สถานที่แห่งการรวบรวมความรู้ ทักษะ และความสามารถในการทำเกษตรกรรมหลายรูปแบบ ทั้งการเกษตรแบบผสมผสาน การเกษตรแบบพืชหมุนเวียน ทำให้ชุมชนห้วยบ้านไทรงามเป็นชุมชนเกษตรต้นแบบในการทำการเกษตรกรรม
สถานที่แห่งการรวบรวมความรู้ ทักษะ และความสามารถในการทำเกษตรกรรมหลายรูปแบบ ทั้งการเกษตรแบบผสมผสาน การเกษตรแบบพืชหมุนเวียน ทำให้ชุมชนห้วยบ้านไทรงามเป็นชุมชนเกษตรต้นแบบในการทำการเกษตรกรรม
ประชาชนที่อาศัยอยู่ในบ้านห้วยไทรงามปัจจุบัน ส่วนใหญ่อพยพมาจากภาคอีสาน เนื่องจากในภาคอีสานมีพื้นที่แห้งแล้งเศรษฐกิจไม่ดี จึงทำให้ตัดสินใจอพยพครอบครัวเพื่อแสวงหาพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การทำมาหากิน ในระยะแรกมีการประกอบอาชีพเกษตรกรโดยการปลูกกาแฟเพียงอย่างเดียว เพราะในช่วงนั้นกาแฟเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีราคาดี ขายได้ราคาสูง ทำให้มีประชาชนจากภาคอีสานอพยพเข้ามาอยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จากการชักชวนของพี่น้องที่อพยพมาอาศัยก่อนหน้านี้ และคนที่อพยพเข้ามาในชุมชนก็ล้วนปลูกกาแฟกันมากขึ้นเกือบทุกครัวเรือนก็ว่าได้ ทว่า เนื่องจากปริมาณกาแฟที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้กาแฟมีราคาตกต่ำลงจากผลผลิตที่มีจำนวนมาก เมื่อราคากาแฟตกต่ำลง จึงทำให้รายได้ไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงครอบครัว และยังทำให้เกษตรกรมีหนี้สินเพิ่มมากขึ้นด้วย ถ้าไม่ทำไร่กาแฟก็เป็นหนี้ เมื่อทำต่อยิ่งทำให้หนี้เพิ่มมากขึ้น เกษตรกรบางส่วนจึงได้มีการปรับเปลี่ยนมาทำเกษตรแบบผสมผสาน โดยมีหน่วยงานมาช่วยให้ความรู้ถึงการปลูกพืชแบบผสมผสาน เช่น การปลูกยางพารา ปาล์มน้ำมัน ทุเรียน พืชผัก และผลไม้ ซึ่งช่วยให้เกษตรกรบ้านห้วยไทรงามมีรายได้เพิ่มมากขึ้น มีรายได้เพียงพอต่อการเลี้ยงครอบครัว และเกิดรายได้หมุนเวียนตลอดทั้งปี และชาวบ้านยังมีการปรับตัวเกี่ยวกับการปลูกพืชแบบผสมผสาน โดยมีการเลี้ยงสัตว์เข้ามาเพิ่มขึ้น เช่น เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ เลี้ยงหมู เลี้ยงวัว เลี้ยงกบ เป็นต้น
อาณาเขต
- ทิศเหนือ เป็นพื้นที่เชิงเขาติดกับน้ำตกภูเขา ลำห้วย และเป็นที่ตั้งของสำนักสงฆ์บ้านห้วยไทรงาม คุ้มบ้านห้วยไทรงามใน และคุ้มบ้านนางรอง ในพื้นที่ส่วนนี้ชาวบ้านจะมีการทำเกษตรในด้านของการปลูกยางพารา ทุเรียน กาแฟ เนื่องจากสภาพพื้นที่มีความเหมาะสมสำหรับการปลูกยางพาราทุเรียน กาแฟ อาจเนื่องมาจากพื้นที่ติดอยู่กับเชิงเขาจึงมีความเหมาะสมในการปลูกพืชชนิดนั้น ๆ
- ทิศใต้ เป็นพื้นที่เชิงเขา และบางส่วนเป็นพื้นที่ลุ่มเล็กน้อย ติดกับลำคลอง ลำห้วย ชาวบ้านในละแวกนี้นิยมเพาะปลูกปาล์มน้ำมัน ทุเรียน และ เนื่องจากมีทรัพยากรทางน้ำและพื้นดินมีความเหมาะสมกับพืชชนิดนี้
