Advance search

บ้านจะบูสี

ชุมชนชาติพันธุ์ลาหู่ที่มีการพึ่งพิงธรรมชาติ มีการปลูกพืชผักสวนครัวเพื่อบริโภคในครัวเรือน และเพื่อการค้าขายกับภายนอก

หมู่5
แม่สลองนอก
แม่ฟ้าหลวง
เชียงราย
ปรายฟ้า ตั้งจิตติวัฒนา
5 มี.ค. 2023
ปวินนา เพ็ชรล้วน
11 เม.ย. 2023
ปวินนา เพ็ชรล้วน
3 พ.ค. 2023
บ้านจะบูสี

ตั้งชื่อตามผู้นำชุมชนคือนายจะบูสี 


ชุมชนชาติพันธุ์

ชุมชนชาติพันธุ์ลาหู่ที่มีการพึ่งพิงธรรมชาติ มีการปลูกพืชผักสวนครัวเพื่อบริโภคในครัวเรือน และเพื่อการค้าขายกับภายนอก

หมู่5
แม่สลองนอก
แม่ฟ้าหลวง
เชียงราย
57110
อบต.แม่สลองใน โทร. 0-5373-0360
20.124978853844112
99.65789820923399
องค์การบริหารส่วนตำบลแม่สลองนอก

ชาวลาหู่บ้านจะบูสี เป็นกลุ่มชาวลาหู่ที่เร่ร่อนเคลื่อนย้ายถื่นฐานที่อยู่ และทำมาหากินในอาณาบริเวณนี้มา 3-4 ชั่วอายุคน โดยในอดีตชาวลาหู่กลุ่มนี้ตั้งถิ่นฐานที่อยู่และทำมาหากินในเขตต้นน้ำแม่คำ ต่อมาเมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อกองทัพประเทศญี่ปุ่นเคลื่อนกำลังพลผ่าน อำเภอแม่จัน และมุ่งหน้าเข้าสู่เขตต้นน้ำแม่คำ เพื่อไปเมืองตูม เมืองเชียงตุง รัฐฉาน ประเทศพม่า หัวหน้าบ้านลาหู่ คือ นายจะบูสี จึงอพยพครอบครัวออกจากเขตต้นน้ำแม่คำ เพื่อหลบหนีเส้นทางเดินทัพของกองทัพญี่ปุ่น โดยอพยพข้ามสันเขามาอยู่หมู่บ้านฮาโกโมในเขตต้นน้ำแม่สลอง และหลังจากนั้นประมาณปี พ.ศ. 2504-2505 จึงอพยพบ้านเรือนมาอยู่บนฝั่งน้ำแม่จันหมู่บ้านจะบูสี และดำเนินชีวิตพึ่งพิงความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ โดยการล่าสัตว์เก็บของป่า ชาวลาหู่ยังบุกเบิกพื้นที่ป่าเพื่อทำไร่พริก ไร่ข้าวและไร่ข้าวโพด โดยผลผลิตบางส่วนมีการนำไปขายให้กับพ่อค้าชาวไทยพื้นราบอีกด้วย

ต่อมานายจะบูสีซึ่งเป็นผู้นำหมู่บ้านเดินทางไปประเทศพม่า และเสียชีวิตที่พม่า ในขณะเดียวกันที่หมู่บ้านจะบูสีมีโจรบุกเข้าปล้นบ้านนายจะบูสี และฆ่าภรรยาของนายจะบูสีตาย เหตุการณ์นี้ทำให้ชาวบ้านเสียขวัญและหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ชาวบ้านจึงตัดสินใจอพยพออกจากหมู่บ้านไปอยู่ที่ใหม่ ชาวจะบูสีอพยพไปอยู่ที่ใหม่ประมาณ 20 ปี ก็เกิดปัญหาขึ้นใหม่เนื่องจากสถานที่ตั้งหมู่บ้านแห่งใหม่ อยู่ใกล้กับที่ทำกินของหมู่บ้านพนาสวรรค์ หมูของชาวบ้านจะบูสี ซึ่งจะเลี้ยงแบบปล่อยให้หากินเองตามธรรมชาติ ได้เข้าไปบุกรุกกัดกินพืชผลของชาวบ้านพนาสวรรค์โดยตลอด จนวันหนึ่งชาวบ้านพนาสวรรค์อดทนต่อไปไม่ไหว จึงใช้ปืนยิงหมูของชาวบ้านจะบูสีตาย และนำเอาหมูไปกิน ด้วยเหตุการความขัดแย้งที่เกิดขึ้นทำให้ชาวจะบูสี ตัดสินใจอพยพกลับมาอยู่ที่เดิมจนถึงปัจจุบัน

