ชุมชนชาวมอแกลนริมฝั่งทะเลอันดามัน ต้นกำเนิดตำนานนิทรานปรัมปราตอกย้ำวิถีชีวิตร่อนเร่ที่เหมือนถูกสาปแช่งของชาวมอแกลนแถบลำน้ำลำปี
ที่มาของชื่อเรียกบ้านลำปีนั้นมีที่มาจากที่ตั้งหมู่บ้านที่มีภูมิประเทศโอบล้อมด้วยเขาลำปี และมีเส้นแบ่งอาณาเขตกับหมู่บ้านอื่นจากคลองน้ำตกลำปี เมื่อมีการก่อตั้งหมู่บ้านจึงให้ชื่อว่า “บ้านลำปี”
ชุมชนชาวมอแกลนริมฝั่งทะเลอันดามัน ต้นกำเนิดตำนานนิทรานปรัมปราตอกย้ำวิถีชีวิตร่อนเร่ที่เหมือนถูกสาปแช่งของชาวมอแกลนแถบลำน้ำลำปี
ชาวมอแกลน กลุ่มชนที่มีชีวิตผูกพันอยู่กับทะเลมาช้านาน เดินทางไปตามชายฝั่งทะเลและหลบพักในฤดูมรสุม ชีวิตส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเรือเร่ร่อนไปในท้องทะเล หมู่บ้านดั้งเดิมนั้นเกิดขึ้นจากชาวมอแกลนที่อพยพทางเรือและตั้งถิ่นฐานเป็นชุมชนชนาดเล็กริมฝั่งทะเลหมู่บ้านว่า “หานนกยูง” มีที่มาจากลำห้วยสำคัญที่มีน้ำตลอดทั้งปี อุดมสมบูรณ์ไปด้วยสัตว์น้อยใหญ่ เพราะมีพื้นที่ติดทั้งป่าเขาดิบชื้น และป่าชายเลน รวมถึงนกยูงงซึ่งเป็นนกสีขาวคอยาวหากินในแถบนี้ปัจจุบันไม่พบแล้ว
การอพยพของชาวมอแกลนสู่บ้านลำปีนั้นมีสาเหตุมาจากความยากลำบากที่มีมากขึ้นจากการใช้ชีวิตร่อนเร่ในทะเล ทั้งจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดความต้องการที่ทำกินที่ถาวร ซึ่งการเลือกพื้นที่บ้านลำปีที่มีอาณาเขตติดทะเลเป็นที่ตั้งถิ่นฐานนั้นทำให้ชาวมอแกลนยังสามารถคงความดั้งเดิมของวิถีชีวิตไว้ได้ แม้ลักษณะการอยู่อาศัยจะเปลี่ยนแปลงไป
หลังจากที่ชาวมอแกลนเข้ามาสร้างบ้านเรือนได้ระยะหนึ่ง ต่อมามีผู้คนอพยพจากบ้านขนิมซึ่งอยู่ใกล้เคียงกัน นำโดยทวดตั๊ก ทวดฉอด ทวดหมีทวดเจ๊ก ทวดหมุย นายสิบเจ็ก และนายประดิษฐ์ แสงศรี ส่วนมากเป็นคนจีน เริ่มเข้ามาบุกเบิกที่ทำกินในหมู่บ้าน การอยู่ในร่วมกันระหว่างชาวมอแกลนกับชาวจีนมีการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติร่วมกัน โดยชาวมอแกลนทำอาชีพประมง และทำไร่ผลัดแปลง ส่วนชาวจีนที่อพยพเข้ามาทำสวนยาง ซึ่งต่างก็พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ก่อนที่จะเปลี่ยนแปลงเป็นนายจ้างและลูกจ้างอย่างในปัจจุบัน
ที่มาของชื่อเรียกบ้านลำปีนั้นมีที่มาจากที่ตั้งหมู่บ้านที่มีภูมิประเทศโอบล้อมด้วยเขาลำปี และมีเส้นแบ่งอาณาเขตกับหมู่บ้านอื่นจากคลองน้ำตกลำปี ลำปีจึงเป็นชื่อเรียกรวมหมู่บ้านในละแวกนี้ อนึ่ง ภายหลังชาวมอแกลนได้รับสัญชาติไทย บ้านลำปีจึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “หมู่บ้านชาวไทยใหม่”
อาณาเขต
- ทิศเหนือ ติดต่อกับ จังหวัดระนอง
- ทิศใต้ ติดต่อกับ จังหวัดภูเก็ต
- ทิศตะวันออก ติดต่อกับ จังหวัดสุราษฎร์ธานี
