Advance search

กระหน่องโซ่ว

นมัสการหลวงพ่อใหญ่ ชมเขาโกเต็ง กินปลารมควัน

บ้านนาสวน
นาสวน
ศรีสวัสดิ์
กาญจนบุรี
องค์การบริหารส่วนตำบลนาสวน โทร. 0-3459-7142
ศศิฉาย โพธิ์เตี้ย
20 ก.ค. 2023
ศศิฉาย โพธิ์เตี้ย
19 ก.ค. 2023
บ้านนาสวน
กระหน่องโซ่ว

เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นบ้านเรือนสลับกับที่นาและสวนผลไม้ จึงตั้งชื่อชุมชนว่า "บ้านนาสวน" และมีชื่อท้องถิ่นว่า "กระหน่องโซ่ว" เป็นภาษากะเหรี่ยงซึ่งเป็นชื่อไม้ล้มลุกที่ขึ้นในบริเวณทุ่งนา ปัจจุบันไม่พบพืชชนิดนี้แล้ว


นมัสการหลวงพ่อใหญ่ ชมเขาโกเต็ง กินปลารมควัน

บ้านนาสวน
นาสวน
ศรีสวัสดิ์
กาญจนบุรี
71250
14.7655170948641
99.0859669446945
องค์การบริหารส่วนตำบลนาสวน

เดิมทีหมู่บ้านตั้งอยู่ที่บ้านหนองสระ ทางทิศเหนือของบ้านสะมะแก อยู่ติดกับเขาโจดซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่มีความอุดมสมบูรณ์ และต้นน้ำนี้จะไหลลงสู่หมู่บ้านในตำบลเขาโจด ตำบลด่านแม่แฉลบ และตำบลนาสวน ต่อมาได้เกิดโรคระบาดจึงได้อพยพมาตั้งถิ่นฐานใหม่ในบริเวณพื้นราบตามลำห้วยที่อยู่ด้านล่าง ก่อนมีการย้ายอพยพนั้นที่แห่งนี้เป็นที่อยู่ของชาวละว้า ต่อมากลุ่มละว้าได้มีการอพยพไปอยู่ที่หมู่บ้านวังควาย ตำบลวังยาว อำเภอองค์พระ จังหวัดสุพรรณบุรี สามารถแบ่งการปกครองออกเป็น 2 หมู่ คือหมู่ 1 “บ้านปลายนาสวน” กะเหรี่ยงเรียกว่า "กะหน่องโซ้วคิ่ง" และหมู่ที่ 2 “บ้านปากนาสวน”กะเหรี่ยงเรียกว่า กะหน่องโซ้วท่า หรือคนทั่วไปมักเรียกว่า “ปากท่า” เหตุที่เรียกว่าปากท่าเพราะบ้านปากนาสวนจะตั้งอยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำแควใหญ่ การตั้งบ้านเรือนนั้นจะตั้งอยู่ตามลำห้วยตลอดสายของห้วยองจุและห้วยปลายนาสวน ที่ปลายนาสวนนั้นจะประกอบด้วยลำห้วยสองสายเรียกว่า ลำห้วยนาสวนสดและลำห้วยนาสวนแห้ง เป็นลำห้วยที่มีน้ำไหลตลอดปีให้คนได้ใช้บริโภคอุปโภค ที่สำคัญ ตามเรือกสวนนาจะมีน้ำซับที่ใสและสะอาดอยู่เป็นระยะ ๆ ตลอดทั้งสองฝั่งของลำห้วย จะมีบ้านเรือนสลับกับที่นาและสวนผลไม้ เช่น มะพร้าว หมาก กล้วย เป็นต้น ด้วยมีสวนและนาเป็นจำนวนมากจึงได้มีการตั้งชื่อหมู่บ้านนี้ว่า บ้านนาสวน

เดิมตำบลนาสวนมีพื้นที่อยู่ทางด้านทิศเหนือของอำเภอศรีสวัสดิ์ แบ่งการปกครองออกเป็น 4 หมู่ คือ หมู่ 1 บ้านปลายนาสวน หมู่ 2 บ้านปากนาสวน หมู่ 3 บ้านองหลุ หมู่4 บ้านองสิต ซึ่งทั้งนี้มีพื้นที่หมู่ 3 บ้านองหลุ อยู่ทางทิศตะวันตกของแม่น้ำแควใหญ่และมีอาณาเขตที่ติดต่อกับอำเภอทองผาภูมิ นอกนั้นอีก 3 หมู่อยู่ทางทิศตะวันออกของแม่น้ำแควใหญ่ โดยบ้านปากนาสวนจะอยู่ติดกับแม่น้ำแควใหญ่ ส่วนบ้านปลายนาสวนและบ้านองสิตอยู่เลยถัดเข้าไป การสัญจรเข้าเมืองกาญจนบุรีจึงต้องมาลงเรือที่บ้านปากนาสวน

