
ชุมชนที่มีกลุ่มชาติพันธุ์ลาวครั่งอยู่ร่วมกัน มีวัดทุ่งผักกุดเป็นศูนย์กลางชุมชนและเป็นอนุสรณ์สถาน มีการสร้างด้วยสถาปัตยกรรมอาคารไม้อายุกว่าร้อยปี
จากการบอกเล่าในท้องถิ่นกล่าวว่า พื้นที่แห่งนี้สมัยโบราณเป็นทุ่งกว้างมีสภาพป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ มีลำห้วยซึ่งเป็นเป็นชื่อตำบลคือ ห้วยด้วน ไหลผ่าน ระบบนิเวศน์มีความชุ่มชื้นสูง ปรากฏพืชชนิดหนึ่งซึ่งอยู่ในตระกูลเฟิร์น ชาวบ้านท้องถิ่นเรียกว่า "ผักกูด" ขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก จึงเป็นที่มาของชื่อชุมชน
ชุมชนที่มีกลุ่มชาติพันธุ์ลาวครั่งอยู่ร่วมกัน มีวัดทุ่งผักกุดเป็นศูนย์กลางชุมชนและเป็นอนุสรณ์สถาน มีการสร้างด้วยสถาปัตยกรรมอาคารไม้อายุกว่าร้อยปี
การอพยพของชาวลาวครั่งเริ่มในช่วงสงครามระหว่างลาวกับไทยในสมัยกรุงธนบุรี ในช่วงนั้นมีการอพยพเข้ามาของคนลาวกลุ่มต่าง ๆ เข้าสู่ประเทศไทย การอพยพเข้าสู่ประเทศไทยครั้งที่ใหญ่ที่สุดเกิดในสมัยรัชกาลที่ 3 จากเหตุการณ์ก่อกบฏของเจ้าอนุวงศ์ ทำให้ชาวครั่งถูกกวาดต้อนมายังบริเวณภาคกลาง คนในชุมชนนี้เรียกตนเองว่า "ลาวขี้คั่ง" "ลาวคั่ง" หรือ "ลาวครั่ง" ซึ่งคนกลุ่มนี้มีความเชื่อว่าบรรพบุรุษอพยพมาจากเมืองหลวงพระบาง บ้างก็บอกเล่าว่าอพยพมาจากเมืองเวียงจันทน์ ในจังหวัดนครปฐมมีชาวลาวครั่งมาตั้งถิ่นฐานและได้กระจายตัวไปในพื้นที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะอำเภอดอนตูม ตำบลลำเหย บ้านหลวง บ้านห้วยด้วน และบ้านดอนกรวก
หลักฐานการเข้ามาของชาวลาวครั่งปรากฏตั้งแต่ในสมัยกรุงธนบุรีตอนปลาย ในบริเวณวัดทุ่งผักกูดได้ปรากฏร่องรอยหลักฐานสิ่งปลูกสร้างทางโบราณคดีและสถาปัตยกรรมตัววัดก่อสร้างเมื่อใดไม่มีการปรากฏแน่ชัดเท่าที่ สืบได้ปรากฏว่าสภาพเดิมของวัดเป็นเนินดิน โบสถ์ วิหารไม่มีเหลือ เนื่องจากพระอุโบสถและถาวรวัตถุของเดิมนั้นได้สูญหายไป สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นวัดที่มีมาช้านาน เนื่องจากมีการขุดพบพระบูชาเก่า สมัยศรีวิชัย ทวาราวดีและอยุธยา ได้ที่บริเวณวัด
จากตัวอำเภอดอนตูม บริเวณที่ว่าการอำเภอดอนตูม มุ่งหน้าทางตะวันตกเฉียงใต้ หรือมุ่งหน้าเข้าตัวจังหวัดนครปฐม ใช้ถนนหมายเลข 3036/ถนนหมายเลข 375 เข้าสู่ถนนหมายเลข 3297 ระยะทางประมาณ 4.1 กิโลเมตร พบสี่แยกให้เลี้ยวซ้าย ใช้ถนนวัดทุ่งพิชัย-วัดหัวถนน เพื่อไปตำบลห้วยด้วน (ไปตามป้ายตำบลห้วยด้วน วัดทุ่งผักกูด) ประมาณ 4.4 กิโลเมตร เลี้ยวขวาใช้ ถ.บ้านหัวถนน-บ้านทุ่งผักกูด (นฐ. 3177) (ตามป้ายวัดทุ่งผักกูด) ประมาณ 2.5 กิโลเมตร ถึงบ้านทุ่งผักกูด
สภาพพื้นที่โดยทั่วไป
