Advance search

ชุมชนบ้านกาด เป็นชุมชนชนบท ที่อาศัยอยู่ร่วมกันแบบเครือญาติและชาวบ้านส่วนใหญ่ในชุมชนจะเป็นบุคคลที่อาศัยอยู่ในชุมชนตั้งแต่เกิด ปรากฏวัฒนธรรมประเพณีที่ทำกันตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษแล้วถ่ายทอดกันมาสู่รุ่นต่อรุ่น ได้แก่ งานทำบุญทานข้าวใหม่ งานประเพณีปี๋ใหม่เมือง (วันสงกรานต์) งานทำบุญสรงน้ำพระธาตุ งานไหว้ศาลเจ้าบ้าน งานทำบุญถวายทานสลากภัต และงานทอดกฐินสามัคคี

หมู่ที่ 6
บ้านกาด
ขุนคง
หางดง
เชียงใหม่
อบต.ขุนคง โทร. 0-5302-2995-7
การะเกตุ แก้วทอง
24 ม.ค. 2019
พิมพ์ใจ อุ่นบ้าน
3 พ.ค. 2023
พิมพ์ใจ อุ่นบ้าน
23 เม.ย. 2023
บ้านกาด

เนื่องจากมีกลุ่มพ่อค้าได้เดินทางมาในหมู่บ้านโดยนำสินค้ามาจำหน่ายหรือแลกเปลี่ยนกับชาวบ้านทั้งในหมู่บ้านและชาวบ้านจากหมู่บ้านอื่น ๆ ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้เป็นพื้นที่ที่เกิดการซื้อขายสินค้าระหว่างกลุ่มพ่อค้าและกลุ่มของชาวบ้าน ซึ่งสถานที่ที่มีการนำสินค้ามาขายเรียกว่า "กาด" (ทางภาคเหนือ เรียกว่า  กาด ส่วนทางภาคกลางเรียกว่า ตลาด ซึ่งมาความหมายอย่างเดียวกัน) ทำให้หมู่บ้านนี้ถูกเรียกกันว่า บ้านกาด ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา 


ชุมชนชนบท

ชุมชนบ้านกาด เป็นชุมชนชนบท ที่อาศัยอยู่ร่วมกันแบบเครือญาติและชาวบ้านส่วนใหญ่ในชุมชนจะเป็นบุคคลที่อาศัยอยู่ในชุมชนตั้งแต่เกิด ปรากฏวัฒนธรรมประเพณีที่ทำกันตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษแล้วถ่ายทอดกันมาสู่รุ่นต่อรุ่น ได้แก่ งานทำบุญทานข้าวใหม่ งานประเพณีปี๋ใหม่เมือง (วันสงกรานต์) งานทำบุญสรงน้ำพระธาตุ งานไหว้ศาลเจ้าบ้าน งานทำบุญถวายทานสลากภัต และงานทอดกฐินสามัคคี

บ้านกาด
หมู่ที่ 6
ขุนคง
หางดง
เชียงใหม่
50230
18.67297
98.95774
องค์การบริหารส่วนตำบลขุนคง