- ทิศตะวันออก เป็นพื้นที่ราบลุ่มติดลำห้วยไทรงาม ที่ตั้งของสำนักสงฆ์น้ำทุ่น คุ้มน้ำทุ่น คุ้มบ้านโคราช คุ้มบ้านยโส คุ้มบ้านห้วยกำ คุ้มบ้านห้วยแช่ บริเวณนี้เป็นบริเวณที่มีประชาชนอาศัยอยู่หนาแน่นและมีการปลูกพืชทางการเกษตรที่หลากหลาย เช่น ยางพารา ทุเรียน กาแฟ ปาล์มน้ำมัน เพราะเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีแหล่งน้ำที่ดี สภาพดินดี มีการหารายได้เสริมจากการปลูกพืชผักสวนครัวไว้บริโภคเอง และจำหน่ายเพื่อเป็นการหารายได้ทดแทนจากพืชหลักของเกษตรกรมีราคาตกต่ำ
- ทิศตะวันตก เป็นพื้นที่ราบลุ่มและที่เชิงเขา ติดกับลำห้วย ลำคลอง เป็นที่ตั้งของคุ้มบ้านห้วยไทรงามนอก และมีพื้นที่ติดกับคุ้มบ้านห้วยตาทองหมู่ที่ 7 ชาวบ้านในพื้นที่นี้นิยมปลูกยางพารา ทุเรียน และกาแฟ เนื่องจากมีสภาพพื้นที่มีความเหมาะสม
บริบทพื้นที่ของบ้านห้วยไทรงามในทิศทางต่าง ๆ จะมีลักษณะพื้นที่ที่มีความใกล้เคียงกัน เพราะพื้นที่ตามแผนที่ของชุมชนบ้านห้วยไทรงาม จะติดกับเชิงเขาแทบทุกส่วน มีสภาพของทรัพยากรที่ดี มีแหล่งน้ำ มีดินที่มีความเหมาะสมกับการทำการเกษตร โดยมีการทำเกษตรภายใต้การนำแนวคิดเรื่อง การเพาะปลูกพืชผลแบบเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9 มาเป็นแนวทางในการทำการเกษตรเพื่อเป็นอาชีพที่หารายได้ให้กับครอบครัว ทำให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี จากการที่ได้ผลผลิตไปจำหน่าย และทำให้มีรายได้จากการปลูกพืชหมุนเวียนตลอดทั้งปี
สภาพดิน
- คุ้มบ้านห้วยไทรงามใน คุ้มนางรอง สภาพดินเป็นดินแดง ดินภูเขา เนื้อดินค่อนข้างแข็ง เหมาะกับการปลูกยางพาราแบบขั้นบันได ซึ่งก่อนปลูกจะมีการปรับสภาพดินให้เหมาะสมด้วยวิธีการใส่ปุ๋ย
- คุ้มห้วยไทรงามนอก สภาพดินเป็นดินเหนียวปนทรายและดินร่วน เหมาะสมกับการเพาะปลูก ปาล์มน้ำมัน ทุเรียน กาแฟ และพืชผักสวนครัว ซึ่งเกษตรกรก่อนจะปลูกจะต้องมีการปรับสภาพดินให้เหมาะสม ด้วยการใส่ปุ๋ย หมักปุ๋ยชีวภาพและไดโนไม
- คุ้มบ้านน้ำทุ่น คุ้มบ้านโคราช คุ้มบ้านยโส คุ้มห้วยก่ำ คุ้มบ้านห้วยแช่ อยู่ทางทิศตะวันออก สภาพดินเป็นดินภูเขา มีสภาพดินที่แข็ง และในพื้นที่ที่เป็นที่ราบลุ่ม สภาพดินจะเป็นดินเหนียวปนทรายบ้าง เหมาะกับการปลูกยางพารา ทุเรียน กาแฟ ปาล์มน้ำมันซึ่งก่อนการเพาะปลูก เกษตรกรจะต้องมีการปรับปรุงดินให้มีความเหมาะสมกับพืชที่จะปลูก
- คุ้มบ้านห้วยไทรงามนอก พื้นที่จะติดกับเชิงเขาและที่ราบลุ่ม สภาพดินเป็นดินร่วนและดินเหนียวปนทราย เหมาะกับการปลูกปาล์มน้ำมัน ยางพารา ทุเรียน กาแฟ ซึ่งเกษตรกรก่อนจะปลูกจะต้องมีการปรับเปลี่ยนสภาพดินให้มีความเหมาะสมกับพืชที่ปลูก
