ชุมชนที่มีอาณาเขตติดต่อกับป่าชายเลนและทะเลอันดามัน ซึ่งเปรียบเสมือนบ่อสมบัติทรัพยากรทางทะเลอันอุดมสมบูรณ์ หล่อเลี้ยงวิถีชีวิตชาวบ้านบางครั่งมาอย่างยาวนาน
ชื่อเรียกบ้านบางครั่ง มีเรื่องเล่า 2 สำนวนคือ
- ตายมดึง มีอาชีพรับซื้อวัวในเขตภาคใต้ตอนบน เดินทางค้าวัวเรื่อยมากระทั่งเข้าสู่ตำบลบางวัน เมื่อถึงบ้านบางครั่ง วัวที่ต้อนมาเกิดอาการคุ้มคลั่งและบางครั้งส่งเสียงทรมาน อาการของวัวทำให้ตายมดึงเป็นทุกข์ใจจึงรีบต้อนวัวไปขายที่เมืองตะกั่วป่าให้เร็วที่สุด จึงตั้งชื่อหมู่บ้านตามอาการป่วยของวัวที่ส่งเสียงร้องเป็นทั่วหมู่บ้านเป็น "บางครั้ง" ต่อมาเพี้ยนเสียงเป็น "บางครั่ง" ตามสำเนียงชาวใต้
- เชื่อกันว่า เมื่อราว 10 ปี ที่แล้ว พ่อตาทิตครั่ง เป็นผู้บุกเบิกพื้นที่ และตั้งชื่อว่า "บ้านบางครั่ง" คำว่า "บาง" หมายถึง คลอง "ครั่ง" หมายถึง ชื่อพ่อตาทิตครั่ง ชาวบ้านจึงเรียกชื่อหมู่บ้านนี้ว่า "บ้านบางครั่ง"
ชุมชนที่มีอาณาเขตติดต่อกับป่าชายเลนและทะเลอันดามัน ซึ่งเปรียบเสมือนบ่อสมบัติทรัพยากรทางทะเลอันอุดมสมบูรณ์ หล่อเลี้ยงวิถีชีวิตชาวบ้านบางครั่งมาอย่างยาวนาน
หมู่บ้านบางครั่งตั้งอยู่ที่ตำบลบางวัน อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา โดยก่อตั้งเป็นหมู่บ้านเมื่อประมาณกว่า 150 ปีมาแล้ว มีตำนานเล่าขานเกี่ยวกับชื่อหมู่บ้านบางครั่งว่า ในอดีตมีชายคนหนึ่งนามว่า ตายมดึง มีอาชีพรับซื้อวัว โดยเดินทางรับซื้อวัวในหลายจังหวัดแถบภาคใต้ตอนบน และได้รับซื้อเรื่อยมาจากอําเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง และนําไปขายที่เมืองตะโกลา ซึ่งปัจจุบันคืออําเภอตะกั่วป่านั่นเอง ในการเดินทางไปเมืองตะกั่วป่านั้นต้องผ่านอําเภอคุระบุรีก่อน และได้เดินทางเข้าสู่อําเภอคุระบุรี ผ่านตําบลคุระ ตําบลแม่นางขาว และเข้าสู่ตําบลบางวัน จนมาถึงหมู่บ้านบางครั่ง ฝูงวัวที่ถูกต้อนมานั้นได้เกิดอาการป่วยและมีอาการคุ้มคลั่งเป็นบางครั้ง และได้ส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความทรมานและเหน็ดเหนื่อยในบางขณะ จนมีน้ำตาไหลออกมาจากตาเป็นทาง ตายมดึงทุกข์ใจเป็นอย่างมาก เพราะไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ ทําได้เพียงแค่รีบต้อนฝูงวัวของตนให้เดินทางถึงจุดหมายปลายทางคือเมืองตะกั่วป่าโดยเร็วที่สุด หมู่บ้านแห่งนี้จึงได้มีการตั้งชื่อตามอาการป่วยของฝูงวัวที่ส่งเสียงร้องได้ยินไปทั่วหมู่บ้านเป็นบางครั้ง ซึ่งมีชื่อว่า "บางครั้ง” แต่ชาวบ้านมักจะเรียกชื่อหมู่บ้านเป็นภาษาใต้ จึงแผลงมาเป็น “บ้านบางครั่ง”ดังปรากฏเป็นชื่อหมู่บ้านสืบมาจนถึงปัจจุบัน (เอกสารแผนชุมชนบ้านบางครั่งประจําปี 2552, องค์การบริหารส่วนตําบลบางวัน อ้างถึงใน อุสมาน แวบือซา, 2552: 10)