หมู่บ้านแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่มีใครทราบ แต่จากคำบอกเล่าของครูบาอาจารย์และผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้าน เล่าว่าหมู่บ้านแห่งนี้เกิดขึ้นพร้อมกับ วัดเดชดำรงค์ เดิมชื่อ วัดโบสถ ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่แห่งหนึ่งในตำบลขุนคง ได้สร้างมาร่วม 300 ปี ประมาณปี พ.ศ. 2304 และจากการบอกเล่าของชาวบ้านได้เล่าว่าในสมัยก่อนนั้นบ้านเมืองยังไม่เจริญเหมือนปัจจุบัน ยานพาหนะต่าง ๆ ไม่มี การเดินทางสัญจรไม่สะดวก ประชาชนส่วนใหญ่จะเดินทางโดยทางเรือ แต่เดิมพื้นที่บริเวณหมู่บ้านนี้เป็นพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำ ซึ่งอยู่ติดกับหมู่บ้านท่าขุนคง และหมู่บ้านท่าขุนคงนี้เป็นหมู่บ้านที่มีติดกับแม่น้ำปิง ผู้คนส่วนใหญ่ที่สัญจรทางเรือก็จะใช้บริเวณหมู่บ้านท่าขุนคงเป็นท่าเรือ และท่าเรือแห่งนี้ได้มีชื่อว่า ท่าขุนคง อีกทั้งสมัยนั้นมีพ่อค้ากลุ่มหนึ่งไม่ปรากฏว่าเป็นพ่อค้าหรือมาจากบ้านเมืองไหน ได้เดินทางมาค้าขายโดยอาศัยเรือแพล่องมาตามแม่น้ำปิง มาขึ้นที่ท่าน้ำบ้านท่าขุนคงแห่งนี้ ได้เดินทางมาในหมู่บ้านโดยนำสินค้าเหล่านั้นมาจำหน่ายหรือแลกเปลี่ยนกับชาวบ้านทั้งในหมู่บ้านและชาวบ้านจากหมู่บ้านอื่น ๆ ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้ได้เป็นหมู่บ้านที่เป็นศูนย์กลางของหมู่บ้านอื่น ๆ ที่ตั้งอยู่บริเวณรอบ ๆ และประชาชนในหมู่บ้านต่าง ๆ จึงได้นำสินค้ามาขายและการแลกเปลี่ยนกัน ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้เป็นพื้นที่ที่เกิดการซื้อขายสินค้าระหว่างกลุ่มพ่อค้าและกลุ่มของชาวบ้านเอง ซึ่งสถานที่ที่มีการนำสินค้ามาขายประชาชนเรียกว่า กาด (ทางภาคเหนือ เรียกว่า กาด ส่วนทางภาคกลางเรียกว่า ตลาด ซึ่งมาความหมายอย่างเดียวกัน) ทำให้หมู่บ้านนี้ถูก เรียกกันว่า บ้านกาด ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

จากหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่มีผู้คนสัญจรมาทำการค้าขาย แต่ประชาชนในหมู่ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นอาชีพหลัก ในปี 2500 ประชาชนในหมู่บ้านประสบปัญหาภัยแล้ง ภาวะขาดแคลนน้ำผลผลิตไม่ดีชาวบ้านส่วนใหญ่ก็เดินทางออกไปรับจ้างทั่วไปในตัวเมือง และต่อมาในปี พ.ศ. 2507 ได้เกิดเหตุการณ์สำคัญคือ มีการระบาดของโรคมาลาเรีย ทำให้ประชาชนในหมู่บ้านมีการเจ็บป่วยล้มตายจำนวนมาก ซึ่งขณะนั้นประชาชนยังไม่เข้าถึงบริการทางการแพทย์แผนปัจจุบัน ไม่มีสถานพยาบาล และไม่มีผู้นำชุมชนที่จะนำพาประชาชนในชุมชนผ่านปัญหาต่าง ๆ ได้ จึงเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งเมื่อมีหน่วยงานราชการเข้ามามีบทบาทสำคัญทางการเมืองของชุมชน โดยการกำหนดให้มีการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านขึ้น ทำให้ผู้นำจากเดิมเป็นผู้นำทางธรรมชาติ กลายมาเป็นผู้นำแบบเป็นทางการตามพระราชบัญญัติปกครองท้องที่ ในการเลือกตั้งครั้งนั้นผลการเลือกตั้งปรากฏว่า นายใจมา ไม่ทราบนามสกุล ได้รับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้านคนแรก ด้วยคะแนนเสียงที่เป็นเอกฉันท์ และได้ปกครองแบบประชาธิปไตย ชาวบ้านมีความรักใคร่สามัคคีกันดี ไม่มีความขัดแย้งเกิดขึ้น

ในปี พ.ศ. 2512 เมื่อครบวาระก็มีการเปลี่ยนผู้ใหญ่บ้านตามลำดับ ผู้ใหญ่บ้านคนที่ 2 ได้แก่ นายดวงต๋า แดงงาม ได้รับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้าน ในปี พ.ศ. 2516 มีการเปลี่ยนผู้ใหญ่บ้านเนื่องจากครบวาระการเลือกตั้งใหม่ ผู้ใหญ่บ้านคนที่ 3 ได้แก่ นายจันทร์ บัวหลวง ได้รับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้านมีความร่วมมือร่วมใจรักใคร่กันดุจพี่น้อง ให้ความช่วยเหลือกันดี ในปี 2533 นายแสวง แดงคำดี ได้รับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้านดูแลปกครองส่วนท้องถิ่นในบ้านกาด ดูแลลูกบ้านในบ้านกาด (ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็น กำนันตำบลขุนคง)

