จากชุมชนชนบทในอดีตที่มีการเปลี่ยนแปลงมาสู่ชุมชนเมืองจากการเข้ามาของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม สร้างความร่ำรวยให้ชาวบ้านที่เป็นเจ้าของที่ดิน สร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนได้ทำงานภายในมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ในอดีตที่ผ่านมาชุมชนแห่งนี้ เรียกว่า "ขามเรียน" สาเหตุที่เรียกว่าเช่นนี้เพราะมีต้นมะขามเรียงรายกันอยู่จำนวนมาก ซึ่งภาษาท้องถิ่นที่ชาวบ้านเรียกคำว่า เรียง เป็น เรียน ซึ่งเป็นคำที่มีความหมายคล้ายกัน
จากชุมชนชนบทในอดีตที่มีการเปลี่ยนแปลงมาสู่ชุมชนเมืองจากการเข้ามาของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม สร้างความร่ำรวยให้ชาวบ้านที่เป็นเจ้าของที่ดิน สร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนได้ทำงานภายในมหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ชุมชนบ้านขามเรียง ก่อตั้งขึ้นประมาณ พ.ศ. 2395 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4)
กลุ่มคนที่มาตั้งถิ่นฐาน คือกลุ่มคนที่มาจาก บ้านชาด บ้านเหล่าแดง บ้านข่อย บ้านโคก บ้านแต จากอำเภอกมลไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ ผู้นำในการเคลื่อนย้ายมาตั้งถิ่นฐาน คือ พ่อใหญ่จุมพล พ่อใหญ่ศรีละครและพ่อใหญ่ผ่าน โดยมีจุดประสงค์ที่ต้องการแสวงหาพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางด้านทรัพยากรทางธรรมชาติ เมื่อเดินทางมาถึงบริเวณแห่งนี้ ทั้ง 3 คนเห็นตรงกันว่า บริเวณแห่งนี้มีความอุดมบูรณ์อยู่ใกล้แหล่งทรัพยากรทางธรรมชาติ กล่าวคือทางทิศใต้เป็นป่าโคกขนาดใหญ่ และมีแม่น้ำชีที่ห่างจากที่ตั้งชุมชนประมาณ 1 กิโลเมตร จึงได้ตั้งบ้านเรือนบริเวณแห่งนี้สืบมาจนถึงปัจจุบัน
สภาพของชุมชนบ้านขามเรียงก่อนทศวรรษ 2490 ลักษณะของพื้นที่เป็นป่าทึบมีต้นไม้ประเภทป่าโคก ป่าเบญจพรรณ พันธุ์ไม้ที่พบมาก คือ ต้นจิก-เต็ง ต้นรัง ป่าไผ่ มะม่วงป่า มะพร้าว ต้นตาล ทำให้ผู้คนที่เข้ามาในพื้นที่ต่างพากันถากถางจับจองพื้นที่สำหรับไว้เป็นที่ดินทำกิน ตามกำลังของตนเอง นอกจากต้นไม้นานาชนิดที่กล่าวมาแล้วนั้น ยังมีสัตว์ป่า เช่นหมูป่า ไก่ป่า กระรอก กระแต และนกประเภทต่าง ๆ อาศัยอยู่ในป่าโคกอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อ พ.ศ. 2514 บ้านขามเรียงได้ขอแยกสังกัดจากบ้านท่าขอนยาง มาตั้งเป็นตำบลของตนเอง คือตำบลขามเรียง จนกระทั่งในช่วง พ.ศ. 2537 การเข้ามาของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อพื้นที่ป่าโคกเป็นอย่างมาก ป่าถูกตัดเพื่อปรับเปลี่ยนให้มาเป็นอาคารของมหาวิทยาลัย สัตว์ป่าและของป่า ค่อย ๆ ลดลงและหายไปจากบริเวณป่าโคกของชุมชน เมื่อมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้เปิดทำการเรียนการสอนวิถีชีวิตของผู้คนในชุมชนได้ปรับเปลี่ยนไป จากเดิมที่เป็นชุมชนชนบทกลายมาเป็นชุมชนกึ่งความเป็นเมือง จากเดิมที่เคยหาของป่าเพื่อหล่อเลี้ยงผู้คนในครอบครัวต้องกลายมาเป็นลูกจ้างภายในมหาวิทยาลัย บางคนขายที่ดินของตนเองให้กับนายทุน เพื่อสร้างหอพักให้นิสิตเช่า บางคนต้องปรับเปลี่ยนมายึดอาชีพค้าขายเพื่อความอยู่รอดของตนเองและครอบครัว