นอกจากนี้ชาวบ้านอีกส่วนหนึ่งยังมีความเชื่อว่าเมื่อ 150 กว่าปีที่ผ่านมา ได้มีผู้ที่เข้ามาบุกเบิกถากถางตั้งบ้านเรือนเป็นคนแรกชื่อว่า “พ่อตาทิตครั่ง” และได้ตั้งชื่อหมู่บ้านว่า “บ้านบางครั่ง” ซึ่งคําว่า “บาง” มาจากลําคลองที่เรียกกันในภาษาใต้ว่า “บาง” และคําว่า “ครั่ง” มาจาก ชื่อของพ่อตาทิตครั่ง ชาวบ้านจึงเรียกหมู่บ้านแห่งนี้ว่า “บ้านบางครั่ง” สืบกันมาจนถึงปัจจุบัน ต่อมา ในปี พ.ศ. 2547 ชาวบ้านได้มีความคิดพ้องต้องกันว่าน่าจะมีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจประจําหมู่บ้านขึ้นมาเพื่อเคารพสักการะและยึดถือเป็นประเพณีสืบทอดต่อไปในอนาคตภายภาคหน้า ชาวบ้านจึงได้ร่วมมือกันสร้างรูปปั้นพ่อตาทิตครั่ง เพื่อให้ประชาชนในหมู่บ้านและลูกหลานได้เคารพ สักการะบูชาตามความเชื่อและความศรัทธา ซึ่งศาลาพ่อตาทิตครั่งตั้งอยู่ภายในซอยเตาถ่านลึกเข้าไปประมาณ 500 เมตร
สําหรับชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้นั้น เดิมทีประชาชนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน ได้ย้ายมาจากอําเภอท้ายเหมือง และอําเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา เนื่องจากเกิดโรคระบาดขึ้นในพื้นที่ ซึ่งชาวบ้านเรียกโรคนี้ว่า “ไข้น้ำ” ชาวบ้านจึงได้อพยพจากอำเภอท้ายเหมือง และอำเภอตะกั่วป่ามาตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนใหม่ที่บ้านบางครั่ง มาจนปัจจุบัน
อาณาเขตติดต่อ
- ทิศเหนือ ติดต่อกับ หมู่ที่ 5 บ้านครุรอด และหมู่ที่ 6 บ้านบางติบ
- ทิศใต้ ติดต่อกับ หมู่ที่ 7 บ้านโค้งศรราม และหมู่ที่ 8 บ้านไทรทอง
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับ หมู่ที่ 5 บ้านครุรอด และหมู่ที่ 8 บ้านไทรทอง และเทือกเขานมสาว อำเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับ หมู่ที่ 4 บ้านทุ่งละออง ตำบลบางวัน และทะเลอันดามัน
ลักษณะภูมิประเทศ
ลักษณะภูมิประเทศบ้านบางครั่งมีสภาพเป็นภูเขา ที่ราบเชิงเขาและที่ราบลุ่ม มีพื้นที่ป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร อีกทั้งยังมีอาณาเขตติดต่อกับทะเล ป่าไม้ต่าง ๆ ที่พบในพื้นที่หมู่บ้านส่วนใหญ่เป็นประเภทป่าไม้ผลัดใบ ป่าดิบเขา ป่าดิบชื้น และป่าชายเลน โดยสภาพพื้นที่หมู่บ้านบางครั่งสามารถจำแนกได้ดังนี้
พื้นที่ทางด้านทิศตะวันออก มีลักษณะพื้นที่เป็นที่ราบเชิงเขาติดกับเทือกเขานมสาว ดินที่พบในบริเวณนี้เป็นดินแดงอุ้มน้ำได้ดีในฤดูฝน ซึ่งเหมาะแก่การเพาะปลูกและทําเกษตรกรรม ชาวบ้านจะใช้พื้นที่ส่วนใหญ่ทําสวนยางพารา สวนปาล์ม สวนมะพร้าว และปลูกผลไม้ เช่น เงาะ ทุเรียน มังคุด ลองกอง นอกจากนี้เกษตรกรยังนิยมปลูกพืชผักกันอย่างแพร่หลาย เช่น พริก ถั่ว แตงโม แตงกวา ฯลฯ