นอกจากนี้หมู่บ้านกาดยังมีวัดเดชดำรงค์ ซึ่งเป็นวัดที่เกิดขึ้นมาควบคู่กับหมู่บ้านซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนทั้งหมู่บ้าน ในปี 2536 ซึ่งมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์เชื่อมโยงกับพระบรมสารีริกธาตุของวัดเดชดำรงค์ที่ชาวบ้านกาดได้กราบไหว้นี้ สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2536 ซึ่งตรงกับวันที่ 4 เหนือแรม 5 ค่ำ ได้มีคณะศรัทธาของวัดเดชดำรงค์ จำนวน 3 ท่าน คือ นายปัน คำยวง นายยิ่ง บุญมา และนายอ้าย ชมภูศรี ได้ชวนกันออกไปทุ่งนาเพื่อดูแลไร่ถั่วเหลือง ที่ปลูกไว้ตามปกติเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา แต่สำหรับครั้งนี้สามคนดูไร่ถั่ว แล้วก็ชวนกันไปดูวัดร้างแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ ๆ นั้น วัดร้างแห่งนี้ชาวบ้านเรียกขานกันว่า วัดกู่แดง เป็นวัดร้างมานานไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยปี มีแต่ซากอิฐโบราณเก่า ๆ กองเรี่ยราดทั่วไป จะด้วยสาเหตุใดไม่ทราบหรือมีสิ่งมาดลบันดาลใจให้บุคคลทั้งสามนั้น ช่วยกันขุดดินบริเวณวัดร้างแห่งนั้น เมื่อขุดไปได้ไม่นานนัก นายคำปัน คำยวง ก็ขุดไปพบวัตถุสิ่งหนึ่ง แต่ก็ไม่ทราบว่าเป็นอะไร จึงหยิบขึ้นมาดูพร้อมกับเขย่า และได้บอกกับคนทั้งสองให้ช่วยกันดู เมื่อทั้งสามเปิดดู พ่ออ้าย ชมพูศรี ซึ่งมีอายุมากกว่า จึงบอกว่าสิ่งนี้ที่เห็น คือ พระบรมสารีริกธาตุ จากนั้นก็ช่วยกันเก็บเอามาชำระล้างน้ำจนสะอาดและได้นับดูพระธาตุซึ่งบรรจุอยู่ในโกฏินั้น นับได้จำนวน 364 องค์ จากนั้นจึงได้นำพระธาตุกลับบ้าน โดยให้พ่ออ้าย ชมภูศรี เป็นผู้รักษาไว้ก่อนพอรุ่งขึ้นบุคคลทั้งสามจึงได้ไปปรึกษาหารือขอความคิดเห็นจากท่านเจ้าคณะตำบล ขุนคง-สบแม่ข่า คือ ท่านพระครูชัยสารพิศิษฏ์ วัดไชยสถาน เมื่อท่านได้ทราบรายละเอียดจากบุคคลทั้งสามแล้ว ท่านก็แนะนำว่า ให้เก็บพระบรมสารีริกธาตุไว้ที่บ้านก่อนเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว สัก 7-9 วัน โดยให้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันทั้งสามบ้านเมื่อครบกำหนดแล้วจึงค่อยนำกลับไปบูชาสักการะ และประดิษฐานไว้ที่วัดเดชดำรง จนเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2536 ตรงกับเดือน 4 เหนือแรม 15 ค่ำ ทางท่านเจ้าอาวาสวัดเดชดำรง ก็ได้ให้บุคคลทั้งสามนำพระบรมสารีริกธาตุกลับไปไว้ที่เดิม คือ ที่วัดร้างกู่แดงพอเป็นพิธี จากนั้นก็ได้นำกลับมาที่วัด และได้ทำพิธีสักการบูชาเพื่อเป็นสิริมงคลแก่วัดและบ้านทุกปี โดยมีการสรงน้ำ พระบรมสารีริกธาตุ ในวันที่ 5 พฤษภาคม ของทุกปี

