Advance search

ชุมชนไทยพวนบ้านผือ วิถีชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์ที่ยังคงเสน่ห์อัตลักษณ์ท้องถิ่น ทั้งวิถีชีวิต ภูมิปัญญา ความเชื่อความศรัทธา มรดกวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าและมีเอกลักษณ์

ชุมชนไทยพวนบ้านผือ
บ้านผือ
บ้านผือ
อุดรธานี
กฤษฎา อุ่นลาวรรณ
22 ม.ค. 2024
กฤษฎา อุ่นลาวรรณ
22 ม.ค. 2024
ไทยพวนบ้านผือ

บริเวณที่ตั้งชุมชนมีหนองน้ำขนาดใหญ่ โดยในหนองน้ำมีต้นผือเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก จึงใช้ชื่อพืนที่มีอยู่มากในหนองน้ำมาตั้งเป็นชื่อชุมชน "บ้านผือ"


ชุมชนไทยพวนบ้านผือ วิถีชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์ที่ยังคงเสน่ห์อัตลักษณ์ท้องถิ่น ทั้งวิถีชีวิต ภูมิปัญญา ความเชื่อความศรัทธา มรดกวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าและมีเอกลักษณ์

ชุมชนไทยพวนบ้านผือ
บ้านผือ
บ้านผือ
อุดรธานี
41160
17.679769413820225
102.46181195344673
เทศบาลตำบลบ้านผือ

ชาวพวนบ้านผือ อพยพมาตั้งถิ่นฐานที่บ้านผือ 2 กลุ่มใหญ่ (ในสมัยรัชกาลที่ 3 พ.ศ. 2370) คือ 

  • กลุ่มที่ 1 เป็นกลุ่มใหญ่ มาจากเชียงขวางประเทศลาว
  • กลุ่มที่ 2 มาจากอำเภอบ้านหมี่ ลพบุรี

ชาวไทยพวนที่อาศัยอยู่อำเภอบ้านผือได้อพยพถิ่นฐานเป็นกลุ่มใหญ่มาอยู่ทางภาคกลางของไทย และถูกกวาดต้อนไปอยู่ประเทศลาวและอพยพกลับมาที่ประเทศไทยอีกครั้ง โดยมุ่งหน้ามาทางลุ่มแม่น้ำโขงซึ่งมีขุนจางวาง ขุนหมื่นศรีครุฑราช พ่อตู้เพียร นางเสม่นบัว แม่ตู้พวง นางตุ้น ชาวบ้าน ทหาร เด็ก ช้าง ม้า วัวควาย เป็นต้น ต่อมา มีขุนหมื่นศรีรัตนไตรเวช พ่อเฒ่าแท่ง พร้อมด้วยทหาร ชาวบ้านอีกส่วนหนึ่ง ได้อพยพมาจากบ้านหมี่จังหวัดลพบุรี และได้อพยพลงมาเรื่อย ๆ โดยมีพวกฮ่อไล่ฆ่าฟัน ต้องคอยหลบหนีการปล้นฆ่าของพวกฮ่อ จนมาพบกับกลุ่มของขุนจางวางซึ่งอาศัยอยู่ที่ป่าผือมีหนองน้ำขนาดใหญ่เต็มไปด้วยต้นผือ ดินดีอุดมสมบูรณ์ จึงพากันตั้งบ้านเรือนถิ่นฐานอยู่ร่วมกัน

ต่อมามีพวกฮ่อมาไล่ปล้น ฆ่าคนไทย ท่านขุนทั้งหลายและทหารที่ติดตามมา ได้ตั้งค่ายอยู่รอบนอกหมู่บ้านทางทิศตะวันตก เรียกว่า “ดอนค้าย (ค่าย)” ได้สู้รบกับพวกฮ่ออย่างกล้าหาญ และมีกองทัพจากเมืองสยามได้มาทำการขับไล่พวกฮ่อออกจากดินแดนไทย (ปัจจุบัน ดอนค้าย เป็นทุ่งนาของคุณตาเหลือง สุวรรณแสง อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอำเภอบ้านผือ) เมื่อบ้านเมืองสงบจึงได้ตั้งหลักปักฐานสร้างบ้านเรือนที่อยู่อาศัย และตั้งชื่อว่า บ้านผือ” ต่อมาได้ขยายเมืองไปทางทิศใต้ของหมู่บ้าน เป็นที่ราบลุ่มเหมาะแก่การทำนา ถัดไปเป็นดอนมีต้นพลับใหญ่ จึงขยายหมู่บ้านออกไปอีกเรียกว่า “บ้านพลับ”