ชุมชนบ้านจะบูสี มีพื้นที่อยู่ในตำบลแม่สลองนอก อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย มีอาณาเขตติดกับบ้านป่าคาสุขใจ บ้านพนาสวรรค์ บ้านอาแบ และมีเส้นทางลัดลงสู่อำเภอแม่จันผ่านบ้านเล่าฝู่ โป่งป่าแขม เส้นทางเข้าหมู่บ้านจากหน้าโรงเรียนบ้านสันติคีรีเป็นระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร เป็นทางซีเมนต์ 3 กิโลเมตร และทางลูกรังประมาณ 4 กิโลเมตร ไม่มีรถประจำทางเข้าถึงหมู่บ้าน

สภาพพื้นที่ทางกายภาพ

ชุมชนบ้านบูจะสี ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติที่เป็นแหล่งต้นน้ำแม่คำ ต้นน้ำแม่สลอง และต้นน้ำแม่จัน อยู่บนภูเขา สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 700 เมตร อากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี มีป่าไม้ธรรมชาติเป็นป่าต้นก่อ ต้นจำปาป่า ต้นไทร และป่าไผ่ ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าธรรมชาติ จำนวน 30 หลังคาเรือน 35 ครอบครัว

บ้านจะบูสีตั้งอยู่ในหุบเขาบนดอยคอปาเน พื้นที่หมู่บ้านประมาณ 4-6 ไร่ สูงจากระดับน้ำทะเล 1,000 เมตร โดยมีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้

  • ทิศเหนือ ติดต่อกับ บ้านพนาสวรรค์ และบ้านป่าคาสุขใจ อ.แม่ฟ้าหลวง
  • ทิศใต้ ติดต่อกับ บ้านโป่งป่าแขม และบ้านโป่งขม อ.แม่จัน  
  • ทิศตะวันออก ติดต่อกับ บ้านอาแบ อ.แม่ฟ้าหลวง
  • ทิศตะวันตก ติดต่อกับ บ้านรวมใจ อ.แม่จัน

ชุมชนบ้านจะบูสีเป็นชุมชนชาติพันธุ์ลาหู่ มีประชากรประมาณ 144 คน ชาย 71 คน หญิง 73 คน รวมจำนวน 30 หลังคาเรือน 35 ครอบครัว

ระบบครอบครัวและเครือญาติ

รูปแบบครอบครัวในหมู่บ้านส่วนใหญ่เป็นครอบครัวเดี่ยว มีขนาดของครอบครัวประมาณ 3-5 คน มีครอบครัวขยายเพียง 2 ครอบครัว โดยมีสมาชิก 5-7 คน โดยครอบครัวขยายมักอยู่ในตระกูลของฝ่ายหญิง ซึ่งเป็นไปตามธรรมเนียมของชาวลาหู่ ที่หลังจากแต่งงานแล้ว ฝ่ายชายต้องไปอยู่ร่วมกับตระกูลของฝ่ายหญิง 

สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวนั้น ถือได้ว่ามีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดแทบทุกหลังคาเรือน เนื่องจากมีการแต่งงานกันระหว่างตระกูล ทั้งหมู่บ้านจึงมีความผูกพันและเป็นเครือญาติกัน โดยสามารถแบ่งกลุ่มตระกูลใหญ่ ๆ ในหมู่บ้านได้ 3 ตระกูล คือ ตระกูลมูเซอ ตระกูลแสนคำ และตระกูลอากุโล โดยตระกูลมูเซอเป็นตระกูลที่มีอิทธิพลและมีบทบาทกับหมู่บ้านมากที่สุด เพราะเป็นกลุ่มตระกูลผู้นำหมู่บ้าน

นอกจากนี้ชาวลาหู่ ยังยึดถือระบบอาวุโสเป็นหลัก โดยที่ทุกคนในชุมชนต้องให้ความเคารพเชื่อฟังผู้อาวุโส

