Advance search

มัญจาคีรีนามเมืองเก่า บึงกุดเค้าคู่เมืองบ้าน นมัสการหลวงปู่โสหลวงปู่ผาง ตลาดกลาง ที่นอนหมอน แสนออนซอนดอนเต่า งามลำเนาเขาภูเม็ง เล็งชมกล้วยไม้ป่าบาน

หมู่ที่ 2
บ้านท่าศาลา
ท่าศาลา
มัญจาคีรี
ขอนแก่น
ศิราณี ศรีหาภาค
28 เม.ย. 2023
วีรภัทร ศรีทำบุญ
28 เม.ย. 2023
veerapat srithamboon
5 มิ.ย. 2023
บ้านท่าศาลา

เหตุที่มาของชื่อชุมชนชาวบ้านได้ลงมติกันว่า คำว่า "ท่า"  มาจาก ท่าลงอาบน้ำลำห้วยใหญ่ (พะเนาว์) มีบ่อน้ำไว้ให้คนดื่มกิน มีท่าน้ำให้คนได้ลงอาบ ลงเล่นน้ำ อาบน้ำ ตรงกันมี "ศาลา" ให้คนพักร้อนจึงได้ตั้งชื่อว่า บ้านท่าศาลา มาจนทุกวันนี้


ชุมชนชนบท

มัญจาคีรีนามเมืองเก่า บึงกุดเค้าคู่เมืองบ้าน นมัสการหลวงปู่โสหลวงปู่ผาง ตลาดกลาง ที่นอนหมอน แสนออนซอนดอนเต่า งามลำเนาเขาภูเม็ง เล็งชมกล้วยไม้ป่าบาน

บ้านท่าศาลา
หมู่ที่ 2
ท่าศาลา
มัญจาคีรี
ขอนแก่น
40160
16.28408024
102.6082411
องค์การบริหารส่วนตำบลท่าศาลา

บ้านท่าศาลาก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 2466 โดยมีชาวบ้านย้ายถิ่นฐานมาจากบ้านพระบุ บ้านดอนดู่ อำเภอพระยืน จังหวัดขอนแก่น (ปัจจุบัน) ใช้เกวียนเป็นพาหนะ เดิมมี 7 ครอบครัว คือ

  1. พ่อใหญ่หวด ภูมิพระบุ
  2. พ่อใหญ่สายเหมี่ยง วิชาโคตร 
  3. พ่อใหญ่เขียว หมื่นไตร
  4. พ่อใหญ่จารย์แป นามมูลน้อย
  5. พ่อใหญ่มูล เพียศรีพิชัย
  6. พ่อใหญ่ภู ยอดแสง
  7. พ่อใหญ่แขก กิ่งคำ

ในราวปี พ.ศ. 2460 เจ็ดครอบครัวครอบครัวก็ได้ออกเดินทางมาถึงที่ท่าน้ำริมห้วยใหญ่ (ห้วยพะเนาว์) คิดว่าเป็นถิ่นที่อุดมสมบูรณ์ ทิศเหนือติดกับลำห้วย มีน้ำใสสะอาด ได้อาบได้กิน เหมาะแก่การใช้สอย ทิศใต้ติดกับโคกขี้คร้าน ป่าโคกหลวง เป็นโคกที่อุดมสมบูรณ์ มีพืชพันธุ์ธัญญาหารทุกชนิด ก็เลยตกลงกันว่าเอาที่นี่เป็นจุดสำคัญ (หรือที่พัก) ค้างคืนพอ ค่ำมาก็หุงข้าว หุงปลากินกัน ก่อนนอนก็ได้ปรึกษากันว่าถ้าพวกเราจะเอาที่นี่เป็นจุดที่พักหรือจุดสำคัญ ก็ควรสร้างศาลากันขึ้นสักหลัง เผื่อจะได้อาศัยหลับนอนในยามค่ำคืน หรือกันฟ้ากันฝนในยามฤดูฝน ถ้าบ่มีที่พักพวกเฮาจะลำบาก เพราะถ้าเทียวมาเทียวมา บ้านก็อยู่ไกล สมัยก่อนการเดินทางจากบ้านพระบุ บ้านดอนอู่ กว่าจะถึงศาลาที่พักก็เป็นทางคราวมื้อ  และอีกอย่างจากที่พักไปทางทิศใต้ก็เป็นป่าทึบซึ่งติดต่อกับโคกขี้คร้าน มีสัตว์ป่าหลายชนิดที่ลงมากินน้ำให้เห็นอยู่เรื่อย ๆ เช่นเสือโคร่ง เสือเหลือง หมี หมาจอก ลิง (นี่เป็นสาเหตุที่ได้เฮ็ดศาลาขึ้น)