สภาพภูมิอากาศ ภูมิอากาศบ้านห้วยไทรงามจะมีอยู่ 3 ฤดูกาล ดังนี้
- ฤดูฝน : จะเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนพฤศจิกายน ซึ่งทำให้มีผลต่อเกษตรกรที่ทำสวนยางพารา ทำให้กรีดยางพาราไม่ได้ อีกทั้งยังทำให้ดอกทุเรียนร่วง ไม่มีผลผลิตมากตามที่เกษตรต้องการ
- ฤดูหนาว : อยู่ในช่วงเดือนธันวาคม ฤดูกาลนี้น้ำยางพาราจะออกเยอะ แต่ก็มีระยะเวลาได้ไม่นาน เพราะฤดูหนาวที่บ้านห้วยไทรงามมีประมาณ 1-2 เดือนเท่านั้น
- ฤดูร้อน : เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน จะมีผลกระทบต่อเกษตรกรที่ทำการปลูกกาแฟ ทุเรียน หากปีใดที่มีฤดูร้อนมาก หรือร้อนจัดกว่าทุกปี ผลผลิตจากกาแฟและทุเรียนจะมีน้อย และอาจทำให้ต้นไม้ตายได้
สิถิติประชากรองค์การบริหารส่วนตำบลลำเลียง รายงานจำนวนประชากรบ้านห้วยไทรงามทั้งสิ้น 1,126 คน แบ่งเป็นชาย 580 คน หญิง 546 คน และมีจำนวนครัวเรือนทั้งหมด 669 ครัวเรือน
เนื่องด้วยลักษณะภูมิประเทศและสภาพพื้นที่ของบ้านห้วยไทรงาม รวมถึงสภาพดินที่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์เอื้ออำนวยต่อการทำเกษตรซึ่งเป็นอาชีพดั้งเดิมของชาวบ้านห้วยไทรงามมาตั้งแต่แรกก่อตั้งหมู่บ้าน โดยบ้านห้วยไทรงามจะมีการแบ่งอาณาเขตพื้นที่ออกเป็นสัดส่วนคุ้มบ้านต่าง ๆ และเกษตรกรในแต่ละคุ้มบ้านจะมีการปลูกพืชที่แตกต่างชนิดกัน อันเนื่องมาจากสภาพเนื้อดินที่แตกต่างกัน รวมถึงสภาพภูมิอากาศและบริบทของพื้นที่บริเวณนั้น ๆ ว่าเหมาะสมกับการปลูกพืชชนิดใด ทั้งนี้ พื้นที่บ้านห้วยไทรงามเป็นพื้นที่ที่อยู่ติดกับภูเขา หรือบริเวณเชิงเขา พืชที่ปลูกส่วนใหญ่ ได้แก่ ทุเรียน ยางพารา และกาแฟ ตามพื้นที่ที่ติดกับชายเขา แต่บริเวณที่เป็นที่ราบลุ่มจะมีการปลูกปาล์มน้ำมัน มังคุด และพืชผักสวนครัว นอกจากนี้ยังมีการเลี้ยงหมู ไก่ ปลา กบ หอย และปูนา เพื่อสร้างรายได้เพิ่มอีกทางหนึ่งนอกเหนือจากการปลูกพืช ทว่าการปลูกพืชของชาวบ้านห้วยไทรงามนั้นจะพิจารณาจากฤดูกาลต่าง ๆ ว่าช่วงฤดูกาลใด เหมาะกับการปลูกพืชประเภทใด โดยมีการทำปฏิทินฤดูกาลการปลูกพืชขึ้น กล่าวคือ ในรอบหนึ่งปี เกษตรกรชาวห้วยไทรงามจะมีรายได้ตลอดทั้งปี เพราะการปลูกพืชหมุนเวียนตามฤดูกาลสามารถสร้างรายได้แก่ชาวบ้านผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรได้ตลอดทั้งปี ซึ่งสามารถสรุประยะเวลาการปลูกพืชเศรษฐกิจของเกษตรกรบ้านห้วยไทรงาม ดังนี้
- กาแฟ สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตในเดือนมกราคม และสามารถขายผลผลิตได้ในเดือนกุมภาพันธ์และเดือนมีนาคมของทุกปี จากนั้นในเดือนพฤศจิกายน กาแฟจะออกดอกอีกครั้ง ในเดือนธันวาคมและมกราคมก็สามารถที่จะเก็บผลผลิตได้