- ทิศตะวันตก ติดต่อกับ ทะเลอันดามัน
ลักษณะภูมิประเทศ
หมู่บ้านลำปี ตั้งอยู่บนเนินเขาสลับที่ราบ มีภูเขาลำปีเป็นป่าดิบชื้นที่ยังคงสภาพความอุดมสมบูรณ์ แนวเขาลำปีนี้เป็นจุดกำเนิดของน้ำตกขนิมและน้ำตกลำปี คลองจากน้ำตกทั้งสองทอดเป็นสายไหลลงทะเลล้อมรอบหมู่บ้าน อีกด้านเป็นป่าชายเลนซึ่งมีพื้นที่มากมายให้ใช้ประโยชน์ ทั้งยังเป็นเกราะป้องกันหมู่บ้านจากคลื่นยักษ์สึนามิ ปัจจุบันป่าชายเลนอนุรักษ์ยังเป็นแหล่งประกอบอาชีพในการค้าขาย ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ทำให้ชุมชนแห่งนี้ได้ประโยชน์ในการประกอบอาชีพประมง และทำสวน
สภาพภูมิอากาศ
จากลักษณะทางกายภาพและทำเลที่ตั้งของหมู่บ้านซึ่งมีพื้นที่ติดทะเลอันดามันและอีกด้านจดภูเขาที่เป็นป่าดิบขึ้นอุดมสมบูรณ์ ทำให้เป็นพื้นที่ที่มีความชื้นสูง อีกทั้งอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรและอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่มีฝนตกชุกตลอดทั้งปี สภาพภูมิอากาศแบบมรสุม จึงมีเพียง 2 ฤดูกาล คือฤดูร้อน อากาศร้อนขึ้น (เดือนมกราคม-เดือนเมษายน) ฤดูฝนหรือฤดูมรสุม ฝนตกชุก (เดือนพฤษภาคม-เดือนธันวาคม) โดยเฉพาะช่วงเดือนพฤษภาคม-เดือนตุลาคม จะมีฝนตกชุกเป็นพิเศษ
ทรัพยากรธรรมชาติ
ทรัพยากรธรรมชาติในหมู่บ้านลำปีนั้นนับว่ามีความหลากหลาย ซึ่งการตั้งถิ่นที่อยู่ระหว่างป่าดิบชื้นของแนวเขาลำปีกับพื้นที่ป่าชายเลนซึ่งเป็นคุ้งทะเลใน ทำให้ชาวบ้านได้ประโยชน์จากคุณค่าของป่าทั้งสองแห่ง ดังนี้
- ป่าดิบชื้น เป็นป่าต้นน้ำและแหล่งกำเนิดของน้ำตกหลายสาย ได้แก่ คลองขนิม คลองลำปี และคลองบางปอ อุดมด้วยพรรณไม้หลายชนิด เช่น หลุมพอ ตะเคียนทอง นากบุตร กระบาก พิกุลป๋า เป็นต้น และยังเป็นที่อยู่อาศัยของหมี เลียงผา ชะมด สัตว์เลื้อยคลาน และนกนานาชนิด
- ป่าชายเลน ในหมู่บ้านมีป่าชายเลนเป็นคุ้งทะเลในห่างจากทะเลนอกเป็นสิบกิโลเมตร เป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำเค็มมากมายหลายชนิด อีกทั้งยังเป็นแหล่งอนุบาลเต่าทะเลที่สำคัญของประเทศ พรรณไม้ที่พบคือ ตะบูนขาว ตะบูนดำ ลำพู ลำแหน โกงกาง แสม ฯลฯ และมีบางบริเวณที่มีลักษณะเป็นป่าจาก ป่าชายหาด มีสนทะเล จิกทะเล หูกวาง รักทะเล และหว้าหิน เป็นต้น ป่าชายเลนนี้ชาวบ้านได้ประโยชน์จากการทำประมง และการเพาะเลี้ยงปลาในกระชัง
บ้านลำปี มีประชากรทั้งสิ้น 773 คน โดยการปกครองของบ้านลำปีจะแยกออกเป็น 2 หมู่บ้านย่อย ได้แก่ บ้านลำปีนอก ตั้งอยู่ริมถนนเพชรเกษม ส่วนใหญ่เป็นคนไทยเชื้อสายจีน และบ้านลำปีใน เป็นบ้านของชาวมอแกลน (ไทยใหม่)
มอแกลนการประกอบอาชีพ