อยู่ต่อมาในปีเดียวกันการสร้างศาลาก็เสร็จ ก็มาทำขัวต่อ เผื่อข้ามจากฝั่งนั้นมาฝั่งนี้ (ศาลา) ในปีเดียวกันพอตกกลางวันก็พากันออกแพ่วถางป่าเพื่อเอาเป็นที่ไผที่มัน ก็ได้คนละ 50-60-80 ไร่ พอค่ำก็กลับมาพักที่ศาลาเพื่อพักผ่อน ตอนเช้าก็ออกไปทำอยู่อย่างนี้ก็ประมาณปีสองปี จนมีที่นาก็พออยู่พอกิน

ย่างเข้าปี พ.ศ. 2462 ก็ปรากฏว่ามีอีกสามครอบครัวที่ได้เดินทางมาขอพักด้วย คือจุดหมายปลายทาง บ้านคำแคนใต้ หนองขาม นาข่า สามครอบครัวนี้จะมาขอพักที่ศาลานี้เป็นประจำ (ด้วยเหตุบังเอิญ) มีกุลาที่เดินทางมาด้วยสามคนที่มาขายของได้มาพักพร้อมกันสามครอบครัว ในราวห้าทุ่มก็มีกุลาที่มา พ่อใหญ่เงาะขายฆ้องก็ได้ไหลตายหรือหัวใจวาย พอตื่นเช้ามาก็พากันเผาศพตามประเพณี ใกล้กับศาลาและริมห้วย เสร็จแล้วสามครอบครัวก็เดินทางด้วยเกวียนพร้อมกับกุลาขายฆ้องก็ไปด้วย หนองขาม-นาข่า-คำแคนใต้ ในปีเดียวกันหลังจากมีผู้ตายใส่ศาลาแล้ว

ท่านผู้รู้ยังได้กล่าวว่าพอได้ที่ทำกินแล้วก็หวนคิดถึงบ้านและครอบครัวและลูกเต้า เพราะอยู่ไกลกัน และอีกประการหนึ่งก็คือมีผู้ที่ตายใส่ศาลา ก็เลยคิดไปต่าง ๆ นานา (อยู่บ่ได้ย่านผีหลอก)

ในปี พ.ศ. 2463 หกครอบครัวก็ได้ชักชวนกันย้ายบ้านมาอยู่บ้านหวนหัวนาบ่อ (ปัจจุบันเป็นบ้านหัวนาเหนือ) ส่วนครอบครัวพ่อใหญ่สายเหมี่ยง ก็ได้ย้ายไปอยู่ทุ่งนา ที่ฮ่อมตากอก ไปอยู่บ่โดนก็มีญาติตายชื่อนางชาตรี พอญาติได้ยินข่าวได้พากันนำเอาศพนางชาตรีไปเผาที่โคกหัวเลิงเพ็ก ใกล้กับนาพ่อใหญ่พรม จึงได้เรียกว่าโคกอี่ชาตรีต่อมาจนทุกวันนี้ (โคกชาตรี ปัจจุบันเป็นบริเวณวัดดินแดง)

ท่านผู้รู้ยังได้กล่าวอีกว่าในปลายปี พ.ศ. 2465 หลังจากมีผู้ตายใส่ศาลาแล้ว 6 คน บางมื้อก็นอนพักที่ศาลาบางมื้อก็ไม่นอนกลับไปนอนบ้าน พ่อใหญ่ใส่เหมียงก็ออกไปอยู่กับนาแล้ว (ย่านผีหลอก) นอกจากแขกที่เดินทางมาถึงค่ำ ก็นอนพักค้างคืนบ้าง อนิจจังสังขารบ่เที่ยง (สังขารปรุงแต่ง) ศาลาก็นับวันที่ผุพังไปเรื่อย ๆ ส่วนขัวก็ถูกน้ำพัดบ้างผุพังบ้าง ก็เลยเสียหายไปเรื่อย ๆ

ต่อมาในปี พ.ศ. 2466 หกครอบครัวจึงได้บุกร้างถางพงให้เป็นที่นาพอมีอยู่มีกินแล้ว พอถึงฤดูฝนแล้วก็ย้ายครอบครัวไปปลูกกระท่อมเล็ก ๆ อยู่ในพื้นที่บ้านท่าศาลาใกล้กับริมน้ำ ต่อมาจึงได้ชักชวนญาติพี่น้องมาอยู่ด้วยกันจาก 6 ครอบครัวเพิ่มเป็น 10-20 ครอบครัว รวมกันเป็นหมู่บ้าน โดยให้ชื่อว่าบ้านท่าศาลา ขึ้นตรงต่อตำบลโพนเพ็ก อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น เป็นหมู่ที่ 15 โดยมีพ่อใหญ่หวด ภูมิพระบุ เป็นผู้ใหญ่บ้านคนแรก จึงได้ปรึกษากับชาวบ้าน แล้วลงมติกันว่าเอาคำว่า "ท่า" มาต่อกับ "ศาลา" "ท่า" มาจากคำว่าท่าลงอาบน้ำลำห้วยใหญ่ (พะเนาว์) มีบ่อน้ำไว้ให้คนดื่มกิน มีท่าน้ำให้คนได้ลงอาบ ลงเล่นน้ำ อาบน้ำ ตรงกันมีศาลาให้คนพักร้อนจึงได้ตั้งชื่อว่า "บ้านท่าศาลา" มาจนทุกวันนี้