- ทุเรียน จะออกดอกในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ สามารถเก็บผลผลิตทุเรียนได้ในเดือนกรกฎาคม และจำหน่ายได้ในเดือนกรกฎาคมถึงเดือนกันยายนของทุกปี
- ยางพารา สามารถกรีดได้ดีในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ในช่วงฤดูหนาว แต่ในพื้นที่บ้านห้วยไทรงามจังหวัดระนอง ฤดูหนาวจะเป็นช่วงระยะเวลาสั้น ๆ จึงไม่สามารถกรีดยางได้นาน พอถึงในช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายน เกษตรกรก็เริ่มทำการปิดหน้ายางและจะเริ่มกรีดยางได้อีกในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมอีกครั้ง
- ปาล์มน้ำมัน จะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ในช่วงเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ และจะไม่มีผลผลิตหรือที่เกษตรกรเรียกกันว่าปาล์มขาดคอ จะอยู่ในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน และจะกลับมาเก็บเกี่ยวผลผลิตได้อีกรอบในเดือนพฤษภาคมถึงเดือนธันวาคม
- หมาก จะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ในเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน จากนั้นหมากจะกลับมาออกอีกครั้งและจะออกผลผลิตอีกรอบในช่วงเดือนธันวาคม การเก็บหมากจะต้องเก็บผลผลิตที่แก่ มีแต้มสีแดง ไม่มีรอยแผล และไม่มีความชื้น
ชาวบ้านห้วยไทรงาม เป็นหมู่บ้านหนึ่งในตำบลลำเลียง อำเภอกระบุรี ซึ่งในอำเภอกระบุรีแห่งนี้มีประเพณีประจำอำเภออยู่หนึ่งประเพณี ซึ่งชาวกระบุรีทุกพื้นที่ถือปฏิบัติร่วมกัน คือ ประเพณีขึ้นถ้ำพระขยางค์
ประเพณีขึ้นถ้ำพระขยางค์ เป็นประเพณีที่จัดขึ้นครั้งแรกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2504 ที่เขาแหลม อำเภอกระบุรี ทุกปีในวันตรุษจีน สถานที่แห่งนี้มีความเชื่อมโยงกับตำนานเจ้าเมืองคนแรก ผู้ครองเมืองกระ (กระบุรี) นามว่าพระแก้วโกรพ ที่เกิดวิวาทกับนายทองผู้เป็นลูกชาย ด้วยนายทองต้องการทำการปิตุฆาตบิดา เนื่องจากไปหลงรักนางจั่น เมียน้อยของบิดา เมื่อพระแก้วโกรพผู้เป็นบิดาทราบความดังนั้นก็ได้สั่งให้จับนายทองไปไว้ในถ้ำบนเขาแหลมเนียง ด้วยการมัดไว้กับขาหยั่งทำด้วยไม้ 3 ท่อนปักโคนทแยงเพื่อให้อดอาหารตาย จึงเป็นที่มาของ “ถ้ำขาหยั่ง” ต่อมาจึงเพี้ยนเสียงเป็นขยางค์ ข้างฝ่ายบิดาพระแก้วโกรพ ในยามชราได้เรียนวิชาวิปัสสนากรรมฐานจนเป็นที่เคารพรักของผู้คน และได้รับการขนานนามเรียกว่า “พ่อตาหลวงแก้ว” วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของท่านตามความศรัทธาของชาวบ้าน คือผู้ปกปักคุ้มครองผู้คนที่สัญจรไปมาบริเวณเขาแหลมเนียงให้ปลอดภัยจากภัยพิบัติต่าง ๆ จึงได้ปรากฏเป็นศาลที่มีคนแวะเวียนมาสักการบูชา บนบานศาลกล่าว