เนื่องจากสภาพทางกายภาพและที่ตั้งของหมู่บ้านมีส่วนกำหนดอาชีพเป็นอย่างมาก ทำให้ชาวบ้านได้ใช้ประโยชน์จากความหลากหลายของธรรมชาติ แต่เนื่องจากปัจจัยทางด้านราคาและรายได้จึงกำหนดให้ชาวบ้านยึดอาชีพเพียงไม่กี่ประเภทเท่านั้น เศรษฐกิจของหมู่บ้านจึงขับเคลื่อนด้วยวิถีการผลิตเพียงไม่กี่ประเภท ดังนี้
- แรงงานรับจ้าง เป็นอาชีพส่วนใหญ่ของชาวบ้าน โดยเฉพาะชาวไทยใหม่ซึ่งมักรับจ้างเป็นแรงงานทั่วไป เช่น รับจ้างทำสวนยาง รับจ้างปีนมะพร้าว ก่อสร้าง เป็นต้น เมื่อพิจารณาโครงสร้างประชากรที่ส่วนใหญ่เป็นวัยแรงงานประกอบกับสิทธิในการครอบครองที่ดินที่ไม่ใช่ของชาวบ้านส่วนใหญ่ในหมู่บ้าน จึงผลักดันให้ชาวบ้านโดยเฉพาะชาวมอแกลนต้องถูกเบียดขับออกจากการเป็นแรงงานเจ้าของที่ดินสู่การเป็นแรงงานรับจ้าง
- การประมง เนื่องจากความถนัดเชี่ยวชาญแต่เดิมขอชาวมอแกน จึงทำให้อาชีพประมงเป็นอาชีพที่สำคัญของชาวบ้าน แต่เนื่องด้วยปัญหาปัจจุบัน สภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป ทำให้การประมงขนาดเล็กและขนาดกลางลดน้อยลง และเริ่มมีการเพาะเลี้ยงปลาในกระชัง ส่วนมากเป็นการจับสัตว์น้ำตื้นมาเพื่อบริโภค เช่น หอย กุ้ง ปลาน้ำตื้น เป็นต้น
- การทำสวน มีทั้งสวนผลไม้ สวนยางพารา และสวนปาล์ม โดยสวนผลไม้ส่วนใหญ่จะเป็นการปลุกมังคุดปะปนกับผลไม้อื่น ด้านสวนยางพารานั้นนับว่าเป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ของหมู่บ้าน โดยมากจะทำสวนยางในลักษณะรับจ้างกรีดยางเนื่องจากไม่มีที่ทำกินของตนเอง การทำสวนปาล์มมีการปลูกเล็กน้อย เนื่องจากราคาตลาดมีมูลค่าต่ำกว่าปลูกยาง
- การเลี้ยงสัตว์ มักเป็นการเลี้ยงปล่อยตามธรรมชาติ เช่น โค สุกร เป็ด และไก่
กลุ่มองค์กรชุมชน
- กลุ่มสัจจะออมทรัพย์ เริ่มต้นจากเงิน 1,000,000 บาท ประชุมทุกวันที่ 9 ของทุกเดือน กำหนดให้สมาชิกของกลุ่มนี้ต้องส่งเงินฝากขั้นต่ำเดือนละไม่ต่ำกว่า 100 บาท ส่วนการกู้เงินคณะกรรมการพิจารณาเรียงลำดับเป็นรายไป ดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อเดือน เงื่อนไขของผู้กู้ต้องเป็นสมาชิกเท่านั้นและต้องเป็นสมาชิกมาไม่ต่ำกว่า 6 เดือน กำไรจากดอกเบี้ยเงินกู้จะแบ่งให้เป็นเงินปันผลร้อยละ 17 และนำมาพัฒนาสาธารณประโยชน์ร้อยละ 17 ของเงินฝาก ส่วนที่เหลือนำไปปล่อยกู้ต่อไป
- กองทุนหมู่บ้านฯ (กองทุนเงินล้าน) มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นกลุ่มเงินทุนให้สมาชิกไปใช้ประกอบอาชีพหรือเพื่อเพิ่มรายได้จากการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต โดยเงื่อนไขของการเป็นสมาชิกกลุ่มจะต้องเป็นสมาชิกของกลุ่มออมทรัพย์หลักการเหมือนหลักการของกลุ่มออมทรัพย์