ต่อมาปี พ.ศ. 2550 ประชากรในบ้านกาด มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น มีการสร้างถิ่นฐานเป็นครัวเรือนในหมู่บ้านเพิ่มขึ้น การปกครองและการพัฒนาไม่ทั่วถึง อีกทั้งขณะนั้นผู้ใหญ่บ้าน นายแสวง แดงคำดี ซึ่งอาศัยอยู่หมู่บ้านกาดแต่เป็นหมู่บ้านที่มีกลุ่มบ้านเล็ก ๆ อีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งบ้านแห่งนี้มีการแยกหมู่บ้านออกไปตั้งหมู่บ้านใหม่อีกหมู่บ้านหนึ่ง จึงทำให้บ้านกาดขาดผู้ใหญ่บ้าน ในปีนี้ได้มีการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านขึ้นใหม่ ตามพระราชบัญญัติปกครองท้องที่ ซึ่งในการเลือกตั้งครั้งนี้ผลการเลือกตั้งปรากฏว่า นายสมควร ชมภูศรี ได้รับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้านด้วยคะแนนเสียงที่เป็นเอกฉันท์ และดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 6 บ้านกาด ตำบลขุนคง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ จนถึงปัจจุบัน 

บ้านกาด หมู่ที่ 6 ตำบลขุนคง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นหมู่บ้านที่มีภูมิประเทศเป็นที่ราบ

อาณาเขต

  • ทิศเหนือ ติดกับ หมู่ 8 บ้านแพะใหม่
  • ทิศใต้ ติดกับหมู่ 5 บ้านขุนคง
  • ทิศตะวันออก ติดกับ หมู่ 7 บ้านท่าขุนคง
  • ทิศตะวันตก ติดกับ หมู่ 1 บ้านต้นแก้ว

การเดินทางมายังหมู่บ้านกาด เริ่มจากถนนคันคลองถวาย-ต้นแก้ว เลี้ยวขวาตรงสามแยกเข้ามาตามถนนลาดยาง จะผ่านบ้านต้นแก้วมาจนถึงบ้านกาด มีป้ายหมู่บ้านกาด อยู่ใกล้ ๆ ซอย 1 ตรงข้ามกับบ้านต้นแก้ว ซอย 6 เมื่อเข้ามาในซอย 1 ท้ายซอยเป็นสามแยก หากเลี้ยวขวาจะเชื่อมต่อกับเส้นทางไปหมู่บ้านต้นแก้ว เป็นจุดสิ้นสุดหมู่บ้านทางทิศตะวันตก และเลี้ยวซ้ายมาตามทางจะเชื่อมต่อกับท้ายซอย 2 ขวามือมีสวนลำไย มาต่อตามเส้นทางท้ายซอยจะเชื่อมต่อกับซอย 9 ด้านขวามือเป็นสวนลำไยและทุ่งนา กลับมาที่ถนนสายหลักของหมู่บ้าน เมื่อตรงมาเรื่อย ๆ จนถึงซอย 12 ขวามือมีโรงงานผลิตปุ๋ยชีวภาพของหมู่บ้านกาด เข้ามาในซอยมีบ้าน 1 หลัง ล้อมรอบด้วยสวนลำไย จุดนี้เป็นจุดสิ้นสุดหมู่บ้านทางทิศตะวันออก ฝั่งซ้ายมือมีถนนไปถึง วัดเดชดำรง จุดนี้เป็นจุดสิ้นสุดหมู่บ้านทางทิศเหนือ ติดต่อกับบ้านแพะใหม่ 

บ้านกาดมีทั้งหมด 12 ซอย แบ่งเขตบ้านออกเป็น 8 เขต สภาพทางกายภาพของบ้านเรือน พบว่า สร้างบ้านอยู่กันรวมกันอย่างหนาแน่น บ้านที่อยู่ละแวกเดียวกันส่วนใหญ่จะมีความสัมพันธ์กันทางเครือญาติ มีพื้นที่ไร่นาและสวนลำไยบริเวณกว้างขวางล้อมรอบหมู่บ้าน สังเกตเห็นศาลเจ้าที่ (คนท้องถิ่นเรียกว่า ศาลเจ้าบ้าน) อยู่ตามมุมแยกของแต่ละเขต ซึ่งศาลนี้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้าน ชาวบ้านนับถือและกราบไหว้บูชา ชาวบ้านมักจะมาไหว้ขอพรและมีการจัดอาหารมาเลี้ยงศาลตามเทศกาลต่าง ๆ ด้านวิถีชีวิต คนส่วนใหญ่ทำงานนอกบ้านจะเข้าบ้านในช่วงเย็น สำหรับคนที่ไม่ได้ทำงานนอกบ้านเมื่อว่างเว้นจากการทำนา ทำสวน ส่วนใหญ่จะรับงานหัตถกรรมมาทำที่บ้าน เพื่อเป็นอาชีพเสริม

บ้านกาด มีจำนวนครัวเรือน 259 หลังคาเรือน ประชากร ชาย จำนวน 313 คน หญิง จำนวน 348 คน รวม 661 คน