ด้วยตำนานดังกล่าวจึงเป็นที่มาของการจัดพิธีบวงสรวงใหญ่ขึ้นบริเวณหน้าอนุสาวรีย์พ่อตาหลวงแก้ว (พิธีการบวงสรวงเริ่มทำครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2560) และการรำมโนราห์แก้บนพ่อตาหลวงแก้ว สำหรับงานบวงสรวงนั้นจะทำตามแบบวิธีพราหมณ์ พราหมณ์ผู้ประกอบพิธีอยู่ในสายจังหวัดพัทลุง-นครศรีธรรมราช ซึ่งมีความชำนาญในการประกอบพิธีพราหมณ์หลวง เครื่องบวงสรวงประกอบด้วย บายศรีปากชาม 3 คู่ หัวหมู 3 หัว เป็ดต้ม ไก่ต้ม ปูต้ม กุ้งต้ม ปลาช่อนนึ่งไม่ขอดเกล็ด อ้อย เผือกต้ม มันต้ม กล้วยน้ำว้า มะพร้าวอ่อน และผลไม้อื่น ๆ ขนมของหวาน สุรา พวงมาลัยดาวเรือง แจกันดอกไม้สด ธูป เทียนน้ำมนต์ เทียนชัย และสายสิญจน์ ขณะทำการบายศรี จะมีการแสดงมโนราห์ควบคู่ไปในเวลาเดียวกัน โดยจะตั้งเวทีการแสดงอยู่บริเวณถัดจากปากทางเข้าถ้ำพระขยางค์ ลักษณะการแสดงเป็นการแสดงแก้บน
หลังการแสดงมโนราห์จบจะมีพิธีกรรมโบราณ คือ พิธีกรรมการเหยียบเสน (เสน หมายถึง เนื้องอกเป็นแผ่นที่นูนขึ้นมาจากผิวหนังตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ไม่เจ็บ ไม่อันตราย แต่จะดูน่าเกลียด) โดยการเข้าทรงของครูหมอโนราหรือตายายโนรา เนื่องจากมโนราห์หรือโนราจะมีความเป็นร่างทรงอยู่ด้วย ตามความเชื่อของโนรา เสน เกิดจากการกระทำของผีโอกะแซง หรือผีเจ้าเสน หรือการทำเครื่องหมายของครูหมอโนราหรือตายายโนรา รักษาให้หายได้โดยการเหยียบของโนรา เครื่องประกอบพิธีถ้ามีครบถ้วน ได้แก่ ขันน้ำ หมากพลู ธูปเทียน ดอกไม้ มีดโกน หินลับมีด เงินเหรียญ เครื่องทอง เครื่องเงิน หญ้าคา หญ้าเข็ดหมอน รวงข้าว และเงิน 32 บาท โนราร่างทรงผู้ประกอบพิธีจะเริ่มด้วยการจุดธูปเทียนชุมนุมเทวดา รำท่าเฆี่ยนพรายหรือย่างสามขุม โนราในร่างทรงรำไปพร้อมกับถือกริช พระขรรค์ เสร็จแล้วเอาหัวแม่เท้าไปแตะตรงเสน เหยียบเบา ๆ มีการบริกรรมคาถา และเอากริช พระขรรค์ ไปแตะที่เสนด้วย ทำเช่นนี้ 3 ครั้ง แล้วนำของในขันหรือถาดไปแตะตัวผู้เป็นเสนจนครบเป็นเสร็จพิธี
นอกจากนี้ นอกจากการแสดงมโนราห์และพิธีกรรมเหยียบเสนแล้ว ภายในงานยังมีอีกหนึ่งการแสดงที่ได้รับความสนใจและเกี่ยวข้องกับตำนานพระขยางค์ คือ การแสดงแสงสีเสียงตำนานถ้ำพระขยางค์ ชุดการแสดงจะเล่าย้อนอดีตตั้งแต่ประวัติความรุ่งเรืองของเมืองระนอง มีการค้นพบหลักฐานทางโบราณคดีของการเป็นเมืองเก่า สมัยโบราณ มีชาวต่างชาตินำสินค้าลงเรือมาค้าขายกันคึกคัก จนกระทั่งมาถึงตำนานถ้ำพระขยางค์ที่น่าเศร้าใจ
บ้านห้วยไทรงามนั้นนับได้ว่าเป็นสังคมเกษตรกรรม ด้วยประชาชนใหมู่บ้านทุกครัวเรือนมีอาชีพเกษตรกร อีกทั้งพืชที่ปลูกก็มีความหลากหลาย ทั้งชนิด วิธีการปลูก รวมถึงการแปรรูป จึงเป็นเหตุให้บ้านห้วยไทรงามมีเกษตรกรขึ้นมามากมายหลายราย ทั้งนี้จะจำแนกออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มที่ 1 เกษตรกรต้นแบบด้านการทำการเกษตรแบบพึ่งตนเองในด้านการทำการเกษตรแบบผสมผสานและปลูกพืชหมุนเวียน จำนวน 25 ราย มีรายชื่อดังต่อไปนี้