- กลุ่มฌาปนกิจ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มเก่า รับสมาชิกเฉพาะมอแกลน โดยจะมีสมาชิกมอแกลนจากหมู่บ้านอื่น ๆ ด้วย กลุ่มใหม่ เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์สึนามิ หลักการคล้ายกลุ่มเก่าเก็บสมาชิกรายครัวเรือนทุกครั้งที่มีคนตาย
- กลุ่มกองทุนบ้านมั่นคง ริเริ่มโดยนายจตุรงค์ แสงศรี หรือผู้ใหญ่ก้อย จากการมีมูลนิธิเข้ามาช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัยโดยการปลูกบ้านให้กับชาวบ้าน โดยพิจารณาจากฐานความยากจน กล่าวคือ เรียงลำดับความยากจนจากผู้ที่จนมากที่สุด คือ มีรายได้เฉลี่ยต่ำมากหรือมีสภาพบ้านที่ชำรุดทรุดโทรมมากตามลำดับ แต่เนื่องจากบางครอบครัวลงทุนลงแรงสร้างบ้านเองก่อนที่ความช่วยเหลือจะเข้ามา ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ เพราะคนที่ได้รับความช่วยเหลือส่วนมากไม่ได้กระตือรือร้นที่จะสร้างและปรับปรุงบ้านตนเอง จึงเกิดความไม่ยุติธรรมและก่อให้เกิดความชัดแย้งในชุมชน หลักการ คือ เก็บเงินจากผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือ (ได้บ้าน) เดือนละ 100 บาท จนกระทั่งครบ 60,000 บาท กลุ่มจึงจะคืนเงินก้อนกลับไปให้ผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือนั้น 50,000บาท เหลือเข้ากองทุน 10,000 บาท ซึ่งเงินทั้งหมดของกองทุน คณะกรรมการจะนำไปปล่อยกู้สำหรับผู้ที่จะปรับปรุงบ้านเรือนที่อยู่อาศัยของตนเอง โดยเฉพาะสำหรับชาวบ้านที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือและสำหรับเป็นกองทุนพัฒนาคุณภาพชีวิตด้านอื่น ๆ
พิธีลอยเรือไม้ระกำ
พิธีลอยเรือไม้ระกำเป็นพิธีกรรมที่มีความสำคัญอย่างมากต่อวิถีปฏิบัติของชาวมอแกลน โดยจะกระทำก่อนถึงหน้ามรสุมตะวันออกเฉียงเหนือประมาณกลางเดือนพฤษภาคมและตุลาคม เพื่อขับไล่สิ่งอัปมงคลออกจากหมู่เกาะ และขอพรต่ออำนาจเจ้าเกาะให้ช่วยคุ้มครองตลอดฤดูมรสุม ในพิธีนิยมเล่นรองเง็งและมโนราห์กาบัง ซึ่งเป็นการรำแบบลังกาวี
ประเพณีเดือนสี่–ไหว้บรรพบุรุษ
จากความเชื่อที่ว่าทุกสิ่งล้วนมีวิญญาณที่ต้องทุกครอบครัวจึงระลึกถึงบุญคุณของบรรพบุรุษ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นับถือ มีการเซ่นไหว้เพื่อขอให้บรรพบุรุษปกปักรักษาลูกหลานช่วยให้หาอาหารและมีชีวิตที่ดีขึ้นประเพณีนี้ หมอทำพิธีบ้านลำปี คือ เฒ่าคิว จะท่องเชิญวิญญาณบรรพบุรุษของบ้านที่ทำพิธีมารับการเคารพจากลูกหลาน โดยแต่ละบ้านจัดของเซ่นไหว้ ได้แก่ ข้าวแกง ไก่บ้าน เหล้าขาว ขนมต่าง ๆ ฯลฯ ที่สำคัญทุกบ้านต้องมีเต่า ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของธรรมชาติ นอกจากจะเป็นการเคารพบูชาธรรมชาติแล้ว ยังมีนัยของการสื่อความกตัญญูผ่านสิ่งมีชีวิตที่มีอายุคาบเกี่ยวระหว่างบรรพบุรุษและลูกหลาน
ประเพณีเดือนห้า มีพิธีกรรมที่สำคัญ ดังนี้