วัดทุ่งผักกูดและชุมชน ตั้งอยู่บนเนินดินสูงกว่าพื้นที่โดยรอบประมาณ 1-2 เมตร สภาพแวดล้อมโดยรอบวัดเป็นชุมชน ล้อมรอบชุมชนด้วยพื้นที่ทางการเกษตร โบราณสถานภายในวัด อุโบสถและศาลาการเปรียญ ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์และดูแลรักษาจนอยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง แต่เจดีย์ทั้ง 5 องค์ที่ตั้งอยู่หน้าอุโบสถมีสภาพชำรุดทรุดโทรม
สภาพธรณีวิทยา
ตะกอนทะเลสะสมตัวบริเวณที่ราบลุ่มซึ่งได้รับอิทธิพลจากการขึ้น-ลงของน้ำทะเล : ดินเหนียวเนื้อนิ่ม ดินเหนียวปนทรายแป้ง สีเทา สีเทาอ่อน มักจะพบแร่ยิปซัมรูปร่างคล้ายเข็ม
บ้านทุ่งผักกูดเป็นชุมชนเล็กๆ มีจำนวนประชากรลาวครั่งมากที่สุด รองลงมาเป็นกลุ่มคนจีน ไทย ซึ่งเป็นเพียงส่วนน้อยของพื้นที่เท่านั้น โดยประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ จากการสำรวจพื้นที่ตำบลห้วยด้วน ประกอบด้วย บ้านทุ่งผักกูดและบ้านกงลาด ประชากรส่วนใหญ่เป็นลาวครั่ง ทั้งสองชุมชนล้วนแล้วแต่เป็นเครือญาติพี่น้องสายสัมพันธ์ที่มีมาแต่อดีต
จำนวนประชากรบ้านทุ่งผักกูด แบ่งออกเป็น 2 หมู่ ดังนี้
- หมู่ที่ 1 มีจำนวน 163 ครัวเรือน และจำนวนประชากร 509 คน แบ่งเป็นเพศชาย 243 คน เพศหญิง 266 คน
- หมู่ที่ 2 มีจำนวน 213 ครัวเรือน และจำนวนประชากร 754 คน แบ่งเป็นเพศชาย 370 คน เพศหญิง 384 คน
ชาวบ้านทุ่งผักกูดส่วนใหญ่ประกอบอาชีพด้านการเกษตร คือ ทำนา ปลูกผัก และเลี้ยงสัตว์ ปัจจุบันคนรุ่นใหม่เริ่มมีอาชีพรับราชการ ทำงานบริษัท และรับจ้างทั่วไป อีกทั้งในตัวชุมชนมีการรวมกลุ่มกันผลิตสินค้าภายในชุมชน เช่น สินค้า OTOP เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว
ประเพณีแห่ธงสงกรานต์ หรือแห่หางธง (แห๊ทุง)
เป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น โดยมีความเชื่อว่าเป็นวันขึ้นปีใหม่ (ช่วงวันที่ 13 เมษายนของทุกปี) ในอดีตวันสงกรานต์ของคนลาวคั่ง มีระยะเวลาถึง 15 วัน แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 5-8 วัน ซึ่งเริ่มนับจากวันที่ 13 เมษายน และสิ้นสุดเมื่อมีการแห่หางธง วันดังกล่าวญาติพี่น้องจะมารวมตัวกัน เพื่อแสดงความเคารพและความกตัญญูต่อญาติผู้ใหญ่ และยังมีการบังสุกุลอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับทั้งหมู่บ้าน จุดประสงค์หลักของการแห่หางธงคือ การหาปัจจัยเข้าวัดด้วยการติดพุ่มผ้าป่าหางธง (ผ้าป่าลาว) โดยจะมีการตั้งขบวนแห่หางธงสงกรานต์พร้อมเสียงพิณแคนอย่างสนุกสนาน แล้วนำพระพุทธแห่รอบหมู่บ้าน เพื่อขอบริจาค เรี่ยไรเงิน หลังจากนั้นมีการถวายหางธงพุ่มผ้าป่าถือว่าเสร็จพิธีทางศาสนา วันแห่หางธงเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเทศกาลสงกรานต์ปีนั้น ๆ กำลังสิ้นสุด
บุญไต้น้ำมันหรือไต้ตีนกาของลาวครั่ง