พื้นที่ทางด้านทิศตะวันตก มีลักษณะเป็นพื้นที่ราบสลับกับที่ลุ่ม สําหรับบริเวณที่ราบจะลาดลงจากทิศตะวันออกไปยังทิศตะวันตกลงสู่ทะเลอันดามัน ตามชายฝั่งทะเลจะมีป่าชายเลนตลอดแนว ดินที่พบนั้นมีลักษณะเป็นดินโคลน มีพันธุ์ไม้ป่าชายเลนที่หลากหลายและอุดมสมบูรณ์ เช่น โกงกาง ถั่วขาว ต้นจาก ฯลฯ พื้นที่ป่าชายเลนแถบทะเลอันดามันนี้ เป็นแหล่งอาหารสำคัญของชาวบ้าน ชาวบ้านในชุมชนสามารถหาอาหารได้หลายชนิดจากพื้นที่บริเวณนี้ เช่น ปลาทราย หอยหวาน ปูดํา เป็นต้น และเหมาะแก่การทําประมงชายฝั่ง เช่น เลี้ยงกุ้ง และเลี้ยงปลาในกระชัง ฯลฯ
สภาพภูมิอากาศ
พื้นที่บ้านบางครั่งมีลักษณะภูมิอากาศแบบร้อนชื้น มีฝนตกชุก เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ช่วงเดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนธันวาคมเป็นช่วงที่มีผีฝนตก โดยจะตกชุกที่สุดในช่วงเดือนสิงหาคมไปจนถึงตุลาคมของทุกปี ส่วนฤดูร้อนจะอยู่ระหว่างเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน ซึ่งมีเพียง 4 เดือนเท่านั้น จากลักษณะภูมิอากาสแบบมรสุมเขตร้อนที่มีฝนตกมากถึง 8 เดือน และอากาศร้อนเพียง 4 เดือน ชาวบ้านบางครั่งจึงเรียกสภาพอากาศลักษณะนี้ว่า “ฝนแปดแดดสี่”
ทรัพยากรธรรมชาติ
ทรัพยากรธรรมชาติของหมู่บ้านบางครั่งโดยรวมสามารถแบ่งพื้นที่หมู่บ้านเป็น 2 ลักษณะ คือ ฝั่งตะวันออกจะมีลักษณะเป็นพื้นที่ป่าไม้ และทางฝั่งตะวันตกจะมีลักษณะพื้นที่เป็นป่าชายเลนและทะเลอันดามัน ซึ่งสามารถจำแนกทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ ดังนี้
ทรัพยากรป่าไม้ ปัจจุบันพื้นที่ป่าทางทิศตะวันออกของหมู่บ้านลดลงไปมาก เนื่องมาจากชาวบ้านเข้าไปทำการเกษตร ทำสวนยางพารา และสวนปาล์ม โดยชาวบ้านบางรายได้เข้าไปบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่ชาติ ทว่า ยังคงมีความอุดมสมบูรณ์อยู่ มีสัตว์ป่าน้อยใหญ่เข้ามาอาศัยเป็นจำนวนมาก สัตว์ป่าที่พบ ได้แก่ เสือ กระจง ไก่ป่า สัตว์เลื้อยคลานประเภทต่าง ๆ และนกนานาชนิด และยังพบไม้ยืนต้นนานาพรรณ เช่น ตะแบก ตะเคียน นากบุตร กระบอก กระยาง หวาย และไม้ไผ่ นอกจากนี้ยังมีเห็ด และกล้วยไม้ป่าชนิดต่าง ๆ โดยเฉพาะว่านหางช้าง ซึ่งเป็นกล้วยไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ชาวบ้านมักจะนำมาเป็นสมุนไพรแก้โรคต่าง ๆ อนึ่ง พื้นที่ป่าแถบนี้ยังมีลักษณะเป็นป่าดงดิบ ซึ่งจะมีไม้เนื้อแข็งอยู่หลายชนิด ชาวบ้านสามารถนำมาใช้ในการสร้างบ้านเรือน รวมถึงใช้ประโยชน์อื่นได้อีกมากมาย