- พ่อตาหลวงจักร คือ จอมปลวกที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำหมู่บ้าน เป็นศูนย์รวมของการร้องขอและบนบานทุกสิ่งในทุก ๆ ปี คนที่บนบานไว้ต้องแก้บนกับพ่อตาหลวงจักร ส่วนคนที่ไม่ได้บนบานก็ต้องแสดงความเคารพ โดยของเซ่นไหว้เหมือนประเพณีเดือนสี่แต่ไม่มีเต่า ทุกคนที่มาร่วมพิธีนำของเคารพมาไว้รวมกันที่ศาลา มีเสาอาบน้ำมันและสลักเป็นหน้าคนหนึ่งต้นอยู่ข้างกัน ชาวมอแกลนดั้งเดิมเรียกว่า “เสาหล่อโบง”บนยอดมีนกคล้ายนกเขาซึ่งให้ความหมายว่ามีบางสิ่งบางอย่างอยู่เหนือความคิดและความคาดหมายของมนุษย์ และมีอำนาจดลบันดาลชีวิต ในพิธีนี้หมอประจำหมู่บ้านต้องปีนเสาที่ทาน้ำมันเพื่อไปถึงยอดเสา เสร็จแล้วไปหาบคอน เครื่องเซ่นไหว้แก้บน พร้อมกับสวดเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์มารวมกัน มี “พ่อเขาหลัก” เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญประจำพิธี และมีการเสี่ยงทายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่า พิธีที่จัดขึ้นเป็นที่พอใจหรือไม่ จนเมื่อเสี่ยงทายแล้วว่าเป็นที่พอใจชาวบ้านก็จะนำของเซ่นไหว้มารับประทานรวมกัน
- ผีตะกร้า พิธีผีตะกร้าชาวมอแกลนที่นี่เรียกว่า “แซะ แซะ” เมื่อก่อนทำกันทุกครอบครัว แต่ปัจจุบันเหลือเพียงสองครอบครัวที่ยังคงรักษาพิธีกรรมนี้ไว้ โดยมีการเซ่นไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยไก่และเหล้า หมอประจำหมู่บ้านจะเป็นผู้เชิญวิญญาณมาสิงสถิตในตะกร้า เพื่อแก้บนและอวยพรลูกหลานให้มีความสุข ซึ่งมีการร้องนำ ร้องรับกันอย่างสนุกสนาน ผีตะกร้าจัดเป็นการละเล่นอย่างหนึ่ง มีคนร้องและใช้ไม้ไผ่ซึ่งผ่าปลายให้เป็นซี่ เคาะตามจังหวะร้องเพื่อเชิญวิญญาณ เสียงไม้ไผ่ที่ดัง แซะ แซะ เป็นที่มาของชื่อพิธีนี้
- เพลงบอก ประเพณีเดือนห้านี้นอกจากพิธีกรรมพ่อตาหลวงจักรและผีตะกร้าแล้วชาวมอแกลนยังมีการร้อง "เพลงบอก" เป็นภาษามอแกลน เป็นการร้องสลับกันไปเป็นคู่ เนื้อเพลงเป็นการแต่งขึ้นเพื่ออวยพรแก่ครอบครัวต่าง ๆ ที่มอแกลนได้แวะไป โดยมีสิ่งของตอบแทนอย่างข้าวสาร เสื้อผ้า ปัจจุบันคนที่สามารถร้องเพลงเหลือบอกเพียงไม่กี่คน
ประเพณีเดือนสิบ–ชิงเปรต
ประเพณีเดือนสิบของชาวมอแกลนมีขึ้นพร้อมกับประเพณีวันออกพรรษา ซึ่งชาวบ้านไปตามวัดต่าง ๆ เพื่อไปรับทาน เช่น ข้าวปลาอาหาร เสื้อผ้า เงิน เป็นต้น ชาวบ้านสานกระสอบที่ทำมาจากเตยหนาม แต่ปัจจุบันมักใช้กระสอบปุยแทน ระหว่างดำเนินพิธีกรรมทางพุทธศาสนา ชาวมอแกลนจะนั่งเรียงแถวรอบ ๆ อุโบสถวัด เมื่อเสร็จพิธี คนที่มาทำบุญจะเดินมาให้ทานแก่มอแกลนที่มารอรับ ประเพณีเป็นผลสืบเนื่องจากความเชื่อที่ว่ามอแกลนได้รับคำสาปแช่งให้ต้องมีชีวิตที่ไม่ก้าวหน้า จึงส่งผลให้เกิดประเพณีของมอแกลน ซึ่งชาวบ้านจะเดินทางไปตามวัดต่าง ๆ ตลอดช่วงเทศกาลวันออกพรรษา ประเพณีของหมู่บ้านที่ประกอบไปด้วยคนไทยท้องถิ่นใต้และคนไทยใหม่ (มอแกลน) มีทั้งประเพณีทั่วไปซึ่งเป็นประเพณีของวัฒนธรรมกระแสหลักและประเพณี