ลักษณะภูมิประเทศของบ้านท่าศาลาหมู่ 2 ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูง พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นดินร่วนปนทราย ดินไม่อุ้มน้ำและมีปัญหาหน้าดินถูกชะล้าง ทำการเกษตรไม่ค่อยได้ผล มีที่ราบลุ่มบ้าง มีลำ ห้วยพะเนาว์ที่ใช้ประโยชน์ในการเกษตร อุณหภูมิสูงสุดโดยประมาณ 30-36 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุดประมาณ 15-18 องศาเซลเซียส บ้านท่าศาลา มีวัด 1 แห่ง คือวัดโนนสว่างและมีที่พักสงฆ์ปาช้าท่าศาลา มีโรงเรียน 1 แห่งซึ่งตั้งอยู่ภายในหมู่บ้านท่าศาลาหมู่ 2 มีร้านค้าภายในหมู่บ้าน 6 แห่ง มีโรงสีข้าว 1 แห่ง สภาพทั่วไปของพื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์ แบ่งฤดูกาลตามสภาพอากาศได้ดังนี้

  • ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงเดือนเมษายน
  • ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนตุลาคม
  • ฤดูหนาว เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนจนถึงเดือนกุมภาพันธ์

ที่ตั้งอาณาเขต

  • ทิศเหนือ จดห้วยพระเนาว์ อำเภอพระยืน จังหวัดขอนแก่น
  • ทิศใต้ จดบ้านไส้ไก่ หมู่ 1 ตำบลท่าศาลา อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น
  • ทิศตะวันออก จดบ้านหัวนา หมู่ 9 ตำบลท่าศาลา อำเภอมัญจาคีรีจังหวัดขอนแก่น
  • ทิศตะวันตก ติดกับบ้านท่าศาลา หมู่ 10 ตำบลท่าศาลา อำเภอมัญจาคีรีจังหวัดขอนแก่น

การคมนาคม

  • การเดินทางติดต่อกับชุมชนใกล้เคียงอำเภอหรือจังหวัดโดยเฉพาะกับสถานบริการสุขภาพที่สำคัญเช่นโรงพยาบาล สถานีอนามัยหรือคลินิกต่างๆชุมชนจะเดินทางติดต่อกับชุมชนใกล้เคียงหรือการเดินทางเข้าเมืองโดยรถโดยสารประจำทาง, รถยนต์ส่วนตัว และรถจักรยานยนต์เป็นหลัก ส่วนการเดินทางในระยะใกล้ๆเช่นไปโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลท่าศาลาจะใช้การเดินเท้า, รถจักรยาน และรถจักรยานยนต์เป็นหลัก
  • พาหนะและค่าใช้จ่ายในการเดินทางตลอดจนจำนวนพาหนะและความถี่ในการให้บริการชุมชนการเดินทางเข้าเมืองหรือเดินทางไปชุมชนใกล้เคียงประชาชนที่ไม่มีรถส่วนตัวจะใช้รถโดยสารประจำทาง สาย ขอนแก่น-มัญจาคีรี โดยรถโดยสารประจำทางจะออกจากมัญจาคีรี  ถึง บ้านท่าศาลา หมู่ 10 ทุก 2 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายเข้าในเมืองขอนแก่น คือ 20-30 บาท
  • สภาพถนนในหมู่บ้านเป็นถนนลาดยางผ่านถนนชนบทไปทางบ้านท่าพระ และเป็นถนนคอนกรีตลาดผ่านทุกซอยในหมู่บ้าน

แหล่งน้ำทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ในเขตชุมชน

บ้านท่าศาลา หมู่ 2 มีแหล่งน้ำที่สำคัญคือห้วยพระเนาว์ เป็นแหล่งน้ำที่ใช้ในการเกษตร แต่มักประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง แหล่งน้ำตื้นเขิน การเกษตรจึงอาศัยน้ำฝนอย่างเดียว

ลักษณะภูมิประเทศของบ้านท่าศาลาหมู่ 2  ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูง พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นดินร่วนปนทราย   ดินไม่อุ้มน้ำและมีปัญหาหน้าดินถูกชะล้าง ทำการเกษตรไม่ค่อยได้ผล มีที่ราบลุ่มบ้าง มีลำ ห้วยพะเนาว์ที่ใช้ประโยชน์ในการเกษตร  อุณหภูมิสูงสุดโดยประมาณ 30-36 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุดประมาณ 15-18 องศาเซลเซียส บ้านท่าศาลา มีวัด 1 แห่ง คือวัดโนนสว่างและมีที่พักสงฆ์ปาช้าท่าศาลา  มีโรงเรียน 1 แห่งซึ่งตั้งอยู่ภายในหมู่บ้านท่าศาลาหมู่ 2 มีร้านค้าภายในหมู่บ้าน 6 แห่ง มีโรงสีข้าว 1 แห่ง สภาพทั่วไปของพื้นที่มีความอุดมสมบูรณ์ แบ่งฤดูกาลตามสภาพอากาศได้ดังนี้

               ฤดูร้อน        เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงเดือนเมษายน

               ฤดูฝน          เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนตุลาคม

               ฤดูหนาว       เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนจนถึงเดือนกุมภาพันธ์

 

ที่ตั้งอาณาเขต

 - ทิศเหนือจดห้วยพระเนาว์ อำเภอพระยืน จังหวัดขอนแก่น

 - ทิศใต้จดบ้านไส้ไก่ หมู่ 1 ตำบลท่าศาลา อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น

 - ทิศตะวันออกจดบ้านหัวนา  หมู่ 9 ตำบลท่าศาลา อำเภอมัญจาคีรีจังหวัดขอนแก่น                                                               

- ทิศตะวันตกติดกับบ้านท่าศาลา หมู่ 10 ตำบลท่าศาลา อำเภอมัญจาคีรีจังหวัดขอนแก่น

3.การคมนาคม

               3.1 การเดินทางติดต่อกับชุมชนใกล้เคียงอำเภอหรือจังหวัดโดยเฉพาะกับสถานบริการสุขภาพที่สำคัญเช่นโรงพยาบาล สถานีอนามัยหรือคลินิกต่างๆชุมชนจะเดินทางติดต่อกับชุมชนใกล้เคียงหรือการเดินทางเข้าเมืองโดยรถโดยสารประจำทาง, รถยนต์ส่วนตัว และรถจักรยานยนต์เป็นหลัก  ส่วนการเดินทางในระยะใกล้ๆเช่นไปโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลท่าศาลาจะใช้การเดินเท้า, รถจักรยาน และรถจักรยานยนต์เป็นหลัก

               3.2 พาหนะและค่าใช้จ่ายในการเดินทางตลอดจนจำนวนพาหนะและความถี่ในการให้บริการชุมชนการเดินทางเข้าเมืองหรือเดินทางไปชุมชนใกล้เคียงประชาชนที่ไม่มีรถส่วนตัวจะใช้รถโดยสารประจำทาง สาย ขอนแก่น-มัญจาคีรี โดยรถโดยสารประจำทางจะออกจากมัญจาคีรี   ถึง บ้านท่าศาลา หมู่ 10 ทุก 2 ชั่วโมง  ค่าใช้จ่ายเข้าในเมืองขอนแก่น คือ 20-30 บาท

                3.3 สภาพถนนในหมู่บ้านเป็นถนนลาดยางผ่านถนนชนบทไปทางบ้านท่าพระ และเป็นถนนคอนกรีตลาดผ่านทุกซอยในหมู่บ้าน

4.แหล่งน้ำทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ในเขตชุมชน

               บ้านท่าศาลา หมู่ 2 มีแหล่งน้ำที่สำคัญคือห้วยพระเนาว์ เป็นแหล่งน้ำที่ใช้ในการเกษตร     แต่มักประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง แหล่งน้ำตื้นเขิน การเกษตรจึงอาศัยน้ำฝนอย่างเดียว

บ้านท่าศาลา หมู่ 2 ต.ท่าศาลา อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น แสดงให้เห็นว่าประชากรส่วนใหญ่อยู่ในช่วงวัยผู้อายุ (อายุ 61-65 ปี) ร้อยละ22.62  และที่พบน้อยที่สุด คือช่วงวัยเด็กอายุน้อยกว่า 1 ปี ร้อยละ 1.94

การนับถือศาสนาของของคนในชุมชน คือ มีการนับถือศาสนาพุทธทั้งหมด เคารพสักการะพระพุทธเจ้า มีวัดเป็นศูนย์ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชนและสถานที่ปฏิบัติธรรม กิจกรรมในวัดที่ดำเนินการส่วนใหญ่ คือ งานบุญประจำหมู่บ้าน งานศพและกิจกรรมต่างๆ ในวันสำคัญทางศาสนาและปฏิบัติตามประเพณีของชาวพุทธ เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาต่างๆภายในชุมชนเมื่อมีประเพณี

โครงสร้างการบริหารงานในชุมชน

1. ผู้ใหญ่บ้าน : นายศิริ สุทธมา

2. ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน : 1) นายทองพูล ขุมดินพิทักษ์  2)นางชูศรี เตโพธิ์

3. คณะกรรมการชุมชน จำนวน 14 คน 

4. เจ้าหน้าที่สาธารณสุข

5. องค์การบริหารส่วนตำบลท่าศาลา

6. คณะกรรมการบริหาร จำนวน 17 คน

7. คณะกรรมการประชาคมหมู่บ้าน จำนวน 17 คน

บทบาทกรรมการหน้าที่

กรรมการบริหารชุมชน

  • ร่วมกันวางแผนในการพัฒนาหมู่บ้าน
  • บริหารงานด้านต่างๆในหมู่บ้าน เช่น ด้านมหาดไทย ด้านศึกษาธิการ ด้านสาธารณสุข ด้านการเกษตร

ด้านมหาดไทย ทำหน้าที่ รักษาความปลอดภัยของหมู่บ้าน โดยเฉพาะช่วงที่มีเทศกาล คอยประสานงานกับตำรวจดูแลความสงบช่วยตรวจอาวุธก่อนเข้างาน ดูแลความเสี่ยง ในการเกิดเหตุการณ์ที่เป็นอันตราย

ด้านศึกษาธิการ ทำหน้าที่ เป็นคณะกรรมการผู้ปกครองนักเรียน เข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมการในโรงเรียน ลงมติในการจัดซื้อวัสดุบางอย่าง การจัดกิจกรรมระหว่างโรงเรียนกับชุมชน

ด้านสาธารณสุข ได้แก่ แกนนำด้านสุขภาพและอาสาสมัครสาธารณสุข ทำงานด้านสุขภาพ เช่น ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ออกมาปฏิบัติงานในชุมชน ร่วมกิจกรรมการควบคุมโรคในชุมชน

ด้านการเกษตร ทำหน้าที่ ประสานงานกับปศุสัตว์ เช่น เรื่องวัคซีนวัว กระบือ สุนัข ให้สัตว์เลี้ยงชาวบ้านได้รับวัคซีน

กลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุข

ประธาน : นายสุรพล มโนวัน

รองประธาน : นางรัตติกาล สีอาคะ

สมาชิก : จำนวน 21 คน

บทบาทหน้าที่ : ประสานงานในการทำงานด้านสุขภาพในพื้นที่ เช่น แจ้งข่าวสารด้านสุขภาพแก่ชุมชน ประสานชุมชนในการรับบริการ ชี้แนะบริการ ร่วมพิทักษ์สิทธิโดยการสำรวจข้อมูลการมีสิทธิบัตรตามโครงการบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า ควบคุมและป้องกันโรคที่เกิดในชุมชน ตลอดจนการคัดกรองโรคเบื้องต้นร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เป็นตัวอย่างที่ดีในการส่งเสริมสุขภาพในชุมชน

กองทุนในชุมชน

1. กองทุนเงินล้าน

ลักษณะกองทุน : ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2544 โดยได้รับเงินทุนจากรัฐบาล (ผ่านธนาคารออมสิน) จำนวน 1,000,000 บาท นับตั้งแต่ พ.ศ.2544 เป็นต้นมา ซึ่งแต่ละปีได้เงินมาไม่เท่ากัน การกู้ยืมมี 2 แบบ คือ กู้สามัญไม่เกินคนละ 30,000 บาท กู้ฉุกเฉินไม่เกินคนละ 6,000 บาท โดยมีดอกเบี้ยร้อยละ 1 บาท/เดือน

วัตถุประสงค์: เพื่อบริการกู้ยืมของประชาชนในหมู่บ้านที่สมาชิกกลุ่มกองทุน

ประธาน : นายศิริ สุทธมา

คณะกรรมการ : จำนวน 9 คน

2. กองทุนฌาปณกิจหมู่บ้าน

ลักษณะกองทุน : ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2543 โดยเก็บเงินฌาปนกิจครอบครัวละ 20 บาท/ศพ โดยมีสมาชิกทั้งหมด 315 ครอบครัว และชมรมฌาปณกิจโดยในหนึ่งครอบครัวจะต้องสมัครสมาชิกอย่างน้อย 2 คน โดยเก็บเงินฌาปนกิจคนละ 20 บาท/ศพ กรณีที่สมาชิกคนใดคนหนึ่งเสียชีวิตในครอบครัวนั้นต้องหาสมาชิกใหม่มาแทน

วัตถุประสงค์ : เพื่อช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต

ประธาน : นายหนูนิน วิชาโคตร

คณะกรรมการ :

1.นายบุญเกิด สุทธมา ทำหน้าที่เป็นผู้รวบรวมเงินจากทุกหมู่ เพื่อนำไปมอบให้กับครอบครัว ผู้เสียชีวิต

2.นายทองม้วน ทักศรี หน้าที่เป็นผู้เก็บเงินฌาปนกิจ

3.นายบุญมี ศรีสุวรรณ หน้าที่เป็นผู้เก็บเงินฌาปนกิจ

3. กลุ่มสหกรณ์ออมทรัพย์

วัตถุประสงค์ : สหกรณ์ออมทรัพย์เป็นสถาบันการเงินที่ส่งเสริมให้บุคคลที่เป็นสมาชิกรู้จักการประหยัด รู้จักการออมทรัพย์และสามารถบริการเงินกู้ ให้แก่สมาชิกเพื่อนำไปใช้จ่ายเมื่อเกิดความจำเป็น โดยยึดหลักการช่วยเหลือตนเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

ประธาน : นายศิริ สุทธมา

คณะกรรมการ : จำนวน 7 คน

กลุ่มชมรมผู้สูงอายุ

วัตถุประสงค์ : เพื่อให้ผู้สูงอายุวัยเดียวกันได้พบปะสังสรรค์ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และเป็นศูนย์กลางในการจัดกิจกรรมของผู้สูงอายุ มีการดูแลสวัสดิการทางสังคมแก่สมาชิก รวมทั้งเป็นการส่งเสริมการรวมกลุ่มของผู้สูงอายุให้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ มีงานอดิเรก และมีกิจกรรมสันทนาการที่เหมาะสมตามความสนใจ สามารถดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุข

ประธาน : นายหนูนิน วิชาโคตร

รองประธาน : นายใจ โถนคำ

สมาชิก : จำนวน 1,450 คน (ต.ท่าศาลา)

  • บุญเข้ากรรม : เดือน ธันวาคม
  • บุญคูณลาน เดือน มกราคม
  • บุญข้าวจี่ เดือน กุมภาพันธุ์
  • บุญผะเหวด เดือน มีนาคม
  • บุญสงกรานต์ เดือน เมษายน
  • บุญบั้งไฟ เดือน พฤษภาคม-มิถุนายน  
  • บุญซาฮะ เดือน มิถุนายน
  • บุญเข้าพรรษา เดือน กรกฏาคม
  • บุญข้าวประดับดิน เดือน สิงหาคม
  • บุญข้าวสาก เดือน กันยายน
  • บุญออกพรรษา เดือน ตุลาคม
  • บุญกฐิน เดือน พฤศจิกายน

1.นาย หนูนิน วิชาโคตร เกิดวันที่ —2481 อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 49 บ้านท่าศาลา หมู่ที่ 2 ตำบลท่าศาลา อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น มีพี่น้องทั้งหมด 4 คน ตนเป็นบุตรคนที่ 2 จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนบ้านห้วยไส้ไก่ ทำงานที่บริษัทซิงเกอร์ จึงแต่งงาน เมื่อปี พ.ศ. 2506 แล้วย้ายมาที่บ้านท่าศาลา ลาออกจากงานเมื่อปี พ.ศ. 2511 จากนั้นมาซื้อรถโดยสารรับส่ง มีบุตร 4 คน เป็นเพศชาย 3 คน เพศหญิง 1 คน ปัจจุบันบุตรธิดาแยกย้ายไปมีครอบครัว จะกลับมาทุกเทศกาลหรือมีวันหยุด

หน้าที่ที่รับผิดชอบในชุมชน

  • ประชาสัมพันธ์หมู่บ้าน
  • หัวหน้ากลุ่มออมทรัพย์
  • ประธานชมรมผู้สูงอายุ
  • ประธานฌาปณกิจหมู่บ้าน
  • กรรมการหมูบ้าน
  • ช่วยไกล่เกลี่ยปัญหาบุคคลในหมู่บ้าน

แหล่งประโยชน์ในชุมชน

  • วัดโนนสว่าง
  • ที่พักสงฆ์ป่าช้าท่าศาลา 
  • โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลท่าศาลา
  • ร้านขายของชำ จำนวน  ร้าน
  • โรงเรียนบ้านท่าศาลาประชารังสรรค์
  • องค์การบริหารส่วนตำบลท่าศาลา
  • ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง

ประชาชนบ้านท่าศาลาใช้ภาษาถิ่นอีสานในการสื่อสารในชุมชน และใช้ภาษากลาง ภาษาไทยในการติอต่อสื่อสารกับหน่วยงานต่าง ๆ


ชุมชนบบ้านท่าศาลา หมู่ที่2 ได้เข้าร่วมโครงการท่าศาลาร่วมแฮง ฮักแพงสุขภาพ

ปัจจุบันแนวโน้มผู้ป่วยกลุ่มโรค NCDs เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งพบผู้ป่วยที่มีอายุน้อยลงเรื่อยๆ และเชื่อว่าจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง พิจารณาจากอัตราน้ำหนักตัวของประชากรที่อยู่ในเกณฑ์เกินมาตรฐานมีจำนวนเพิ่มขึ้น ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงหนึ่งที่จะทำให้เกิดกลุ่มโรค NCDs สิ่งสำคัญที่สุดคือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมก่อนที่จะเกิดโรค โดยอาหารถือเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด สามารถปรับโดยการลดหวาน มัน เค็ม บริโภคให้ครบ 5 หมู่ และ ควรลดหรือเลิกดื่มเหล้า สูบบุหรี่  ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้เกิดหลายโรคเช่นกัน เพิ่มการออกกำลังกาย และหากิจกรรมคลายเครียด ก็จะเป็นวิธีป้องกันกลุ่มโรค NCDs ได้อย่างดี (ศ.พญ.วรรณี นิธิยานันท์,2557)

โรคความดันโลหิตสูง นับเป็นหนึ่งในปัญหาสาธารณสุขสำคัญที่กำลังคุกคามโลก โดยในปัจจุบันมีประชากรหลายร้อยล้านคนทั่วโลกเป็น โรคความดันโลหิตสูง และมีการคาดการณ์ว่าในปี พ.ศ. 2568 ผู้มีภาวะความดันโลหิตสูงจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 พันล้านคน (ลัดดาวรรณ  ปานเพ็ชร,2555)

และจากข้อมูลของสมาพันธ์เบาหวานนานาชาติ (International Diabetes Federation; IDF) รายงานสถานการณ์โรคเบาหวานในปี 2558นี้พบว่ามีผู้เป็นเบาหวานทั่วโลก 387 ล้านคน ซึ่งสาเหตุสำคัญคือการไม่ได้รับการวินิจฉัยหรือไม่ได้รับการตรวจคัดกรองว่าเป็นเบาหวานตั้งแต่เบี้องต้น ซึ่งมีสัดส่วนถึงร้อยละ 46 และการที่เป็นเบาหวานแล้วไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลได้ ซึ่งนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อน และความสูญเสียที่สำคัญคือตาบอด การถูกตัดขา ไตวาย และการเสียชีวิตเฉียบพลันจากโรคหัวใจและหลอดเลือด (นพ.เพชร รอดอารีย์,2558)

สำหรับประเทศไทย จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขคาดว่า จะมีผู้มีภาวะความดันโลหิตสูง หรือเป็น โรคความดันโลหิตสูง ประมาณ 10 ล้านคน ซึ่ง 70% ของคนกลุ่มนี้ไม่ทราบว่าตนเองมีภาวะดังกล่าวทำให้ไม่ได้รับการรักษาหรือการปฏิบัติตนอย่างถูกต้องเหมาะสม อันจะนำไปสู่การเกิดโรคแทรกซ้อนมากมาย อาทิ อัมพฤกษ์ อัมพาต โรคหลอดเลือดสมองตีบ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ซึ่งอาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ (ลัดดาวรรณ  ปานเพ็ชร,2555)

และความอ้วนก็เป็นปัจจัยที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่นำไปสู่โรคเบาหวาน จากการสำรวจพบว่ามากกว่าร้อยละ 30 ของชายไทย และมากกว่าร้อยละ 40 ของหญิงไทย มีน้ำหนักตัวเกิน ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 6.8 ส่วนคนที่อ้วนมากจะเสี่ยงสูงถึงร้อยละ 14.3 อย่างไรก็ตามความเสี่ยงนี้จะลดลงถ้าปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการรับประทานอาหารและใช้ชีวิตให้มีกิจกรรมทางกายมากขึ้น มีการควบคุมน้ำหนักอย่างเข้มงวด ได้ช่วยป้องกันการเกิดโรคเบาหวานได้ถึงร้อยละ 70 ในคนที่มีความเสี่ยงสูง (นพ.เพชร รอดอารีย์,2558)

จากการสำรวจชุมชนบ้านท่าศาลา หมู่ที่ 2 พบว่าโรคความดันโลหิตสูงนับเป็นโรคที่พบมากเป็นอันดับ 1 และพบว่าโรคเบาหวานสูงนับเป็นโรคที่พบมากอันดับ 2 ซึ่งในปี 2559 ในเขตบ้านท่าศาลา หมู่ที่ 2 ตำบลท่าศาลา อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น พบผู้ป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูง จำนวน 68 ราย คิดเป็นร้อยละ 6.24 และพบผู้ป่วยด้วยโรคเบาหวาน จำนวน 45 ราย คิดเป็นร้อยละ 4.13 จากประชากรทั้งหมด ซึ่งหากผู้ป่วยไม่ได้รับการดูแล  หรือไม่มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เหมาะสม  อาจพัฒนาไปสู่โรคแทรกซ้อนอื่นๆได้ในอนาคต  อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา  ทำให้เป็นภาระต่อสังคม  เศรษฐกิจ  และครอบครัวที่ต้องทำหน้าที่ดูแล  ส่วนปัจจัยส่วนใหญ่ที่อาจมีความเกี่ยวเนื่องกันได้ก็คือ  พันธุกรรม  และสิ่งแวดล้อม  ซึ่งพบว่าคนที่มีบิดา มารดา  มีภาวะความดันโลหิตสูงและเบาหวาน  ก็มักจะมีโอกาสเสี่ยงมากกว่าคนที่บิดา  มารดามีภาวะความดันโลหิตและระดับน้ำตาลในเลือดปกติ  ส่วนในเรื่องปัจจัยแวดล้อม  เช่น มีน้ำหนักตัวมาก สูบบุหรี่จัด  ดื่มสุราจัด มีระดับไขมันในเลือดสูง และมีความเครียดก็มีผลทำให้เกิดปัญหาสุขภาพเช่นกัน

ด้วยความตระหนักถึงปัญหาและภัยของภาวะความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน  นักศึกษาวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ขอนแก่น จึงได้จัดทำโครงการโครงการอยู่อย่างให้ปลอดภัยจากความดันโลหิตสูง เพื่อให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยง  มีสุขภาพที่ดี  มีความรู้ในการดูแลตนเอง ลดการเกิดโรคความดันโลหิตสูงและภาวะแทรกซ้อน  และลดการสูญเสียของประชากรกลุ่มเสี่ยงต่อไป

2. วัตถุประสงค์

1. เพื่อให้กลุ่มเสี่ยงมีความรู้ความเข้าใจในการดูแลตนเองมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

2. เพื่อให้กลุ่มเสี่ยงเกิดความรู้ ความเข้าใจในการป้องกัน NCDs หรือการป้องกันการเกิดโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และมะเร็ง ได้อย่างถูกต้องมากขึ้น จากร้อยละ 75 เป็นร้อยละ 100

3. เพื่อให้กลุ่มเสี่ยงสามารถคำนวนพลังงานจากการรับประทานอาหารของตนเอง และสามารถวางแผนการรับประทานอาหารที่เหมาะสมได้

4. เพื่อให้กลุ่มเสี่ยงมีความรู้เกี่ยวกับการออกกำลังกายที่ถูกวิธี และมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหันมาสนใจออกกำลังกายมากขึ้นจากร้อยละ 5 เป็นร้อยละ 60

5. เพื่อให้กลุ่มเสี่ยงมีวิธีการออกกำลังกายที่ถูกต้อง และสามารถเลือกวิธีการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับตัวเองได้

6. เพื่อให้กลุ่มเสี่ยงเพื่อให้เข้าร่วมโครงการเข้าใจความหมาย ประโยชน์และโทษของอารมณ์ สามารถประเมินอารมณ์ของตนเองได้ และสามารถจัดการอารมณ์หรือเลือกวิธีคลายเครียดได้อย่างเหมาะสม

ชุมชนบ้านท่าศาลามีจุดที่น่าสนใจอื่น ๆ เช่น ร้าน ข้าวมันไก่&ก๋วยเตี๋ยวไก่ ท่าศาลา ครัวหรรษา บ้านสุชานันท์ และ วัดโนนสว่าง 

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2548). การทบทวนองค์ความรู้ การควบคุมการบริโภค- ยาสูบ.   (พิมพ์ครั้งที่ 2). นนทบุรี: กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข.

กาญจนา บุญแก้ว. (2558). ประโยชน์และสรรพคุณพืชผักสวนครัว. ออนไลน์. เข้าถึงได้จาก : http://kanchanabunkaew.blogspot.com/

เทพ สงวนกิตติพันธุ์นักวิชาการศึกษา. (2558). การควบคุมอารมณ์ (Emotional Control). ออนไลน์. เข้าถึงได้จาก : http://www.stou.ac.th/

arphawan sopontammarak. ( 2557). การออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพ. ออนไลน์. เข้าถึงได้จาก http://www.thaihealth.or.th/

pavinee thepkhamram. (2557). สุราคือสารเสพติด. January 27, 2013, เข้าถึงได้จาก : http://www.thaihealth.or.th/