดสาขาย่อยเพื่อให้บริการด้านการเงินและสินเชื่อด้านอื่นๆ
สิม วัดศรัทธาวารี บ้านไพรขลา(2563).สิม วัดศรัทธาวารี บ้านไพรขลา(ออนไลน์).สืบค้นเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2566. เข้าถึงได้จาก: https://www.facebook.com/1756422141271246/photos/a.1757097401203720/2717897651790352/
รถเร่ขายตู้กับข้าวบ้านไพรขลา.(2563).รถเร่ขายตู้กับข้าวบ้านไพรขลา.(ออนไลน์).สืบค้นเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2566. เข้าถึงได้จาก:https://www.facebook.com/photo?fbid=119549502968912&set=pcb.119549566302239119549502968912