ชุมชนบ้านกาด ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพหลัก คือ รับจ้างทำงานติดลายไม้แกะสลัก รับจ้างทำเฟอร์นิเจอร์ โดยมีนายทุนเป็นผู้ผลิตสินค้าตามรายการที่บริษัทสั่งทำ สินค้าที่ชาวบ้านรับมาตกแต่ง เช่น โต๊ะ ตู้ เก้าอี้ ขันโตก เป็นต้น เมื่อสินค้าที่ชาวบ้านนำมาตกแต่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว นายทุนจะนำสินค้าส่งออกขาย ทั้งภายในประเทศและนอกประเทศ ทำให้ชาวบ้านในชุมชนมีการทำหัตถกรรมและมีงานทำตลอดปี และมีแรงงานต่างด้าวเข้ามารับจ้างอยู่โรงไม้แปรรูป

นอกจากนี้ชาวบ้านบางส่วนยังมีรายได้จากการประกอบอาชีพพนักงานบริษัท รับราชการ ค้าขายของชำและเครื่องไม้แกะสลัก รับจ้างขับรถโดยสาร และรับจ้างจักรสานไม้ไผ่ด้วยมือแต่ตอนนี้เหลือจำนวนน้อยแล้ว

  • เดือนมกราคม : ทำบุญขึ้นปีใหม่, งานทานข้าวใหม่
  • เดือนกุมภาพันธ์ : ค้าขาย, รับจ้าง, ปลูกข้าวนาปรัง, เก็บเกี่ยวลำไย
  • เดือนมีนาคม : ค้าขาย, รับจ้าง, ปลูกข้าวนาปรัง, เก็บเกี่ยวลำไย
  • เดือนเมษายน : ประเพณีสงกรานต์, ประเพณีรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุ
  • เดือนพฤษภาคม : งานทำบุญสรงน้ำพระธาตุ
  • เดือนมิถุนายน : ค้าขาย, รับจ้าง, ปลูกข้าวนาปี, เก็บเกี่ยวลำไย
  • เดือนกรกฎาคม : ประเพณีเข้าพรรษา, ประเพณีไหว้ศาลเจ้าบ้าน
  • เดือนสิงหาคม : เก็บเกี่ยวลำไย, ปลูกข้าวนาปี, ค้าขาย, รับจ้าง
  • เดือนกันยายน : เก็บเกี่ยวลำไย, ปลูกข้าวนาปี, ค้าขาย, รับจ้าง
  • เดือนตุลาคม : ทำบุญทานสลากภัต, ประเพณีออกพรรษา
  • เดือนพฤศจิกายน : งานกฐินสามัคคี, ประเพณีลอยกระทง
  • เดือนธันวาคม : ค้าขาย, รับจ้าง, เก็บเกี่ยวข้าวและลำไย

1. คุณยาย ติ๊บ ชมภูศรี หญิงสูงวัยคนหนึ่ง ที่อาศัยอยู่บ้านกาด รูปร่างผอมสูงผิวสีแทน จิตใจดี ยิ้มแย้มแจ่มใส มีสุขภาพดี คุณยาย ติ๊บ ชมภูศรี เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2468 ปัจจุบันอายุ 93 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 67 หมู่ที่ ตำบลขุนคง อำเภอหางดง จังหวัดชียงใหม่ 

บิดาชื่อนายแดง หลวงติ๊บ มารดาชื่อ นางบุญ หลวงติ๊บ (บิดาเสียชีวิต เมื่ออายุ 45 ปี มารดาเสียชีวิต เมื่ออายุ 71 ปี) มีพี่น้อง 5 คนคุณยายติ๊บ เป็นบุตรคนที่ 2 บุตรคนที่ 1 พี่ชาย ชื่อนายอุ่นเรือน หลวงติ๊บ ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว น้องสาว คนที่ 3 ชื่อนางบุญ หลวงติ๊บ อายุ 90 ปี เสียชีวิตแล้ว คนที่ ชื่อ นายน้อย หลวงติ๊บ อายุ 81 ปี ยังมีชีวิตอยู่ และน้องคนสุดท้องคือ นายไม้ หลวงติ๊บ อายุ 80 ปี ยังมีชีวิตอยู่