เมื่อมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่เขื่อนศรีนครินทร์ เมื่อปี พ.ศ. 2517-พ.ศ. 2523  ได้มีกลุ่มคนซึ่งเป็นแรงงานอพยพในการสัมปทานการทำไม้ในน้ำ ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนที่มาจากภาคอีสานได้มารับจ้างเป็นแรงงาน ซึ่งหลังจากหมดงานแล้วก็หาจับจองพื้นที่สำหรับทำไร่บริเวณบ้านเจาะเหลาะ แต่เดิมทีชาวบ้านจากนาสวน จำนวน 2 ครอบครัว ได้ไปทำไร่อยู่และได้ชักชวนญาติพี่น้องมาตั้งหลักปักฐานบริเวณนี้ บ้านเจาะเหลาะนี้เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่บ้านองสิต เมื่อมีจำนวนคนมากขึ้นจึงได้แยกการปกครองออกเป็น 5 หมู่ โดยหมู่ที่ 5 คือ บ้านเจาะเหลาะ เมื่อปี พ.ศ. 2539

ปัจจุบันบ้านนาสวนแบ่งการปกครองออกเป็น 2 หมู่บ้าน คือ หมู่ที่ 1 บ้านปลายนาสวน หมู่ที่ 2 บ้านปากนาสวน ส่วนของบ้านปากนาสวนนั้น ภายหลังการสร้างเขื่อนศรีนครินทร์ เมื่อปี พ.ศ. 2523 รัฐได้อพยพและจัดสรรที่ดินให้ใหม่เป็นที่ทำกิน 18 ไร่ ที่อยู่อาศัย 2 ไร่ ห่างจากหมู่บ้านเดิม 25 กิโลเมตร ดังนั้นสภาพความเป็นหมู่บ้านที่เคยเชื่อมติดต่อกันระหว่างบ้านปากนาสวนกับบ้านปลายนาสวนได้แยกออกจากกันโดยสิ้นเชิงและยังมีพื้นที่ของตำบลด่านแม่แฉลบที่บ้านดงเสลาคั่นระหว่างกันอีกด้วย

อาณาเขตติดต่อ

  • ทิศเหนือ ติดต่อตำบลชะแล อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ตำบลแก่นมะกรูด อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี
  • ทิศใต้ ติดต่อตำบลด่านแม่แฉลบ อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี
  • ทิศตะวันออก ติดต่อตำบลเขาโจด อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี
  • ทิศตะวันตก ติดต่อตำบลด่านแม่แฉลบ อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี ตำบลชะแล อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี

บ้านนาสวน จากการสำรวจข้อมูลโดยการใช้แผนที่เดินดินมีประชากร 290 ครัวเรือน โดยแบ่งกลุ่มสำหรับการจัดกิจกรรมของหมู่บ้านออกเป็น 5 กลุ่ม คือ

  • กลุ่มเหนือวัด โดยนับบริเวณการตั้งบ้านเรือนอยู่ทางด้านทิศเหนือของวัดปลายนาสวนจนถึงบ้านสุดท้าย มี 82 ครัวเรือน 

  • กลุ่มใต้วัด จะเป็นกลุ่มที่อยู่ทางด้านทิศใต้ของวัดปลายนาสวนจนถึงสะพานข้ามไปกลุ่มของบ้านองจุ ลงทางใต้จะเชื่อมต่อกับกลุ่มแพและกลุ่มบ้านไตรรงค์ มีครัวเรือน 40 ครัวเรือน 

  • กลุ่มบ้านองจุ ตั้งแต่ข้ามสะพานบ้านปลายนาสวนถึงวัดถ้ำองจุ ในกลุ่มนี้จะมีชาวบ้านดั้งเดิมที่จะอยู่ตอนล่างและกลุ่มองจุใหม่ที่อยู่ตอนบน กลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนที่ได้อพยพขึ้นไปซื้อที่ดินบ้านองจุและปฏิเสธที่จะไปอยู่ในพื้นที่ที่รัฐได้จัดสรรให้ เนื่องจากเป็นการเปลี่ยนวิถีชีวิตดั้งเดิมที่เคยอยู่กับกะเหรี่ยงด้วยกันและเป็นดินลูกรังไม่เหมาะในการทำการเกษตร มี 102 ครัวเรือน 

  • กลุ่มไตรรงค์ กลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนกะเหรี่ยงบ้านปากนาสวน ที่ได้อพยพไปอยู่ในพื้นที่อื่นเช่นเดียวกับคนกลุ่มบ้านองจุแต่เป็นคนกลุ่มใหญ่จึงได้รวมกันตั้งหมู่บ้านใหม่ขึ้นมาชื่อว่า บ้านไตรรงค์ ภายหลังปี พ.ศ. 2523 แต่ทั้งนี้ บริเวณดังกล่าวได้เคยใช้เป็นที่เลี้ยงสัตว์และทำไร่ของชาวบ้านนาสวนมาก่อน มีครัวเรือน 38 ครัวเรือน