ลักษณะภูมิประเทศเทศบาลตำบลบ้านผือ จะมีลักษณะเป็นพื้นที่สูงลาดต่ำลงมาทางทิศตะวันตก สภาพพื้นที่โดยทั่วไปของเทศบาลตำบลบ้านผือ มีสภาพพื้นที่เป็นที่ราบลุ่ม ลักษณะการใช้ประโยชน์ เช่น การทำนาเป็นหลัก การปลูกอ้อย และพืชล้มลุกอื่นตามพื้นที่ มีแหล่งน้ำตามธรรมชาติและมีน้ำท่วมขังเมื่อฝนตกหนัก มีแหล่งน้ำตามธรรมชาติในลักษณะต่าง ๆ ทั้งลำห้วยธรรมชาติ และหนองน้ำ 

ชุมชนไทยพวนบ้านผือ ตำบลบ้านผือ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี เป็นชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์ที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่อาศัย และทำมาหากินในบริเวณพื้นที่บ้านผือเป็นระยะเวลายาวนานนับร้อยปี จึงทำให้เป็นชุมชนขนาดใหญ่ที่มีการขยับขยายชุมชนการตั้งบ้านเรือนออกไปโดยรอบพื้นที่ ปัจจุบันชุมชนไทยพวนบ้านผือและกลุ่มชาติพันธุ์ไทยพวนกระจายกันอยู่ตามชุมชนต่าง ๆ มีบ้านเรือนอยู่ในหลายหมู่บ้าน ซึ่งอยู่ในเขตการปกครองของเทศบาลตำบลบ้านผือ และมีการรวมกลุ่มกันทำกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งด้านวิถีชีวิต ประเพณี และวัฒนธรรมท้องถิ่นอยู่เป็นประจำ

ไทยพวน

ชุมชนไทยพวนบ้านผือ ตำบลบ้านผือ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ตั้งบ้านเรือนอาศัยอยู่ในพื้นที่ราบลุ่ม เหมาะแก่การทำเกษตรกรรม ประชาชนส่วนใหญ่จึงประกอบอาชีพเกี่ยวกับเกษตรกรรมเป็นหลัก ทำนาข้าว ทำสวน ทำไร่ มีผลผลิตทางการเกษตรที่สำคัญคือ ข้าว และอ้อย 

นอกจากนี้ยังมีการรวมกลุ่มสังคมต่าง ๆ เพื่อประกอบอาชีพสร้างรายได้เสริม และเป็นการอนุรักษ์วิถีวัฒนธรรมชาวไทยพวนเอาไว้ด้วย ได้แก่

  • พิพิธภัณฑ์ไทยพวนอำเภอบ้านผือ ตั้งอยู่ที่บ้านหัวคู หมู่ที่ 1
  • แหล่งเรียนรู้ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มผ้าทอมือชุมชนคุณธรรมวัดศรีโสภณ หมู่ที่ 3
  • แหล่งเรียนรู้ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มสืบสานต่อผ้าทอมือบ้านผือ หมู่ที่ 14

ชุมชนไทยพวนบ้านผือมีวิถีชีวิต ประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นแบบพื้นถิ่นอีสาน ประเพณีของชาวไทยพวนบ้านผือนั้น ประกอบกิจกรรมและพิธีตามความเชื่อฮีต 12 คลอง 14 แบบพื้นบ้านอีสาน แต่ประเพณีที่สำคัญที่คงปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ประเพณีทำบุญปราสาทผึ้ง ที่เป็นการทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับ โดยมีเจ้าภาพจะกำหนดวันและจะเชิญชวนให้คนมาช่วยทำปราสาทโดยกลุ่มผู้ชาย ส่วนผู้หญิงจะช่วยกันในการทำอาหาร ในตอนเย็น จะเป็นการนิมนต์พระสวดบังสุกุล และมีปราสาทผึ้งวางไว้หน้าบ้าน พร้อมทั้งข้าวของเครื่องใช้ที่จะทำทานให้กับผู้ล่วงลับ เสร็จพิธี เจ้าภาพจะนำสารทไปถวายตามวัด และมีการลั่นกลองเพื่อแสดงความผู้ตายมารับเอากองบุญจากลูกหลานที่ทำบังสุกุลอุทิศให้

