Advance search

บ้านคลองประชาชมชื่น

ชุมชนเก่าแแก่ริมคลองประชาชมชื่น ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เชื่อมต่อระหว่างพื้นที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ นิเวศวิทยา และวัฒนธรรม ให้ผู้ที่สนใจได้เรียนรู้ตลอดเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางธรรมชาติ, วัด, แหล่งผลิตสินค้า OTOP และพิพิธภัณฑ์บ้านดนตรี

หมู่ที่ 11 และ 12
สวนหลวง
อัมพวา
สมุทรสงคราม
ชุติมา คล้อยสุวรรณ์
23 มี.ค. 2023
ปวินนา เพ็ชรล้วน
15 เม.ย. 2023
ปวินนา เพ็ชรล้วน
30 เม.ย. 2023
ริมคลองประชาชมชื่น
บ้านคลองประชาชมชื่น

บ้านเรือนส่วนใหญ่ตั้งอยู่ติดกับบริเวณริมคลองประชาชมชื่น จึงเรียกชื่อชุมชนที่ตั้งในพื้นที่ดังกล่าวว่า "ชุมชนริมคลองประชาชมชื่น"


ชุมชนชนบท

ชุมชนเก่าแแก่ริมคลองประชาชมชื่น ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เชื่อมต่อระหว่างพื้นที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ นิเวศวิทยา และวัฒนธรรม ให้ผู้ที่สนใจได้เรียนรู้ตลอดเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางธรรมชาติ, วัด, แหล่งผลิตสินค้า OTOP และพิพิธภัณฑ์บ้านดนตรี

หมู่ที่ 11 และ 12
สวนหลวง
อัมพวา
สมุทรสงคราม
75110
13.4114479068
99.9494163966
เทศบาลตำบลสวนหลวง

คลองประชาชมชื่นเป็นคลองที่แยกจากแม่น้ำแม่กลองไปทางฝั่งตะวันตก ปากคลองประชาชมชื่น คือปากคลองบางลี่ (บางนางลี่) เดิม อยู่ตรงข้ามกับปากคลองอัมพวา ชาวบ้านบริเวณนั้นยังคงเรียกติดปากกันว่า คลองบางลี่ คลองประชาชมชื่น เมื่อแรกขุดใช้ชื่อคลองบางลี่ แบ่งได้เป็น 3 ช่วงโดยสังเขป คือช่วงต้น จากปากคลองถึงสามแยกบางลี่ โดยแยกขวา (หันหลังให้ปากคลอง) คือคลองบางลี่เดิม ชาวบ้านเรียกช่วงต้นนี้ว่า “คลองบางลี่” (บางนางลี่) ตามชื่อคลองเดิมนั้นเอง ช่วงกลางจากสามแยกไปจนถึงแยกคลองวัดศรีสุวรรณ เรียกว่า “คลองประชาชมชื่น” และช่วงปลายจากแยกคลองวัดศรีสุวรรณ ลอดถนนพระรามที่ 2 ไปจนถึงคลองยี่สาร เรียกว่า “คลองขุดดอนจั่น” คลองประชาชมชื่น ขุดเมื่อ พ.ศ. 2411 ตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จประจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เดิมใช้ชื่อ “คลองบางลี่” ตามชื่อคลองที่มีอยู่เดิม คลองประชาชมชื่นจึงถือเป็นคลองขุดในชุดคลองฝั่งตะวันตกของพระนครของรัชกาลที่ 4 โดยการขุดคลองฝั่งตะวันตกของพระนครมีเพื่อความสะดวกในการคมนาคมขนส่งเป็นหลัก ทำให้การเดินทางจากพระนครสู่เมืองสำคัญ ได้แก่ นครชัยศรี นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรสงคราม อัมพวา ราชบุรี และเพชรบุรี สะดวกรวดเร็วขึ้น และในทางกลับกันสามารถขนส่งทรัพยากร และสินค้าจากสวนและชายฝั่งทะเลได้มากและรวดเร็วขึ้นด้วย เมื่อแรกขุดระบบนิเวศคงเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ แต่ไม่นานผู้คนจะปรับตัว เข้าบุกเบิกเป็นสวนยกร่องเพิ่มขึ้น เกิดเป็นพื้นที่สวนมะพร้าว เป็นแหล่งผลิตน้ำตาลมะพร้าวที่ใหญ่ที่สุดบริเวณหนึ่งของเมืองสมุทรสงคราม 