ทรัพยากรทางทะเล ในอดีตทรัพยากรทางทะเลบ้านบางครั่งมีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก บริเวณคลองบางครั่งเหนือ และบริเวณป่าชายเลนจะเป็นแหล่งจับสัตว์น้ำของชาวบ้าน แต่ปัจจุบันชาวบ้านต้องออกไปหาปลาที่ทะเลใหญ่ เนื่องจากทรัพยากรทางทะเลลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว อันเนื่องมาจากพัฒนาการของอุปกรณ์การทำประมง รวมถึงเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ เมื่อปี พ.ศ. 2547 ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อระบบนิเวศทางทะเล จำนวนปลาลดน้อยลง และยังทำให้ปลาต้องสูญเสียแหล่งที่อยู่อาศัย เช่น ป่าชายเลน ปะการัง ทำให้จากเดิมที่ชาวบ้านเคยจับปลาได้ในปริมาณมาก แต่ปัจจุบันกลับจับปลาได้น้อยลงและปลาหายากมากขึ้น
ปัจจุบันบ้านบางครั่ง หมู่ที่ 2 ตำบลบางวัน อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา มีจำนวนประชากรทั้งสิ้น 745 คน ชาวบ้านส่วนใหญ่จะมาจากตระกูลเดียวกัน มีการติดต่อไปมาหาสู่ระหว่างกันอย่างใกล้ชิด มีลักษณะความสัมพันธ์ในรูปแบบเครือญาติ โดยสามารถสังเกตได้จากนามสกุลที่เหมือนกันอยู่หลายครัวเรือนในหมู่บ้าน เช่น ตระกูลเมตตาธรรม สมบูรณ์ธรรม และแก้วจําปา ซึ่งจะมีความสัมพันธ์ในลักษณะพ่อแม่ ลูก หลาน ลุง ป้า น้า อา ซึ่งสามารถเปรียบเทียบได้เสมือนเป็นครอบครัวเดียวกันทั้งหมู่บ้าน และเนื่องจากครอบครัวของชาวบ้านบางครั่งมีลักษณะเป็นครอบครัวขยาย ซึ่งมีจำนวนสมาชิกในครอบครัวค่อนข้างมาก จึงอาจมีความขัดแย้งหรือเกิดความไม่พอใจซึ่งกันและกันภายในครอบครัวหรือในระบบเครือญาติ แต่ก็มักจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อยๆ เท่านั้น แต่ความขัดแย้งขนาดใหญ่มักจะเป็นความขัดแย้งทางการเมืองท้องถิ่นซึ่งจะเกิดในช่วงที่มีการเลือกตั้งผู้นําหมู่บ้าน เพราะจะมีการแบ่งพรรคแบ่งพวก แต่หลังจากเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้ว ชาวบ้านสามารถปรับตัวกลับมาสามัคคีร่วมมือกันดังเดิม
การประกอบอาชีพของชาวบ้านบางครั่งนั้นพบว่าค่อนข้างที่จะมีความหลากหลาย ทั้งภาคการเกษตร การประมง การท่องเที่ยวและการบริการ โดยอาชีพที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ เกตรกรรม มีพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และผลไม้ เช่น เงาะ มังคุด ทุเรียน ฯลฯ รองลงมาคือการประกอบอาชีพประมง ซึ่งเป็นอาชีพที่มีความสำคัญไม่น้อยกว่าการทำสวนยางและสวนปาล์มน้ำมัน เนื่องจากบ้านบางครั่งมีอาณาเขตติดต่อกับป่าชายเลนและทะเลอันดามัน ซึ่งถือเป็นขุมทรัพย์ของทรัพยากรทางทะเล เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา ฯลฯ ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้แก่ชาวบ้านบางครั่งตลอดทั้งปี สำหรับอาชีพอื่น ๆ ที่รองลงมาจากการทำเกษตรและการทำประมง คือ การรับจ้างในโรงแรมและโรงงานต่าง ๆ ทั้งในหมู่บ้านหรือต่างจังหวัดรวมถึงอาชีพค้าขายหรือประกอบธุรกิจส่วนตัว