บ้านทุ่งผักกูด บ้านกงลาด นิยมทำในช่วงออกพรรษา คือ วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี โดยจะจัดงาน 3 วันคือ วันขึ้น 14 ค่ำ, 15 ค่ำ และแรมค่ำหนึ่ง เริ่มจากการเตรียมฟั่นด้ายดิบขนาดเท่าก้านไม้ขีดเป็นเกลียว 3 แฉก ยาวประมาณ 1 นิ้วครึ่ง ไว้สำหรับจุดไฟ วันประกอบพิธีจะเริ่มช่วงเวลาประมาณ 1 ทุ่ม พระสงฆ์จะเริ่มตีกลอง 3 ลา คนในชุมชนจะมารวมตัวกันที่บริเวณวัด โดยนำขวดน้ำมันมะพร้าวใส่ขวดลิโพและตีนกามาด้วย หลังจากนั้นเริ่มกล่าวถวายน้ำมัน พระสงฆ์จึงเริ่มหยอดไต้น้ำมันรอบสถานที่ ซึ่งจัดไว้เป็นจุด ๆ รอบหอฉัน จากนั้นคนในชุมชนหยอดน้ำมันตามพระสงฆ์จนครบทุกจุด ซึ่งคนในชุมชนสามารถออกมาหยอดไต้น้ำมันได้ตลอด ภายในระยะเวลา 3 วัน ขึ้นอยู่กับความสะดวก โดยมีอุปกรณ์ดังนี้
- ซุ้มไต้น้ำมัน ทำจากไม้ไผ่คล้ายเก้าอี้สี่ขา แต่มีความสูงระดับเอวและมีความกว้างเพียงเล็กน้อย ไว้สำหรับวางถ้วยเล็กๆ ใส่น้ำมันมะพร้าว ใช้กาบมะพร้าวประดับเป็นวงโค้งจากด้านซ้ายไปขวา
- ตีนกา ทำจากด้ายหรือฝ้ายขนาดเล็ก ฟั้นเป็นรูปตีนกา 3 แฉก สำหรับจุ่มในถ้วยน้ำมัน เพื่อใช้จุดไฟ
- เชื้อเพลิง หรือน้ำมันมะพร้าว สำหรับหยอดลงในถ้วย นิยมนำมะพร้าวมาเคี่ยวให้ตกเป็นน้ำมันแล้วนำใส่ขวดขนาดเล็ก มาเทใส่ถ้วยหรือพานเล็กๆ จำนวน 5 ถ้วย ใช้ตีนกาจุ่มลงในถ้วยน้ำมันแล้วใช้ไฟจุดส่วนที่จุ่มน้ำมัน ชาวบ้านเชื่อว่า การไต้ตีนจะช่วยให้มีหูตาที่สว่างไสว ทำอะไรก็จะไม่มีอุปสรรคใดๆ ชีวิตจะไม่มืดมน กลุ่มชาติพันธุ์ลาวคั่งมีความเชื่อเรื่องการนับถือผีอย่างเหนียวแน่น มีการเลี้ยงผีทุกปี รวมถึงความเชื่อเรื่องผียังสัมพันธ์กับชีวิตประจำวัน ซึ่งผีที่ชุมชนนับถือมี 2 ผี ได้แก่ ผีเจ้านาย (ผีปู่เสื้อย่าเสื้อ ผีพ่อเฒ่า) กับผีเทวดา โดยคนในชุมชนเชื่อว่า ผีเจ้านาย เป็นผู้คุ้มครองหมู่บ้านลาวคั่ง ทำให้หนึ่งหมู่บ้านมีศาล 7 หลัง เมื่อถึงเดือน 7 ต้องมีการเลี้ยงผี คนที่เป็นลูกผึ้งก้นเทียนต้องถือไก่สีดำมาเซ่นไหว้
ทุนวัฒนธรรม
วัดทุ่งผักกูด
เป็นวัดที่มีความสัมพันธ์กับชุมชนมาอย่างยาวนาน สืบสานพระพุทธศาสนาต่อจนรุ่นต่อๆ มา และเป็นอนุสรณ์สถานรวมถึงเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนในชุมชน วัดทุ่งผักกูด ไม่ปรากฏหลักว่าสร้างขึ้นเมื่อไหร่ เนื่องจาก พระอุโบสถและถาวรวัตถุของเดิมนั้นได้สูญหายไป มีการพบพระพุทธรูปบูชาสมัยทราวดี ศรีวิชัย และอยุธยาส่วนหนึ่งมีหลักฐานสนับสนุนว่าวัดทุ่งผักกูดน่าจะสร้างขึ้นในช่วงสมัยต้นรัตนโกสินทร์ เนื่องจากมีการประกาศตั้งวัด ซึ่งระบุเพียงว่า วัดทุ่งผักกูดประกาศตั้งวัดเมื่อ พ.ศ. 2380 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. 2400 วัดทุ่งผักกูดมีสถาปัตยกรรมอาคารไม้อายุร้อยกว่าปี
พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นกลุ่มชาติพันธุ์ลาวครั่งบ้านทุ่งผักกูด