บ้านเรือนส่วนใหญ่เป็นบ้านไม้ริมน้ำ และบ้านเดี่ยวยกพื้นในบริเวณสวนผลไม้ สภาพทางภูมิศาสตร์เหมาะกับการทำเกษตรกรรม ผู้คนในชุมชนมีการรวมกลุ่มทำสินค้าส่งออกจำหน่ายเพื่อสร้างรายได้แก่ตนเองและชุมชน อีกทั้งยังช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชุมชน มีการพัฒนาชุมชนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยงเชิงความรู้แต่ยังคงสภาพเดิมไว้

อาณาเขตที่ติดต่อ ดังนี้

  • ทิศเหนือ ติตต่อกับแม่น้ำแม่กลอง
  • ทิศตะวันออก ติดต่อกับแม่น้ำแม่กลอง
  • ทิศใต้ ติดต่อกับถนนพระรามที่ 2
  • ทิศตะวันตก ติดต่อกับคลองชุด

ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ในสมัยอยุธยาตอนกลางที่จังหวัดสมุทรสงครามเป็นเมืองหน้าด่าน และคงบทบาทดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง หลังจากการตั้งถิ่นฐานของชุมชนดั้งเดิม เริ่มมีการทำมาหากินโดยการใช้พื้นที่เพื่อเกษตรกรรมสวนยกร่อง นาข้าว นาเกลือ การถางป่าชายเลนเพื่อนำไม้เผาถ่าน และการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเพื่อการดำรงชีวิต เมื่อมีผู้คนอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานมากขึ้นจากการติดต่อค้าขาย นำไปสู่การก่อตัวของเมืองแม่กลอง หรือจังหวัดสมุทรสงครามในช่วงสมัยต้นอยุธยา ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวอัมพวา ซึ่งภายในชุมชนบ้างเป็นเครือญาติใกล้ชิด หรือเป็นคนจากนอกพื้นที่ บริเวณนี้จึงเป็นพื้นที่ที่มีระบบเครือญาติและชาติพันธุ์ที่หลากหลาย

เป็นชุมชนเก่าบริเวณริมคลองประชาชมชื่น โดยประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมมีผลิตภัณฑ์ชุมชนที่สำคัญ เช่น น้ำตาล และมีการรวมกลุ่มกันเพื่อถ่ายทอดภูมิปัญญาที่ดีงานแก่ลูกหลานต่อไป ดังนี้

บ้านดนตรี "บ้านดนตรีไทย" ขึ้นอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2542 โดยภายในบ้านหลังนี้ แบ่งเป็นสองชั้น ชั้นล่างจัดแสดงเครื่องดนตรีไทย เศียรบรมครูที่นักดนตรีให้ความเคารพนับถือ ภาพถ่ายของครูเพลงชาวอัมพวา และชั้นบนแบ่งเป็นห้องเรียนดนตรีไทย ชนิดต่าง ๆ เช่น ห้องระนาด ห้องซอ ห้องขิม และห้องจะเข้ เป็นต้น

ชุมชนริมคลองประชาชมชื่น เป็นพื้นที่ราบลุ่มที่ทำให้เหมาะแก่การเกษตร ประชาชนส่วนใหญ่จึงประกอบอาชีพเกษตรกรรมโดยเฉพาะการทำสวนลิ้นจี่ ส้มโอ และมะพร้าว 

ด้านการกิน การดื่มน้ำสมุนไพร เนื่องจากการทำเกษตรภายในชุมชนตามบ้านเรือนจึงปลูกพืชผักสวนครัว สมุนไพรไว้ทานกันเอง ผู้คนในชุมชนจึงมักดื่มน้ำสมุนไพร