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

ทุนวัฒนธรรม

  • วิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ไทยพวน
  • ภูมิปัญญาการทอผ้าแบบไทยพวน
  • ภูมิปัญญาการประกอบอาหารท้องถิ่น
  • ประเพณีท้องถิ่น ฮีต 12 คลอง 14
  • มรดกวัฒนธรรม พิพิธภัณฑ์ไทยพวนบ้านผือ

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล
กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

พิพิธภัณฑ์ไทยพวนบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี

  • การก่อตัวและพัฒนาการชมรมไทยพวนบ้านผือ

เมื่อ พ.ศ. 2518 พระครูพระพิทักษ์พิชคามเขต อดีตเจ้าอาวาสของวัดลุมพินีวัน อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี มีโอกาสเดินทางและร่วมกิจกรรมของชมรมไทยพวนแห่งประเทศไทย เห็นกิจกรรมและความเคลื่อนไหวในการฟื้นฟูของชมรมที่มีสถานที่ตั้งอยู่ที่วัดอัมรินทราราม กรุงเทพมหานคร จึงได้นำเสนอเรื่องราวของกิจกรรมดังกล่าวให้กับสมาชิกในชุมชนร่วมกันฟื้นฟูและถ่ายทอดประวัติและภูมิปัญญาของชาวไทยพวนให้กับลูกหลาน ตั้งแต่นั้นมาชมรมไทยพวนบ้านผือ ได้ก่อตัวและดำเนินกิจกรรมที่หลากหลาย ทั้งการแสดงศิลปวัฒนธรรมในวาระต่าง ๆ ของทางอำเภอบ้านผือและจังหวัดอุดรธานี การเข้าร่วมกิจกรรมกับชมรมไทยพวนแห่งประเทศไทย รวมทั้งการเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่า ซึ่งเป็นกิจกรรมของชมรมไทยพวนแห่งประเทศไทย เวียนกันเป็นเจ้าภาพมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเงินที่ได้รับบริจาคใช้ในกิจการของชมรมและเป็นเงินอุดหนุนให้กับวัดและทุนการศึกษาให้กับลูกหลานชาวไทยพวน

หากกล่าวถึงขอบเขตของกิจกรรมเพื่อการฟื้นฟูและถ่ายทอดภูมิปัญญาของไทยพวน บ้านผือ แล้ว ประกอบด้วยเนื้อหาสำคัญใน 6 ส่วนหลัก คือ ด้านภาษา ซึ่งเป็นด้านที่แสดงถึงเอกลักษณ์ของไทยพวนอย่างชัดเจน ด้านอาหาร ด้านการแต่งกาย ด้านวิถีชีวิต ด้านความเชื่อและศาสนพิธี และด้านศิลปะการแสดง ในเอกสารของชมรมไทยพวนบ้านผือ กล่าวถึงตำนานการตั้งถิ่นฐานที่สืบค้นจากผู้เฒ่าผู้แก่ เมื่อ พ.ศ. 2550 กล่าวไว้ว่า

ชาวไทยพวนที่อาศัยอยู่ในอำเภอบ้านผือได้อพยพถิ่นฐานเป็นกลุ่มใหญ่มาอยุ่ทางภาคกลางของไทย และถูกกวาดต้อนไปอยู่ประเทศลาว จากนั้นอพยพกลับมาที่ประเทศไทยอีกครั้ง โดยมุ่งหน้ามาทางลุ่มแม่น้ำโขง มีขุนจางวาง ขุนหมื่นศรีครุฑราช พ่อตู้เพียร นางเสม่นบัง แม่ตู้พวง นางตุ้น ชาวบ้าน ทหาร เด็ก ต่อมามีจุนหมื่นศรีรัตนไตรเวช พ่อเฒ่าแท่ง พร้อมด้วยทหารและชาวบ้าน อพยพมาจากบ้านหมี่จังหวัดลพบุรี ต้องคอยหลบหนีการปล้นฆ่าของฮ่อ จนมาพบกับกลุ่มของขุนขางวาง อาศัยอยู่ที่ป่าผือมีหนองน้ำขนาดใหญ่เต็มไปด้วยต้นผือ ดินอุดมสมบูรณ์ จึงพากันมาตั้งบ้านเรือนถิ่นฐาน และเรียนชื่อหมู่บ้านว่า “บ้านผือ”