ศาสนา
ประชากรชาวบ้านบางครั่งส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 97 จากจำนวนประชากรทั้งหมด โดยมีวัดบางครั่งเป็นศาสนสถานศูนย์รวมการประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ วัดแห่งนี้ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2485 เริ่มแรกมีฐานะเป็นเพียงสำนักสงฆ์บางครั่ง แต่ได้รับการเลื่อนฐานะเป็นวัดในภายลัง ทุกวันสำคัญทางศาสนาชาวบ้านบางครั่งรวมถึงชาวบ้านในหมู่บ้านใกล้เคียงจะเดินทางมาประกอบศาสนกิจพิธีกรรมต่าง ๆ ที่สำนักสงฆ์บ้านบางครั่ง จึงอาจกล่าวได้ว่า สำนักสงฆ์บ้านบางครั่งแห่งนี้เปรียบเสมือนศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านบางครั่งและหมู่บ้านใกล้เคียงมาตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน
ประเพณี
- วันสงกรานต์ เมื่อถึงวันสงกรานต์ ชาวบ้านบางครั้งจะจัดให้มีการทําบุญตักบาตร และรดน้ำดําหัวผู้อาวุโสเพื่อเป็นการขอพรและแสดงความเคารพต่อผู้อาวุโส และเพื่อสืบสานประเพณีวัฒนธรรมที่สําคัญของไทยให้คงอยู่ต่อไป
- วันตรุษจีน บ้านบางครั่งมีประชากรในพื้นที่สืบเชื้อสายจีนอยู่จำนวนหนึ่ง ดังนั้นประเพณีวันตรุษจีนจึงนับได้ว่าเป็นประเพณีที่คนในชุมชนให้ความสําคัญมากเช่นกัน เพื่อเป็นเซ่นไหว้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว และแสดงให้เห็นถึงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ
- วันเข้าพรรษา ชาวบ้านจะมาทําบุญที่วัดกันเกือบทุกครัวเรือน มีการนําข้าวตอก ดอกไม้ และถวายเทียนพรรษาที่วัด และในช่วงระยะเวลาเข้าพรรษานี้ ชาวบ้านจะนิยมไปทําบุญที่วัดในทุกวันพระ นอกจากนี้ยังมีการรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษา และถือศีลตลอดฤดูกาลเข้าพรรษาด้วย
- วันสารทเดือนสิบ ตรงกับวันแรม 15 ค่ำเดือน 10 ของทุกปี ชาวบ้านบางครั่งได้ถือเอาวันสารทเดือนสิบเป็นวันที่สําคัญที่สุดในรอบปี เพราะมีความเชื่อกันว่าเป็นวันที่ญาติทั้งหลายที่ล่วงลับไปแล้วจะได้รับการปลดปล่อยจากอบายภูมิเพื่อมารับส่วนบุญส่วนกุศล ดังนั้นชาวบ้านทุกครัวเรือนตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ จะต้องนําข้าวปลาอาหารไปทําบุญที่วัด เพื่อเป็นการอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่ญาติพี่น้องทั้งหลายที่ล่วงลับไปแล้ว ส่วนลูกหลาน หรือญาติพี่น้องที่ออกจากบ้านไปทํางาน หรือพักอาศัยอยู่ต่างถิ่นก็ได้ถือโอกาสนี้กลับมาบ้านเกิด เพื่อที่จะไปทําบุญร่วมกันที่วัด เป็นการแสดงให้เห็นถึงการรวมพลังความสามัคคีของคนในชุมชนได้เป็นอย่างดี
- ลอยกระทง สำหรับชาวบ้านบางครั่งแล้ว ประเพณีลอยกระทงถือเป็นประเพณีการขอขมาต่อแม่น้ำ ซึ่งจะจัดขึ้นบริเวณสะพานไม้บางครั่ง
ภาษาพูด : ภาษาไทยถิ่นใต้
ภาษาเขียน : ภาษาไทย
ประปา : สมัยก่อนชาวบ้านบางครั่งจะใช้น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ เพราะพื้นที่โดยส่วนรวมของชาวบ้านบางครั่งนั้นอุดมสมบูรณ์ มีแหล่งต้นน้ำลําธาร คือ เทือกเขานมสาว ซึ่งมีคลองที่ไหลผ่านหมู่บ้านบางครั่งหลายสาย ต่อมาได้มีการสร้างฝายกั้นน้ำและเดินท่อพีวีซีเข้ามายังหมู่บ้าน ทําเป็นน้ำประปาใช้ในการอุปโภคและการเกษตร แต่จากการสํารวจแหล่งน้ำของชาวบ้านพบว่า แหล่งน้ำตามธรรมชาติที่มีอยู่นั้นไม่สะอาด มีสารเคมีเจือปนจากการทําการเกษตร ทําสวนยางพารา และสวนปาล์มที่ใช้ปุ๋ยเคมี จึงทําให้เป็นสนิมซึ่งไม่สามารถนํามาบริโภคได้ ด้วยเหตุนี้บ้านบางครั่งจึงได้รับการสนับสนุนเครื่องกรองน้ำให้ชาวบ้านได้ใช้บริโภคโดยทั่วกัน
ไฟฟ้า : ปัจจุบันชาวบ้านบางครั่งมีไฟฟ้าใช้ทุกหลังคาเรือน ภายใต้ความรับผิดชอบของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอคุระบุรี โดยได้รับกระแสไฟฟ้าเชื่อมโยงจากสถานีอำเภอตะกั่วป่า จ่ายกระแสไฟฟ้าทั่วทุกพื้นที่หมู่บ้านในเขตตำบลบางวัน
ภายในหมู่บ้านบางครั่งมีสะพานไม้อายุเก่าแก่กว่า 150 ปี คือ สะพานไม้บางครั่ง เป็นสะพานที่ชาวบ้านบางครั่งสร้างขึ้นมาเอง โดยรวบรวมทรัพย์สินและเงินส่วนตัวของชาวบ้านในการซื้อวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ และตัดไม้มาทําเป็นสะพานข้ามแม่น้ำสัญจรไปมา สะพานแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2520 และปัจจุบันชาวบ้านยังใช้ประโยชน์จากสะพานแห่งนี้ในการสัญจรอยู่ โดยได้มีความพยายามของบประมาณจากส่วนราชการ และมูลนิธิต่าง ๆ เพื่อสร้างสะพานคอนกรีต เพราะปัจจุบันสะพานเกิดความชํารุดจําเป็นต้องซ่อมบํารุงหรือปรับเปลี่ยนเป็นสะพานคอนกรีตที่แข็งแรงกว่าสะพานไม้ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน แต่ก็ยังไม่ได้รับการตอบรับหรือ สนับสนุนงบประมาณทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน หรือมูลนิธิใด ๆ ทําให้ชาวบ้านจําเป็นต้องใช้สะพานแห่งนี้ต่อไป โดยต้องหวาดระแวงไปว่าจะเกิดอุบัติเหตุระหว่างข้ามสะพานหรือไม่
อุสมาน แวบือซา. (2552). การมีส่วนร่วมของประชาชนในกิจกรรมชุมชน: กรณีศึกษาบ้านบางครั่ง ตำบลบางวัน อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา. สารนิพนธ์ประกาศนียบัตรบัณฑิต สำนักบัณฑิตอาสาสมัคร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
วัดบางครั่ง. (2565). วัดบางครั่ง. [ออนไลน์]. ได้จาก: https://www.facebook.com/ [สืบค้นเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2566].