ลาหู่

ชุมชนบ้านจะบูสีอุดมด้วยความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ และชุมชนยังคงรักษาประเพณีวัฒนธรรมดั้งเดิมไว้  ชาวจะบูสีมีชีวิตที่เรียบง่าย  มีการจัดการทรัพยากรธรรมชาติโดยชุมชน เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ดูงานให้กับชุมชนอื่น ๆ พร้อมกันนั้นก็ยังเป็นกรณีตัวอย่างของการจัดการทรัพยากรธรรมชาติโดยชุมชน โดยชุมชนร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมโครงการป่าชุมชน ซึ่งอนุมัติโดยอธิบดีกรมป่าไม้ ใช้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือในการเผยแพร่ประเด็นเรื่องคนอยู่กับป่า และเผยแพร่วิถีชีวิตชนเผ่าให้คนภายนอกรับรู้และมีทัศนคติที่ถูกต้องและยอมรับว่ากลุ่มชาติพันธุ์ก็เป็นส่วนหนึ่งของความเป็นพลเมืองไทย

ในอีกด้านหนึ่งการท่องเที่ยวก็เป็นเครื่องมือในการพัฒนาคนในชุมชน พัฒนาทักษะการทำงานเป็นกลุ่ม การกล้าแสดงออกและการติดต่อประสานงานกับภายนอก ชุมชนได้เรียนรู้ วิเคราะห์ศักยภาพของตนเอง พัฒนาโปรแกรมการท่องเที่ยวที่สอดคล้องกับจุดเด่น พร้อมทั้งสร้างความเข้มแข็งด้านอื่น ๆ เช่น ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการติดต่อประสานงาน การประชาสัมพันธ์ และความเข้าใจเกี่ยวกับระบบทัวร์ มีความสามารถในการติดต่อ เจรจากับบริษัททัวร์ เป็นต้น

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

1. แม่หลวงกาญจนา จันทร์หอมสกุล  ผู้ใหญ่บ้านป่าคาสุขใจ ซึ่งต้องรับผิดชอบดูแลหมู่บ้านจะบูสีด้วย เนื่องจากหมู่บ้านจะบูสีเป็นกลุ่มบ้านบริวารของหมู่บ้านป่าคาสุขใจ

2. นายจะต๋อย แสนคำ  เป็นผู้นำหมู่บ้าน มีความรู้ในการพูดและฟังภาษาไทยได้พอสมควร สามารถติดต่อกับคนไทยรู้เรื่อง เป็นที่เคารพนับถือของคนในหมู่บ้าน

3. นายอาเบ ยาผ่า  เป็นผู้ช่วยผู้นำหมู่บ้าน มีความรู้เรื่องยาสมุนไพร และเป็นคนเดียวในหมู่บ้านที่มาจากเผ่าลีซอ

ทุนทางวัฒนธรรมหรือภูมิปัญญาท้องถิ่น

1. การทำพิธีกรรมต่าง ๆ ที่บ้านโตโบ “โตโบ” หรือ “ปู่จอง” คือผู้นำชุมชนที่สมาชิกชุมชนให้ความเคารพนับถือ ด้วยเชื่อว่าเป็นผู้ที่ติดต่อสื่อสารกับพระเจ้า ผี หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่เหนือธรรมชาติได้ โตโบจึงเป็นผู้นำในการทำพิธีกรรมต่าง ๆ ตามประเพณีของชาวลาหู่ รวมถึงให้การเยียวยารักษาความเจ็บป่วยของชนเผ่าที่มีมานานตามแบบแผนโบราณ (การสะเดาะเคราะห์ การใช้คาถาปัดเป่า ควบคู่ไปกับการรักษาจากโรงพยาบาล) อันเป็นการรักษาทางจิตใจ ดูแลเยียวยาจิตใจผู้ป่วยรวมถึงญาติพี่น้องให้มีกำลังใจเข้มแข็งขึ้น มีสติ และตระหนักถึงแก่นธรรมมากขึ้น โตโบจะได้รับการถ่ายทอดวิชาความรู้และวัตรปฏิบัติจากโตโบคนก่อนหน้านี้ ดังนั้นส่วนใหญ่การสืบทอดตำแหน่งจึงมักจะสืบทอดโดยเชื้อสายของโตโบรุ่นก่อน แต่การแต่งตั้งนั้นจะต้องได้รับการโหวตยอมรับจากสมาชิกในชุมชนด้วย

2.การตำข้าวปุกดอย เดิมทีจะตำข้าวปุกแค่ปีละครั้งใน "ประเพณีกินวอ" เทศกาลปีใหม่ของชาวลาหู่ที่จัดขึ้นหลังจากเก็บเกี่ยวราวเดือนตุลาคม เฉลิมฉลองให้กับความอุดมสมบูรณ์ คนในครอบครัว ญาติพี่น้องจะมารวมตัวทำอาหารกินข้าวร่วมกันเสมือนวันรวมญาติเช่นเดียวกับเทศกาลสงกรานต์ และตำข้าวปุกไหว้บรรพบุรุษ โดยจะตำข้าวปุกปั้นเป็นก้อนใหญ่ 1 ก้อน เป็นสัญลักษณ์แทนครอบครัวที่สมบูรณ์ ล้อมรอบด้วยข้าวปุกก้อนเล็ก ๆ ที่เปรียบเป็นสมาชิกในครอบครัว ข้าวปุกในพิธีนี้จะนำมากินได้หลังเสร็จสิ้นพิธีก็จะนำมาแบ่งให้ลูกหลานกิน ทั้งกินสด หรือหมกขี้เถ้าจนเกรียมหอม แล้วเอาออกมาเคาะขี้เถ้าก็จะได้ข้าวปุกอุ่นทั่วกันทั้งก้อน เพิ่มความหอมอร่อยเหมาะกับอากาศหนาวเย็น ปัจจุบันชาวลาหู่ปรับเปลี่ยนประเพณีให้ยืดหยุ่น ตำข้าวปุกกินนอกพิธีได้ ตามคำเรียกร้องของทุกคนที่อยากกินข้าวปุกได้บ่อย ๆ เพียงแต่ต้องอยู่ในกรอบเวลาการตำที่กำหนดคือให้พ้นปีใหม่ไปก่อน

3. ภูมิปัญญาอื่นๆ การทำอุปกรณ์ในชีวิตประจำวัน เช่น กล้องยาสูบ การทำไม้กวาดก๋ง การทำหน้าไม้ สานเสื่อ เย็บผ้า หายาสมุนไพร ตีมีด ทำหน้าไม้การเล่นดนตรีชนเผ่า เช่น แคนลาหู่ ซึง ขลุ่ยแบบไม่มีลิ้น และใบไม้ เป็นเพลงชนเผ่า

สำหรับภาษาพูดของลาหู่จัดว่าเป็นภาษาหนี่งในตระกูลพม่า-ธิเบต ตามการจัดแบ่งของนักชาติพันธุ์วิทยา ถือเป็นทำนองเดียวกันกับภาษาพูดของลีซอและอาข่า นอกจากนี้ยังมีการยืมคำจากภาษาจีน และภาษาไทยอีกด้วย และในการติดต่อระหว่างลาหู่กับกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ จะใช้ภาษาลาหู่เป็นภาษากลาง



ในปัจจุบันการท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคนในชุมชน พัฒนาทักษะการทำงานเป็นกลุ่ม การกล้าแสดงออก และการติดต่อประสานงานกับภายนอก ชุมชนได้เรียนรู้ วิเคราะห์ศักยภาพของตนเอง พัฒนาโปรแกรมการท่องเที่ยวที่สอดคล้องกับจุดเด่น พร้อมทั้งสร้างความเข้มแข็งด้านอื่น ๆ เช่น ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการติดต่อประสานงาน การประชาสัมพันธ์ และความเข้าใจเกี่ยวกับระบบทัวร์ มีความสามารถในการติดต่อ เจรจากับบริษัททัวร์ เป็นต้น

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

ธงชัย พุ่มพวง. (2554). ชนเผ่าลาหู่จะบูสี หมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่แม่สลอง. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2566. จาก: https://soclaimon.wordpress.com/

ศูนย์ประสานงานเครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชน. (2555). บ้านบูจะสี. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2566. จาก: https://thaicommunitybasedtourismnetwork.wordpress.com/

สุวิทย์ นิยมมาก. (2547). กระบวนการปรับเปลี่ยนภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชนในการจัดการลุ่มน้ำแม่สลอง บ้านจะบูสี อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย. วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการจัดการมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

โฮมสเตย์บ้านบูจะสี เชียงราย. (2555). [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2566. จาก: http://mycity.tataya.net/th/cbt_north_cr_009.php.