  • กลุ่มแพ คนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนที่อื่นซึ่งมาจากทางจังหวัดในภาคเหนือและภาคอีสานที่เคยประกอบอาชีพในการหาปลาและเลี้ยงปลาจากเขื่อนต่างๆมาก่อน บริเวณที่ตั้งของแพเป็นบริเวณบ้านปลายนาสวนตอนล่าง บ้านมะค่าและบ้านปากนาสวนที่ถูกน้ำท่วม มีครัวเรือน 51 ครัวเรือน

บุญช่วย ศรีสวัสดิ์ ได้เขียนเล่าเรื่องเกี่ยวกับกะเหรี่ยงว่า กะเหรี่ยงอาศัยอยู่ในเขตไทยก่อนที่ชาวไทยเราจะเคลื่อนย้ายมาสู่แหลมสุวรรณภูมิ แต่มีจำนวนเล็กน้อยและเข้ามาอยู่ภายหลังพวกละว้า ดังปรากฏข้อความอยู่ในตำนานพระธาตุและพงศาวดารเมืองเหนือหลาย ๆ ฉบับว่านอกจากมีพวกลัวะหรือละว้ายังมีพวกลาวหรือกะเหรี่ยง อยู่ตามป่ารอบ ๆ เมือง ชาวกะเหรี่ยงเองเล่าว่าพวกเขาเป็นพี่ชายของไทย

กะเหรี่ยงอพยพเข้ามาอยู่ในเขตไทยเป็นจำนวนมากในสมัยเมื่อพระเจ้าอลองพญา (อ่องเจยะ) ทำสงครามกับมอญ พวกมอญพ่ายแพ้ถูกกองทัพพม่าไล่ติดตามฆ่าฟัน ซึ่งในขณะนั้นกะเหรี่ยงเป็นมิตรกับมอญได้ให้ที่พักอาศัยหลบภัยแก่พวกมอญและเกรงภัยจึงพากันอพยพหลบหนีเข้าสู่เขตไทยและเข้ามาอีกครั้งหนึ่งคือเมื่ออังกฤษยึดพม่าเหนือได้ ใน พ.ศ. 2428 จ่อละผ่อ หัวหน้าชาวกะเหรี่ยงไม่ยอมอ่อนน้อมต่ออังกฤษ ครั้งอังกฤษส่งกองทัพใหญ่มาปราบพวกกะเหรี่ยงจึงพากันเข้ามาอยู่ในไทย ดังนั้น กะเหรี่ยงจึงเป็นกลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้เข้าอยู่ในสุวรรณภูมินี้ก่อนยุคล่าอาณานิคมของฝรั่งเศสและสามารถวิเคราะห์การเดินทางเข้าสู่เขตไทยของกะเหรี่ยงในจังหวัดกาญจนบุรี เป็นไปได้ว่ามาทางด่านเจดีย์สามองค์เป็นหลักลงมาถึงไทรโยค ส่วนหนึ่งขึ้นไปตามแม่น้ำแควใหญ่ และอีกส่วนหนึ่งขึ้นไปทางลำตะเพินเข้าสู่จังหวัดสุพรรณบุรีและอุทัยธานี ซึ่งสอดคล้องกับเมืองมอญอยู่ที่เมาะตะมะ เมาะลำเลิงและกะเหรี่ยงเป็นมิตรกับมอญ ตามข้อมูลที่มีผู้เขียนไว้เมื่อถูกพม่ารุกรานจึงอพยพเข้ามาในฝั่งไทย

ปัจจุบัน กะเหรี่ยงในตำบลนาสวนเป็นกะโพล่วหรือโปว์ โดยจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มด้ายแดงและกลุ่มด้ายขาว โดยแต่ละกลุ่มมีการประกอบพิธีกรรมบางอย่างที่ไม่เหมือนกัน

โพล่ง

การประกอบอาชีพ

เนื่องจากบ้านนาสวนเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ด้วยการมีลำห้วยที่มีน้ำซับผุดขึ้นตลอดทาง ตลอดจนพื้นที่ทั่วไปเป็นที่ราบ จึงทำให้ชาวบ้านประกอบอาชีพทำไร่ ทำนา ทำสวน ตรงกับชื่อที่เรียกกันทั่วไปว่า บ้านนาสวนซึ่งแต่ก่อนเป็นการประกอบอาชีพเพียงเพื่อสำหรับการดำรงชีวิตแบบการพึ่งพาตัวเองเป็นหลักในช่วงรอบปีหนึ่งๆ หรืออาจมีสำรองเพื่อรอบปีหน้าบางส่วนเท่านั้น อาชีพของชาวนาสวน นอกจากการทำไร่ข้าว ยังมีไร่ฝ้าย งา แต่ก็มีจำนวนน้อยและรวมทั้งการเลี้ยงสัตว์จำพวกกระบือไว้เป็นแรงงาน อาชีพหลักๆจึงประกอบด้วย