  • การจัดแสดงของนิทรรศการภายในพิพิธภัณฑ์ไทยพวน ณ สถานที่ชั่วคราว

สำหรับการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์นั้น ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี เมื่อ พ.ศ. 2554 ซึ่งนายหาญชัย ทีฆธนานนท์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดในเวลานั้นจัดสรรงบประมาณ จนสามารถสร้างเรือนไทยพวนบ้านผือ เป็นอาคารเรือนไม้ 3 หลัง มีชานเรือนเชื่อมตัวอาคารเข้าด้วยกัน ใต้ถุนสูง หลังคามุงกระเบื้องดินเผา จนสามารถเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 14 มีนาคม  2557 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ได้รับความสนใจมาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีด้วยวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์นั้น เป็นไม้เก่าและโครงสร้างส่วนบนที่เป็นกระเบื้องดินเผา ยังผลโครงสร้างอาคารไม่เหมาะสมกับการต้อนรับผู้มาเยือนหลังจากเปิดดำเนินการแล้ว 3 ปี องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานีรื้อถอนอาคารเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2560 หลังจากที่มีประกาศขายอาคารมาราวหนึ่งปีก่อนหน้านั้น

ชมรมชาวไทยพวนบ้านผือย้ายสิ่งของภายในพิพิธภัณฑ์ไทยพวนไปยังโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2560 เป็นการจัดแบ่งตามสาระสำคัญของกิจกรรมเพื่อการอนุรักษ์ทั้งหกด้านดังที่ได้กล่าวไว้ เช่น ในด้านวิถีชีวิต สะท้อนให้เห็นผ่านเครื่องใช้ และอุปกรณ์ทางการเกษตรและเครื่องมือดักจับสัตว์ ห้องจัดแสดงชั่วคราวแบ่งเป็น 2 ห้องอย่างชัดเจน

ในห้องแรก บอกเล่าถึงวิถีชีวิตทางด้านการเกษตร เช่นเครื่องมือที่ใช้ในการนวดข้าวพิงกับผนังของห้อง เครื่องดักจับสัตว์ที่วางอยู่บนโต๊ะ ส่วนเครื่องดนตรีแขวนอยู่ที่สุดห้องจัดแสดงแรก มีลักษณะเป็นวงแคนคล้ายกับดนตรีอีสานทั่วไป ในด้านเครื่องแต่งกาย จัดแสดงอุปกรณ์ต่าง ๆ ตั้งแต่การสาวฝ้าย การทอ และรูปแบบการแต่งกายทั้งหญิงและชาย ความน่าสนใจของการทอผ้าคือลวดลายที่มีการคิดค้นใหม่ ได้แก่ ลายต้นผือ และลายต้นข้าว และการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผ้าข้าวม้าที่เป็นผ้าทอสำคัญและเป็นผลิตภัณฑ์ของชมรมชาวไทยพวนบ้านผือ เรียกว่า “ผ้าขะม้าอีโป้มงคลเก้าสี” ประกอบด้วย สีแดง (ลาภยศ) จากเปลือกประดู่ สีทอง (ความมั่นคง) จากเปลือกงิ้วป่า สีเขียว (ความสดชื่น) จากเปลือกมะม่วง สีเหลือง (ความร่าเริง) จากเปลือกขมิ้น สีส้ม (ความสนุกสนาน) จากดอกจาน สีม่วง (ความรุ่งโรจน์) จากเปลือกประดู่ สีชมพู (ความอ่อนโยน) จากเปลือกงิ้วป่า สีน้ำตาล (ความจริงใจ) จากเปลือกมะขาม และสีเทา (ศักดิ์ศรี) จากเปลือกมะพร้าวอ่อนผสมเกลือ นอกจากนี้ ยังมีการคิดค้นสัญลักษณ์ หรือ logo ของผลิตภัณฑ์ “พวนกะเลอ”

ในห้องที่สอง แสดงให้เห็นวัฒนธรรมอาหารผ่านการจัดสำรับและครัวไฟ ไว้ที่มุมทางเข้า อีกมุมหนึ่งจัดแสดงในลักษณะของห้องนอน มีเตียงไม้และตู้ไม้ภายในมีหนังสือให้บริการกับผู้เข้ามาใช้บริการ ทั้งส่วนการจัดแสดงมีการกั้นพื้นที่ไว้อย่างเป็นสัดส่วน ในอีกส่วนหนึ่งคือ วัฒนธรรมในด้านภาษา อาจารย์จรัสศรี เริ่มรักษ์ ซึ่งเป็นอาจารย์ในภาควิชาภาษาไทย โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ อุดรธานี ร่วมพัฒนาหลักสูตรภาษาไทยพวนกับสมาชิกชมรมตั้งแต่ พ.ศ. 2554 เพื่อส่งเสริมให้ลูกหลานชาวไทยพวน ซึ่งเป็นนักเรียนในโรงเรียนได้เรียนรู้และใช้ภาษาไทยพวน รูปแบบของการนำเสนอในห้องนิทรรศการ พิพิธภัณฑ์ไทยพวน ณ สถานที่ชั่วคราวภายในโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ แสดงด้วยบอร์ดที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเอกลักษณ์ทางภาษา เช่น เสียวรรณยุกต์ เสียงพยัญชนะ ที่แตกต่างจากภาษาไทยกลางและภาษาอีสาน

แม้ในภาพรวมการจัดแสดงจะมีรูปแบบที่จำกัดในการสื่อสาร เพราะหากไม่มีคนเล่าเรื่องแล้ว การเรียนรู้ก็อยู่ในลักษณะที่จำกัดเช่นกัน แต่ด้วยการชมนิทรรศการพร้อมกับสมาชิกชมรมไทยพวนบ้านผือ เรื่องเล่าเต็มด้วยความทรงจำและประสบการณ์ที่มีชีวิตชีวา ความภาคภูมิใจต่ออดีตคงชัดเจน และเป้าหมายปลายทางให้ลูกหลานไทยพวนเรียนรู้ความเป็นมาและเป็นไปยังคงชัดเจน มากไปกว่านั้น การถ่ายทอดเรื่องราวให้กับอาจารย์และนักศึกษาในระดับอุดมศึกษา ยิ่งเป็นเสมือน “ยาชูกำลัง” ให้กับชาวชมรม เพราะโอกาสในการถ่ายทอดสิ่งต่าง ๆ ให้กับผู้ที่สนใจ สิ่งที่น่าชื่นชมคือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความช่วยเหลือของผู้ศึกษาเรื่องผ้าทอในการพัฒนาลวดลายให้กลายเป็นเอกลักษณ์ ยิ่งเปิดโอกาสให้ชมรมสามารถดำเนินกิจกรรม พร้อม ๆ กับการแสวงหาเงินทุนหมุนเวียนตามสมควร

ในอนาคต ทางโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ อุดรธานีเตรียมพื้นที่สำหรับการจัดสร้างอาคารถาวรไว้เป็นพิพิธภัณฑ์ไทยพวนบ้านผือแห่งใหม่ โดยจะต้องมีการขออนุญาตใช้ที่ดินในบริเวณโรงเรียน ซึ่งเป็นที่ดินราชพัสดุจากกรมธนารักษ์ และการจัดหางบประมาณในการจัดสร้างอาคาร นายสาส์นลิขิตชัย พลไธสง ผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ อุดรธานี กล่าวถึงโอกาสและความยั่งยืนของพิพิธภัณฑ์ไทยพวน เพื่อเป็นสถานที่เผยแพร่ถ่ายทอดองค์ความรู้ของไทยพวนในทุก ๆ ด้าน รวมทั้งเป็นสถานที่ที่สมาชิกชมรมไทยพวนบ้านผือ และชาวบ้านสามารถร่วมจัดกิจกรรมต่าง ๆ ในการอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมให้สืบทอดต่อไป (ชีวสิทธิ์ บุณยเกียรติ, 2560 ; อ้างถึงใน ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย : พิพิธภัณฑ์ไทยพวนบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี, 2561)

ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร. (2565). ไทยพวนบ้านผือ จ.อุดรธานี. สืบค้นเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2567 ; จาก เว็บไซต์คลังข้อมูลชุมชน https://communityarchive.sac.or.th/community/ThaiPhuanBanPhue

ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย. (2561). พิพิธภัณฑ์ไทยพวนบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี. ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน). สืบค้นเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2567 ; จาก https://db.sac.or.th/museum/museum-detail/1484

เทศบาลตำบลบ้านผือ. (2564). แผนพัฒนาท้องถิ่น (พ.ศ. 2566-2570). เทศบาลตำบลบ้านผือ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี.