Advance search

เป็นพื้นที่ชุมชนโบราณที่มีผู้คนอยู่อาศัยมาแต่โบราณ เนื่องจากมีโบราณสถานที่สำคัญของจังหวัดมหาสารคามแห่งหนึ่งคือ กู่มหาธาตุ (ปรางค์กู่บ้านเขวา) ซึ่งเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์และพบโบราณวัตถุชิ้นสำคัญ รูปเคารพพระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคต พระพุทธเจ้าบรมครูแห่งการแพทย์ ผู้มีความเมตตาประทานธรรมโอสถแก่สรรพสัตว์ทั้งปวง ในอิริยาบถประทับนั่งขัดสมาธิ

บ้านเขวา
เขวา
เมืองมหาสารคาม
มหาสารคาม
ณัฐพล นาทันตอง
13 ก.ค. 2023
วุฒิกร กะตะสีลา
14 ก.ค. 2023
ณัฐพล นาทันตอง
11 ก.ค. 2023
บ้านเขวา

สาเหตุของชื่อบ้าน “เขวา” มาจากต้นเขวาที่ขึ้นอยู่เต็มบริเวณพื้นที่ 


ชุมชนชนบท

เป็นพื้นที่ชุมชนโบราณที่มีผู้คนอยู่อาศัยมาแต่โบราณ เนื่องจากมีโบราณสถานที่สำคัญของจังหวัดมหาสารคามแห่งหนึ่งคือ กู่มหาธาตุ (ปรางค์กู่บ้านเขวา) ซึ่งเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์และพบโบราณวัตถุชิ้นสำคัญ รูปเคารพพระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคต พระพุทธเจ้าบรมครูแห่งการแพทย์ ผู้มีความเมตตาประทานธรรมโอสถแก่สรรพสัตว์ทั้งปวง ในอิริยาบถประทับนั่งขัดสมาธิ

บ้านเขวา
เขวา
เมืองมหาสารคาม
มหาสารคาม
44000
16.158377614683598
103.41735803780055
องค์การบริหารส่วนตำบลเขวา

ชุมชนบ้านเขวาก่อตั้งขึ้นเมื่อไหร่ไม่มีหลักฐานปรากฏชัดเจน แต่มีเรื่องราวที่เล่าขานสืบต่อกันมา และข้อสันนิษฐานทางโบราณคดีคือมีกู่มหาธาตุ (ปรางค์กู่บ้านเขวา) สร้างด้วยศิลาแลงเป็นศิลปะขอมแบบบายนรูปกระโจมสี่เหลี่ยม สูงจากพื้นดินถึงยอด 4 วา กว้าง 2 วา 2 ศอก ภายในปราสาท ล้อมรอบด้วยกำแพงสี่เหลี่ยม มีซุ้มประตู มีกู่ปรางค์ประธาน คาดว่าสร้างในพุทธศตวรรษที่ 18 เป็นโรคยาศาล ศาสนาพุทธลัทธิมหายาน ประติมากรรมที่ค้นพบเป็นรูปเคารพหินทราย 2 องค์ องค์หนึ่งคือ พระพุทธไภษัชยคุรุไวทูรย์ประภา นั่งขัดสมาธิ ประนมมือ ถือสังข์ มีกำแพงทำด้วยศิลาแลงล้อมรอบ โคปุระ ด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้มีบรรณาลัย 1 หลัง มีซุ้มประตูอยู่กึ่งกลางกำแพงแก้ว ด้านหน้าเป็นทางเข้าออกเพียงด้านเดียว ส่วนอีก 3 ด้าน เป็นประตูหลอก กรอบประตูและทับหลังเป็นหินทราย สร้างอยู่บนพื้นที่ก่อนการเข้ามาของกลุ่มคนที่เดินทางมาจากจังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดกาฬสินธุ์ อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานเพื่อทำมาหากิน จากการสันนิษฐานพื้นที่บริเวณบ้านเชวาเคยเป็นอาณาบริเวณของชุมชนโบราณสมัยขอมเรืองอำนาจ ซึ่งพบพื้นที่บ้านเชียงเหียนที่มีคูน้ำคันดินล้อมรอบถึงสองชั้น ซึ่งเป็นพื้นที่ตั้งของชุมชนโบราณและมีพื้นที่ใกล้เคียงกับชุมชนบ้านเขวาปัจจุบัน

ต่อมาเมื่อกลุ่มคนจากร้อยเอ็ดประสบปัญหาในการดำรงชีวิตจึงอพยพโยกย้ายมาหาที่ทำกินใหม่ เมื่อมาพบพื้นที่ที่อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติและแหล่งน้ำเหมาะแก่การทำเกษตรกรรม จึงได้ตั้งรกรากขึ้นและเรียกขานกันว่า “บ้านเขวา” เนื่องจากมีต้นเขวาขึ้นอยู่ในพื้นที่มากมาย ในสมัยเจ้าเมืองท้าวมหาชัยปกครองเมืองมหาสารคาม มีการแต่งตั้งขุนเขวาเขตผดุง นามเดิมทองอินทร์ จันทร์สมบัติ เป็นผู้ปกครองตำบลเขวาคนแรก ต่อมาเมื่อมีผู้คนเดินทางมาอาศัยอยู่จำนวนมากทั้งในพื้นที่บ้านหม้อ และบ้านติ้วที่อยู่ใกล้เคียงกันประชากรเริ่มเพิ่มจำนวนมากขึ้น จึงมีหมู่บ้านเพิ่มขึ้นมาใหม่จำนวนมากจนถึงปัจจุบัน

ข้อมูลทั่วไปของชุมชนบ้านเขวา ตั้งอยู่ที่ตำบลเขวา อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม มีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้