ชุมชนบ้านขามเรียง มีที่ตั้งอยู่ที่ทิศใต้ของอำเภอกันทรวิชัยและอยู่ที่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัดมหาสารคาม ห่างจากอำเภอกันทรวิชัย 16 กิโลเมตร และห่างจากตัวเมือง 10 กิโลเมตร ปัจจุบันตำบลขามเรียงมีหมู่บ้านทั้งสิ้นจำนวน 23 หมู่บ้าน
อาณาเขตติดต่อ
- ทิศเหนือ ติดต่อกับ บ้านโนนแสบง ตำบลขามเรียง อำเภอกันทรวิชัย
- ทิศใต้ ติดต่อกับ บ้านหนองแข้ ตำบลขามเรียง อำเภอกันทรวิชัย
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ตำบลขามเรียง อำเภอกันทรวิชัย
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับ บ้านเขียบ ตำบลขามเรียง อำเภอกันทรวิชัย
ชุมชนบ้านขามเรียง เป็นชุมชนอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดมหาสารคาม ที่มีจำนวนประชากรแฝงอยู่เป็นจำนวนมาก สาเหตุที่กล่าวเช่นนี้เป็นเพราะการเข้าตั้งมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ที่ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่ตำบลขามเรียง เพราะการสร้างหอพักให้นิสิตและประชาชนทั่วไปได้เข้ามาพักอาศัยยังพื้นที่ของชุมชน ดังนั้นจำนวนประชากร จึงมีข้อจำกัดในเรื่องของจำนวน ส่วนระบบความสัมพันธ์ทางเครือญาติยังคงมีความสัมพันธ์อย่างหลวม ๆ เพราะจากบริบทของชุมชนที่เปลี่ยนแปลงจากชุมชนชนบทกลายเป็นชุมชนเมืองที่มีปัจจัยต่าง ๆ ที่ทำให้ความสัมพันธ์ทางเครือญาติเปลี่ยนแปลงไป
- วิสาหกิจชุมชนผ้าทอมือย้อมสีธรรมชาติบ้านขามเรียง
วิถีชีวิตของผู้คนในชุมชนเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสโลกาภิวัตน์ ผู้คนภายในชุมชนต่างต้องละทิ้งภาคเกษตรกรรมหันเข้ามาเป็นแรงงานในภาคเอกชนและภาครัฐฯ รวมถึงการลงทุนเป็นเจ้าของกิจการต่าง ๆ ทั้งขนาดย่อมและขนาดใหญ่ สิ่งเหล่านี้ล้วนถูกกระตุ้นด้วยการเข้ามาของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ที่นำพาประชากรจำนวนมากเข้ามาอยู่อาศัยภายในชุมชนและพื้นที่รอบ ๆ ชุมชน
ชุมชนมีพื้นที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ทำให้เกิดทุนทางด้านเศรษฐกิจที่เป็นแบบร้านค้า ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร ทั้งในรูปแบบการตั้งแบบถาวรและแบบเคลื่อนที่ เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มนิสิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม และประชาชนทั่วไปที่เข้ามาพักอาศัยในชุมชน
ผู้คนในชุมชนใช้ภาษาไทยเป็นภาษาราชการ และภาษาอีสานใช้เป็นภาษาสื่อสาร
จากที่กล่าวมาแล้วนั้น จากการเข้ามาตั้งของมหาวิทยาลัยมหาสารคามจำนวนผู้คนเกิดความหนาแน่น ส่งผลให้ชุมชนเกิดการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ทำให้ชุมชนเกิดการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของวิถีชีวิตที่ผู้คนบางรายได้ทำการขายที่ดินของตนเองเพื่อนำเงินมาลงทุนในภาคธุรกิจ ส่วนผู้คนที่ไม่มีทุน จึงได้ทิ้งบ้านเรือนเข้าไปขายแรงงานในภาคอุตสาหกรรมตามหัวเมืองต่าง ๆ ปัญหาเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตผู้คนในที่เป็นลูกหลานชาวชุมชนขามเรียง ที่ต้องดำเนินชีวิตให้ทันไปกับการเปลี่ยนแปลงของสังคม
สมเกียรติ ภู่วัฒนะ และคณะ. (2547). พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น:พื้นที่วัฒนธรรมตำบลท่าขอนยาง-ขามเรียงอำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม. ฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยมหาสารคาม