
หนึ่งในชุมชนพื้นที่ส่งเสริมศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหมอกจ๋าม ชุมชนประกอบอาชีพเกษตรกรรม แต่ขณะเดียวกันก็มีรายได้เสริมจากหัตถกรรมทอผ้าและผลิตภัณฑ์แปรรูป
หนึ่งในชุมชนพื้นที่ส่งเสริมศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหมอกจ๋าม ชุมชนประกอบอาชีพเกษตรกรรม แต่ขณะเดียวกันก็มีรายได้เสริมจากหัตถกรรมทอผ้าและผลิตภัณฑ์แปรรูป
บ้านผาใต้ ตั้งอยู่หมู่ที่ 12 ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นหมู่บ้านหนึ่งที่อยู่ในพื้นที่ส่งเสริมของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหมอกจ๋าม ประกอบด้วย 8 หย่อมบ้าน ตามรายงานการศึกษาวิจัยไม่ได้ระบุถึงประวัติศาสตร์ของชุมชนบ้านผาใต้ไว้มากนัก เพียงกล่าวถึงประวัติความเป็นมาของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหมอกจ๋ามไว้ ซึ่งคำว่า “หมอกจ๋าม” เป็นภาษาไทยใหญ่ แปลว่า ดอกจำปี เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ใกล้ริมแม่น้ำกก เดิมเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ในการเสด็จเยี่ยมเยือนของ รัชกาลที่ 9 และพระบรมวงศานุวงศ์ ในปี พ.ศ. 2517, 2519 ได้ทอดพระเนตรเห็นสภาพความเป็นอยู่ของราษฎรที่ลำบาก ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2526 จึงเริ่มดำเนินงานอย่างเป็นทางการ “ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหมอกจ๋าม” ตั้งอยู่ในเขตหมู่บ้านห้วยศาลา ดูแลรับผิดชอบรวม 9 หมู่บ้าน รวมจำนวนประชากรกว่า 2,670 คน โดยได้รับเงินทุนสนับสนุนจากมูลนิธิโครงการหลวง เพื่อพัฒนาปัจจัยพื้นฐานของชุมชนให้มีมาตรฐาน ส่งเสริมอาชีพและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้เกิดการพึ่งพาตนเอง ตลอดจนฟื้นฟูอนุรักษ์สภาพแวดล้อมให้มีความสมบูรณ์
บ้านผาใต้ ตั้งอยู่หมู่ที่ 12 ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นหมู่บ้านหนึ่งที่อยู่ในพื้นที่ส่งเสริมของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหมอกจ๋าม ประกอบด้วย 8 หย่อมบ้าน โดยมีพ่อหลวงเพียงคนเดียว มีจำนวนครัวเรือนทั้งสิ้น 217 ครัวเรือน และประชากรจำนวน 1,112 คน แบ่งเป็นเพศหญิงประมาณร้อยละ 60 และเพศชาย ร้อยละ 40 ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวลาหู่ดำ นับถือศาสนาคริสต์ (ธันยา พรหมบุรมย์ และ วิสุทธร จิตอารี, 2550, น.37)
ลาหู่กลุ่มชาวบ้านบ้านผาใต้ มีอาชีพหลัก คือ การเกษตร โดยเกษตรกรส่วนใหญ่ปลูกข้าวนาดำและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ อีกทั้งยังเลี้ยงควายเป็นสัตว์เศรษฐกิจ ส่วนอาชีพเสริม คือ การทำหัตถกรรม การรับจ้างล่องเรือให้กับนักท่องเที่ยว เนื่องจากหมู่บ้านอยู่ติดริมน้ำกก มีท่าล่องเรือจากหมู่บ้านไปจังหวัดเชียงราย (ธันยา พรหมบุรมย์ และ วิสุทธร จิตอารี, 2550, น.37)
ข้อมูลจากการสัมภาษณ์แม่หลวงนานู จะเผอ ภูมิปัญญาการทอผ้ามักเรียนรู้จากบุคคลในครอบครัว รายได้เสริมเฉลี่ยต่อปีประมาณ 15,000 บาท/ปี การทอผ้ามักอยู่ในกลุ่มของผู้หญิงเท่านั้น มักทอไว้ใช้ในครัวเรือน ในภาพรวมชาวบ้านที่ทอผ้าอย่างเดียวมีประมาณร้อยละ 70 ไม่มีการตัดเย็บแปรรูป แต่ถ้าหากทอและเย็บผ้าด้วยมีประมาณร้อยละ 20 โดยเป็นการใช้จักรเย็บผ้าเพื่อแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น กระเป๋าย่าม กระเป๋าใส่เครื่องสำอาง กระเป๋าสตางค์ หมวก เสื้อกั๊ก และที่เหลืออีกร้อยละ 10 ของครัวเรือนทั้งหมดไม่มีการทอผ้า (ธันยา พรหมบุรมย์ และ วิสุทธร จิตอารี, 2550, น.39)
อุปกรณ์เครื่องมือการทอผ้าของชาวลาหู่ มีลักษณะคล้ายกับเครื่องทอกี่เอวของกะเหรี่ยงแต่มีขนาดเล็กกว่า คือ เป็นแบบห้างหลังหรือมีสายคาดเอว ทำจากไม้ไผ่ ปัจจุบันอุปกรณ์บางชิ้นประยุกต์ใช้จากท่อพีวีซี ชาวลาหู่นิยมทอผ้าหน้าแคบประมาณ 4.5 นิ้ว โดยซื้อฝ้ายสำเร็จย้อมสีธรรมชาติ นำมากรอและทอผ้าเอง ตัดเย็บโดยใช้จักรเย็บผ้าหรือเย็บมือแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ลวดลายของชิ้นงานมีทั้งลายดั้งเดิม ได้แก่ ลายเขี้ยวหมา ลายตาเดียว และลายสองตา ส่วนลายสมัยใหม่เป็นลายประยุกต์ ปัจจุบันจึงมีทั้งสองลายปนกันไป (ธันยา พรหมบุรมย์ และ วิสุทธร จิตอารี, 2550, น.41)
ความหมายลายปัก (ธันยา พรหมบุรมย์ และ วิสุทธร จิตอารี, 2550, น.48)
- ลายฟันหมา หมายถึง ความฉลาดหลักแหลม
- ลายดอกธนู หมายถึง ความชำนาญในการล่าสัตว์
- ตาสองตา หมายถึง การมองการไกล
ธันยา พรหมบุรมย์, และ วิสุทธร จิตอารี. (2550). การศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาหัตถกรรมท้องถิ่นและตลาด ในพื้นที่โครงการ : กรณีศึกษาผ้าทอชาติพันธุ์ลาหู่ (รายงานการวิจัย). เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.