  • ทิศเหนือ ติดต่อกับ ตำบลลาดพัฒนา อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม
  • ทิศใต้ ติดต่อกับ ตำบลมิตรภาพ ตำบลหนองกุง อำเภอแกดำ จังหวัดมหาสารคาม
  • ทิศตะวันตก ติดต่อกับ ตำบลแวงน่าง และเทศบาลเมืองมหาสารคาม อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม
  • ทิศตะวันออก ติดต่อกับ ตำบลท่าตูม ตำบลห้วยแอ่ง อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม

ปัจจุบันจำนวนประชากรบ้านหม้อมีทั้งหมด 707 คน มีจำนวนบ้านเรือนทั้งหมด 256 หลังคาเรือน

ชุมชนบ้านเขวาประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นจำนวนถึงร้อยละ 60 ของประชากรทั้งหมด นอกนั้นจะเป็นการทำอาชีพรับจ้าง ค้าขาย รับราชการ เนื่องจากชุมชนบ้านเขวาเป็นพื้นที่ที่อยู่ใกล้กับตัวเมืองมหาสารคามไม่มากนักและยังเป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อระหว่างจังหวัดมหาสารคามกับจังหวัดร้อยเอ็ด ชุมชนแห่งนี้จึงมีทั้งพื้นที่ทำการเกษตร พื้นที่ค้าขายที่มีความเหมาะสม

ชาวบ้านเขวาปัจจุบันมีอาชีพทำการเกษตรเป็นหลักและรองลงมาคืออาชีพรับจ้างและค้าขาย

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

กู่มหาธาตุ

ปรางค์กู่บ้านเขวาเป็นโบราณสถานที่มีอายุราว ๆ ปี พุทธศตวรรษที่ 18 สร้างขึ้นเพื่อเป็นอโรคยาศาล ในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เป็นศิลปะขอมแบบบายน ทำจากศิลาแลง เป็นรูปกระโจมสี่เหลี่ยม โดยสูงจากพื้นดินถึงยอด 4 วา กว้าง 2 วา 2 ศอก ภายในปราสาทก็จะมีเทวรูป ที่ทำจากดินเผา 2 องค์ นั่งขัดสมาธิ ประนมมือ ถือสังข์ รวมถึงยังมีกำแพงทำด้วยศิลาแลงล้อมรอบอีกชั้น ส่วนโคปุระ ด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ ก็มีบรรณาลัย 1 หลัง มีซุ้มประตูอยู่กึ่งกลางกำแพงแก้ว ส่วนด้านหน้าก็จะเป็นทางเข้าออก ที่มีเพียงด้านเดียวเท่านั้น ส่วนอีก 3 ด้านนั้น จะเป็นประตูหลอก กรอบประตูและทับหลังก็เป็นหินทราย ซึ่งที่นี่กรมศิลปากรก็ได้ทำการขุดแต่งเรียบร้อยแล้ว

ชุมชนบ้านเขวาโดยมากอพยพมาจากพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ดซึ่งเดิมเป็นคนอีสาน ภาษาที่ใช้ในชุมชนส่วนมากจึงเป็นภาษาอีสานที่ใช้สื่อสารทั่วไปในชุมชน


ความเปลี่ยนแปลงด้านประเพณีพิธีกรรมในการสรงกู่บ้านเขวาในช่วง พ.ศ. 2478-2564 ประเพณีสรงกู่บ้านเขวาปรับเปลี่ยนตามความเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจและสังคม กล่าวคือก่อน พ.ศ. 2478 ประเพณีสรงกู่เกิดจากความร่วมมือของคนในชุมชนท้องถิ่นเป็นหลักซึ่งสถานที่จัดงานคือบริเวณรอบกู่ โดยการสรงน้ำหอมพระพุทธรูปและกิจกรรมรื่นเริงของชาวบ้านร่วมกันจัดขึ้น เช่น มวย รำวง หมอลำ ต่อมาช่วงหลัง พ.ศ. 2478-2535 กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนและขุดแต่งโบราณสถานกู่บ้านเขวา พร้อมทั้งกำหนดพื้นที่โบราณสถานไม่ให้ชาวบ้านก้าวล่วง และตั้งแต่ พ.ศ. 2535-2564 รัฐราชการได้เข้ามามีบทบาทในการจัดงานประเพณีเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว จึงพบว่าชุมชนเริ่มหมดบทบาทความสำคัญลง ขณะเดียวกันรัฐราชการกลับมีบทบาทและอำนาจในการจัดงานสรงกู่อย่างเบ็ดเสร็จ ซึ่งปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในงานประเพณีสรงกู่บ้านเขวาสามารถนำไปเป็นตัวบทเพื่อทำความเข้าใจถึงความเปลี่ยนแปลงประเพณีสรงกู่ในพื้นที่อื่น ๆ ของภูมิภาคอีสานทำให้เกิดประเพณีประดิษฐ์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและส่งเสริมรายได้เกิดขึ้นในชุมชน

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

องค์การบริหารส่วนตำบลเขวา. (2561). แผนพัฒนาท้องถิ่น (พ.ศ. 2561-2564). สืบค้นจาก http://www.tumbonkhwao.go.th/

nukkpidet. (2564). กู่มหาธาตุ (กู่บ้านเขวา). สืบค้นเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2566. สืบค้นจาก https://travel.trueid.net/

เมวลัย นิมิต และ นราวิทย์ ดาวเรือง. (2565). สรงกู่บ้านเขวากับการกลายเป็นประเพณีประดิษฐ์ ช่วงปี พ.ศ.2535-2564.วารสาร มจร กาญจนปริทรรศน์ ปีที่ 2 ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม-สิงหาคม 2565)