  • การทำข้าวไร่ มีการดูฤกษ์ยามก่อนเพาะปลูกและมีการทำขวัญข้าว ซึ่งชาวไทยสายกะเหรี่ยงเรียกว่า “บือชีเบาะ” โดยพันธุ์ข้าวที่ปลูกขึ้นอยู่กับความนิยมของผู้บริโภคแต่ละครัวเรือน ตัวอย่างพันธุ์ข้าว เช่น ข้าวเหลือง ข้าวบึ้งกริ๊ง บึ้งบ่อง บึ๊งเอาว ข้าวหมี ข้าวเหลืองเงิน ข้าวเหลืองทอง ข้าวใบตก ข้าวโต๊ะเตี๊ยะ บึ๊งชู่ ข้าวนารู ข้าวที่มีแต่ดั้งเดิม คือ บีงบ่อง และ โต๊ะเตี๊ยะ เป็นต้น

  • การทำนา สำหรับนาในพื้นที่บ้านนาสวนเป็นนาดำทั้งหมด ฤดูกาลทำนาจะเริ่มโดยการเพาะกล้าในเดือนมิถุนายน เดือนกรกฎาคมจะปล่อยน้ำเข้านา ไถ คราด และดำแล้วปล่อยน้ำขังในนา ปัจจุบันยังไม่มีการใส่ปุ๋ยในนาและไม่ต้องกำจัดวัชพืช ข้าวในนาจะเจริญเติบโตและตั้งท้องประมาณเดือนตุลาคมและเกี่ยวข้าวได้ในราวเดือนธันวาคม

  • การทำสวน การทำสวนจะทำตามบริเวณที่ราบที่ลำห้วยไหลผ่านหรือตามที่มีแหล่งน้ำซับ ซึ่งบริเวณนี้มีการทำสวนผสม จำพวกมะพร้าว หมาก มะม่วง ขนุน เป็นต้น ส่วนใหญ่จะปลูกไว้เพื่อการบริโภคหรือไว้แลกเปลี่ยนและจำหน่ายในส่วนที่เหลือ เช่นมะพร้าว หมาก ส่วนที่ราบสูงขึ้นมาจะปลูกกล้วย ขนุน โดยเฉพาะที่ราบริมแม่น้ำแควใหญ่ ส่วนหนึ่งจะปลูกนุ่นไว้เพื่อออกไปจำหน่ายต่อในเมือง โดยใช้เรือและแพล่องไปตามลำน้ำ พร้อมกับซื้อของที่จำเป็นจากตัวเมืองไว้ใช้ต่อไป นอกจากนี้ยังมีพวกตัดไม้ลวก ไม้ไผ่ล่องตามลำน้ำไปขายก็มีเป็นบางส่วน 

องค์กรชุมชน

  • กลุ่มทอผ้ากระเหรี่ยงพื้นบ้านบ้านปลายนาสวน เป็นการรวมกลุ่มของสาวๆที่สนใจในการสืบทอดภูมิปัญญาของชนชาติพันธุ์กระเหรี่ยงโพล่งหรือกระเหรี่ยงโป มีจำนวนประชากรประมาณ 70,000 คน (ศูนย์วิจัยชาวเขาจังหวัดกาญจนบุรี) ในภาคตะวันตกและในอำเภอศรีสวัสดิ์มีประชากรชนชาติพันธุ์กระเหรี่ยงคิดเป็น 80% ของประชากรทั้งหมด ดังนั้นการแต่งกายในชีวิตประจำวันและการใช้ในพิธีกรรมต่างๆ จึงมีการทอผ้ากระเหรี่ยงสืบทอดมาเป็นเวลายาวนาน ในการทำผลิตภัณฑ์ก็จะแบ่งหน้าที่กันตามความถนัด ผลิตภัณฑ์ของกลุ่ม ได้แก่ ย่ามจก เสื้อกระเหรี่ยงผู้หญิง ผ้าถุงกระเหรี่ยงผู้หญิง เสื้อกระเหรี่ยงเด็กชาย ชุดกระเหรี่ยงเด็กหญิง ชุดกระเหรี่ยงสาว ย่ามจก ตุงบันไดสวรรค์
  • กลุ่มแปรรูปปลาแพนาสวน เกิดจากการรวมตัวของผู้อาศัยอยู่ในแพริมอ่างเก็บน้ำ เขื่อนศรีนครินทร์ที่ส่วนใหญ่จะมีอาชีพในการทำประมงน้ำจืด ได้แก่ การหาปลาน้ำจืดที่มีในอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ตามที่กรมประมงได้สนับสนุนพันธุ์ชนิดต่างๆ มาปล่อยให้เจริญเติบโตแพร่พันธุ์จำนวนมากพอที่จะก่อเกิดเป็นอาชีพได้หลากหลาย เช่น การจับปลา มาจำหน่ายให้กับพ่อค้าแม่ค้าที่รับซื้อนำไปส่งขายยังตลาดทั้งภายในอำเภอศรีสวัสดิ์และตลาดสดจังหวัดกาญจนบุรี บางส่วนก็จะนำภูมิปัญญาดั้งเดิมของการถนอมอาหารประเภทปลามาแปรรูป ปลาที่เหลือจากการขายก็มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ชนิดต่างๆ ได้แก่ ปลารมควัน ปลาแดดเดียว น้ำพริกนรกกระเหรี่ยงปลาย่าง