ถือเป็นแหล่งเรียนรู้สำคัญของชุมชน ตั้งอยู่ในพื้นที่ซึ่งรายล้อมด้วยกำแพงวัด โบสถ์เก่าและหอฉันไม้โบราณ พิพิธภัณฑ์เกิดขึ้นจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน ทั้งการสนับสนุนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตลอดจนความร่วมมือกับภาควิชาการ ในด้านการรวบรวมข้อมูลทั้งเรื่องประวัติศาสตร์กลุ่มชาติพันธุ์และประวัติศาสตร์ท้องถิ่น วัฒนธรรม ประเพณี พิธีกรรม เพื่อนำข้อมูลมาประกอบจัดแสดง พิพิธภัณฑ์กลุ่มชาติพันธุ์ลาวครั่งบ้านทุ่งผักกูด จึงก่อสร้างขึ้นเมื่อปี 2555 ณ หมู่ที่ 2 วัดทุ่งผักกูด และเปิดให้เข้าชมในวันที่ 5 มกราคม 2556
ใต้อาคารจัดแสดงที่มีรูปแบบจำลองเรือนไม้โบราณ ตามความนิยมของชนในกลุ่มชาติพันธุ์ลาวครั่ง ที่มักจัดแบ่งพื้นที่การใช้สอยของเรือนชั้นบนออกเป็น 1 ห้องนอน 1 ห้องครัว ซึ่งต่อออกไปจากตัวบ้าน ส่วนที่โล่งนอกชานสำหรับให้ผู้อาศัยกางมุ้งนอน ส่วนของห้องนอนนั้นทำไว้สำหรับบุตรสาวซึ่งเป็นเขตหวงห้ามไม่ให้บุคคลภายนอกเข้ามา อีกทั้งเป็นที่ตั้งหิ้งผี หากล่วงล้ำจึงถือว่าผิดผี ส่วนชั้นล่างของเรือนใช้สำหรับจัดเก็บเครื่องมือเครื่องใช้อุปกรณ์การเกษตร มีการจัดแสดงอุปกรณ์ประกอบอาชีพของผู้คนในอดีตที่ชาวบ้านร่วมกันบริจาคเพื่อนำมาจัดแสดง ชั้นล่างเล่าถึงองค์ความรู้เกี่ยวกับอาชีพหลัก คือ การทำนา มีการจัดแสดงเกี่ยวกับเรื่องราวของข้าว พิธีลงแขกดำนา พิธีนวดข้าว และจัดแสดงอุปกรณ์หาปลา ตลอดจนเครื่องมือก่อสร้างบ้าน โอ่ง ไห รวมถึงมุมประเพณีที่สำคัญ ชั้นบนจัดแสดงอุปกรณ์ในครัวเรือน หม้อ ไห ถ้วย ชาม โดยจําลองให้เป็นเสมือนเช่นเรือนครัวในอดีต จัดแสดงองค์ความรู้เรื่องการแต่งกาย ผ้าซิ่นทอมือที่มีอายุกว่า 100 ปี ห้องสาธิตการทำคลอดสมัยโบราณ โดยพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นแหล่งให้ข้อมูลทางวิชาการเรื่องความเชื่อและพิธีกรรมเกี่ยวกับสิ่งที่เคารพนับถือ
การติดต่อกันเองในชุมชนมักจะใช้ภาษาถิ่น คือ ภาษาลาวครั่ง ใช้สื่อสารในชีวิตประจำวัน เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่เป็นคนกลุ่มชาติพันธุ์ลาวครั่ง และในการติดต่อกับคนนอกชุมชนจะใช้ภาษาไทยในการสื่อสาร
ณรงค์วรรษ บุญมา. (2565). รูปแบบศูนย์การเรียนรู้ผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์กลุ่มชาติพันธุ์ลาวครั่ง เพื่อการพัฒนาการท่องเที่ยวนวัตวิถีในจังหวัดนครปฐม. วารสารมานุษยวิทยาเชิงพุทธ. 7(4), 99-112.
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร. (2556). พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นชาติพันธุ์ลาวครั่ง วัดทุ่งผักกูด. ฐานข้อมูลพิพิธภัณฑ์ในประเทศไทย. สืบค้นเมื่อ 15 กุมภาพันธ์ 2567. จาก https://db.sac.or.th/museum/museum-detail/1273
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร. (2565). พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น 360 องศา พิพิธภัณฑ์กลุ่มชาติพันธุ์ลาวครั่งบ้านทุ่งผักกูด อ.ดอนตูม จ.นครปฐม. สืบค้นเมื่อ 15 กุมภาพันธ์ 2567. จาก https://virtual.sac.or.th/localmuseum/banthungphakkud/