1. นางสุพรรณี จำปามูล | 14. นายสริจ ตะนุเรือง |
2. นายเสกสรร สวาทนา | 15. นายบุญพันธ์ นันทะพันธ์ |
3. นางแขม นนทิจันทร์ | 16. นางไอลดา บุรานอก |
4. นางบุญเลียง เวียนนอก | 17. นางสง่า จันทะสาร |
5. นางบุญมา บุรานอก | 18. นางสมจิตร เวียนนอก |
6. นางถนอน สมบัติทิพย์ | 19. นางบัว ลิอ่อริมย์ |
7. นางสุภาพ บุรานอก | 20. นายทองพูน จันทร์สมุทร |
8. นายเทพนคร กัณหา | 21. นายเหรียญทอง อุบลหล้า |
9. นางทองมา ตรีสอน | 22. นางขนิษฐา สุขาวานี |
10. นางสมบัตร พูมเพิ่ม | 23. นางสมชัย บางแสง |
11. นายสุรสิทธิ์ เผื่อคำ | 24. นางสุภาพร บุญยัง |
12. นางทองดี จินดามณี | 25. นายแบน บุรานอก |
13. นายสมัย หล่าไชสง |
กลุ่มที่ 2 เกษตรกรต้นแบบด้านการทำการเกษตรแบบพึ่งตนเอง ในด้านการทำปุ๋ยชีวภาพ ปุ๋ยหมัก น้ำมันหมัก น้ำหมักหน่อไม้ น้ำหมักสะเดา น้ำหมักสังเคราะห์แสง ฮอร์โมนไข่ มีจำนวน 9 คน ดังนี้
1. นายบัว เสือโครง | 6. นางจิตรตา ยอดดี |
2. นางสาววันศุกร์ เสือโครง | 7. นางสุวรรณ คำผา |
3. นายสุธี ทองจันทึก | 8. นายจำลอง เสือโครง |
4. นางวันเพ็ญ เดิมทำริมย์ | 9. นายเฉลิม สูงหางหว้า |
5. นางตุ้มทอง ทองจันทึก |
กลุ่มที่ 3 เกษตรกรต้นแบบด้านการทำการเกษตรแบบพึ่งตนเอง ในด้านออร์แกนิกและทำปุ๋ยหมัก ปุ๋ยชีวภาพ การรแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร จำนวน 1 คน ดังนี้
1. นายจำรูญ พิมพ์วันวงศ์ |
ภาษาพูด : ภาษาไทยถิ่นใต้
ภาษาเขียน : ภาษาไทย
ปัจจุบันเกษตรกรบ้านห้วยไทรงามกำลังประสบปัญหาเกี่ยวกับผลผลิตทางการเกษตรหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นราคาผลผลิต ผลผลิตล้นตลาด ผลผลิตไม่ได้คุณภาพ หรือระบบเศรษฐกิจของไทยที่ขึ้นลงไม่คงที่ ซึ่งส่งผลต่อกลุ่มเกษตรรายย่อยภายในประเทศ ทั้งนี้ จะสรุปปัญหาสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อการค้าขายผลผลิตทางการเกษตรของเกษตรกรบ้านห้วยไทรงามเป็นประเด็น ดังต่อไปนี้
- ผลผลิตทางการเกษตรมากเกินไปทำให้ราคาตกต่ำ เช่น ผลผลิตจากกาแฟ ยางพาราที่มีมากเกินไปเนื่องจากปลูกกันมากตามกระแสของตลาด ทำให้ผลผลิตล้นตลาด ซึ่งส่งผลให้ราคาตกต่ำจากการกดราคาของพ่อค้าคนกลาง
- ผลผลิตไม่ได้คุณภาพทำให้ราคาตกต่ำ เช่น ทุเรียนเป็นท็อป เป็นหนอน หนามติดลูกไม่สวย ทำให้ราคาตกต่ำ และกาแฟที่เกษตรกรเก็บผลผลิตมารวมกันไม่ได้คัดเมล็ด จึงทำให้ราคาตกต่ำ
- โรงงานกำหนดสินค้าส่งออกและรับซื้อ เช่น ยางพารา กาแฟ ปาล์มน้ำมัน
- รัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาของเกษตรกรได้ อาจเนื่องมาจากศักยภาพหรือความจำเป็นต้องคล้อยตามกระแสทิศทางตลาดโลก
- สินค้าทางการเกษตรไปติดอยู่ที่ตลาดล่วงหน้า เพื่อไปฟื้นราคาหุ้นโรงงานระบบผู้ผลิต หมายถึง โครงงานระดับผู้ผลิตเก็บรวบรวมสินค้าสต็อกสินค้าทางการเกษตรเอาไว้ ทำให้ราคาตกต่ำ
- สินค้าส่งออกราคาภาษีแพงขึ้น ทำให้พ่อค้าคนกลางรับซื้อผลผลิตในราคาที่ต่ำกว่าปกติ เพื่อจะได้นำส่วนหนึ่งไปเสียภาษี
- ระบบเศรษฐกิจทำให้สินค้าราคาตกต่ำ เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน กาแฟ เป็นพืชเศรษฐกิจ เมื่อใดเศรษฐกิจไม่ดีก็ทำให้ราคาตกต่ำ
- เศรษฐกิจของไทยเปิดการค้าเสรีมากขึ้น ประชาชนสามารถซื้อสินค้าจากต่างประเทศได้อย่างอิสระ บางรายนิยมซื้อผลผลิตหรือผลิตภัณฑ์แปรรูปทางการเกษตรจากต่างประเทศ ทำให้เกษตรกรไทยต้องขายสินค้าทางการเกษตรในราคาที่ต่ำลง อีกทั้งยังมีเกษตรกรจากประเทศเพื่อนบ้านที่นำผลผลิตทางการเกษตรเข้ามาขายในไทย ส่งผลให้สินค้าทางการเกษตรชนิดเดียวกันล้นตลาด
แนวทางการแก้ไขและการให้มูลค่าเพิ่ม จากพืชผลทางการเกษตร
เมื่อปัญหาเกิด ก็ย่อมต้องมีแนวทางแก้ปัญหา เกษตรกรชาวบ้านห้วยไทรงามหาได้นิ่งดูดายกับปัญหาราคาผลผลิตที่เกิดขึ้น มีความพยายามที่จะแก้ปัญหาดังกล่าวโดยการรวมกลุ่มเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์สินค้าที่เกิดจากการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรที่ขายได้ราคาไม่ดี หรือไม่ได้คุณภาพตามต้องการของตลาด หรือมีตำหนิจากหนอนเจาะ กระรอกแทะ หรือทุเรียนที่ตกจากต้น เช่น การแปรรูปทุเรียนที่ลูกไม่สวยเป็นทุเรียนทอดขายทางออนไลน์ ทำทุเรียนกวนส่งไปขายทางอีสานกิโลกรัมละ 300-1,000 บาท ส่วนกาแฟ แต่ก่อนชาวบ้านเคยทำเพียงแค่ว่าเก็บแล้วนำไปตากให้แห้ง จากนั้นเอาไปสี และเอาไปขาย ซึ่งทำให้ราคากาแฟนั้นได้อยู่แต่ราคาเดิม ๆ แต่ปัจจุบันเริ่มมีการปรับเปลี่ยนวิธีการจัดการเมล็ดกาแฟเป็นกาแฟกะลา โดยมีขั้นตอนการคัดเอาแต่เมล็ดแดงแล้วเอามาแช่น้ำ ออกมาเป็นกะลาแล้วมาตากให้แห้ง ซึ่งสามารถขายได้ราคาสูงกว่าการขายเมล็ดกาแฟแบบเดิม จากเดิมกิโลกรัมละ 70 บาท ก็จะได้เป็น กิโลกรัมละ 130 บาท บางรายมีรายได้จากการทำไม้กวาดดอกอ้อเวลาว่างเพื่อจำหน่ายหารายได้เสริม ปลูกผักสวนครัวปลอดสารพิษบริโภคและจำหน่ายหารายได้ เลี้ยงปลาดุกในบ่อข้างบ้านขายกิโลกรัมละ 70 บาท ซึ่งสามารถสร้างรายได้เสริมเป็นอย่างดี