  • กลุ่มวิสาหกิจชุมชนคนนาสวน เกิดจากการร่วมมือของชาวบ้านกับบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน) วางแผนการพัฒนาร่วมกับคนในชุมชน เพื่อสร้างความยั่งยืนในด้านเศรษฐกิจชุมชนไปพร้อมๆกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสืบสานวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยนำเสนออัตลักษณ์ท้องถิ่นที่งดงามสู่สายตาภายนอก ผ่านกิจกรรมและผลิตภัณฑ์ชุมชนตลอดจนแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรและวัฒนธรรมภายใต้การบริหารจัดการโดยชุมชนเอง และได้พัฒนาผลิตผลทางการเกษตรที่มีเป็นจำนวนมากเพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านได้อย่างเพียงพอต่อการดำรงชีวิตของชาวบ้านอีกหลายชนิด เช่น งาอินทรีย์คั่วสำหรับโรยข้าว น้ำมันงาพริกกระเหรี่ยงอินทรีย์ตากแห้ง พริกกระเหรี่ยงอินทรีย์ป่น ผักชนิดต่างๆ ที่ปลูกสำหรับส่งไปจำหน่ายให้แก่ลูกค้าทั้งแบบขายปลีกด้วยตัวเองและขายส่ง

ปฏิทินประเพณี

จากการที่บ้านนาสวนเป็นชุมชนที่ดั้งเดิมชาวกะเหรี่ยง จึงมีวิถีการดำรงชีวิตและวัฒนธรรมประเพณีเป็นของตนเอง ดังนั้นในรอบปีหนึ่งๆจะมีการประกอบพิธีกรรมที่สอดคล้องกับฤดูกาลและความเชื่อซึ่งเดือนทั้ง 12 เดือน มีชื่อเรียกและการประกอบพิธีกรรมต่างๆ ดังนี้

เดือนคำเรียกภาษาถิ่นประเพณีคำเรียกภาษาถิ่น
1หล่าเหลิวงานบวชต้นโพธิ์ละกะเส่อ
2หล่าเมาะผู้-กะตอกปุ่ง
3หล่าเมาะพะคู้งานทำบุญไฟกะเตาะไม้
4หล่าเซิ่ง-โพ่ละเกิง
5หล่าต่างานสงกรานต์กะเตาะเจ่ว
6หล่าฝ้างานบรรพชา – อุปสมบทบะไสะ
7หล่าโหน่ยงานบุญไตรจีวรกะเตาะจิง
8หล่าหรุเข้าพรรษาตะเคิง
9หล่าเมาะงานบุญผัก ผลไม้-

10

หล่าซิงหมิงงานบุญกะยาสารท-
11หล่าซิงซ่าออกพรรษา,ทำบุญผ้าเช็ดหน้า,บันไดสวรรค์-
12หล่าหน่องงานทอดกฐินกะเทิ่ง

ปฏิทินการปลูกพืช

ปฏิทินกิจกรรมในการดูแลปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์

  • ข้าว : เดือนพฤษภาคม-มิถุนายน เตรียมดิน  เดือนกรฎาคม-ตุลาคม เริ่มปลูก  เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม เก็บเกี่ยว
  • มันสำปะหลัง : มีการปลูกตลอดปี
  • พืชผัก : มีการปลูกตลอดปี
  • ไม้ผล : มีการปลูกตลอดปี
  • ปศุสัตว์ : มีการเลี้ยงตลอดปี
  • ประมง : ทำประมงตลอดทั้งปี

กลุ่มทอผ้ากระเหรี่ยงพื้นบ้านบ้านปลายนาสวน การบริหารจัดการกลุ่มโดย

  1. นางสุวรรณา ประสิทธิ์สิงห์ : ประธาน
  2. นางเฉิดฉาย นารีรักษ์ : รองประธาน
  3. นางอุษณีย์ นิ่มนวล : เลขาฯ
  4. นางศศิ พิมลา : ประชาสัมพันธ์
  5. นางเรณู สวัสดิ์ดรงค์ : กรรมการ
  6. นางอารีย์ แถวปลิว : กรรมการ
  7. นางสีใบ นาสวนประพฤติ : กรรมการ
  8. นางอนงค์ ประสิทธิ์สิงห์ : กรรมการ
  9. นายเรวัต สวัสดิ์โธนกุล : กรรมการ
  10. นางสุดา ยั้งประยุทธ์ : กรรมการ
  11. นางดารา สวัสดิ์ไฉไล : สมาชิก
  12. นางพรนภา ศรีประกอบศุกร์ : สมาชิก
  13. นางอิสริยาภรณ์ จันทร์ประเสริฐ : สมาชิก

กลุ่มแปรรูปปลาแพนาสวน การบริหารจัดการกลุ่มโดย

  1. นางสาวเจนจิรา บุญเลี้ยง : ประธาน
  2. นางสาวอรทิพย์ นาสวนโกมล : รองประธาน
  3. นางสาวอาภาพร การดี : เหรัญญิก
  4. นางจันทร์ ศิริภัทร์ : เลขานุการ
  5. นางสาวอนันตา สมจันทร์ : ประชาสัมพันธ์
  6. นายศัจธร บุญเลี้ยง : กรรมการ
  7. นายภูมิณวิทย์ อ่อนเบา : กรรมการ
  8. นายธีระ สิงห์น้อย : กรรมการ
  9. นางบัวแก้ว สีดา : กรรมการ
  10. นางเตรียมจิต ทาทอง : กรรมการ
  11. นางสงวน เมืองไสย์ : สมาชิก
  12. นางวัชรี บานเย็น : สมาชิก
  13. นายบรรแล แก้วปลิว : สมาชิก
  14. นางสาวประภา ยั้งประยุทธ์ : สมาชิก

บ้านนาสวนมีสถานที่และภูมิปัญญาท้องถิ่นต่าง ๆ ที่น่าสนใจอยู่มากมาย แต่จะยกที่สำคัญแต่ละด้านมาดังนี้

ทุนวัฒนธรรม

สถานที่สำคัญ

1.วัดปลายนาสวน เป็นศูนย์รวมทางจิตใจของชาวบ้านปลายนาสวนและวัดนี้ได้มีการพัฒนาขึ้นตามลำดับ ได้มีการปิดทองฝังลูกนิมิต เมื่อ ปี พ.ศ.2557

2. วัดถ้ำองจุ เป็นศูนย์รวมทางด้านจิตใจ ของชาวกะเหรี่ยงในจังหวัดกาญจนบุรี สุพรรณบุรี ราชบุรี อุทัยธานี ตากและกะเหรี่ยงในพม่า ในถ้ำจะมี "หลวงพ่อใหญ่' พระพุทธรูปปางมารศรีวิชัยขนาดใหญ่ประดิษฐานอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดั้งเดิมที่อยู่คู่กับชาวบ้านนาสวนและเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความเป็นมาของชุมชนแห่งนี้ ในทุกปีของวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 5 จะมีงานประจำปีที่ชุมชนชาวกระเหรี่ยงจะมาร่วมงานเพื่อเป็นสิริมงคลให้กับตนเอง

ประเพณีที่สำคัญ

การทำบุญปากะบ่อง (ไหว้เครื่องบิน) จะทำในวันเพ็ญกลางเดือน 10 ของทุกปี โดยก่อนวันทำพิธี ชาวบ้านจะนำไม้ไผ่มาช่วยกันประกอบ ให้มีลักษณะคล้ายเรือและยกสูงจากดินระดับอกเพื่อเตรียมไว้สำหรับบรรจุข้าว ผัก และผลไม้ต่างๆ ซึ่งเป็นผลผลิตที่ออกใหม่ของปี เมื่อถึงวันทำพิธีทุกคนจะนำข้าว ผักและผลไม้มาใส่ในกะบ่อง (เครื่องบิน) ที่ได้ช่วยกันสร้าง 

สิ่งของที่ต้องใช้ในการทำบุญ ได้แก่

  1. เทียน 1,000 เล่ม
  2. ดอกไม้ 1,000 ดอก
  3. ฉัตร 1,000 อัน
  4. กระทง 1,000 อัน
  5. หมากพลู 1,000 คำ

พิธีกรรมจะเริ่มโดยการนำพิธีของผู้นำที่มีความรู้และเป็นที่นับถือของชาวบ้าน โดยให้ชาวบ้านนั่งกับพื้นและท่องบทสวดตามผู้นำพิธี 3 รอบ ต่อมาให้นั่งยองๆและท่องบทสวดตามผู้นำพิธี 3 จบ แล้วนั่งคุกเข่าท่องบทสวดตามผู้นำพิธีอีก 3 จบ สุดท้ายยืนค้อมตัวและท่องบทสวดตามผู้นำพิธีอีก 3 จบ แล้วจึงเดินเวียนไปทางขวาคล้ายการเวียนเทียนอีก 3 จบ เป็นอันเสร็จพิธี ทั้งนี้กะเหรี่ยงมีความเชื่อในการมีอยู่ของยุคพระศรีอริยเมตตรัย จึงได้นำอาหารที่เป็น ข้าว ผักและผลไม้ขึ้นถวายเพื่อจะได้ไปเกิดให้ทันในยุคนั้น

การละเล่นพื้นบ้าน 

การละเล่นเย่องปิ่ง เย่องปิ่ง เป็นภาษากะเหรี่ยง แปลว่าการร้องเพลงเป่าแคน เป็นการละเล่นพื้นบ้านที่มีมาแต่โบราณ ปกติจะมีคนร้อง 1 คนและคนเป่าแคน 1 คนเป็นอย่างน้อย แต่เดิมหนุ่มสาวจะไปพบกันที่บ้านก็จะมีการเย่อปิ่ง โดยอาจจะผลัดกันร้องโต้ตอบกันระหว่างชายกับหญิง แม้กระทั่งการร้องโต้ตอบกันในระหว่างหมู่บ้านต่างที่ส่วนเนื้อเพลงนั้นมีความหลากหลายแล้วแต่ผู้แต่ง ตั้งแต่เกี่ยวกับการเกี้ยวพาราสีของหนุ่มสาว การรำพึงรำพันถึงคนรัก กระทั่งเป็นเพลงนิทานชาดก ดังเช่น

คู่ หลุ่ง ว้า บ่อง ลี ดุ ช่อง

ลี ลี โอ้ ป่อย เล่อเอ่อด่อง

เส้ยนี่คาหล่อง เส้ยลาบ่อง

น้อง ท้อง เนอ เยอมิทิ่งหล่อง

แปลได้ว่าขึ้นไปดักไก่บนเขาไม้ลวก

เดินไปพักไปจนถึงยอดเขา

เห็นต้นผึ้งล้มมีใบสีเหลือง

เมื่อนึกถึงเธอฉันน้ำตาไหล

ปัจจุบันการเย่องปิ่ง มักจะเล่นกันตามเทศกาลงานบุญต่าง ๆ ซึ่งการละเล่นนี้เริ่มจะไม่ค่อยได้พบเห็นเนื่องจากคนที่ร้องและเป่าแคนได้นับวันจะเหลือน้อยลง

ภูมิปัญญาท้องถิ่นเรื่องการทอผ้า

การทอผ้าจะเริ่มจากปลูกฝ้าย เก็บดอกฝ้ายที่มีคุณภาพดีไว้ตากไว้ให้แห้ง มาเข้าหีบปั่นเอาเมล็ดฝ้ายออก ตากไว้อีกรอบแล้วจึงมาปั่นให้เป็นเส้นเก็บไว้ ย้อมสีตามที่ต้องการ เมื่อถึงเวลาทอจะต้องนำด้ายมาเดินตามแบบ ซึ่งแบบขึ้นด้ายจะใช้ไม้ไผ่นวลมาเจาะให้เป็นรูและใช้ไม้ที่เหลากลมใส่ตามรูที่ได้เจาะไว้จากนั้นจึงขั้นด้ายจนเสร็จวางยังจุดที่ใช้สำหรับการทอผ้า โดยปกติทำที่พื้นด้านหัวสอดร้อยผูกไว้ที่ฝาด้านท้ายมีหนังสัตว์สำหรับนั่งพิงช่วยให้ด้าย ทั้งหมดตึงและมีไม้สำหรับเหยียดขายันไว้อีกแรงหนึ่ง

ผ้าทอพื้นบ้านลายกะเหรี่ยง เป็นผ้าทอที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่มีความสวยงาม และบ่งบอกถึงประเพณี วัฒนธรรม ความเป็นท้องถิ่นของชุมชน แต่นับวันผู้ที่มีความรู้ในการทอผ้ากะเหรี่ยงมีน้อยลงทุกที อาจเป็นเพราะวัฒนธรรมจากภายนอกได้เข้ามามีบทบาทสำคัญแทนและผ้าที่ทอต้องใช้เวลานาน การแต่งกายด้วยผ้ากะเหรี่ยงจึงเห็นกันอยู่น้อยมากส่วนใหญ่จะแต่งกันเฉพาะงานพิธีการ งานบุญต่างๆ เท่านั้น ผ้าทอมี ๖ ลายด้วยกัน ได้แก่ ลายจุ่งคู้จุ่งได้ ลายเกี๊ยะลิ๊ ลายเปาะ ลายย้าคุ้งมิ้ ลายเซ่อโคร่ว ลายโท่ว ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็ยังมีการทอผ้ากันอยู่บ้างแต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้สูงอายุแล้ว

ภาษาพูด : บ้านนาสวนเป็นชุมชนที่มีชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยงอาศัยอยู่ ดังนั้นในชุมชนจึงใช้ภาษากะเหรี่ยงในการสื่อสาร จนถึงช่วงปีพ.ศ.2517 ที่มีการสร้างเขื่อนศรีนครินทร์ เริ่มมีการติดต่อกับคนภายนอกชุมชน จึงมีการใช้ภาษาไทยกันมากขึ้น ประกอบกับการมีการศึกษาภาคบังคับถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ให้กับเด็ก ๆ มีจึงความสามารถในการใช้ภาษาไทยจึงมากขึ้น แต่กลับกัน ทำให้การใช้ภาษากะเหรี่ยงของเด็ก ๆ น้อยลง ส่งผลให้การใช้ภาษากะเหรี่ยงในครอบครัวและสังคมน้อยลงตามไปด้วย

ภาษาเขียน : กะเหรี่ยงใช้ตัวอักษรของมอญเป็นตัวหนังสือเขียนซึ่งมีพยัญชนะ 36 ตัว สระ 35 ตัว ลักษณะของตัวหนังสือจะกลม ภาษาเขียนส่วนใหญ่จะใช้เรียนกันที่วัดในช่วงของการบรรพชา อุปสมบท ปัจจุบันจำนวนผู้ที่สามารถเขียนตัวหนังสือได้มีจำนวนน้อยมากและวัดซึ่งเดิมเป็นสถานที่สำหรับการเรียนหนังสือภาษากะเหรี่ยงนั้นไม่มีอีกแล้ว เนื่องจากพระภิกษุที่เข้ามาจำพรรษาส่วนใหญ่เป็นบุคคลภายนอก จึงไม่มีการสานต่อการอ่านเขียนภาษากะเหรี่ยง


  1. ไฟฟ้า หมู่ 1, 2, 4, และ 5 มีไฟฟ้าใช้ ส่วนหมู่ 3 ไม่มีไฟฟ้าใช้
  2. ประปา หมู่ 1, 2, 4, และ 5 มีประปาใช้ ส่วนหมู่ 3 ไม่มีประปาใช้


ตำบลนาสวน มีการให้บริการด้านสาธารณสุข ดังนี้

1. โรงพยาบาลส่งเสริมส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล จำนวน 1 แห่ง ตั้งอยู่หมู่ที่ 1 ตำบลนาสวน


ตำบลนาสวน มีโรงเรียนในพื้นที่ในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ดังนี้

  1. โรงเรียนบ้านนาสวน
  2. โรงเรียนวัดถ้ำองจุ
  3. โรงเรียนบ้านปากนาสวน
  4. โรงเรียนบ้านองหลุ
  5. โรงเรียนบ้านองสิต 

อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์

นาเด่ง : พิณกะเหรี่ยงจังหวัดกาญจนบุรี

นาเด่ง เป็นพิณ 6 สาย ปรากฏอยู่ในวัฒนธรรมของชาวกะเหรี่ยงโป จังหวัดกาญจนบุรี ที่อาศัยอยู่ในบริเวณป่าด้านทิศตะวันตกของอุทยานแห่งชาติทุ่งใหญ่นเรศวร ในอดีตแพร่หลายมากในกลุ่มชาวกะเหรี่ยงโปและกะเหรี่ยงสะกอทั้งในประเทศพม่าและประเทศไทยในภาคเหนือและภาคตะวันตก นาเด่งเริ่มแพร่หลายและนิยมเล่นในกลุ่มกะเหรี่ยงจังหวัดกาญจนบุรี ในอำเภอสังขละบุรี เมื่อประมาณ 50-60 ปีที่ผ่านมา ต่อมาจึงได้กระจายสู่อำเภอต่าง ๆ ที่มีชาวกะเหรี่ยงอาศัยอยู่ จนถึงปัจจุบันนาเด่งมีวิธีการบรรเลงและการแต่งคำร้องที่มีรูปแบบเป็นเอกลักษณ์ เพลงร้องประกอบการเล่นนาเด่งของชาวกะเหรี่ยงที่พบในจังหวัดกาญจนบุรีส่วนมาก มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิต แบ่งเป็น 6 ประเภท คือเพลงเกี่ยวประวัติชนเผ่า เพลงเกี่ยวกับธรรมชาติ เพลงเกี่ยวกับประเพณี เพลงเกี่ยวกับสัจธรรมและพุทธทำนาย เพลงเกี่ยวกับความรักและเพลงของกะเหรี่ยงเผ่าอื่น แต่เดิมนาเด่งเป็นเครื่องดนตรีที่เล่นเพื่อความบันเทิง ต่อมาได้เพิ่มบทบาทในพิธีกรรมสำคัญของชนเผ่ามากขึ้น ได้แก่ พิธีทำบุญข้าวใหม่ พิธีผูกข้อมือ อีกทั้งในปัจจุบันชาวกะเหรี่ยงได้ปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมดนตรีของตนเองตามกระแสสังคม โดยได้นำนาเด่งไปแสดงเพื่อธุรกิจการท่องเที่ยวกันมากขึ้น

สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี. (2564). มรดกภูมิปัญญา อาหารพื้นถิ่น วิถีชาติพันธุ์ สร้างสรรค์อาภรณ์. โครงการการดำเนินงานขับเคลื่อนแนวนโยบายฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวเลและชาวกะเหรี่ยงประจำปี พ.ศ. 2564. กาญจนบุรี : สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี

ศูนย์บริการและถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบลนาสวน. (2562). แผนพัฒนาการเกษตรระดับตำบล 5 ปี (พ.ศ.2561-2565). (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อ 20 กรกฎาคม 2566. ได้จาก http://sisawat.kanchanaburi.doae.go.th/

สถิติการบริการด้านการทะเบียนราษฎร. (2566). พื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี อำเภอศรีสวัสดิ์ ตำบลนาสวน ข้อมูลเดือนมิถุนายน 2566. (ออนไลน์)สืบค้นเมื่อ 20 กรกฎาคม 2566.ได้จาก https://stat.bora.dopa.go.th/

จรัญ กาญจนประดิษฐ์. (2553). นาเด่ง : พิณกะเหรี่ยงจังหวัดกาญจนบุรี, วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น.

องค์การบริหารส่วนตำบลนาสวน โทร. 0-3459-7142