ปฏิทินประเพณี
เดือน | ประเพณี |
มกราคม | วันขึ้นปีใหม่ ประเพณีปล่อยเต่า |
กุมภาพันธ์ | วันมาฆบูชา ประเพณีปล่อยเต่า |
มีนาคม | ประเพณีเดือนสี่ ประเพณีปล่อยเต่า |
เมษายน | ประเพณีสงกรานต์ ประเพณีเดือนห้า |
พฤษภาคม | วันวิสาขบูชา |
กรกฎาคม | วันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา |
ตุลาคม | วันออกพรรษา ประเพณีถือศีลกินเจ ประเพณีชิงเปรต |
พฤศจิกายน | วันลอยกระทง |
ธันวาคม | ประเพณีปล่อยเต่า |
1. นายคิว หมอพิธีกรรมสำหรับบ้านลำปี มีบทบาทสำคัญในการทำพิธีที่สำคัญของชาวมอแกนในประเพณีเดือนสี่ ประเพณีเดือนห้า และพิธีลอยเรือของชาวมอแกน
2. ป้าเบย เป็นผู้นำทางวัฒนธรรม กล่าวคือ เป็นผู้นำในการร้องเพลงบอกและดำเนินพิธีกรรม ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ทำกันในประเพณีเดือนห้า ทั้งสองเป็นผู้สืบทอดวัฒนธรรมอันหลากหลายของชาวมอแกน ไม่ว่าจะเป็นภาษามอแกน เพลงประจำพิธีต่าง ๆ
3. ป้าน้อย เป็นผู้นำทางวัฒนธรรม กล่าวคือ เป็นผู้นำในการร้องเพลงบอกและดำเนินพิธีกรรม ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ทำกันในประเพณีเดือนห้า ทั้งสองเป็นผู้สืบทอดวัฒนธรรมอันหลากหลายของชาวมอแกน ไม่ว่าจะเป็นภาษามอแกน เพลงประจำพิธีต่าง ๆ
ตำนานมอแกลน นิทรานปรัมปราตอกย้ำวิถีชีวิตร่อนเร่ที่เหมือนถูกสาปแช่ง
ชาวมอแกลนบ้านลำปีมีตำนานเล่าขานสืบทอดกันมายาวนาน คล้ายคลึงกับนิทานปรัมปราของอูรักลาโว้ยและมอแกน ตอกย้ำค่านิยมว่าชีวิตเร่ร่อนเป็นชีวิตที่ยากลำบากเหมือนถูกสาปแช่ง เล่ากันว่ามีสามีภรรยาอูรักลาโว้ยพายเรือไปหาปลา เห็นพระพุทธเจ้ายืนอยู่ที่หัวแหลมและเรียกให้เรือไปรับ แต่ทั้งสองยังหาปลาไม่ได้จึงตัดสินใจไม่ไปรับ พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า “ตาเหมือนนกออก ลงน้ำลึกเจ็ดสอก หาเช้ากินค่ำ หาค่ำกินเช้า”(วิศิษฐ์ มะยะเฉียว และคณะ, 2526 : 20-21 อ้างถึงใน ธนิตร เจริญสุข, 2548 : 26) เช่นเดียวกับชาวมอแกลนบ้านลำปีที่มีนิทานคล้าย ๆ กันว่า "พระพุทธเจ้าเสด็จมาเมืองไชยา ทุกคนต่างเตรียมนมัสการเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต และเดินทางมารับธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง มอแกลนเดินทางมาไม่ทันเนื่องจากมัวแต่ลอยเรือหาปลา จึงเหมือนต้องคำสาปให้ต้องเร่ร่อนอยู่ในทะเลและมีชีวิตที่ผูกพันกับทะเล”
ภาษาไทยใต้ถิ่นพังงา