ปัจจุบันบ้านห้วยไทรงาม หมู่ที่ 10 ตำบลลำเลียง อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง เป็นที่ตั้งโครงการ อาคารอัดน้ำบ้านห้วยไทรงามอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ด้วยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ทรงรับโครงการอาคารอัดน้ำบ้านห้วยไทรงาม ไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตามที่ นายสริจ ตะนุเรือง ราษฎรหมู่ที่ 10 ตำบลลำเลียง อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง ได้มีหนังสือขอพระราชทานโครงการก่อสร้างฝายน้ำล้นพร้อมระบบส่งน้ำ บริเวณบ้านห้วยไทรงาม หมู่ที่ 10 ตำบลลำเลียง เพื่อช่วยเหลือราษฎรซึ่งประสบกับปัญหาการขาดแคลนน้ำสำหรับทำการเกษตร ปี 2552 กรมชลประทานจึงได้ดำเนินการก่อสร้างอาคารอัดน้ำบ้านห้วยไทรงามอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยใช้งบประมาณแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง (SP2) ซึ่งเป็นอาคารอัดน้ำชนิดท่อสี่เหลี่ยมจำนวน 2 ช่อง ขนาดกว้าง 2.50x2.50 เมตร ความยาว 37.50 เมตร และระบบท่อส่งน้ำความยาว 295.00 เมตร ปีถัดมากรมชลประทานดำเนินการก่อสร้างระบบส่งน้ำขนาดความยาวโดยประมาณ 3,772 เมตร พร้อมอาคารประกอบ พร้อมกันนี้ได้มีการจัดตั้งกลุ่มประปาภูเขาห้วยไทรงาม ขึ้นเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2552 เพื่อให้ราษฎรบริหารจัดการน้ำกันเองให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ทั้งนี้ โครงการ อาคารอัดน้ำบ้านห้วยไทรงามสามารถส่งน้ำสนับสนุนการอุปโภคบริโภคของราษฎรหมู่ที่ 10 บ้านห้วยไทรงาม จำนวน 180 ครัวเรือน 600 คน และพื้นที่การเกษตร 325 ไร่ ได้อย่างเพียงพอตลอดทั้งปี ซึ่งจะส่งผลให้ราษฎรมีรายได้ คุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นตามลำดับ (สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ, ม.ป.ป.: ออนไลน์)
บรรดาศักดิ์ พิทักษ์ศิลป์. (2560). โนราโรงครู ตอน พิธีกรรมเหยียบเสน. สืบค้นเมื่อ 16 กรกฎาคม 2566, จาก https://krunora.blogspot.com/
พิมพ์พิศา ชาพรหมสิทธิ์และคณะ. (2562). การปรับตัวทางด้านการทำเกษตรแบบผสมผสาน ที่สามารถพึ่งตนเองด้วยอาหารของชุมชน บ้านห้วยไทรงาม หมู่ที่ 10 ตำบลลำเลียง อำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม.
สาวิตรี ตลับแป้น. (2560). ขึ้นถ้ำพระขยางค์. สืบค้นเมื่อ 16 กรกฎาคม 2566, จากฐานข้อมูลประเพณีท้องถิ่นในประเทศไทย https://www.sac.or.th/databases/rituals/
สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ. (ม.ป.ป.). โครงการ อาคารอัดน้ำบ้านห้วยไทรงามอันเนื่องมาจากพระราชดำริ. สืบค้นเมื่อ 16 กรกฎาคม 2566, จาก https://km.rdpb.go.th/
สำนักงานจังหวัดระนอง. (2556). ตำนานถ้ำพระขยาง. สืบค้นเมื่อ 16 กรกฎาคม 2566, จาก https://ranongcities.com/
Google Earth. (2564). สืบค้นเมื่อ 16 กรกฎาคม 2566, จาก https://earth.google.com/