เนื่องจากครอบครัวมีฐานะยากจนตอนเด็ก ๆ คุณยายติ๊บ จึงไม่ได้เรียนหนังสือ ต้องช่วยพ่อแม่ทำนาและเลี้ยงน้องอยู่บ้าน หมดฤดูทำนาก็จะเก็บผักพื้นบ้านขายและแลกอาหารในชุมชน จึงทำให้คุณยายติ๊บไม่สามารถอ่านหนังสือออกและเขียนหนังสือได้ 

เดิมคุณยายติ๊บ เป็นคนอยู่ที่อำเภอสันป่าตอง เมื่อแต่งงานจึงย้ายตัวเองมาสร้างครอบครัวที่บ้านกาด โดยคุณยายติ๊บ แต่งงานเมื่ออายุ 25 ปี แต่งงานกับ คุณตาอ้าย ชมภูศรี มีบุตรด้วยกัน 7 คน คุณยายติ๊บได้เล่าว่า ยายจะดูแลตนเองอยู่เสมอ เลือกรับประทานอาหารที่ไม่มีรสเค็มหรือรสจัดเกินไป เลือกรับประทานไข่และเนื้อปลา ผัก น้ำพริกพื้นบ้าน เข้านอนตั้งแต่ 20.00 ตื่นตี 4 นั่งเล่น ออกกำลังกาย ด้วยการเดินเล่นตามบ้าน เวลาเจ็บป่วยก็จะไปรับการรักษาที่ รพสต. หรือโรงพยาบาลหางดง ไม่ซื้อยากินเองและใช้ชีวิตให้มีความสุข ไม่เครียด ทุกวันนี้คุณยายมีความสุข ภูมิใจในตัวลูกชายมากที่เป็นผู้นำของหมู่บ้านและประสบความสำเร็จในชีวิต เพราะคุณยายติ๊บจะสอนลูก ๆ ตั้งแต่เด็กอยู่เสมอว่าให้มีความอดทน มีความพยายามและทำความดี มีอะไรให้แบ่งปัน เอื้อเฟื้อต่อเพื่อนมนุษย์ร่วมกัน คุณยายติ๊บเป็นที่รักใคร่และเป็นที่เคารพนับถือของคนในชุมชน เวลามีเทศกาลงานบุญของหมู่บ้านคุณยายติ๊บจะไปร่วมพิธีทุกครั้ง และไปทำบุญฟังเทศน์ ทุกวันพระ

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

ประชาชนในหมู่บ้านเป็นคนพื้นเมือง ประชาชนส่วนใหญ่ใช้ภาษาท้องถิ่น (ภาษาพื้นเมือง, ภาษาเหนือ) ในการติดต่อสื่อสารเป็นภาษาหลักภายในชุมชน สำหรับการติดต่อสื่อสารทางราชการ และบุคคลภายนอกจะใช้ภาษาไทยกลาง และภาษาถิ่นในการติดต่อสื่อสาร


ด้านสาธารณสุขในชุมชนบ้านกาด หมู่ที่ 6 ได้ข้อมูลจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านต้นแก้ว และอาสาสมัครประจำหมู่บ้านบ้านกาด เห็นว่ามีการเข้าถึงการให้บริการเชิงรุกกับประชาชนบ้านกาด โดยเน้นการสร้างเสริมสุขภาพ การเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรค การฟื้นฟูสุขภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค ทำให้เกิดกิจกรรมทางด้านสุขภาพต่าง ๆ เช่น การเยี่ยมบ้านเพื่อคัดกรองโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคมะเร็ง วัณโรค การรณรงค์เรื่องโรคไข้เลือดออก รณรงค์กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ซึ่งได้รับความร่วมมือจากประชาชนในชุมชนเป็นอย่างดี

กำลังอยู่ระหว่างจัดทำข้อมูล

โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์. (2554). วิถีชุมชน: เครื่องมือ 7 ชิ้น ที่ทำให้งานชุมชนง่าย ได้ผล และสนุก. พิมพ์ครั้งที่ 10. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์สุขศาลา

การะเกตุ แก้วทอง, ธนัชชา จิรธีปธนวัฒน์, ธวัชชัย ขุนไชย, นิยดา วงศ์ประมวล, ปนิตตา คำตัน, พิชญินทร์ อินทรวัลย์, และสุรเชษฐ์ สมสาร. (2562). รายงานการพัฒนาอนามัยชุมชนบ้านกาด หมู่ที่ 6  ตำบลขุนคง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่. สาขาการพยาบาลอนามัยชุมชน วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี เชียงใหม่.

อบต.ขุนคง โทร. 0-5302-2995-7