ด้านสาธารณสุขของหมู่บ้าน แต่เดิมมีสภาพบ้านเรือนที่ไม่สะอาดอันเนื่องมาจากความแตกต่างทางชาติพันธุ์และสังคมที่แตกต่างระหว่างชาวมอแกลนกับคนในชุมชน สภาพการใช้ชีวิตชองชาวมอแกนตั้งแต่แรกเกิด แต่เดิมนิยมทำคลอดกับหมอตำแยประจำหมู่บ้าน และปัจจุบันหมอผียังคงรักษาอาการเจ็บป่วย เช่น บาดเจ็บจากสัตว์น้ำขณะทำประมง เป็นต้น ปัจจุบันการักษาพยาบาลของหมู่บ้านจะเดินทางไปใช้บริการของโรงพยาบาลท้ายเหมืองและคลินิกในตลาด ซึ่งเป็นการรักษาพยาบาลหลักและการรักษาโรคอื่น ๆ
หมู่บ้านลำปีและทับปลาอยู่ในพื้นที่ความรับผิดชอบของโรงพยาบาลท้ายเหมือง ซึ่งเป็นโรงพยาบาลประจำอำเภอ และมีสาธารณสุข 3 แห่ง ดังนี้
1. โรงพยาบาลดูแลโครงการรักษาพยาบาลทั่วไป มีโครงการที่โรงพยาบาลมาตรวจและดูแลสุขภาพถึงที่ เช่น วัคซีนสำหรับเด็กที่อายุถึงเกณฑ์ เป็นต้น
2. องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นมีหน้าที่หลักในการส่งเสริมคุณภาพชีวิต ซึ่งในปี 2547 ที่ผ่านมา อบต.ท้ายเหมืองมีโครงการลงทุนด้านการสาธารณสุขร้อยละ 14 ของงบประมาณทั้งหมด
3. NGOs ต่าง ๆ สุขภาวะส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นมักมาจากโครงการของ NGOs เช่น การสร้างส้วม การปรับปรุงสภาพบ้านเรือน การส่งเสริมสาธารณูปโภค เป็นต้น
"น้ำตกลำปี" เป็นส่วนหนึ่งในอุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง มีต้นกำเนิดมาจากเทือกเขาลำปี จัดได้ว่าเป็นน้ำตกขนาดกลาง ๆ เป็นน้ำตกที่ร่มรื่นสวยงามตามธรรมชาติ น้ำตกมี 4 ชั้น ลดหลั่นกันลงมาเป็นสาย ซึ่งน้ำที่ไหลจากผาลาดชันสู่ชั้นล่างสุดเป็นอ่างน้ำกว้างขนาดใหญ่ประมาณ 30 ตารางเมตร ซึ่งเหมาะกับการเล่นน้ำ มีน้ำใสไหลเย็นตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในฤดูฝน
ธนิตร เจริญสุข. (2548). บททดลองเสนอหลักสูตรท้องถิ่นมอแกน กรณีศึกษา บ้านลำชี ตำบลท้ายเหมือง จังหวัด พังงา. สารนิพนธ์ประกาศนียบัตรบัณฑิต บัณฑิตอาสา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
เว็บไซต์องค์ความรู้และวัฒนธรรมภาคใต้และคาบสมุทรสยาม มลายู. (ม.ป.ป.). ประเพณีลอยเรือ. สืบค้นเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2566, จาก https://www.naamchoop.com/
Google Earth. (2565). สืบค้นเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2566, จาก https://earth.google.com/
Travel True id. (2563). สืบค้นเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2566, จาก https://www.travel.trueid.net.co.th/
Wongnai. (2563). รีวิวน้ำตกลำปี. สืบค้นเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2566, จาก https://www.wongnai.com/