ด้านเศรษฐกิจ ด้วยสภาพของชุมชนเหมาะแก่การทำเกษตรกรรม จึงทำให้มีผลผลิตมากหมายที่สามารถส่งออกไปสู่ภายนอก เช่น สินค้า OTOP เป็นต้น

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

ทุนวัฒนธรรม 

ด้านอาหาร เมนูอาหารของชุมชนเป็นการนำวัตถุดิบในพื้นที่มาปรุงอาหาร และมีเอกลักษณ์เฉพาะของชุมชน เช่น ยำหัวปี แกงคั่วยอดมะพร้าว ปลาทูชุบแป้งทอด และแกงส้มชะครามไข่และกุ้ง 

ด้านภูมิปัญญา ชุมชนริมคลองประชาชมชื่นมีน้ำตาลมะพร้าว หากได้มาเยี่ยมชมที่ชุมชนจะได้เห็นถึงกระบวนการการทำน้ำตาลมะพร้าว ตั้งแต่การลงตาล การเก็บน้ำตาลสด การเคี่ยวน้ำตาล จนถึงการหยอดน้ำตาปึก

ด้านการท่องเที่ยว กล่าวคือชุมชนให้ความสำคัญกับการคงสภาพดั้งเดิมของชุมชนไว้ จึงไม่จัดการชุมชนให้เป็นชุมชนท่องเที่ยวมากนัก แต่จะเป็นการนำวิถีชีวิตภูมิปัญญาที่มีอยู่แล้วของชุมชนมาเป็นแหล่งเรียนรู้ให้ผู้คนได้มาศึกษาแทน

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

การเปลี่ยนแปลงที่ได้รับผลกระทบวิกฤติน้ำเค็ม จากการกักเก็บน้ำที่ต้นน้ำ ขณะสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ์ และเขื่อนศรีนครินทร์ สวนมะพร้าวน้ำตาลบริเวณนี้จึงได้รับผลกระทบรุนแรง แม้ว่าระบบนิเวศฟื้นตัวกลับมาให้สามารถทำสวนมะพร้าวน้ำตาลได้หลังจากเขื่อนเริ่มปล่อยน้ำจืดลงมาหลังจากนั้นไม่กี่ปี แต่ครอบครัวซึ่งเป็นระบบแรงงานหลักได้กระจัดกระจายกันไปเสียแล้ว

ชุมชนริมคลองประชาชมชื่นมีความโดดเด่นในด้านการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ เนื่องจากเป็นชุมชนตั้งอยู่ริมคลองประชาชมชื่น ทำให้เกิดเส้นทางธรรมชาติมากมายให้ผู้ที่มาเยือนได้ร่วมสัมผัส และยังได้ชมวิถีชีวิตของผู้คนในชุมชน ซึ่งกิจกรรมนั้นมีความหลากหลายเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการตักบาตรทางเรือ, กิจกรรมปั่นท่องร่องสวน, ฐานการเรียนรู้การทำน้ำตาลมะพร้าว และการทำขนมไทยโบราณ

กึกก้อง เสือดีน. (2563). คลองประชาชมชื่น: จากอัมพวาสู่เขายี่สาร. (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อ 23 มีนาคม 2566, จาก https://xn--12cas3cfx9cdqx4fi4as1tza4jwc.com.

กองจัดการสิ่งแวดล้อมธรรมชาติและศิลปกรรม. (2561). ชุมชนริมคลองประชาชมชื่น. (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อ 23 มีนาคม 2566, จาก https://culturalenvi.onep.go.th/site/detail/3870.

บ้านคลองประชาชมชื่น. (2565). ชุมชนบ้านคลองประชาชมชื่น. (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อ 23 มีนาคม 2566, จาก https://cddportal.cdd.go.th/portal/apps/storymaps/stories/ade0c6630d874ee8b01cc1e08a5d0030.